บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 482 ดั้นด้น
ตอนที่ 482
ดั้นด้น
“ท่านไปโดนอะไรมากัน ถึงได้บาดเจ็บเพียงนี้”เหล่าเซียงอาจารย์ของหลี่เย่ที่กลับมาจากงานแต่งของไป๋หลินมาก่อนกำลังนำยาออกมาทาบนร่างกายของเฒ่าประทับสวรรค์ ยามนี้ทั่วร่างของมันเต็มไปด้วยบาดแผลเป็นรอยราวกับต้นไม้แตกกิ่งก้านสาขาภายในผิวมันอันเป็นเอกลักษณ์ของบาดแผลที่เกิดจากสายฟ้า แต่เฒ่าประทับสวรรค์บรรลุระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 แล้วสายฟ้าธรรมดาไม่อาจทำอะไรมันได้ไม่ใช่หรือ เท่าที่เหล่าเซียงคิดออกนางก็เดาได้เพียงว่ามันไปสู้กับอู๋หมิงมาเท่านั้นกระมัง
“เจ้าไม่ต้องรู้หรอก”เฒ่าประทับสวรรค์ตอบพลางกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด สายฟ้าของมังกรอัสนีทองคำรุนแรงกว่าสายฟ้าของอู๋หมิงเสียอีก แถมเจ้านั่นยังไม่ได้ใช้ท่าจริงจังเสียด้วยซ้ำ มันโดนสายฟ้าที่มันปล่อยออกมาธรรมดาๆเล่นงานจนต้องเผ่นหนีกลับมา หากไม่ทำเช่นนั้นมันคงตายไปแล้ว ตายโดยที่คู่ต่อสู้ยังไม่ได้ปล่อยจิตสังหารออกมาเสียด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่ามันจะตายโดยที่อีกฝ่ายฆ่ามันเหมือนแมลงที่ไม่ต้องใส่ใจยามฆ่าเสียด้วยซ้ำ
“เทียนสือ..ท่านก็น่าจะรู้ว่าโลกมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว”เหล่าเซียงว่าพลางกดสมุนไพรลงไปบนบาดแผลของเฒ่าประทับสวรรค์ก่อนจะหาผ้ามามัดเอาไว้ แม้แต่ตนเองที่เป็นหมอเทวดายังเหลือเพียงตำนานเท่านั้น ยามนี้หมอทั่วๆไปพัฒนาจนเข้าใกล้นางมากแล้ว แถมยังมีไป๋จูเหวินที่อยู่เหนือนางขึ้นไปอีก ทุกวันนี้นางไม่อาจยืดอกกล่าวว่าตนเป็นหมออันดับ 1 ได้แล้ว แน่นอนว่าโลกของฝั่งจอมยุทธเองก็คงเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าโลกของหมออย่างแน่นอน ดูสภาพเฒ่าประทับสวรรค์ที่ไปปะทะกับอู๋หมิงมาสิ ได้ข่าวว่าไป๋จูเหวินและหยงเวยก่อนจะเสียพลังมารไปยังเก่งกาจกว่าอู๋หมิงในตอนนี้เสียอีก แล้วเฒ่าประทับสวรรค์จะไปสู้อะไรกับคนพวกนั้นได้กัน
“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือไง”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางกำหมัดแน่น มันแพ้ให้แม่หนูน้อยอายุไม่เท่าไหร่ที่อยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 5 แถมที่เลวร้ายกว่านั้นคือมันแพ้อย่างหมดรูป ไม่มีหนทางเอาชนะเลย วิชาฝ่ามือที่มันมั่นใจนักหนาไม่สามารถเข้าถึงตัวนางได้เสียด้วยซ้ำ ต่อให้เคลื่อนไหวเร็วแค่ไหนนางก็ปาทวนมาโดนได้ราวกับจับวางไม่มีผิด พอจะไปหาสมุนไพรมาช่วยการฝึกฝนของตนเองก็โดนมังกรอัสนีทองคำเล่นงานมาอีก ยามนี้อย่าว่าแต่อันดับ 1 หรือ 2 เลยเฒ่าประทับสวรรค์เป็นเพียงระดับ 7 หรือ 8 เท่านั้นแถมระดับนี้ยังจัดอยู่ในหมวดหมู่มนุษย์เท่านั้น ด้วยการรวบรวมของไป๋จูเหวินทำให้ที่เมืองร้อยแปดอสูรมีอสูรระดับสูงอีกหลายตน พวกมันไม่ใช่แค่ระดับสูงแต่ประสบการณ์ก็เหนือกว่าเฒ่าประทับสวรรค์ด้วยเช่นกันนอกจากนี้หากนับรวมตารางอันดับภายนอกอาณาจักรด้วย คนที่เก่งกว่าเฒ่าประทับสวรรค์งอกออกมาราวกับดอกเห็ด โดยเฉพาะที่อาณาจักรไป๋ ยามนี้ระดับพลังขั้นเจ้าสวรรค์ไม่ได้หายากอีกต่อไปแล้ว เทียบกับสมัยที่เฒ่าประทับสวรรค์พึ่งเข้าสู่ยุทธภพใหม่ๆ ตอนนั้นเพียงระดับยอดฝีมือก็มีไม่กี่คนเท่านั้น
“เช่นนั้น ทำไมท่านไม่ปล่อยวางดูบ้างล่ะ”เหล่าเซียงถามพลางทาบฝ่ามือของนางเอาไว้บนหลังของเฒ่าประทับสวรรค์นิ่ง นางดีใจที่เฒ่าประทับสวรรค์เลือกจะมาหานางทันทีที่บาดเจ็บ แต่ก็ไม่อยากให้มันบาดเจ็บกลับมาอีกแล้ว แม้จัวนางจะชมชอบมันตรงที่มันเป็นผู้ทะเยอทะยาน แต่เห็นมันพยายามทั้งๆที่หนทางข้างหน้ามืดบอดเช่นนี้นางก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“……..”เฒ่าประทับสวรรค์ไม่ได้ตอบอะไรทั้งๆที่ปกติมันจะเถียงกลับทันทีหากมีคนบอกให้มันเลิกพยายาม คราวนี้แม้แต่มันเองก็เข้าใจดีว่าหนทางเบื้องหน้ามันมืดมิดเพียงไร ตัวมันที่พยายามแทบตายกว่าจะขึ้นเป็นระดับเจ้าสวรรค์ได้จะไปสู้กับเจ้าพวกที่ขึ้นระดับเจ้าสวรรค์ตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาวได้อย่างไร
“อาจารย์…..”ขณะกำลังรักษาอาการบาดเจ็บให้เฒ่าประทับสวรรค์อยู่นั้น อยู่ๆหลี่เย่ที่พึ่งกลับมาจากงานแต่งก็เข้ามาหาเสียก่อน
“หลี่เย่ ตอนนี้ข้ามีแขกเจ้าออกไปก่อน”เหล่าเซียงว่าพลางบอกให้หลี่เย่ออกไปเสีย ยามนี้เฒ่าประทับสวรรค์กำลังใช้สมาธิไตร่ตรอง นางไม่อยากให้ศิษย์เข้ามารบกวน
“งั้นข้าจะปล่อยให้ท่านได้คิดดู”เหล่าเซียงว่าพลางลุกขึ้นยืนก่อนจะออกไปจากห้องเช่นกัน ผู้ที่พยายามมาทั้งชีวิตบางครั้งก็ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำมามันจบแล้ว
“อาจารย์ ท่านอาวุโสเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”หลี่เย่ถามด้วยท่าทีเป็นห่วง นางใช้ดวงตาสีเขียวตรวจสอบแต่ก็เห็นเพียงอาการบาดเจ็บภายนอกเท่านั้นซึ่งอาจารย์ของนางก็รักษาไปจนหมดแล้ว
“โรคทะเยอทะยานคงจะรักษาได้ยากจริงๆ”เหล่าเซียงตอบพลางยิ้มออกมาน้อยๆ ความจริงเป้าหมายของนางสำเร็จตั้งแต่ช่วยรักษาเฒ่าประทับสวรรค์ได้แล้ว วันนี้ยิ่งได้อยู่กับชายที่ตนแอบรักก็ทำให้นางมีความสุขมากขึ้นไปอีก ภาพอาจารย์ที่ฉุนเฉียวอยู่ตลอดเวลาของหลี่เย่ยามนี้แทบไม่เหลืออีกแล้ว
“อาจารย์….ข้าอยากจะออกเดินทางสักระยะเจ้าค่ะ”หลี่เย่พูดพลางเหลือบมองอาจารย์นิดหน่อย เมื่อคืนนางได้อยู่กับไป๋จูล่งมาพักใหญ่แล้ว ดูเหมือนท่านจิ้งจอกเหมันต์จะไม่ได้ว่าอะไรที่นางมาเจอไป๋จูล่งอีก แถมมันยังชวนนางให้เดินทางไปด้วยกันอีกต่างหาก แต่ไม่ใช่ว่านางอยากไปกับไป๋จูล่งหรอกนะ แต่เพราะหากเดินทางไปกับมันนางอาจจะสามารถไปช่วยเหลือคนที่อยู่ห่างไกลด้วยก็ได้
“ไปสิ ข้าไม่มีอะไรต้องห้ามเจ้าเสียหน่อย”เหล่าเซียงตอบด้วยท่าทีสบายๆ นางไม่จำเป็นต้องให้หลี่เย่ทำอะไรให้อีกแล้ว
“เจ้าค่ะ…”หลี่เย่กะพริบตาปริบๆด้วยท่าทีตกใจ นางนึกว่าอาจารย์จะไม่ให้ไป หรือไม่ก็ให้ไปแล้วต้องทำอะไรบางอย่างด้วยเสียอีก
“ที่นี่คือบ้านของท่านหลี่เย่ใช่หรือไม่เจ้าคะ”ระหว่างที่หลี่เย่กำลังคุยกับอาจารย์ของนาง อยู่ๆที่หน้าบ้านก็ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทีทรมาน นางเป็นหญิงสาวที่สวยมากแต่ใบหน้ากลับหมองคล้ำราวกับมีอาการของโรคอะไรบางอย่าง
“ข้าคือหลี่เย่เจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบพลางมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยท่าทีสนใจ นางรีบใช้ดวงตาสีเขียวตรวจสอบร่างกายของนางทันที
“จริงหรือเจ้าคะ โชคดีจริงๆที่หาท่านพบ ข้ามีนามว่าซีหยวนเจ้าค่ะ ข้าถูกสำนักคู่อริลอบโจมตี ได้รับพิษร้ายแรง”ซีหยวนว่าพลางเปิดเสื้อตรงเอวขึ้นมาทำให้ทั้งหลี่เย่ทั้งเหล่าเซียงเห็นได้ชัดเลยว่าผิวหนังตรงนั้นเป็นสีม่วงเข้ม
“พิษนี่….ไม่ใช่พิษร้ายแรงนี่นา ทำไมถึงปล่อยให้อาการหนักเช่นนี้”หลี่เย่ขมวดคิ้วงุนงง พิษที่นางโดนไม่ใช่พิษร้ายแรงถึงขั้นตายทันที แต่หากปล่อยเอาไว้นานๆร่างกายก็จะเริ่มแย่ลง หากไม่ใช่เพราะนางมีพลังวิญญาณมากพอสมควรนางคงตายไปแล้วแน่ๆ
“ข้าพยายามหาหมอมารักษาแล้วเจ้าค่ะ แต่หมอท่านอื่นๆไม่มีใครรักษาได้เลยจนข้าต้องเดินทางมาหาท่าน”ซีหยวนตอบออกมาตามตรง โชคร้ายที่นางอยู่นอกอาณาจักรไป๋ไปไกลมาก ทำให้หมอที่มีฝีมือพอจะรักษาพิษที่หลี่เย่มองว่ารักษาได้ไม่ยากนักนั้นแทบไม่มีอยู่เลย
“แต่อาการขนาดนี้….”หลี่เย่ลังเลวูบทันที อาการของพิษมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว เกรงว่านางคงทนได้อีกไม่นาน การที่นางลากสังขารตนเองมาถึงที่นี่ได้เกรงว่าจะสุดแรงเสียแล้ว
“เจ้ามากับข้า”หลี่เย่ว่าพลางอุ้มร่างของซีหยวนขึ้นมาในอ้อมแขนทันที ด้วยกำลังของนางสามารถพาหญิงสาวสักคนขึ้นแขนแล้ววิ่งไปด้วยได้อย่างสบายเลยทีเดียว
โชคดีของซีหยวนที่ตอนนี้ครอบครัวตระกูลไป๋ยังไม่ได้กลับออกไปจากเมืองร้อยแปดอสูร ทั้งไป๋จูเหวิน ไป๋หลิน และ ไป๋จูล่งผู้มีความสามารถด้านการรักษาที่แม้แต่อาจารย์ของนางยังยกย่องอยู่กันครบ บางทีพวกท่านอาจจะสามารถรักษาหญิงสาวคนนี้ได้ก็เป็นได้
“โดนพิษมางั้นหรือ”เพราะก่อนหน้านี้ไป๋จูล่งชวนหลี่เย่ให้ไปเที่ยวเล่นด้วยกัน ทำให้หลี่เย่สามารถเข้าหาคนตระกูลไป๋ได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่บอกไป๋จูล่งเรื่องอาการบาดเจ็บของซีหยวนไป๋จูล่งก็พาไปพบบิดาของมันทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลา
“เจ้าค่ะ พิษไม่ร้ายแรงมาก แต่นางโดนพิษมาหลายเดือนแล้วเกรงว่าข้าจะรักษาไม่ได้”หลี่เย่ตอบ ไม่ใช่ว่านางไม่มีหนทางรักษา แต่ยาที่ต้องใช้ก็มีแต่สมุนไพรล้ำค่าเท่านั้น แน่นอนว่าคนที่มีก็ย่อมต้องเป็นไป๋จูเหวินอยู่แล้ว
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมา เรื่องการช่วยเหลือคนไป๋จูเหวินไม่เคยบอกปัดอยู่แล้ว มันรู้สึกดีเสียอีกที่หลี่เย่กล้าพาผู้ป่วยมาหามันโดยไม่ต้องเกรงใจ
จึก….เหม่ยหลินที่ได้ฟังก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงนำเข็มเล่มหนึ่งออกมาแทงไปที่นิ้วของตนเองทันที ในเลือดของนางนั้นมีสมุนไพรต้านพิษอยู่ แม้จะเคยกินมันเมื่อนานมาแล้ว แต่ผลของมันก็อยู่มาตลอดชีวิต แน่นอนว่าในเลือดของไป๋จูเหวินและลูกๆของนางต่างมีผลเช่นนี้เหมือนกันหมดเพราะแต่ละคนสามารถหาสมุนไพรต้านพิษกินกันได้ไม่ยาก แต่ที่นางเป็นคนเจาะเลือดออกมานั้นเพราะสามีของนางและลูกๆของนางต่างมีเกราะแมงมุมกันทั้งนั้น แถมแต่ละคนความแข็งแกร่งสูงกันทั้งนั้นเกรงว่าเข็มธรรมดาจะเจาะไม่เข้า หากต้องหาวิธีการนำเลือดออกมาจากร่างของพวกมันสู้นางปลดพลังป้องกันแล้วใช้เข็มธรรมดาเจาะเอาเสียดีกว่า
“ดื่มซะ”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มออกมา นางหยดเลือดลงไปในน้ำแล้วยื่นแก้วให้ซีหยวน ไป๋จูเหวินสมัยก่อนก็เคยใช้วิธีนี้รักษาพิษของอสูรปักเป้าให้คนอื่นๆ แน่นอนว่ามันได้ผลดีทีเดียว
“เจ้าค่ะ”ซีหยวนลังเลเล็กน้อยเพราะเห็นว่าเป็นเลือดของมนุษย์ แต่นางก็มีทางเลือกไม่มาก นางจึงดื่มเลือดที่ละลายน้ำจนเจือจางลงไปทันที แน่นอนว่าเลือดของเหม่ยหลินที่มีสมุนไพรต้านพิษผสมอยู่นั้นเต็มไปด้วยสารต่อต้านพิษทางเคมีมากมายที่แม้แต่ห้องทดลองของอาณาจักรไป๋ยังต้องยอมรับ มันสามารถรักษาพิษได้ทุกชนิดเลยก็ว่าได้
“ข้าขอล่วงเกินหน่อยนะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางทาบมือลงไปที่ท้องของซีหยวน พิษกัดกินร่างกายของนางไปมากแล้ว เกรงว่าแค่กำจัดพิษออกไปก็ยังไม่พอ ทำให้วันนี้หลี่เย่ได้เห็นวิชารักษาด้วยพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งแรกในชีวิต มนุษย์ที่มีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์นั้นหายากมาก แต่คนที่ฝึกฝนจนสามารถใช้มันรักษาคนอื่นได้ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ ภาพตรงหน้าจึงไม่ต่างจากปาฏิหาริย์เลยสำหรับหลี่เย่และซีหยวน
“……”ทางด้านไป๋จูล่งเคยเห็นการรักษาเช่นนี้มาแล้ว ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก เพียงแต่มันกลับติดใจเรื่องหนึ่งมากกว่า ทำไมมันถึงคุ้นๆชื่อของหญิงสาวนามว่าซีหยวนนักนะ…..
“ขอบพระคุณท่านมากเจ้าค่ะ”ซีหยวนว่าพลางประสานมือคารวะไปทางไป๋จูเหวินและเหม่ยหลิน ตัวนางเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอาการของนางจะหายเป็นปลิดทิ้งเช่นนี้
“อ๊ะ….”เหมือนจูล่งจะนึกออกเสียแล้วว่าคุ้นชื่อนางมาจากไหน หากไม่มีความทรงเหนือมนุษย์ของตระกูลไป๋ช่วยมีหวังมันคงลืมไปแล้วแน่ๆ
“ท่านคือซีหยวนอาจารย์ของพี่หลานฮวาสินะขอรับ”จูล่งว่าพลางเดินเข้าไปหานางอย่างรวดเร็ว หลานฮวาคือคนที่ขวางทางมันตอนที่จะพาผิงกั่วกลับไปส่งที่บ้านนั่นเอง มันเองก็ไม่คิดว่านางจะเดินทางมาไกลขนาดนี้เช่นกันก็เลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่หลานฮวาฝากเอาไว้เลย
“จะ เจ้าค่ะ”ซีหยวนตอบพลางกะพริบตาปริบๆ ทำไมเด็กคนนี้ถึงทราบได้
“อ๊ะ จริงสิพี่หลานฮวาฝากข้ามาบอกท่านว่าสำนักของท่านกำลังโดนสำนักคู่อริเล่นงาน อยากจะให้ท่านกลับไปให้ไวที่สุด”จูล่งบอกข่าวราวกับเป็นเรื่องธรรมดา แต่ข่าวนั้นกลับทำให้ซีหยวนหน้าซีดเผือด
“ท่านผู้มีพระคุณ ข้าขอบคุณท่านมาก แต่เกรงว่าข้าจะต้องกลับไปเสียแล้ว ท่านไม่ต้องห่วงหากข้าจัดการเรื่องราวต่างๆเสร็จแล้วข้าจะกลับมาตอบแทนบุญคุณแน่นอน”ซีหยวนตอบพลางก้มหัวลงกับพื้น
“งั้น ให้พวกเราไปส่งดีหรือไม่ขอรับ”จูล่งถามพลางยิ้มออกมา มันเจอหลานฮวาที่เมืองใกล้ๆกับหมู่บ้านที่เป็นบ้านเกิดของจูล่ง นั่นหมายความว่าสำนักของนางอยู่ห่างจากอาณาจักรไป๋มากโขเลยทีเดียว
“ให้ข้าไปส่งนางนะขอรับท่านแม่ ถ้าขี่หลังท่านน้าไก่ฟ้าไปต้องไปถึงเร็วมากแน่ๆ”ไป๋จูล่งว่าพลางหันไปหามารดาของมัน
“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากหาเรื่องออกไปเที่ยวหรือยังไง”เหม่ยหลินถอนหายใจออกมา นางทราบตั้งแต่จูล่งรับพวกต้าเฉียนมาเป็นผู้ติดตามแล้ว แถมเมื่อคืนสามีของนางยังมาปะเหลาะนางประมาณว่าหากจูล่งมาขอออกไปข้างนอกก็ให้ไปเถอะอีกต่างหาก พ่อลูกคู่นี้ช่างเหลือเกินจริงๆ
“ไม่ได้หรือขอรับท่านแม่ นางท่าทางจะต้องการความช่วยเหลือมากเลยนะขอรับ”จูล่งส่งสายตาอ้อนไปทางมารดาทันที ต่อให้เหม่ยหลินใจแข็งแค่ไหนแต่เจอสายตาอ้อนของลูกชายนางจะทำอะไรได้
“ก็ได้ ต้าเฉียน ต้าหวานดูแลนายน้อยของเจ้าให้ดีๆด้วยล่ะ”เหม่ยหลินว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ