บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 485 จำได้
ตอนที่ 485
จำได้
“อากกก”เสียงร้องของศิษย์สำนักผลาญสุริยันดังขึ้นด้วยความเจ็บปวดหลังจากโดนทวนของต้าหวานเฉือนพาดลำตัวไปอย่างรวดเร็ว
“นี่มันบ้าอะไรกันวะ”เหล่าศิษย์ของสำนักผลาญสุริยันที่เดินทางมาบุกสำนักร้อยบุปผาร้องออกมาด้วยความตกใจ คราวก่อนที่พวกมันมาบุก พวกมันสามารถทำให้ศิษย์เอกของสำนักร้อยบุปผาหลายคนบาดเจ็บได้แล้วนี่นา วันนี้พวกมันสมควรบุกเข้าไปในสำนักได้แล้ว แต่อยู่ๆสำนักร้อยบุปผากลับมีหญิงสาวที่แข็งแกร่งจนน่าตกใจโผล่ออกมาขวางพวกมันเอาไว้ เพียงนางคนเดียวก็บุกทะลวงกลุ่มของพวกมันจนเละไม่เป็นท่าเลยทีเดียว
“ท่านเจ้าสำนัก ถอยกันก่อนดีกว่าขอรับ”ชายคนหนึ่งพูดพลางมองไปทางเจ้าสำนักผลาญสุริยันที่เดินทางมาหมายจะบุกเข้าไปในสำนักร้อยบุปผาด้วยตนเอง
“บ้าเอ้ย พวกมันมาจากไหนกัน”เจ้าสำนักผลาญสุริยันกัดฟันด้วยท่าทีเจ็บใจ ไม่ใช่แค่ต้าหวานเท่านั้นพวกมันยังโดนทวนสีแดงเล่นงานจากระยะไกลด้วย ทำเอาคนของสำนักมันบาดเจ็บเป็นจำนวนมากในอึดใจเดียว แถมท่าทีพวกนางยังไม่ได้เอาจริงเลยเสียด้วยซ้ำ
“จริงๆพวกท่านไม่ต้องให้ข้าช่วยก็ได้นะ”ชางซีพูดพลางเดินกลับออกมาจากภายในกลุ่มของเหล่าศิษย์สำนักผลาญสุริยัน นางลอบเข้าไปกลางดงศัตรูแล้วกลับออกมาในสภาพมีดเปื้อนเลือดแต่กลับไร้บาดแผลโดยสิ้นเชิง
“มีคนช่วยย่อมดีกว่าไม่มีอยู่แล้วนี่นา”ต้าเฉียนตอบพลางหัวเราะออกมา แม้จะให้ต้าหวานบุกเข้าไปคนเดียวก็จัดการพวกสำนักผลาญสุริยันได้หมดแล้วก็ตาม แต่พวกนางมีกำลังคนขนาดนี้ก็ช่วยกันทำให้จบไปเลยย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
“พวกท่านช่างแข็งแกร่งจริงๆ ทำไมคนแบบพวกท่านถึงมาเป็นผู้ติดตามน้องจูล่งกันนะ”ชางซีถามด้วยท่าทีประหลาดใจ ในกลุ่มทั้ง 4 สาวมีเพียงชางซีคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ทราบความแข็งแกร่งของจูล่ง
“จริงๆแล้วท่านพ่อของพวกเราเป็นผู้ติดตามเก่าของพ่อน้องจูล่ง พวกเราก็เลยได้มาติดตามน้องจูล่งอย่างที่เห็นนี่ล่ะ”ต้าเฉียนตอบพลางยิ้มออกมา นางหยิบทวนสีแดงที่ปักอยู่รอบกายขึ้นมาก่อนจะปามันออกไปโจมตีเหล่าศิษย์สำนักผลาญสุริยันจนพวกมันต้องถอยร่นไปอย่าช้าๆ
“แต่ถึงพวกเราจะช่วยกันรุมก็ทำอะไรน้องจูล่งไม่ได้หรอกนะ”ต้าเฉียนหัวเราะพลางเก็บทวนของตนกลับเข้าไปในมิติส่วนตัว นึกถึงตอนพวกนางพยายามหยุดจูล่งที่เข้ามาบุกสวนของพวกนางแล้วก็ยังไม่หายตกใจ พวกนางทำอะไรมันไม่ได้จริงๆตามที่พูดออกมาเลย
“น้องจูล่งนะเหรอ…”ชางซีอึ้งไปเล็กน้อย เพราะตอนที่พบนางจูล่งเพียงช่วยนางจากนักเลงข้างถนนเท่านั้นเลยไม่ได้แสดงพลังอะไรมากมาย
“ว่าแต่น้องจูล่งไปพักในเมืองมาวันนึงแล้ว หวังว่ามันจะไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรนะ”ต้าหวานพูดพลางขณะเดินกลับมาจากการต่อสู้ พวกสำนักผลาญสุริยันรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ก็เลยถอยกลับไปแล้ว
“ไม่หรอก มีท่านไก่ฟ้าหงอนทองด้วย มันคงไม่ได้ก่อเรื่องอะไรหรอก”ต้าเฉียนตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ
.
.
“ศิษย์พี่….ข้าขอโทษนะขอรับ”อีกด้านหนึ่งจูล่งที่พึ่งกลับมาฝึกในเช้าวันต่อมาก็ได้แต่ขอโทษไปทางศิษย์พี่ที่ตนพึ่งลงมือซัดเสียติดกำแพงไป
“ไม่เป็นไรขอรับ ข้าผิดเอง”ชายคนนั้นตอบพลางก้มหัวอย่างสุภาพเสียอย่างนั้น โชคดีที่ก่อนมันจะโดนจูล่งหวดจนปลิวมันใช้พลังวิญญาณออกมาก่อน ทำให้ได้รับบาดเจ็บไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ แต่ถึงจะบอกว่าไม่ร้ายแรงแต่ก็คงทำให้เจ็บจนฝึกไม่ได้ไปสักพัก
“ข้ารู้สึกผิดจริงๆนะขอรับ จริงสิท่านทานยานี่สิ”จูล่งว่าพลางนำยาเม็ดหนึ่งออกมาจากมิติส่วนตัว ยาเม็ดนี้ทำเอาอาวุโสตะลึงตาค้างมาแล้ว แต่น่าเสียดายที่ศิษย์พี่ผู้นี้ไม่ได้ตระหนักว่ายาที่จูล่งเอาออกมาคืออะไร มันจึงกินลงไปอย่างไม่รู้ความ พริบตานั้นบาดแผลของมันก็หายดีทันที ทำเอามันตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“จริงสิ ศิษย์พี่ เรื่องที่ข้าถามเมื่อวานท่านพอจะทราบคำตอบหรือไม่”จูล่งว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีใจดี ตัวศิษย์พี่ที่ได้รับยามาก็ยังไม่หายตะลึง ได้ข่าวมาว่าจูล่งใช้เงินมหาศาลเพื่อเข้ามาในสำนัก แถมมันยังให้ยาวิเศษเช่นนี้ราวกับเป็นยาปกติ หรือว่าจริงๆแล้วจูล่งจะเป็นลูกชายของคนใหญ่คนโตมากกันแน่
“ข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกันขอรับว่าทำไมเราถึงเป็นอริกับสำนักร้อยบุปผา แต่พวกรุ่นพี่ก็ย้ำเตือนพวกเรามาแบบนี้ตลอด”ศิษย์พี่ของจูล่งตอบ ท่าทางศิษย์พึ่งเข้ามาใหม่ก่อนจูล่งเพียงไม่นานจะไม่ทราบคำตอบ ทำให้จูล่งไม่มีทางเลือกต้องลองไปถามจากศิษย์คนอื่นๆดู แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าจะศิษย์คนไหนก็ไม่ทราบคำตอบเช่นกัน พวกมันต่างรู้แต่เพียงว่าพวกมันไม่อาจอยู่ร่วมกับสำนักร้อยบุปผาได้เท่านั้น
พอทราบเช่นนี้จูล่งก็ยิ่งรู้สึกว่ามันแปลกมาก เท่าที่ฟังจากหลานฮวาที่มันเจอในงานประลองก่อนหน้านี้นานมากแล้วกับสภาพที่มันเห็นกับตา สำนักร้อยบุปผาเป็นสำนักหญิงที่เหมือนจะเก็บตัวกันน่าดู ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็นึกภาพสำนักร้อยบุปผาออกมาหาเรื่องจนเป็นอริกับสำนักผลาญสุริยันไม่ได้จริงๆ ตรงกันข้ามสำนักผลาญสุริยันต่างหากที่ในสำนักปลูกฝังเรื่องความเกลียดที่มีต่อสำนักร้อยบุปผาเอาไว้ในศิษย์ทุกคน เกรงว่าสำนักผลาญสุริยันท่าทางจะเป็นฝ่ายหาเรื่องจริงๆสินะ
“คุณชาย เป็นอย่างไรบ้างขอรับ การฝึกฝนของสำนักเรา”ระหว่างเที่ยวไปสอบถามคนในสำนักผลาญสุริยัน จูล่งก็บังเอิญเดินมาเจอกับท่านอาวุโสที่เป็นคนรับมันเข้ามาพอดี
“ดีขอรับ ทุกคนท่าทางใจดีมาก พวกศิษย์พี่ยังช่วยสอนข้าอีกต่างหาก”จูล่งตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา จริงๆแล้วมันยังไม่ได้คำตอบในสิ่งที่มันสงสัยเลย เรื่องนั้นทำเอามันติดใจเป็นอย่างมาก
“งั้นหรือขอรับ อย่าลืมบอกท่านน้าของคุณชายนะขอรับ”ท่านอาวุโสว่าพลางยิ้มแก้มปริ ท่าทางมันจะยังอยากได้น้ำใจจากน้าของจูล่งอีกกระมัง
“จริงสิขอรับ ท่านอาวุโสข้ามีเรื่องอยากจะถามท่านหน่อย”จูล่งว่าพลางมองไปทางอาวุโส ในเมื่อถามจากศิษย์คนอื่นๆไม่ได้ความ ท่าทางมันจะต้องถามจากตัวอาวุโสแล้วล่ะ
“ข้าได้ยินเรื่องของสำนักร้อยบุปผาจากพวกศิษย์พี่อยู่บ่อยๆ ทำไมพวกเราถึงเป็นอริกับสำนักร้อยบุปผาล่ะขอรับ”จูล่งถามออกไปด้วยความคาดหวัง อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นระดับอาวุโสของสำนัก น่าจะทราบอะไรบ้าง
“เรื่องนั้น…..”อาวุโสของสำนักผลาญสุริยันทำสีหน้าลำบากใจออกมา
“ข้าเกรงว่าตัวข้าเองไม่สามารถให้คำตอบได้ขอรับ เกรงว่าหากอยากทราบคำตอบก็มีแต่ต้องถามจากเจ้าสำนักโดยตรงเท่านั้น”ได้ยินอาวุโสพูดเช่นนั้นจูล่งก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ มันมีความลับอะไรงั้นหรือถึงไม่สามารถบอกได้
“เช่นนั้น เจ้าสำนักอยู่ที่ไหนหรือขอรับ”จูล่งถามออกมาหมายจะบุกเข้าไปหาเจ้าสำนักมันวันนี้เสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ยามนี้เจ้าสำนักอยู่ที่สำนักร้อยบุปผา จูล่งจึงไม่อาจพบได้
“ท่านอาวุโส”อาวุโสยังไม่ทันบอกว่าเจ้าสำนักอยู่ที่ไหน อยู่ๆก็มีอาจารย์ของสำนักคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพลางประกาศหาอาวุโสอย่างเร่งรีบ
“มีอะไรงั้นหรือ”อาวุโสได้ยินอาจารย์ท่านนั้นมีท่าทีกระวนกระวายมากก็รีบเข้าไปหาทันที หากจะไม่ผิดอาจารย์ท่านนี้ไปร่วมกำราบสำนักร้อยบุปผากับท่านเจ้าสำนักไม่ใช่หรือ
“แย่แล้วขอรับ พวกสำนักร้อยบุปผาอยู่ๆก็มียอดฝีมือเพิ่มขึ้นมา ทำให้พวกเราแตกพ่ายกันหมดขอรับ ท่านเจ้าสำนักบอกว่าให้เหล่าอาวุโสรวบรวมกำลังของสำนักทั้งหมดไปรวมตัวกันที่ตีนเขาร้อยบุปผาขอรับ”ได้ยินเช่นนั้นอาวุโสก็มีท่าทีใจหายทันที จำนวนคนที่ท่านเจ้าสำนักพาไปครั้งนี้เป็นกองกำลังครึ่งหนึ่งของสำนักผลาญสุริยนแล้ว แต่ก็ยังแพ้งั้นหรือ สำนักร้อยบุปผาไปได้ยอดฝีมือมาจากไหนกัน ต่อให้ซีหยวนกลับมาเองก็ยังไม่น่าจะสร้างความแตกตื่นถึงเพียงนี้
“ท่านเจ้าสำนักอยู่ที่นั้นหรือขอรับ”จูล่งถามพลางมองไปทางอาจารย์ที่เข้ามารายงานข่าว
“ชะ ใช่ เจ้ามัวทำอะไรอยู่ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรืออย่างไร พวกเราต้องรวมพลแล้ว ไปเก็บของให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะอาจารย์หรือศิษย์ก็ต้องไปช่วยท่านเจ้าสำนักกันทุกคน”ได้ยินเช่นนั้นจูล่งก็หยักหน้ารับรู้ทันที รวมพลไปช่วยเจ้าสำนักงั้นหรือ ตัวมันต้องการไปพบเจ้าสำนักอยู่แล้ว ทำไมต้องปฏิเสธด้วย
.
.
หลังจากเกณฑ์คนกันอย่างวุ่นวาย ในที่สุดศิษย์ทั้งหมดของสำนักผลาญสุริยันก็มารวมตัวกันที่ตีนเขาอันเป็นที่ตั้งของสำนักร้อยบุปผากันจนครบถ้วน จะบอกว่าสมแล้วที่เป็นสำนักใหญ่ก็ได้ เพราะจำนวนศิษย์ที่มานั้นมีกันร่วม 2000 คน ในนั้นมีเหล่าอาวุโสที่อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 ถึง 3 คนนับเป็นกองกำลังที่น่ากลัวมากสำหรับอาณาจักรรอบนอกแบบนี้
“คุณชาย ไม่ได้นะขอรับ ตอนนี้พวกท่านเจ้าสำนักกำลังประชุมกันอยู่”อาวุโสที่รับไป๋จูล่งเข้ามายามนี้กำลังเดินตามจูล่งเพื่อห้ามไม่ให้มันเข้าไปหาเจ้าสำนัก แต่น่าเสียดายตัวมันไม่อาจสู้แรงจูล่งได้เลย ทำเอาตัวมันรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“ท่านเจ้าสำนัก ข้ามีเรื่องสงสัยขอรับ”จูล่งเดินเข้าไปในกลุ่มการประชุมที่ไม่มีศิษย์คนไหนกล้าเข้าไปแม้แต่คนเดียว ทำเอาอาวุโสที่รับจูล่งมาขนลุกสู้ด้วยความตกใจ
“ใครกัน รู้หรือไม่ว่าพวกเรากำลังประชุมกันอยู่”เจ้าสำนักผลาญสุริยันพูดพลางมองมาทางไป๋จูล่งด้วยท่าทีไม่พอใจ ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าจูล่งต้องโดนลงโทษอย่างแน่นอนแม้แต่อาวุโสที่รับจูล่งมาเอง เพียงแต่….
“ท่าน……”เจ้าสำนักผลาญสุริยันสะดุ้งวาบพลางหันไปมองไป๋จูล่งให้เต็มตา พริบตานี้จูล่งถึงพึ่งนึกออกเสียทีว่าตนได้ยินชื่อสำนักผลาญสุริยันมาก่อนจากที่ไหน
“ท่าน..คนที่สำนักจันทร์กระจ่าง”จูล่งพูดพลางชี้ไปที่เจ้าสำนักผลาญสุริยันเหมือนพึ่งจะนึกออก ในตอนที่มันนำกระบี่ไปคืนให้เหล่าลี่ จูล่งโดนเจ้าสำนักผลาญสุริยันคนนี้นี่เองโจมตี แต่ตอนนั้นไป๋หลินเป็นฝ่ายมาจัดการไปแล้ว ทำให้เจ้าสำนักผลาญสุริยันได้ทราบว่าจริงๆแล้วจูล่งนั้นเป็นน้องชายของไป๋หลินผู้เป็นบุตรสาวของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรแห่งอาณาจักรอู๋ นั่นทำให้มันทราบเช่นกันว่าจูล่งคือบุตรชายของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรเช่นกัน เมื่อเทียบกับสำนักมันแล้ว กลุ่มนักล่าอสูรนั้นยิ่งใหญ่กว่ากันมาก
“ขอรับนายน้อย ไม่ทราบนายน้อยมีเรื่องอะไรอยากจะถามข้าน้อยหรือขอรับ”เจ้าสำนักผลาญสุริยันยิ้มกว้างพลางถูมือไปมาทันทีอย่างกับเป็นขี้ข้าไป๋จูล่งไม่มีผิด การตอบรับของมันเช่นนี้ทำเอาเหล่าอาวุโสรวมถึงศิษย์ในสำนักตะลึงกันถ้วนหน้า