บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 492 เลี้ยงต้อนรับ
ตอนที่ 492
เลี้ยงต้อนรับ
“เชิญเลยขอรับนายน้อย ทางนี้ๆ”หล่อเจียงพูดพลางพากลุ่มของไป๋จูเหวินเดินเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ตกแต่งอย่างหรูหราและงดงามเป็นอย่างมาก และไม่ใช่เพียงการตกแต่งเท่านั้นร้านอาหารแห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยอีกด้วย ชนิดที่ว่าต่อให้เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่ไม่จำเป็นต้องกินอาหารบ่อยๆก็ต้องมาที่ร้านนี้ประจำเลยทีเดียว
“เป็นร้านที่ไม่เลวนะ”ชางซีพูดพลางยิ้มออกมา แม้หล่อเจียงจะโดนปฏิเสธเรื่องขอเป็นผู้ติดตามไป๋จูล่ง แต่มันก็ยังพยายามเอาอกเอาใจจูล่งต่ออีกเพื่อหวังสร้างความสัมพันธ์โดยการพาจูล่งที่พึ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรไป๋ได้พักผ่อนด้วยการรับประทานอาหารชั้นเลิศเสียหน่อย
“แน่นอนขอรับพี่ชางซี ร้านนี้จองยากมากเลยขอรับ พอดีข้ามีเส้นสายนิดหน่อยก็เลยได้ที่นั่งดีๆ”หล่อเจียงพูดด้วยท่าทีโอ้อวดเล็กน้อย ฐานะยอดฝีมือรุ่นใหม่ของมันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนสนใจ ถึงขั้นมีคนรู้จักจองร้านอาหารหรูให้ได้เลยทีเดียว ถึงจะเป็นแค่ที่นั่งชั้นล่างธรรมดาๆไม่ใช่ห้องพิเศษก็ตาม
“นายท่าน ไม่ทราบต้องการสั่งอะไรดีขอรับ”พนักงานต้อนรับที่แต่งกายอย่างดูดีเดินออกมาต้อนรับพลางยื่นเมนูมาให้ด้วยท่าทีสุภาพ ตัวจูล่งกับเส้าเทียนไม่เคยเข้าร้านอาหารแบบนี้มาก่อน ก็เลยสั่งอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว ปล่อยหน้าที่ให้สาวๆจัดการ
“ไหนๆหล่อเจียงก็จะเลี้ยงแล้ว พวกเราสั่งให้เต็มที่เลยก็แล้วกัน”ต้าเฉียนว่าพลางนำเมนูออกมาดู ในร้านอาหารชื่อดังเช่นนี้รายการอาหารย่อมแพงระยับอย่างไม่ต้องสงสัย มีทั้งอาหารที่ใช้วัตถุดิบชั้นดีประกอบกับสมุนไพรหายากอีกด้วย หากสั่งไม่ระวังมีหวังกระเป๋าฉีกอย่างแน่นอน แม้หล่อเจียงจะขอให้คนรู้จักจองโต๊ะไว้ได้แต่ก็ไม่ถึงกับจ่ายแทน หล่อเจียงก็ต้องจ่ายเองอยู่ดี
“อาเจ้…..ออมมือให้ข้าน้อยด้วยขอรับ”หล่อเจียงหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นต้าเฉียนทำท่าจะกรีดเลือดออกจากกระเป๋ามันสดๆ แต่เห็นท่าทีแหยๆของหล่อเจียงต้าเฉียนก็ทำเพียงหัวเราะออกมาพลางสั่งอาหารแต่พอดีเท่านั้น ความจริงร้านนี้พวกนางจะสั่งอาหารทั้งเมนูจำนวน 100 โต๊ะก็ไม่สะเทือนกระเป๋าบุตรสาวเจ้าสำนักเทพจุติแม้แต่น้อย
“นั่น…เจ้าขี้เหร่หล่อเจียงไม่ใช่หรือยังไง”อาหารยังไม่ทันเสิร์ฟ อยู่ๆที่หน้าประตูก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน โดยตรงกลางเป็นชายหนุ่ม 2 คนท่าทางดูดีมีฐานะไม่น้อย
“เจ้าพวกนั้นกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”หล่อเจียงบ่นอุบเมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามา ท่าทางหล่อเจียงจะไม่ชอบทั้งคู่เท่าไหร่ ไม่ทราบเพราะมีเรื่องส่วนตัวกันหรือเพราะทั้งสองพาสาวๆมาเต็มสองอ้อมกอดจนหล่อเจียงอิจฉากันแน่
“เจ้าขี้เหร่หล่อเจียง เจ้ามาทำอะไรในร้านนี้งั้นเหรอ”ชายหนุ่มท่าทางสำอางพูดพลางเดินเข้ามาหาหล่อเจียงก่อนเป็นคนแรก
“พะ พี่เสินคง ข้าพานายน้อยมาทานอาหารขอรับ ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก”หล่อเจียงตอบด้วยท่าทีฝืนๆ ท่าทางมันจะไม่ค่อยอยากคุยกับพวกมันเสียเท่าไหร่
“นายน้อยงั้นเหรอ ถึงกับให้ยอดฝีมือหน้าใหม่อันดับ 3 พามาเลี้ยงได้นายน้อยของเจ้าเป็นผู้ใดงั้นหรือ”เสินคงถามพลางมองไปทางจูล่งกับเส้าเทียน ไม่ทราบว่านายน้อยของหล่อเจียงเป็นใครในพวกนี้กันแน่
“ท่านนี้คือนายน้อยจูล่งขอรับ”หล่อเจียงตอบพลางผายมือมาทางไป๋จูล่ง แน่นอนว่าเสินคงท่าทางจะไม่รู้จักจูล่งเสียเท่าไหร่
“จูล่ง….พี่จินพี่รู้จักหรือเปล่า”เสินคงถามพลางมองไปทางชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ด้านหลัง มันเป็นชายท่าทางแข็งแรงและทรงพลัง แม้จะยังหนุ่มแต่ก็มีพลังระดับยอดฝีมือเลยทีเดียว ท่าทางจะเป็นผู้มีฝีมือคนหนึ่งของอาณาจักรไป๋ในอนาคตกระมัง
“ไม่เคยได้ยิน”พี่จินที่เสินคงถามส่ายหน้าช้าๆ มันไม่เคยได้ยินชื่อจูล่งมาก่อนเลย
“ท่าทางนายน้อยของเจ้าจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไหร่นะ คงเป็นลูกหลานคนพอจะมีเงินกระมัง หรือไม่ก็เป็นลูกของเมียน้อย”เสินคงพูดได้เท่านั้น อยู่ๆไม้จิมฟันที่วางเอาไว้กลางโต๊ะก็พุ่งวาบเข้ามาหามันทันที เพียงแต่เสินคงก็ไวพอที่จะรับไม้จิมฟันเอาไว้ได้
“เจ้าพูดจาอะไรระวังปากหน่อย”ผู้ที่ลงมือนั้นคือชางซีนั่นเอง โชคของเสินคงยังดีไม่น้อย แม้ชางซีจะมีพลังวิญญาณไม่ได้สูงมาก แต่หากไม้จิ้มฟันนั้นเปลี่ยนเป็นเข็มพิษที่นางเคยใช้สมัยก่อนละก็ นิ้วของมันป่านนี้คงกลายเป็นสีม่วงไปแล้ว
“แม่นาง คิดว่าลงมือกับใครกัน”เสินคงถามพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมา ทำเอาหล่อเจียงสะดุ้งวาบ “ไม่เอาน่าพี่เสิน พี่จิน พวกท่านเป็นยอดฝีมือหน้าใหม่อันดับ 1 และ 2 คงไม่ถือสากับการหยอกล้อแค่นี้กระมัง”หล่อเจียงว่าพลางกลืนน้ำลายลงคอ
“การหยอกล้องั้นหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าแม่นางคนนี้คิดจะทำร้ายใคร”จินหมิง หรือที่เสินคงเรียกว่าพี่จินนั้นมีท่าทีโมโหเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะนางไม่เร็วพอไม้จิ้มฟันคงจิ้มเข้าที่ดวงตาของเสินคงไปแล้ว
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่เจ้าลามปามใคร”ต้าหวานถามพลางลุกขึ้นช้าๆ นางดูเหมือนใจเย็น แต่จริงๆแล้วนางเองก็โกรธไม่น้อยที่เสินคงมาว่าน้องจูล่งของนาง
“อาเจ้ ใจเย็นขอรับ”หล่อเจียงพูดพลางเข้ามาขวางต้าหวานเอาไว้ก่อนที่นางจะปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมา มันทราบพลังวิญญาณของต้าเฉียนแล้วไม่คิดว่านางจะแพ้ให้พวกเสินคงหรอก แต่เสินคงไม่ได้มีแค่พลังฝีมือนี่สิ
“เจ้าท่าทางจะไม่รู้สินะว่าคุณชายเสินคือใครถึงได้กล้ากันขนาดนี้”อยู่ๆหญิงสาวคนหนึ่งในอ้อมกอดของจินหมิงก็พูดขึ้น ก่อนจะมองมาทางต้าหวานด้วยท่าทีดูถูก ในสายตาพวกนางต้าหวานก็เป็นเพียงหญิงสาวไม่รู้ความที่กำลังหาเรื่องใส่ตัวเท่านั้นเอง
“แล้วพวกเจ้าจะรออะไรอยู่เล่า ทำไมไม่บอกพวกเราเสียทีว่ามันเป็นลูกใครมาจากไหน”ต้าเฉียนพูดพลางยิ้มออกมา นางล่ะอยากรู้นักว่าเสินคงผู้นี้ยิ่งใหญ่มาจากไหนถึงกล้ามาว่าบุตรชายของไป๋จูเหวินอย่างไป๋จูล่งได้
“รู้เอาไว้ด้วย คุณชายเสินเป็นบุตรชายของเสินอี้หลิน แม่ทัพภาคเหนือแห่งอาณาจักรไป๋”ได้ยินที่หญิงสาวคนนั้นพูด พวกต้าเฉียนกับต้าหวานก็พลันหันมามองหน้ากัน เสินอี้หลินงั้นหรือ พวกนางไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย อย่างว่าอาณาจักรไป๋มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก ตั้งแต่อาณาจักรโฮและหลิวที่ไป๋จูเหวินเป็นคนยึด และอาณาจักรทางเหนืออีกหลายอาณาจักรที่ชินอี้ยึดอีกต่างหาก ทำให้อาณาจักรไป๋มีพื้นที่เยอะกว่าอาณาจักรอื่นๆนับสิบๆเท่า แม่ทัพระดับภาคมีกันเกือบร้อยคน พวกนางที่ไม่ค่อยเข้าร่วมงานเลี้ยงนักไม่ได้รู้จักกันทุกคนหรอกนะ
“อะไรกัน อึ้งไปเลยงั้นหรือ”เสินคงส่ายหน้าช้าๆ มันมองท่าทีงุนงงของต้าเฉียนกับต้าหวานเป็นอาการอึ้งไปได้อย่างไร
“เสินอี้หลิน…..”หลี่เย่พูดออกมาเหมือนนึกอะไรออก เหมือนว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยเดินทางไปช่วยรักษาคนของคนชื่อประมาณนี้มาก่อน แต่นางก็ช่วยคนไปเยอะจำได้ไม่หมดหรอก
“เฮ้อ ท่าทางพวกนางจะอึ้งกันไปหมดแล้ว ทีหลังจะทำอะไรก็หัดดูก่อนนะว่าอีกฝ่ายเป็นใคร”เสินคงว่าพลางวางไม้จิ้มฟันที่ชางซีปาใส่ตนเอาไว้บนโต๊ะ พอเห็นท่าทีอึ้งๆของพวกนางเสินคงก็ถือคิดสะใจเอาเองเสียอย่างนั้น
“ไปกันเถอะคุณชายเสิน ท่านจองห้องส่วนตัวเอาไว้ให้พวกเราไม่ใช่หรือยังไง”หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มของเสินคงพูดพลางเข้ามากอดแขนของมันเอาไว้แน่น
“พวกเจ้าโชคดีไปนะ เอาไว้เจอกันคราวหน้าค่อยคิดบัญชีแล้วกันเจ้าขี้เหร่หล่อเจียง”เสินคงว่าพลางตบบ่าหล่อเจียงเบาๆ แม้จะมีแม่ทัพระดับภาคเป็นจำนวนมาก แต่แม่ทัพทุกคนก็มีความหมายกับอาณาจักรไป๋ เรียกได้ว่าเสินคงก็มีอำนาจในมือจริงๆ หล่อเจียงยังไม่ทราบว่าไป๋จูล่งเป็นบุตรชายของใคร มันเลยไม่อยากให้ครอบครัวของจูล่งต้องมาลำบากเพราะมีเรื่องกับเสินคง
“ท่านลูกค้า ไม่ทราบมีเรื่องอะไรกันหรือขอรับ”เสินคงยังไม่ทันเดินจากไป อยู่ๆชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหากลุ่มของเสินคงอย่างรวดเร็ว ดูจากการแต่งกายแล้วท่าทางมันจะเป็นคนมีฐานะพอสมควร หรือว่ามันจะเป็นเจ้าของร้านกัน?
“ไม่มีอะไรหรอกขอรับเถ้าแก่ พวกเราเพียงพูดคุยกันเสียงดังไปหน่อย”เสินคงยิ้มพลางมองไปรอบๆ ลูกค้าคนอื่นๆต่างหันมามองการสนทนาของพวกมันกันหมด ไม่แปลกเลยที่พนักงานจะไปเลี้ยงเจ้าของร้านมาดูเพราะแขกที่มาในร้านแต่ละคนก็เป็นคนมีฐานะกันทั้งนั้นพวกลูกน้องไม่สามารถรับมือได้อยู่แล้ว
“งั้นหรือขอรับ เช่นนั้นก็วิเศษไปเลย”เจ้าของร้านว่าพลางก้มหัวลงช้าๆ เสินคงเป็นลูกค้าที่จองห้องส่วนตัวเอาไว้ เป็นลูกค้าชั้นดีที่ต้องดูแล แต่ระหว่างก้มหัวลงอยู่นั้นสายตาของเจ้าของร้านก็พลันหันไปเห็นคนๆหนึ่งเข้าพอดี
“ท่านหมอ……”เจ้าของร้านพูดพลางมองมาทางหลี่เย่ มันไม่ใช่คนใหญ่คนโตที่มีโอกาสได้พบต้าเฉียนกับต้าหวาน ทั้งยังไม่ได้ไปร่วมงานแต่งของไป๋หลินเลยไม่เคยได้เห็นชางซีขึ้นร้องเพลง แต่มันกลับจำหลี่เย่ที่นั่งอยู่บนโต๊ะได้
“ท่านหมอนี่เอง จำข้าได้หรือไม่ขอรับ”เจ้าของร้านว่าพลางเดินเข้าไปหาหลี่เย่อย่างรวดเร็ว
“จะ เจ้าค่ะ….”หลี่เย่ยิ้มเจื่อนๆออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นางช่วยเหลือคนเอาไว้เยอะมากจริงๆ จำได้ไม่หมดหรอกว่าใครเป็นใคร
“ท่านหมอ ท่านจะมาที่ร้านของข้าทำไมไม่แจ้งข้าล่ะขอรับข้าจะได้จัดห้องพิเศษเอาไว้ให้”เจ้าของร้านว่าพลางหันไปเรียกลูกน้องมาทันที
“พาท่านหมอกับสหายขึ้นไปที่ห้องพิเศษ มื้อนี้ข้าขอเลี้ยงท่านหมอเอง”เจ้าของร้านว่าพลางก้มหัวให้หลี่เย่อยู่หลายครั้ง แม้หลี่เย่จะจำไม่ได้ แต่นางก็ช่วยชีวิตภรรยาของเจ้าของร้านเอาไว้เลยทีเดียว
“เถ้าแก่….ห้องพิเศษบนชั้น 2 เต็มหมดแล้วครับ”ลูกน้องของเจ้าของร้านพูดด้วยท่าทีลำบากใจ แค่ที่นั่งชั้นล่างยังจองอย่างยากลำบาก ไม่ต้องพูดถึงห้องพิเศษเลย ห้องพวกนั้นโดนจองล่วงหน้าเอาไว้จนเต็มไปตลอดเดือนแล้วด้วยซ้ำ
“ยกเลิกคิวที่จองเอาไว้ซะ ข้าจะรับผิดชอบเอง”เจ้าของร้านว่าพลางก้มหัวให้หลี่เย่อย่างนอบน้อม ยามนี้ห้องที่ว่างก็เหลือเพียงห้องเดียวเท่านั้นนั่นคือห้องของเสินคงนั่นเองหากเจ้าของร้านจะยกเลิกการจองก็เท่ากับเสินคงจะไม่ได้ห้องที่จองเอาไว้นะสิ
“เถ้าแก่ขอรับ ห้องที่ทำความสะอาดเสร็จแล้วตอนนี้มีแต่ห้องของคุณชายเสินเท่านั้นขอรับ แล้วท่านก็….”ลูกน้องของเจ้าของร้านพูดพลางมองมาทางเสินคง มันมายืนอยู่ตรงนี้แล้วการจะยกห้องของมันให้คนอื่นออกจะ….
“คุณชายเสิน ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งขอรับ”เจ้าของร้านพอทราบว่าคิวต่อไปคือคิวของคุณชายเสินก็เข้ามาหาคุณชายเสินทันที มันไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะยกเลิกคิวของคุณชายเสินเพื่อเอาห้องให้กับหลี่เย่ ท่านหมอผู้มีพระคุณของมัน
“เถ้าแก่…ข้าซึ้งใจมากเจ้าค่ะที่ท่านต้อนรับข้าเช่นนี้ แต่อย่าได้รบกวนแขกท่านอื่นเพราะข้าเลย”หลี่เย่ว่าพลางเดินเข้ามาห้ามเจ้าของร้านช้าๆ แม้จะดีใจที่เจ้าของร้านตั้งใจจะตอบแทนอย่างเต็มที่ แต่นางกลัวว่าเสินคงจะไม่พอใจแล้วทำอะไรกับร้านแห่งนี้เสียมากกว่า
“ท่านหมอโปรดวางใจ ข้ารู้จักเสินอี้หลินอยู่บ้าง ข้าเชื่อว่ามันจะเข้าใจข้าดี”เจ้าของร้านพูดด้วยท่าทีมั่นใจ การที่เสินคงสามารถจองห้องพิเศษได้ก็เพราะบิดาของมันช่วยขอร้องนั่นเอง ไม่อย่างนั้นเพียงฐานะยอดฝีมือรุ่นใหม่ไม่มีทางจองห้องได้หรอก
“เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจก็แล้วกัน”หลี่เย่ยิ้มออกมาพลางพาพวกจูล่งเดินตามลูกน้องของเจ้าของร้านไป ในเมื่อเจ้าของร้านไม่มีปัญหา แถมเจ้าหนูเสินคงก็ปากเสียไม่น้อยก็ถือซะว่าหักหน้ามันสักหน่อยแล้วกัน
“……..”เสินคงที่โดนแย่งห้องพิเศษไปต่อหน้าต่อตามองไปทางกลุ่มของไป๋จูล่งด้วยท่าทีเคียดแค้น มันไม่ทราบหรอกว่าท่านหมอคนนั้นเป็นใคร แต่ท่าทางนางจะเป็นผู้มีพระคุณของเถ้าแก่เท่านั้น นับว่าพวกมันเพียงได้ห้องไปด้วยความบังเอิญ
“เอาไว้เจอกันข้างนอกก็แล้วกัน”เสินคงพูดด้วยท่าทีขุ่นเคือง มันทำอะไรเจ้าของร้านไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำอะไรนอกร้านไม่ได้เสียหน่อย