บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 496 รับมือ
ตอนที่ 496
รับมือ
“พวกเราจะเข้าไปจริงๆงั้นเหรอ”ชางซีถามพลางมองทางเข้าของเขตอสูรผาไร้ก้นด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ เพราะตอนนี้พวกตนมาเข้าทางฝั่งอาณาจักรไป๋ ทำให้ต้องผ่านเขตภูเขาดำของน้าราชสีห์ไปเป็นที่แรกทำเอาชางซีที่มองจากบนขอบผารู้สึกร้อนวูบวาบในท้องขึ้นมาเลย
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเรามีสิทธิ์เข้าไปอยู่แล้ว”ต้าเฉียนพูดออกมาอย่างมั่นใจ ยิ่งตัวนางเป็นธาตุไฟอยู่แล้วเลยไม่รู้สึกกลัวเขตเขาดำที่เต็มไปด้วยภูเขาไฟเลย
“เขตของท่านน้าราชสีห์ไม่น่ากลัวหรอกขอรับ แต่อย่าลงไปในลาวาก็พอขอรับ”จูล่งว่าพลางกระโดดลงไปในเขตเขาดำอย่างรวดเร็ว
“ไปกันเถอะ”ต้าหวานว่าพลางกระโดดลงไปตามเช่นกัน ทำให้ต้าเฉียนผู้เป็นน้องสาวฝาแฝดตามลงไปด้วยอีกคน พวกนางเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 5 ของแค่นี้ไม่ทำให้กลัวอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก ข้างในอบอุ่นมากเชียวนะ”หลี่เย่เดินมาพูดกับชางซีที่ยังทำท่าทีกล้าๆกลัวๆไม่หาย นางเคยเข้าไปในเขตอสูรผาไร้ก้นมาแล้ว เลยไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้น บอกตามตรงหากตามไป๋จูล่งไป ไม่ว่าจะที่ไหนก็ไม่มีอะไรน่ากลัวกระมัง
“เดี๋ยวสิ…”ชางซีมองคนในกลุ่มกระโดดลงไปในเขตอสูรผาไร้ก้นทีละคนๆด้วยใบหน้าอึ้งๆ แม้แต่หลี่เย่ที่พลังวิญญาณน้อยกว่านางยังกระโดดลงไปหน้าตาเฉย แล้วจะให้นางมัวแต่อยู่บนนี้ได้อย่างไร นางกลั้นใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนกระโดดตามลงไปจนได้
“…….”ชางซีมองลงไปเบื้องล่างอย่างช่วยไม่ได้ ความสูงระดับนี้ไม่ได้ทำให้นางกลัวหรือประหม่าแต่อย่างไร เพียงแต่ทันทีที่มองลงไปนางก็พบว่ามีอสูรจำนวนหนึ่งมารอต้อนรับพวกนางอยู่แล้ว แถมระดับของอสูรแต่ละตนก็เหมือนจะไม่ธรรมดาเลยเพราะมีแต่พวกน่ากลัวๆทั้งนั้น
“นายน้อย ท่านกลับมาแล้ว”เมื่อลงมาถึงพื้นคำแรกที่อสูรพวกนั้นพูดออกมาก็คือการต้อนรับนายน้อยของพวกมัน เหล่าอสูรที่ดูน่ากลัวพวกนั้นเข้ามาล้อมไป๋จูล่งเอาไว้พลางเอ่ยปากต้อนรับกันยกใหญ่ ทำเอาชางซีที่พึ่งเคยเห็นภาพแบบนี้เป็นครั้งแรกอึ้งไปในทันที
“ไม่ต้องกลัวหรอก ขอแค่มีน้องจูล่งอยู่พวกเราก็ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น”หลี่เย่เห็นชางซีอึ้งๆไปก็เอ่ยปากปลอบใจนางทันที คำว่าไม่เป็นอะไรทั้งนั้นของนางไม่ใช่เพราะจูล่งเก่งกาจจนปกป้องพวกนางได้ แต่เพราะขอให้มีจูล่งหรือคนตระกูลไป๋สักคนอยู่ ก็ไม่มีอสูรตนไหนโจมตีพวกนางเป็นแน่
“ไปกันเถอะขอรับ”จูล่งพูดพลางบอกให้พวกสาวๆตามเข้าไปในเขตอสูรได้แล้ว แน่นอนว่าไม่มีสาวๆคนไหนกล้าเดินห่างจูล่งแม้แต่คนเดียว เพราะเกิดพวกนางเดินห่างเกินไปจนถูกเข้าใจผิดมีหวังแย่แน่ๆ
“น้องจูล่ง เป็นเจ้านี่เอง”เดินทางผ่านเขตภูเขาดำมาได้ไม่นาน อยู่ๆก็ปรากฏเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมาจากรอบๆตัวพวกจูล่ง แต่น่าประหลาดไม่มีใครสามารถสัมผัสพลังของผู้พูดได้เลย แถมยังมองไม่เห็นอีกด้วยว่าผู้พูดคือใคร
“พี่ชิว….มีอะไรหรือขอรับ”จูล่งเปลี่ยนดวงตาของตนเป็นสีม่วงพลางมองไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ผู้ที่อยู่ตรงนั้นคือชิงชิวอย่างไม่ต้องสงสัย
“ข้าเห็นพวกอสูรมีท่าทีแปลกๆก็เลยตามมา แต่ก็คงเพราะพวกมันสัมผัสกลิ่นอายของเจ้าได้ละนะ”ชิงชิวตอบพลางเผยร่างตนเองออกมา ทำเอาเหล่าสาวๆต่างตะลึงกันอย่างมาก ชิงชิวหายตัวไปจากอาณาจักรไป๋มานานมากแล้ว ทำให้พวกนางไม่มีใครเลยที่ทราบความสามารถนี้ของชิงชิว แถมหน่วยของขุนพลกิ้งก่ายังกลายเป็นหน่วยลับไปแล้วด้วย เรื่องความสามารถล่องหนหายตัวนั้นจึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับคนรุ่นใหม่อย่างพวกนางมากเลยทีเดียว
“ว่าแต่จูล่ง….เจ้าควรเปลี่ยนวิธีเรียกข้าได้แล้วไม่ใช่หรือ”ชิงชิวพูดพลางกระแอมกระไอออกมาช้าๆเหมือนพยายามสะกิดจูล่งให้รู้ตัว
“……….”แม้ชิงชิวจะแสดงท่าทางชัดเจนเช่นนี้ จูล่งก็ยังทำหน้างงต่อไป ทำเอาหลี่เย่ที่พอจะทราบเรื่องต้องเข้ามากระซิบที่ข้างหูจูล่งทันที
“พะ พี่เขย…”จูล่งพูดตามที่หลี่เย่บอก ทำให้ชิงชิวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ใช่แล้วตอนนี้ชิงชิวกลายเป็นสามีของไป๋หลินอย่างเป็นทางการแล้ว และมันก็กลายเป็นพี่เขยของจูล่งไปแล้วนั่นเอง
“ไปกันเถอะ พี่สาวเจ้ามีข่าวดีจะบอกเจ้าด้วย”ชิงชิวว่าพลางเร่งให้จูล่งรีบเดินทางไปที่เมืองจำลองโดยเร็ว
“น้าหรือขอรับ”ทันทีที่มาถึงเมืองจำลอง จูล่งก็ได้ทราบข่าวดีของพี่สาวทันที ดูเหมือนชิงชิวและไป๋หลินจะรีบเร่งกันไม่น้อย จูล่งหนีเที่ยวไปเดือนเดียวเท่านั้นพอกลับมาก็พบว่าพี่สาวของมันท้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และข่าวดีที่ว่าก็คือมันกำลังจะเป็นน้าของหลายคนแรกของตระกูลไป๋นั่นเอง
“ใช่แล้ว พอเด็กคนนี้เกิดมาก็ต้องให้เจ้าช่วยดูแลด้วยนะ”ไป๋หลินว่าพลางลูบหัวจูล่งอย่างเอ็นดู
“ขอรับ…”จูล่งเปลี่ยนดวงตาตนเองเป็นสีเขียวและม่วงเพื่อมองเข้าไปในท้องของพี่สาวทันที แน่นอนว่าตัวมันสามารถสัมผัสพลังชีวิตที่พึ่งถือกำเนิดได้ไม่นานได้อย่างชัดเจน
“ช่วงตั้งท้องเจ้าก็อย่าแอบหนีไปเที่ยวไหนต่อไหนล่ะ”เหม่ยหลินหยอกล้อบุตรสาวของตนเบาๆพลางจับมือของนางเอาไว้แน่น เวลาก็เลยผ่านมาเป็นร้อยปีแล้ว ในที่สุดนางก็จะมีหลานเสียที
“พี่ไป๋หลิน ให้ข้าเป็นคนช่วยดูแลอาการของท่านดีหรือไม่เจ้าคะ”หลี่เย่เห็นแบบนั้นก็เดินเข้าไปหาไป๋หลินทันที แต่เดิมนางเข้ามาที่นี่ก็เพราะได้ไป๋หลินช่วยเชื้อเชิญ นางจึงสนิทสนมกับไป๋หลินมากกว่าสาวๆคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นเจ้าข้าก็ไม่ต้องห่วงอะไรสินะ”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทียิ้มแย้ม แน่นอนว่าขอแค่ไป๋หลินอยู่ในเขตอสูรไม่ไปไหน มีท่านพ่อท่านแม่และท่านน้าทุกคนนางก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว แถมตัวไป๋หลินเป็นบุตรสาวที่เกิดมาด้วยสายเลือดอสูรแมงมุม มีร่างกายแข็งแกร่งกว่าคนปกติมาตั้งแต่เกิด เรื่องการคลอดอย่างทรมานที่เหม่ยหลินเป็นเกรงว่าจะไม่มีเสียด้วย
.
.
“ท่านน้า เห็นอาจารย์หรือเปล่าขอรับ”หลังจากทราบข่าวดีของไป๋หลิน จูล่งก็เดินทางมาที่เขตเทือกเขาเหมันต์ทันที และแน่นอนคนที่มันมุ่งหน้ามาหาเป็นคนแรกก็คือน้าจิ้งจอกนั่นเอง
“อาจารย์ของเจ้า….แล้วทำไมต้องมาถามข้าด้วย”จิ้งจอกเหมันต์ถามด้วยท่าทีบูดบึ้งอย่างประหลาด ทำเอาจูล่งที่พึ่งมามีท่าทีประหลาดใจไม่น้อย
“ก็ท่านน้ากับอาจารย์สนิทกันไม่ใช่หรือขอรับ”จูล่งถามพลางกะพริบตาปริบๆ อยู่ๆท่านน้าเป็นอะไรไปงั้นหรือถึงได้ดูอารมณ์ไม่ดีขนาดนี้
“เจ้านั่นน่ะน้ะสนิทกับข้า…”จิ้งจอกเหมันต์ถามพลางเท้าเอวด้วยท่าทีไม่พอใจ นี่นางทะเลาะอะไรกับมังกรอัสนีทองคำหรือเปล่า?
“……”หลังจากนั้นจูล่งก็โดนจิ้งจอกเหมันต์บ่นเข้าให้เสียยกใหญ่ ทำเอามันได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ปล่อยนางระบายออกมาจนหมดเสียเลย จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงจูล่งถึงออกมาจากถ้ำน้ำแข็งได้
วูบ…..ในเมื่อถามจากท่านน้าจิ้งจอกไม่ได้ จูล่งก็ไม่มีทางเลือก มันเปลี่ยนดวงตาของมันเป็นสีม่วงก่อนจะใช้มันเพื่อตามหามังกรอัสนีทองคำด้วยตนเอง แต่เมื่อใช้ดวงตาสีม่วงเพื่อตามหากลับพบว่ามังกรอัสนีทองคำอยู่ไม่ห่างออกไปเสียเท่าไหร่
“อาจารย์….”จูล่งที่พึ่งหูชาจากปากของท่านน้าจิ้งจอกตรงไปหามังกรอัสนีทองคำทันที โดยตัวมังกรอัสนีทองคำนั้นกำลังนั่งสมาธิอยู่บนก้อนหินราวกับพระกำลังบำเพ็ญเพียรไม่มีผิด
“อาจารย์ ท่านไปทำอะไรให้ท่านน้าโกรธหรือขอรับ”จูล่งถามออกมาทันที แม้น้าจิ้งจอกจะทะเลาะกับพวกท่านน้าคนอื่นๆเป็นปกติก็ตาม แต่ครั้งนี้เหมือนจะหนักมากทีเดียว
“จูล่ง…เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าบางครั้งผู้หญิงก็โกรธโดยไม่ต้องมีเหตุผลเหมือนกัน”มังกรอัสนีทองคำตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะขอรับ”จูล่งถามพลางเอียงคอสงสัย มันไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนก็เลยไม่เข้าใจ
“เอาไว้เจ้าโตกว่านี้ก็จะเข้าใจเอง ว่าแต่เข้ามาตามหาข้ามีเรื่องอะไร”มังกรอัสนีทองคำเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะมันก็ไม่ทราบจะอธิบายสาเหตุที่จิ้งจอกเหมันต์เหวี่ยงใส่ตนเองออกมาให้จูล่งเข้าใจอย่างไร
“ข้ามีเรื่องอยากจะถามอาจารย์ขอรับ”จูล่งพูดเหมือนพึ่งนึกออกว่าตนมาหาอาจารย์เพราะเรื่องอื่นไม่ใช่เรื่องของท่านน้าจิ้งจอก
“ถามมาสิ”มังกรอัสนีทองคำพูดพลางลุกขึ้นมาจากก่อนหินช้าๆ
“ข้าอยากรู้ขอรับว่าข้าแข็งแกร่งแค่ไหน”จูล่งตอบพลางส่งสายตาขอร้องมาทางมังกรอัสนีทองคำ
“แข็งแกร่งแค่ไหน…”มังกรอัสนีทองคำพูดด้วยท่าทีสงสัย มันเข้าใจอยู่หรอกว่าจูล่งไม่เคยไปเจอโลกภายนอก พอไปเจอมาแล้วก็เลยเกิดสับสนในตัวเองขึ้นมา แต่จะอธิบายอย่างไรให้มันเข้าใจดี
“ขอรับ ข้าอยากทราบว่าเมื่อเทียบกับคนข้างนอกข้าแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหนขอรับ”จูล่งพูดด้วยท่าทีจริงจังไม่น้อย
“อืม….งั้นก็รับมือ”มังกรอัสนีทองคำพูดจบก็เปลี่ยนร่างเป็นมังกรสีทองบินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ขนาดตัวของมันทำเอาทั้งเขตอสูรสามารถมองเห็นร่างของมันได้อย่างชัดตา ทำเอาทุกคนรู้ตัวกันหมดว่ามังกรอัสนีทองคำกลับคืนร่างอสูรแล้ว
เปรี้ยง!! ท่ามกลางความสงสัยว่าทำไมมังกรอัสนีทองคำถึงคืนร่างอสูร อยู่ๆมังกรอัสนีทองคำก็ยิ่งสายฟ้าลงมาใส่ตรงที่จูล่งยืนอยู่อย่างจัง สายฟ้าสีทองที่ยิงออกมาด้วยกำลังสูงสุดของมังกรอัสนีทองคำทำเอาทั่วทั้งเขตอสูรผาไร้ก้นตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก คนที่อยู่ไกลๆต่างพากันใจหายวาบเพราะนึกว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาจนมังกรอัสนีทองคำต้องตอบโต้ขนาดนั้นเลยหรือ
วูบ….ทันทีที่โจมตีเสร็จ มังกรอัสนีทองคำก็คืนร่างแล้วลงมายืนอยู่ข้างๆจูล่งเช่นเดิมด้วยท่าทีไม่ได้ประหลาดใจนัก
“คนที่รับกระสุนอัสนีเมื่อครู่เข้าไปแล้วยังยืนเอ๋อไม่รู้เรื่องได้ก็มีแต่เจ้านี่ล่ะ”มังกรอัสนีตอบพลางนั่งลงที่ก้อนหินเช่นเดิม จูล่งที่โดนกระสุนอัสนีที่ทำลายเมืองมานักต่อนักของมังกรอัสนีทองคำเข้าไปนอกจากจะไม่บาดเจ็บแล้วยังดูดซับพลังสายฟ้าของกระสุนอัสนีเข้าไปในร่างจนรอบข้างเองก็ไม่เกิดความเสียหายอีกต่างหาก
“แล้ว….มันหมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ”จูล่งถามด้วยสีหน้างุนงงเหมือนเดิม อยู่ๆมังกรอัสนีทองคำก็ยิงกระสุนอัสนีใส่ บอกตามตรงว่าจูล่งยังงงไม่หายเลย
“ข้าบอกแล้วไง ว่าคนที่รับท่าเมื่อครู่โดยไม่บาดเจ็บได้มีแค่เจ้า”มังกรอัสนีตอบออกมาอย่างมั่นใจ เพราะแม้แต่ไป๋จูเหวินกับเหม่ยหลินเองก็ยังบาดเจ็บบ้างเมื่อโดนกระสุนอัสนีของมันเข้าไป คนที่ยืนรับหน้าตาเฉยอย่างจูล่งเกรงว่าจะมีเหลือเพียงคนเดียวแล้วหลังจากอสูรแมงมุมตายไป