บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 497 ว่างเปล่า
ตอนที่ 497
ว่างเปล่า
“น้องจูล่ง มีอะไรหรือเปล่า”ต้าเฉียนและต้าหวานเป็นคนแรกที่เข้าไปหาจูล่งหลังจากเห็นมังกรอัสนีทองคำเปลี่ยนร่างเป็นร่างอสูรและโจมตีใส่เทือกเขาเหมันต์ที่จูล่งพึ่งจะขึ้นไปเสียอย่างนั้น พวกนางไม่ได้รู้จักมังกรอัสนีทองคำเหมือนอสูรในเขตอสูรแห่งนี้พวกนางก็เลยตื่นตูมกว่าคนอื่นๆมากทีเดียว
“ขอรับ?”จูล่งหันไปมองต้าเฉียนกับต้าหวานด้วยท่าทีงุนงง เมื่อครู่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือพวกนางถึงทำหน้าตื่นมาแบบนั้น
“เมื่อครู่…..มีมังกรตัวใหญ่โจมตีลงมาไม่ใช่หรือไง”ต้าหวานถามด้วยท่าทีกลัวๆต่างจากท่าทีนิ่งๆของนางตามปกติมาก หากคราวนี้ศัตรูของพวกนางคือมังกรตนนั้นมีหวังได้แย่แน่ๆ เพียงการโจมตีครั้งเดียวก็ทำเอาพวกนางหวาดผวาได้แล้ว
“นั่น…คืออาจารย์ของข้าเองขอรับ”จูล่งว่าพลางผายมือไปทางมังกรอัสนีทองคำที่อยู่ไม่ห่างจากตนเองเท่าไหร่
“เอ๊ะ…แต่เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเจ้าโดนโจมตีงั้นเหรอ”ต้าเฉียนถามอีกครั้งพลางมองไปรอบๆ จะว่าไปพื้นที่รอบๆก็ไม่มีอะไรเสียหายเลย หรือว่าเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงภาพหลอนเท่านั้นเอง?
“นั่นเป็นแค่การฝึกเท่านั้น อีกอย่างจูล่งมีธาตุสายฟ้าการโจมตีเท่านั้นเจ้าหนูนี่ดูดซับได้สบายอยู่แล้ว”มังกรอัสนีตอบพลางมองสองสาวด้วยท่าทีสนใจ มันเจอมนุษย์มาไม่มาก แต่ก็พอสัมผัสความสามารถของมนุษย์ได้ นางทั้งสองดูมีฝีมือไม่น้อย จูล่งได้ผู้ติดตามเช่นพวกนางก็คงช่วยเหลืออะไรจูล่งได้บ้าง
“ฝึกซ้อม?”ต้าเฉียนและต้าหวานต่างหันไปมองตากัน การฝึกซ้อมรูปแบบใดกันถึงได้รุนแรงเช่นนี้ มันออกจะเหมือนพยายามฆ่ากันให้ตายมากกว่าฝึกซ้อมเสียอีก
“พี่ต้าเฉียน ท่านคิดว่าท่านจะรับการโจมตีเมื่อครู่ได้หรือไม่ขอรับ”ไป๋จูล่งถามด้วยท่าทีสงสัย มังกรอัสนีทองคำบอกว่ามีแต่ตนเท่านั้นที่รับการโจมตีนั้นได้ แต่มันก็ยังไม่ค่อยเชื่อเสียเท่าไหร่ว่าจริงหรือไม่
“มะ ไม่มีทางหรอก ต่อให้เป็นท่านพ่อหรือท่านอู๋หมิงก็….”ต้าเฉียนส่ายหน้าไปมาอย่างรวดเร็วทันที อย่าล้อเล่นน่า กระสุนอัสนีลูกที่ยิงลงมาเมื่อครู่รุนแรงจนทำเอาพวกนางขวัญผวาเลย อย่าว่าแต่รับเลย แค่หนีให้ทันก็ไม่ทราบจะทำได้หรือไม่
“ลุงอู๋หมิงก็ด้วยหรือขอรับ”จูล่งถามด้วยท่าทีสงสัย ไม่ใช่ว่าท่านลุงอู๋หมิงคือจอมยุทธอันดับ 1 แห่งอาณาจักรอู๋หรอกหรือ แถมท่านยังเป็นมีพลังธาตุสายฟ้าอีกต่างหาก เป็นท่านจะรับไม่ได้เลยงั้นหรือ
“ถ้าเป็นเจ้านั่นคงพอรับได้หรอก แต่คนที่รับได้มากที่สุดรองจากเจ้าก็คือพ่อของเจ้านี่ล่ะ”มังกรอัสนีทองคำตอบด้วยท่าทีจริงจัง น่าเสียดายแม้อู๋หมิงจะมีพลังธาตุสายฟ้า แต่มันก็ไม่มีเกราะแมงมุมทำให้ร่างกายยังบอบบางกว่าคนตระกูลไป๋มาก แต่หากเป็นมันก็ย่อมสามารถหลบกระสุนอัสนีได้อย่างแน่นอน
“งั้นหรือขอรับ”จูล่งพยักหน้าช้าๆด้วยท่าที่แปลกๆ ความจริงก็ไม่ใช่ว่ามันไม่รู้ตัวเลยว่าตั้งแต่มันออกมาจากหมู่บ้านก็ไม่มีใครรับมือมันได้เลย ทุกคนราวกับกำลังเล่มออมมือกันไม่มีผิด
“ขอบพระคุณมากขอรับอาจารย์”จูล่งว่าพลางขอตัวลาลงจากเทือกเขาเหมันต์ไปแต่เพียงเท่านี้ก่อนเพราะเมื่อครู่มันโดนน้าจิ้งจอกลากตัวไปฟังนางบ่นเสียร่วมชั่วโมง
.
.
“โอ้ จูล่งเป็นอย่างไรบ้าง”ทันทีที่กลับมาถึงเมืองจำลองที่อยู่กลางเขตอสูรผาไร้ก้น ไป๋จูล่งก็พบเข้ากับแขกที่ไม่ค่อยได้เห็นหน้านักผู้หนึ่ง ชายคนนั้นคือไช่จินนั่นเอง
“สวัสดีขอรับ ท่านเป็นแขกของท่านหรือสินะขอรับ”จูล่งว่าพลางมองไปทางใช่จินด้วยท่าทีสงสัย มันเหมือนเคยเห็นไช่จินผู้นี้จากงานแต่งของพี่สาว แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยอะไร
“เจ้าหนู ขอแสดงความยินดีด้วยกับตำแหน่งยอดฝีมืออันดับ 1 แห่งอาณาจักรไป๋นะ จริงๆพ่อเจ้าห้ามข้าบอกเจ้าแต่ข้าว่าเจ้าควรจะรู้เอาไว้”ไช่จินยิ้มพลางเปิดหนังสือจัดอันดับจอมยุทธให้ไป๋จูล่งดู พลางกระซิบบอกว่าจริงๆแล้วชื่อตรงนี้ต้องใส่ว่าไป๋จูล่ง แต่เพราะต้องปิดเป็นความลับก็เลยต้องเขียนว่านิรนามไปก่อน
“ยอดฝีมืออันดับ 1 หรือขอรับ”จูล่งกะพริบตาปริบๆพลางมองในหนังสือจัดอันดับด้วยท่าทีประหลาดใจ ก่อนหน้านี้มันก็นึกแปลกใจอยู่แล้วว่าทำไมชื่อของท่านพ่อและท่านแม่รวมทั้งพี่สาวและพี่เขยถึงอยู่ในตารางอันดับต้นๆกันหมด แถมคนที่อยู่รองลงมายังเป็นคนที่จูล่งเคยพบเจอทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ตารางอันดับของมนุษย์ แม้แต่ในตารางอันดับของอสูรต่างก็เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งสิ้น แม้แต่พวกท่านน้าเองยังอยู่อันดับต้นๆเลย แต่พอมองดีๆก็พบว่าอันดับ 1 ของตารางอสูรถูกเปลี่ยนเป็นมังกรอัสนีทองคำแล้ว โดยรองลงมาจากนั้นก็เป็นพี่อสูรปักเป้านั่นเอง ซึ่งอสูร 2 ตนนี้หนึ่งก็เป็นอาจารย์ของจูล่ง หนึ่งก็เป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เด็ก จะว่าไปตอนให้พี่ปักเป้ายิงกระสุนวายุเล่นกันมันก็ไม่เป็นอะไรเหมือนกันนี่นา
“นี่ข้า…เป็นยอดฝีมือจริงๆสินะขอรับ”จูล่งเหมือนจะทำใจเชื่อได้เสียที ทำเอาพวกต้าเฉียนและต้าหวานที่ตามมาข้างหลังได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก การอธิบายว่าตัวจูล่งนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนมันเกินความพยายามของพวกนางจริงๆ คราวนี้ต้องขอบคุณไช่จินเสียแล้วที่อุตส่าห์มาบอกให้แบบนี้
“ใช่แล้ว เจ้าคือยอดฝีมืออันดับ 1 ยังไงล่ะ รู้สึกอย่างไรบ้าง”ไช่จินถามพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทียินดี
“…….ไม่รู้สึกอะไรเลยขอรับ”จูล่งตอบพลางเอียงคอเล็กน้อย ตอนแรกมันนึกว่าตัวเองจะดีใจกว่านี้เสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่าตนเองไม่ได้รู้สึกยินดีอะไรที่กลายเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 เสียอย่างนั้น
“ฮะๆ อาณาจักรไป๋นี่ประหลาดจริงๆ ไม่ว่าใครจะอยู่อันดับ 1 ก็ทำหน้าเหมือนไม่ได้สนใจมันกันทุกคน”ไช่จินยักไหล่พลางถอนหายใจออกมา ถึงจะบอกว่าทุกคนแต่มันก็มีแค่ไป๋จูเหวินกับไป๋จูล่งเท่านั้นเอง
“จูล่ง มากินข้าวได้แล้วลูก”ขณะไช่จินกำลังเปิดเผยความลับกับจูล่งอยู่นั้น เหม่ยหลินก็เดินออกมาจากปราสาทพลางเรียกให้จูล่งเข้าไปทานอาหารด้านใน จูล่งพึ่งจะกลับมาทั้งทีนางก็อยากให้ครอบครัวได้ทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้ากันอยู่แล้ว
“ท่านแม่ เห็นพี่ชางซีหรือเปล่าขอรับ”จูล่งถามพลางเดินเข้าไปหามารดาของตนช้าๆ
“ชางซีหรือ…นางน่าจะอยู่กับน้ามังกรของเจ้านะ”เหม่ยหลินตอบพลางยิ้มออกมา
“งั้นข้าจะไปเรียกท่านน้ามังกรเองขอรับ”จูล่งว่าพลางเดินเข้าไปในปราสาทพร้อมกับต้าเฉียนและต้าหวาน ปล่อยให้ไช่จินกับเหม่ยหลินอยู่ด้านนอกกันตามลำพัง
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าหนูนั่นไม่เป็นไรหรอก”ไช่จินหัวเราะพลางเดินเข้ามาหาเหม่ยหลินด้วยท่าทีเหมือนผู้ชนะ
“มันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือที่ข้าจะกังวล”เหม่ยหลินตอบพลางหันไปมองจูล่งด้วยท่าทีโล่งอก
“เห็นหน้าเจ้าหนูนั่นไหม เจ้านั่นมันทำหน้าเอ๋อแล้วบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย นั่นอันดับ 1 แห่งอาณาจักรไป๋ที่จอมยุทธทั่วล่าต่างเฝ้าฝันถึงเชียวนะ”ไช่จินหัวเราะออกมาจนตัวงอ โชคชะตาช่างเล่นตลกเสียจริง มีคนตั้งมากมายอยากจะเป็นอันดับ 1 จนยอมทุ่มเวลาทั้งชีวิตแต่สุดท้ายก็ได้แต่มอง อย่างเฒ่าประทับสวรรค์เองตอนนี้ก็ได้แต่ฝันเท่านั้นกระมัง
“เจ้าหัวเราะมากไปแล้ว”เหม่ยหลินส่ายหน้าเบาๆก่อนจะยิ้มออกมา พอเห็นจูล่งตอบออกไปแบบนั้นนางก็วางใจ หากเกิดจูล่งมีความโลภขึ้นมา แล้วทำอย่างไป๋ชินอี้ทำละก็ คราวนี้จะไม่ใช่แค่สงครามอสูรอีกแล้ว แต่จะเป็นการฆ่าล้างฝั่งเดียวของจูล่งเท่านั้น เพราะแม้แต่ตัวนางที่เป็นแม่เองยังไม่ทราบเลยว่าจะสู้กับบุตรชายอย่างไร ต่อให้ร่วมมือกับสามีและเพื่อนๆก็ตาม บางทีอาจจะทำได้แค่ตกตายตามกันไปทั้งหมดก็ได้
.
.
“ท่านพี่ชางซี”ทางด้านไป๋จูล่ง หลังจากเข้ามาในปราสาทก็ตรงเข้าไปยังห้องของท่านน้ามังกรทันที และเมื่อเปิดเข้าไปก็พบน้ามังกรที่กำลังยืนอธิบายเรื่องสมุนไพรให้หลี่เย่และชางซีอยู่พอดี
“ล่งเอ๋อ เจ้าควรเคาะประตูก่อนนะ”มังกรธรณีดุหลายชายด้วยความคุ้นเคย เจ้าหนูนี่มีนิสัยหนึ่งเหมือนนายหญิงแมงมุมไม่มีผิด คืออยากเข้าก็เข้าไม่บอกไม่กล่าวอะไรทั้งนั้น
“ขออภัยขอรับ จริงสิท่านแม่บอกว่าให้ไปที่ห้องกินข้าวได้แล้วขอรับ”จูล่งว่าพลางหัวเราะแฮะๆออกมาด้วยท่าทีเหมือนจะสำนึกผิดละมั้ง
“งั้นเอาไว้พวกเจ้าค่อยมาถามใหม่วันอื่นก็แล้วกัน”มังกรธรณีพูดพลางปิดหนังสือลง สำหรับหลี่เย่ที่เป็นหมอและชางซีผู้ใช้วิชาพิษแล้ว ความรู้ของมังกรธรณีนั้นล้ำค่ามาก ทันทีที่มังกรธรณีอนุญาตให้พวกนางสามารถถามคำถามที่อยากรู้ได้ พวกนางก็แทบจะเกาะติดอยู่กับมังกรธรณีและถามคำถามกันไม่หยุดราวกับเป็นห้องเรียนพิเศษเลย
“เจ้าค่ะ..”หลี่เย่และชางซีตอบอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่พวกนางจะเก็บสุดจดลงมิติของแต่ละคนไปอย่างรวดเร็ว
“น้องจูล่ง เมื่อครู่เจ้าเรียกข้ามีอะไรงั้นหรือ”ชางซีถามพลางเดินเข้ามาหาจูล่งด้วยท่าทีสงสัย เมื่อครู่มันเรียกนางก่อนที่มังกรธรณีจะดุเอาแน่ๆ
“จริงสิขอรับ ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องพี่ชางซีหน่อย”จูล่งว่าพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีกระตือรือร้น
“เรื่องจะขอร้องข้า มีอะไรงั้นหรือ”ชางซีแอบหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นจูล่งมาขอร้องตนเอง ว่ากันตามตรงในกลุ่มสาวๆทั้งหมดเหมือนนางจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ ทำเอารู้สึกน้อยใจไม่น้อย พอเห็นจูล่งมาขอความช่วยเหลือแบบนี้ก็อดลุ้นไม่ได้ว่ามันจะขออะไร
“สอนข้าร้องเพลงได้หรือเปล่าขอรับ”จูล่งพูดจบทั้งชางซี ต้าเฉียน ต้าหวาน รวมทั้งหลี่เย่ต่างก็ทำสีหน้างุนงงออกมาทันที
“ร้องเพลง? เจ้าอยากจะร้องเพลงไปทำไมกัน”ชางซีถามพลางทำหน้ามึนๆออกมา
“ก็ตอนแรกข้าอยากเป็นจอมยุทธอันดับ 1 นี่ขอรับ แต่ข้าเป็นไปแล้วก็เลยจะหาเป้าหมายอื่น”จูล่งว่าพลางทำหน้าสลดเล็กน้อย มันกลายเป็นจอมยุทธอันดับ 1 โดยที่ยังไม่รู้สึกว่าตนเองพัฒนาขึ้นเลย ทำเอามันรู้สึกว่าอันดับ 1 ที่มันได้ครอบครองนั้นช่างว่างเปล่าเหลือเกิน
“เอ่อ…ข้าไม่รู้วิธีร้องเพลงของผู้ชายเสียด้วย เอาเป็นว่าข้าจะสอนวิธีเล่นเครื่องดนตรีให้เจ้าดีหรือไม่”ชางซีเสนอพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา บอกตามตรงว่าเรื่องร้องเพลงเป็นความสามารถพิเศษของนางที่นางเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเก่งขึ้นมาได้อย่างไร หากจะให้สอนก็คงทำไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องเครื่องดนตรีนางพอจะสอนได้อยู่