บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 499 งานประมูล
ตอนที่ 499
งานประมูล
“ตราราชวงศ์ชิน?”ทันทีที่ชายหน้าหอประชุมได้เห็นตราราชวงศ์ชินมันก็รีบเข้าไปรายงานผู้จัดงานทันที แน่นอนว่าการมาถึงของคนจากราชวงศ์ชินนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
“ไปเปิดห้องรับรองซะ….”หญิงสาวที่ได้รับรายงานเรื่องราชวงศ์ชินมาเข้าร่วมงานรีบหันไปสั่งลูกน้องให้เปิดห้องรับรองที่ชั้น 2 ของงานประมูลทันที พวกนางไม่สามารถปล่อยให้เชื้อพระวงศ์ลงไปนั่งร่วมกับแขกคนอื่นๆได้หรอกไม่อย่างนั้นคงได้วุ่นวายเป็นแน่
“ผู้ที่มาคือท่านไหน ทำไมถึงไม่มีจดหมายแจ้งมาเลย”หญิงสาวถามพลางมองไปรอบๆ งานประมูลใหญ่เช่นนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีราชวงศ์มาร่วมงาน ตอนนี้ในห้องรับรองอื่นก็มีเชื้อพระวงศ์ผู้หนึ่งมาร่วมเช่นกัน แต่ปกติมักจะมีหนังสือแจ้งมาก่อนว่าเชื้อพระวงศ์คนไหนจะเข้าร่วมงานบ้างเพื่อให้เจ้าของงานสามารถจัดการได้อย่างเรียบร้อย เรื่องที่เชื้อพระวงศ์จะเดินเข้าประตูหน้าเหมือนคนอื่นๆนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“ไม่ทราบขอรับ ข้าไม่เคยเห็นหน้าท่านผู้นั้นมาก่อน แต่ตราเป็นของจริงแน่นอนขอรับ”ชายหนุ่มที่ไปเจอจูล่งที่หน้าหอประชุมตอบ ตัวมันแม้จะไม่รู้จักจูล่งแต่ก็สามารถแยกออกได้อย่างชัดเจนว่าตราราชวงศ์ชินที่จูล่งนำออกมานั้นคือของจริงหรือของปลอมกันแน่ ทำให้มันรีบร้อนมารายงานคุณหนูถึงนี่ยังไงล่ะ
“เจ้านี่ใช้ไม่ได้จริงๆ หน้าของราชวงศ์ก็ควรจะจำได้หมดไม่ใช่หรือไง”หญิงสาวเท้าเอวด้วยท่าทีไม่พอใจ ก่อนจะเดินออกจากสถานที่จัดงานไปอย่างรวดเร็ว ขืนปล่อยให้ราชวงศ์รออยู่หน้าประตูนานๆมีหวังแย่แน่ๆ
“……….”ทันทีที่ออกมาถึงหน้าหอประชุม หญิงสาวที่พึ่งดุลูกน้องไปหมาดๆว่าไม่รู้จักจำหน้าคนในราชวงศ์กลับกำลังยืนอึ้งอยู่กับที่ นางมั่นใจว่านางเคยเจอราชวงศ์ชินทุกคนแล้วเพราะนางเป็นถึงบุตรสาวของร้านค้าใหญ่ 1 ใน 3 ของอาณาจักรชิน แต่ยามนี้นางกลับไม่เห็นคนในราชวงศ์สักคนเดียวที่นางรู้จักยืนอยู่หน้าหอประชุม
“คุณหนู คนนั้นขอรับ”ชายที่ไปรายงานตนก่อนหน้านี้พูดพลางชี้ไปที่ไป๋จูล่งที่ยืนอยู่กับต้าเฉียนและต้าหวาน
“นั่น….ใครกัน”หญิงสาวถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีงุนงง แน่นอนว่านางไม่เคยเจอจูล่งมาก่อนอย่างแน่นอน แต่กลับคุ้นตาหญิงสาวทั้งสองที่อยู่ด้านหลังจูล่งเสียมากกว่า แต่ไม่ว่าจะนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกเสียอย่างนั้น
“ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ…”ชายหนุ่มตอบพลางส่ายหน้าไปมา ขนาดคุณหนูยังไม่ทราบแล้วมันจะทราบได้อย่างไร
“เอาเถอะ ถึงอย่างไรมันก็ถือตราราชวงศ์ ยังไงก็ต้องต้อนรับก่อน”หญิงสาวว่าพลางปั้นหน้ายิ้มก่อนจะเดินเข้าไปหาไป๋จูล่งในทันที แม้นางจะดุลูกน้องไป แต่นางก็เชื่อในสายตามันว่ามันดูตราราชวงศ์ออกแน่ๆ และคนที่จะนำตรามาได้ต่อให้ไม่ใช่คนในราชวงศ์ก็ต้องเป็นคนสำคัญมากอยู่ดี
“คุณชาย เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”หญิงสาวว่าพลางเดินเข้าไปต้อนรับไป๋จูล่งอย่างนอบน้อม เธอพาไป๋จูล่งเข้าไปยังห้องรับรองที่ถูกจัดเอาไว้ให้ โดยห้องรับรอวนี้มีลักษณะเป็นระเบียงอยู่บนชั้น 2 เหมือนที่นั่งชมละครชั้นพิเศษไม่มีผิด เพียงแต่การแสดงในวันนี้ไม่ใช่ละครเวทีแต่เป็นสินค้าชั้นดีที่ร้านค้าใหญ่ทั้ง 3 รวบรวมมาต่างหาก
“ยอดเลย มีแขกมาร่วมงานเยอะมากเลยนะขอรับ”จูล่งที่พึ่งเคยมางานประมูลเป็นครั้งแรกพูดพลางมองภาพเบื้องหน้าด้วยท่าทางตื่นเต้น เบื้องล่างนั้นมีเก้าอี้เรียงรายกันนับพันตัว แต่ละตัวต่างก็มีผู้จับจองกันจนเต็มเอียดไปหมด แถมแต่ละคนที่นั่งอยู่นั้นยังไม่ใช่คนธรรมดา พวกมันต่างเป็นผู้มีกำลังทรัพย์อันดับต้นๆของอาณาจักรชินทั้งสิ้น เรียกได้ว่างานวันนี้รวมเอาเหล่าผู้ดีมีเงินมารวมตัวกันเต็มไปหมดเลยทีเดียว
“คุณชาย ท่านพึ่งเคยเข้าร่วมงานประมูลหรือเจ้าคะ”หญิงสาวถามพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย งานประมูลไม่ใช่ว่าจะหาได้ยาก มีทั้งระดับใหญ่และเล็ก เชื้อพระวงศ์ไม่น่าจะถึงกับไม่เคยเข้าร่วมเลยนี่นา
“ขอรับ ที่หมู่บ้านไม่มีงานแบบนี้หรอกขอรับ ข้าก็เลยพึ่งเคยมาเป็นครั้งแรก”จูล่งตอบด้วยรอยยิ้ม แต่คำตอบของมันทำเอาหญิงสาวมีท่าทีงุนงงเป็นอย่างมาก
“เช่นนั้นดิฉันจะอยู่คอยให้คำแนะนำคุณชายเองเจ้าค่ะ หากท่านต้องการเสนอราคาหรือมีคำถามอะไรกรุณาเรียกถามผิงผิงผู้นี้ได้เลยเจ้าค่ะ”ผิงผิงพูดพลางก้มหัวลงเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะนางใจดีอะไรหรอก แต่เพราะนางเริ่มสงสัยเกี่ยวกับจูล่งขึ้นมาแล้วต่างหาก
“งั้น..ช่วยอธิบายตั้งแต่แรกเลยได้หรือไม่ขอรับ ข้าเคยแต่เดินซื้อของตามตลาดไม่เคยเข้างานประมูลแบบนี้เลย”จูล่งตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“เจ้าค่ะ…”ผิงผิงตอบรับพลางเริ่มอธิบายขั้นตอนการประมูลสินค้าทีละน้อย ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กคนนี้จะไม่เคยเข้างานประมูลมาก่อน แถมยังพูดแต่เรื่องหมู่บ้านหรือเดินตลาดอีกต่างหาก ทำเอานางเริ่มสงสัยแล้วสิว่าจริงๆแล้วจูล่งอาจจะบังเอิญเก็บตราราชวงศ์ได้หรือไม่ แม้โอกาสที่พวกคนในราชวงศ์จะทำตราตกหายจะแทบไม่มีเลยก็ตาม
“น้องจูล่ง ของชิ้นแรกจะนำออกมาแล้วเจ้าลองดูสิว่าถูกใจหรือเปล่า”ต้าหวานถามพลางมองลงไปบนเวที พิธีกรกำลังนำสินค้าชิ้นแรกออกมาพอดี
พรึบ! ผ้าที่ใช้คลุมสินค้าชิ้นแรกเอาไว้ถูกดึงออกอย่างช้าๆ ทำเอาคนในหอประชุมมีท่าทีตื่นเต้นกันอย่างมาก สินค้าประมูลชิ้นแรกนั้นถูกจัดให้น่าสนใจเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นของงาน ทำให้ผิงผิงมั่นใจในสินค้าตัวนี้มากทีเดียว
“นั่นมัน…ผลเลือดมังกร”จูล่งพูดพลางมองไปที่ผลไม้สีแดงที่วางอยู่บนถาดเงินอย่างดี ผลไม้นี้ให้กินสดๆก็สามารถช่วยเพิ่มการฝึกฝนพลังวิญญาณได้ เป็นสมุนไพรชั้นดีสำหรับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเลยทีเดียว แต่สำหรับจูล่งแล้วมันเหมือนผลไม้ที่งอกอยู่หลังบ้านเท่านั้นเอง
“คุณชาย ไม่ทราบคุณชายจะเสนอราคาหรือไม่เจ้าคะ”ผิงผิงถามพลางมองไปทางจูล่งด้วยท่าทีสนใจ จูล่งทราบด้วยงั้นหรือว่ามันคือผลเลือดมังกร ท่าทางจะไม่ใช่เด็กธรรมดาเสียแล้ว
“ไม่หรอกขอรับ”จูล่งส่ายหน้าช้าๆ มันจะเสียเงินซื้อของที่เดินไปเก็บหลังบ้านตัวเองมาได้ไปทำไมกัน
“เจ้าค่ะ”ผิงผิงตอบพลางก้มหน้าลงช้าๆ ในเมื่อจูล่งไม่อยากร่วมประมูลนางก็ไม่มีหน้าที่ต้องยัดเยียดแต่อย่างไร
“150,000 เหรียญทอง” แม้จูล่งจะไม่เสนอราคา แต่ก็มีคนจำนวนมากต้องการผลเลือดมังกรเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณของตนเอง ทำให้การประมูลด้านล่างค่อนข้างคึกคักทีเดียว
“20,000เหรียญทอง”
“35,000 เหรียญทอง”
“50,000”
“75,000….” การประมูลผลไม้เล็กๆเพียงลูกเดียวกลับดุเดือดกว่าที่จูล่งคิดเอาไว้มาก คนด้านล่างนั้นเสนอราคากันราวกับที่เสนอเป็นเหรียญทองแดงเสียอย่างนั้น จนสุดท้ายแล้วผลเลือดมังกร 1 ผลก็ถูกขายออกไปด้วยราคาร่วม 125,000 เหรียญทองเลยทีเดียว
“………”จูล่งที่ไม่เคยทราบราคาของผลเลือดมังกรมาก่อนกะพริบตาปริบๆมองงานประมูลค่อยๆดำเนินต่อไปอย่างช้าๆ ของส่วนใหญ่ที่นำออกมาเป็นของที่จูล่งเคยเห็นทั้งนั้น มีทั้งของที่อยู่ในเขตอสูร ทั้งของที่พวกท่านน้าเคยใช้เลยทีเดียว ในสายตาคนธรรมดานั้นงานประมูลครั้งนี้เต็มไปด้วยของแปลกหายาก แต่ในสายตาจูล่งกลับเหมือนมีคนย่องเข้าบ้านแล้วเอาของในบ้านตนเองมาออกขายไม่มีผิด แต่ที่น่าตกใจคือราคาที่แพงจนน่าใจหาย จูล่งที่เคยไม่มีค่าโรงเตี๊ยมจนต้องออกไปหาเงินกลับพบว่าของที่ตนเองมีติดตัวนั้นราคามากพอจะซื้อโรงเตี๊ยมสักหลายๆแห่งได้เลย
“………”ทางด้านผิงผิงเอง พอเห็นจูล่งไม่ได้เสนอราคาอะไรเลยก็ลอบสงสัยขึ้นมา เรื่องเป็นเชื้อพระวงศ์หรือไม่ก็น่าสงสัยแล้ว แต่จูล่งกลับทำท่าตื่นตกใจกับสินค้าอยู่ตลอด แต่กลับไม่ลงประมูลเลย ทำเอานางสงสัยว่าจูล่งนั้นมีเงินจริงหรือไม่ หรือแค่แอบอ้างมาเพื่อเข้ามาดูงานประมูลอย่างเดียวเท่านั้น
“น้องจูล่ง เจ้าหาของฝากแบบไหนหรือ”ต้าหวานถามพลางก้มหน้าลงไปหาจูล่งเล็กน้อย
“ข้าก็อธิบายไม่ถูกขอรับ ข้าไม่รู้จักชื่อ แต่ข้าจำรูปร่างได้”จูล่งตอบพลางเกาแก้มเบาๆ
“หายากนะที่เจ้าจะจำไม่ได้”ต้าเฉียนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ปกติจูล่งจำแทบทุกอย่างได้ทันทีเลยไม่ใช่หรือไง
“ถ้างั้นก็ต้องลองดูไปเรื่อยๆสินะ”ต้าหวานตอบพลางมองสินค้าที่เริ่มประกาศทีละอันๆช้าๆ
“สินค้าชิ้นต่อไปของพวกเราจะต้องเป็นที่ถูกอกถูกใจของพวกท่านอย่างแน่นอน”อยู่ๆบนเวทีก็ประกาศออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ ก่อนจะนำของชิ้นเล็กๆเท่าฝ่ามือออกมาช้าๆ
“……….”จูล่งที่มองทะลุผ้าที่คลุมสินค้าได้กะพริบตาปริบๆด้วยท่าทีประหลาดใจเมื่อเห็นสินค้าชิ้นที่กำลังจะเอาออกมา
“เอ๊ะ….”ต้าหวานกับต้าเฉียนแสดงท่าทีตกใจออกมาทันทีเมื่อผ้าคลุมสินค้าถูกนำออกไป เช่นเดียวกันกับพวกนางเหล่าผู้เข้าร่วมประมูลต่างมีท่าทีตื่นเต้นจนพากันส่งเสียงฮือฮากันทันทีที่ได้เห็นสินค้า
“200,000”
“500,000”
“800,000”…….
ทันทีที่เห็นสินค้า จำนวนเงินประมูลก็พุ่งทะยานขึ้นสูงในพริบตาเดียว ทำเอาจูล่งได้แต่กะพริบตามองสภาพตรงหน้าด้วยท่าทีอึ้งๆ
“คุณชาย ท่านจะไม่ประมูลหรือเจ้าคะ”ผิงผิงถามพลางมองไปทางไป๋จูล่งด้วยท่าทีประหลาดใจ
“มะ ไม่ขอรับ”จูล่งส่ายหน้าพลางมองสินค้าบนเวทีด้วยท่าทางเหมือนจะพูดไม่ออก จะให้มันประมูลรูปถ่ายมารดาของตัวเองไปทำไมกัน….
ปึง!! ในที่สุดการแข่งขันราคาก็จบลงที่ราคา 12 ล้านเหรียญทอง ทำเอาจูล่งไม่ทราบจะรู้สึกเช่นไรดี ดูเหมือนรูปที่เอามาประมูลจะเป็นรูปถ่ายใบแรกๆของโลกสมัยที่พวกชิงจื่อและจินจื่อสร้างกล้องขึ้นมาใหม่ๆ แน่นอนว่าพวกมันต้องเอาไปลองถ่ายพวกไป๋จูเหวินแน่ๆนอน แถมรูปถ่ายนั่นยังมีตราประจำตระกูลไป๋ประทับเอาไว้อีกต่างหาก ทำให้มั่นใจได้เลยว่าเป็นของจริงอย่างแน่นอน
แม้จะเป็นที่รู้ๆกันว่าเหม่ยหลินเป็นภรรยาของไป๋จูเหวิน มีศักดิ์เป็นมเหสีของจักรพรรดิไป๋ในช่วงเวลานั้น แต่ความงามของนางก็ทำให้เหล่าบุรุษเฝ้าฝันถึง ทำให้รูปภาพที่หาได้ยากของนางนั้นมีราคาสูงมากในตลาดเลยทีเดียว
“………….” หลังจากงานประมูลจบลง จูล่งก็ไม่ได้ของอะไรติดมือมาแม้แต่อย่างเดียว ใครใช้ให้งานประมูลนี้เหมือนยกเค้าบ้านของจูล่งเอาของมาขายกันเล่า นอกจากรูปถ่ายของเหม่ยหลินผู้เป็นมารดาแล้ว ยังมีข้าวของเครื่องใช้ที่ไป๋จูเหวินพ่อของมันเคยใช้มาประมูลอีกต่างหาก ที่แปลกที่สุดคือมีคนซื้อเสื้อที่ท่านพ่อเคยใส่ไปด้วยราคาเกือบจะ 30 ล้าน ทำเอาจูล่งไม่ทราบจะว่าอย่างไรดีเลย
“คิกๆ เจ้าทำหน้าจะทำหน้าตลกๆแบบนั้นไปถึงเมื่อไหร่กัน”ต้าหวานว่าพลางหัวเราะออกมาเพราะจูล่งเล่นทำหน้าเอ๋ออยู่ตลอดตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ของจักรพรรดิไป๋เริ่มเอามาออกประมูล
“แต่สุดท้ายเจ้าก็ไม่ได้ของที่หาสินะ น่าเสียดายจริงๆ”ต้าเฉียนส่ายหน้าช้าๆ แม้ของที่นำมาประมูลจะมีแต่ของน่าสนใจ แต่ก็ไม่มีของที่จูล่งคิดจะลงประมูลเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
“นั่นสินะขอรับ”จูล่งถอนหายใจพลางเดินกลับไปยังวังหลวงด้วยท่าทีเหนื่อยๆ แต่ก่อนที่มันจะเดินพ้นตลาดมันกลับเหลือบไปเห็นของชิ้นหนึ่งที่แขวนเอาไว้ที่หน้าร้านค้าเล็กๆเข้าพอดี
“นี่ไง”จูล่งยิ้มออกมาพลางเดินเข้าไปหยิบของเล่นเด็กที่วางขายอยู่ในร้านทันที มันเป็นของเล่นที่จูล่งเคยได้จากท่านแม่เมื่อสมัยเด็ก แต่ตอนนั้นมันไม่รู้นี่นาว่าของเล่นชิ้นนี้ชื่ออะไร
“อะไรกัน เจ้าหาแค่ของเล่นหรอกหรือ”ต้าหวานส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมา พวกนางก็คิดว่าจูล่งจะหาของสำหรับไป๋หลินเสียอีก
“ก็ข้าสัญญาแล้วนี่ขอรับว่าจะช่วยดูแลหลาน”จูล่งตอบพลางจ่ายเงินค่าของเล่นแทบจะทันที ทำเอาทั้งต้าหวานและต้าเฉียนหันไปอมยิ้มให้กัน รู้แบบนี้คงไม่พาจูล่งเข้างานประมูลหรอก แต่ได้เห็นหน้าจูล่งตอนเห็นคนเอาของใช้ของจักรพรรดิไป๋มาประมูลแล้วก็ถือว่าพวกนางได้กำไรไม่น้อย เอาไว้กลับไปที่เขตอสูรค่อยเอาไปเล่าให้พวกหลี่เย่กับชางซีฟังดีกว่า