บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 5 ผ่านพ้นฤดูกาล
ตอนที่ 5
ผ่านพ้นฤดูกาล
“ท่านน้า ข้าร้อนเหลือเกิน”ไป๋จูเหวินบ่นขณะนั่งอยู่บนต้นไม้ในเขตของป่าวัฒนะ ในแต่ละฤดูของเขตอสูร สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างเลวร้าย เมื่อหนาวก็จะหนาวจัดจนภูเขาไฟของเขตภูเขาดำแทบมอดดับ แต่เมื่อร้อนความเย็นของป่าวัฒนะกลับไม่สามารถกลบความร้อนรอบๆได้อย่างที่มังกรธรณีหวัง
“ร่างของเจ้าไม่มีพลังวิญญาณ ก็ลำบากแบบนี้ละ”พยัคฆ์อัสนีพูดพลางมองไป๋จูเหวินที่นอนอยู่บนกิ่งไม้ของป่าวัฒนะ ที่นี่มีน้ำและดินที่อุดมสมบูรณ์ อากาศเย็นกว่าทั้ง 3 เขตที่เหลือมากมายนัก แต่ก็ยังทำให้ร่างของไป๋จูเหวินมีแต่เหงื่อจนเหมือนมันพึ่งเล่นน้ำมาไม่มีผิด ต่างจากราชาทั้ง 4 และอสูรแมงมุมที่มีพลังอสูรคุ้มกาย สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปมาเช่นนี้แทบไม่มีผลอะไรกับพวกมันเลย โดยเฉพาะราชาแห่งภูเขาดำ ราชสีห์ห์เพลิงยิ่งยืนสบายราวกับอากาศร้อนแบบนี้ไม่มีผลใดกับมัน
“พวกเจ้าไม่มีทางทำอะไรเลยหรือไง”อสูรแมงมุมใจร้อนรนอย่างมาก ไม่ใช่ว่าเธอโอ๋ลูกเกินไปหรอกนะ แต่เหงื่อที่ไหลออกมาจากร่างไป๋จูเหวินมันเยอะเกินไป มนุษย์เสียน้ำมากเกินไปไม่ได้ไม่ใช่หรือไง
“ถ้าไปในเขตเทือกเขาเหมันต์ก็คงไม่ได้ ที่นั่นหนาวเกินไป”ไก่ฟ้าหงอนทองพูดพลางมองไปรอบๆ
“จริงสิ”มังกรธรณีพูดราวกับนึกอะไรออก
“ข้าได้ยินมาว่าขนของอสูรธาตุน้ำและน้ำแข็งบางประเภทให้ความเย็นได้ไม่ใช่หรือไง”ได้ยินมังกรธรณีพูด รอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏบนใบหน้าของพยัคฆ์อัสนี
“แหมๆ พวกเรารับใช้นายหญิงทั้งกายใจ จูเอ๋อทรมานเช่นนี้จะปล่อยไปเฉยๆได้อย่างไร”พยัคฆ์อัสนีสบตากับมังกรธรณีราวกับรู้กัน ทำให้ 2 ราชาที่เหลือแสดงท่าทีงุนงงออกมา
“อะไร พวกเจ้าคิดจะทำอะไร”ราชสีห์ห์เพลิงถามพลางมองรอยยิ้มชั่วร้ายของทั้ง 2 ราชา
“ไม่ต้องห่วงนายหญิง พวกเราจะเดินทางไปเทือกเขาเหมันต์เพื่อนำของคลายร้อนมาให้นายน้อยเอง”ได้ยินพยัคฆ์อัสนีพูดเช่นนั้น ทั้งไก่ฟ้าหงอนทองทั้งราชสีห์ห์เพลิงต่างก็ร้องอ๋อออกมาทันที ใบหน้าของมันปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายเช่นเดียวกับพยัคฆ์อัสนีและมังกรธรณี
“จูเอ๋อเจ้ารอสักครู่”พูดจบเหล่าราชาทั้ง 4 ก็หันไปลานายหญิง พวกมันหันหน้าเดินทางไปยังเทือกเขาเหมันต์ด้วยท่าทางมุ่งร้ายพร้อมใบหน้าราวกับฆาตกรโรคจิตที่พึ่งสังหารเหยื่อมา
.
.
“เจ้าเป็นใครถึงมาบุกรุก………….”ตามบทอย่างไม่ต้องสงสัย ราชินีแห่งเทือกเขาเหมันต์ปรากฏกายทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงการรุกราน แต่เสียงของจิ้งจอกเหมันต์กลับถูกกลืนลงคอเมื่อเห็นว่าแขกผู้มาเยือนคือราชาทั้ง 4 นั่นเอง
“พวกเจ้าทำอะไรกัน หรือว่ารวมหัวจะยึดเขตของข้า…”จิ้งจอกสีขาวตัวใหญ่ถอยร่นไปหลายก้าวเมื่อสัมผัสถึงจิตแปลกประหลาดที่ทั้ง 4 ตนส่งออกมา
“จิ้งจอกเหมันต์ ข้าคิดมาตลอดเลยนะว่าขนของเจ้าช่างสวยงามจริงๆ”พยัคฆ์อัสนีพูดพลางเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายราวโจรป่าที่กำลังเดินเข้าบ้านเหยื่อ
“เจ้ามีตั้ง 9 หางให้พวกเราตัดไปสักหางคงไม่เป็นไรกระมัง”ราชสีห์ห์เพลิงพูดพลางเหยียบย่างไปบนหิมะ แต่ทันทีที่มันรุกล้ำเข้ามาหิมะบนพื้นก็ละลายทันที
“ข้ารู้สึกว่าเจ้าแห่งเขาเหมันต์เริ่มทำตัวสบายเกินไปแล้ว พวกเราต้องคอยรับใช้นายหญิงเหตุใดเจ้าถึงนอนสบายในเขตของตัวเองกัน”มังกรธรณีพูดพลางเดินอย่างมั่นคงมาทางจิ้งจอกเหมันต์ ความจริงพวกมันทุกตนหากมาสู้ในเขตแดนของอีกฝ่ายย่อมเสียเปรียบ แต่ก็ยังอยู่ในขั้นสูสี ไม่ต้องพูดถึง 4 – 1 เช่นนี้เลย
“จูเอ๋อต้องยินดีอย่างแน่นอนเมื่อได้หางของเจ้า”เหล่าราชาทั้งสี่หัวเราะพลางเดินเข้าหาจิ้งจอกเหมันต์พร้อมเสียงหัวเราะน่าขนลุก น่าสงสารจิ้งจอกเหมันต์ไม่มีความสามารถพอจะหนีจากราชาทั้ง 4 ได้เลย
“กรีดดดดด” เสียงกรีดร้องดังไปทั่วเทือกเขาเหมันต์ ทำเอาเหล่าอสูรน้ำแข็งหลายตนถึงกับสั่นสะท้าน แต่เมื่อพวกมันรู้ตัวราชินีของพวกมันก็ไม่อยู่ในเขตแดนอีกแล้ว
ตุบ! จิ้งจอกเหมันต์ที่ถูกมัดอย่างดีลอยหวือมาตกในเขตป่าวัฒนะ ทำให้จิ้งจอกเหมันต์ได้แต่กล้ำกลืนน้ำตา มันคงไม่รอดแล้วกระมัง
“เจ้านี่นะเหรอ”อยู่ๆที่ปลายจมูกของมันก็ปรากฏร่างจำแลงมนุษย์ร่างหนึ่ง นางมีเส้นผมสีขาวและดวงตา 8 ข้างที่ดูน่ากลัวอย่างมาก ทันทีที่มือขาวผ่องของนางลูบลงบนจมูกของจิ้งจอกเหมันต์ใบหน้าจิ้งจอกของนางก็ซีดเผือด ร่างจำแลงมนุษย์ตรงหน้าคือตัวอะไรกันแน่ ต่อให้นางไม่โดนมัดก็คงสู้ไม่ได้ จะว่าไปเหมือนพวกราชาทั้ง 4 พูดถึงนายหญิงหรือจะเป็นมัน….
“ถูกแล้วนายหญิง”พยัคฆ์อัสนีพูดพลางกลายร่างกลับเป็นมนุษย์ ชายหนุ่มผมทองที่ดูท่าทางร่าเริงปรากฏกายต่อหน้าจิ้งจอกเหมันต์ทำให้มันสงสัยว่าทำไมพวกมันถึงต้องจำแลงเป็นมนุษย์ด้วย
“จิ้งจอกเหมันต์ เจ้าจำแลงเป็นมนุษย์ซะ ก่อนที่นางหญิงจะถลกหนังเจ้ามาใช้แทนผ้าห่ม”พูดจบราชสีห์ห์เพลิงก็แปลกเป็นมนุษย์อีกตน
“พวกเจ้าเล่นบ้าอะไรกัน”ทันทีที่เปลี่ยนร่างมาเป็นมนุษย์ จิ้งจอกเหมันต์ก็เอ่ยปากถามราชาทั้ง 4 ที่กลายเป็นมนุษย์แล้วด้วยสีหน้าซีดจัด จิ้งจอกเหมันต์ในร่างมนุษย์นั้นคือสาวงามผู้มีเส้นผมสีขาวนุ่มสลวยยาวถึงเอว
“เจ้าถูกเชิญ?มาเป็นผ้าห่มให้นายน้อยของพวกเรายังไงละ”พูดจบมังกรธรณีก็ผายมือไปทางไป๋จูเหวิน
“มนุษย์???”จิ้งจอกเหมันต์มองตามมือของมังกรธรณีก็พบกับเด็กมนุษย์ ทำให้มันแสดงท่าทีงุนงงออกมา ทำไมมนุษย์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“นำหางของเจ้าออกมา และให้นายน้อยได้ใช้มันบรรเทาความร้อนซะ”ไก่ฟ้าสั่งพลางมองไป๋จูเหวินที่เหงื่อท่วมตัว
“จะบ้าหรือไง ให้ข้าเอาหางไปให้มนุษย์ห่มเนี่ยนะ”จิ้งจอกเหมันต์ยังคงไม่มีท่าทีจะช่วยเหลือ ทำเอาราชาทั้ง 4 ได้แต่ทำหน้าปลง พวกมันต่างยืนไว้อาลัยให้แก่จิ้งจอกเหมันต์อย่างรู้งาน
“ถ้างั้นข้าจะตัดมันออกมาจากศพของเจ้าเอง”อยู่ๆมือของอสูรแมงมุมก็ทาบลงบนไหล่ของจิ้งจอกเหมันต์ ทำเอานางตกใจกลัวสุดขีด พลังอะไรกันทำไมนางถึงมีพลังขนาดนี้ได้ วินาทีนั้นมันเข้าใจทันทีว่าเหตุใดราชาทั้ง 4 จึงร่วมมือกันได้ เพราะมันมีผู้เหนือกว่าอยู่นี่เอง
ตุบ! เป็นดังคาด จิ้งจอกเหมันต์ในร่างมนาย์เข่าอ่อนลงกับพื้น ในที่สุดจิ้งจอกเหมันต์ก็ยอมเข้าใจเรื่องราวและเรียกหางของมันออกมาเพื่อให้นายน้อยได้ใช้แทนผ้าห่ม
หมับ! มือน้อยๆของไป๋จูเหวินจับไปที่หางของจิ้งจอกเหมันต์พลางลูบคลำอย่างสนุกสนาน ทำเอาจิ้งจอกเหมันต์ใบหน้าแดงซ่าน มันไม่เคยให้ใครแตะต้องหางได้เช่นนี้ มันทั้งดูแลขนหางและรักมันอย่างมาก เรียกได้ว่าแม้แต่เศษดินก็ไม่มีทางได้สัมผัสหางของมัน แต่ยามนี้เมื่อมีชีวิตเป็นประกัน มันจึงต้องยอมให้เด็กชาวมนุษย์สัมผัสหางของมันอย่างช่วยไม่ได้
“หางของท่านน้าจิ้งจอกนุ่มมากเลยนะครับ”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางแนบกายลงบนหางทั้ง 9 ของจิ้งจอกเหมันต์
“นุ่มกว่าขนของท่านน้าสิงโตกับท่านน้าพยัคฆ์อีก”ไป๋จูเหวินตอบตามความรู้สึกไม่มีความคิดอื่นเจือปน หากถามเรื่องความงามของขนมันย่อมเหนือล้ำกว่าเจ้าแมว 2 ตัวนั้นเป็นไหนๆอยู่แล้ว
“แน่นอน ข้าไม่ได้มีขนกระด้างเหมือนเจ้าสองตัวนั่นหรอก”จิ้งจอกเหมันต์พูดพลางยิ้มออกมา พวกมันเอ็นดูนายน้อยของมันอย่างมาก แต่นายน้อยกลับมากอดหางของตนทำให้จิ้งจอกเหมันต์รู้สึกเหนือกว่าราชาตนอื่นๆอยู่ไม่น้อย ทำให้รอยยิ้มของนางน่าหมั่นไส้เป็นพิเศษ
“เจ้าคิดเหมือนข้าไหมไก่ฟ้า”พยัคฆ์อัสนีพูดพลางมองรอยยิ้มของจิ้งจอกเหมันต์อย่างอารมเสีย
“ข้าคิดเหมือนเจ้าทุกอย่างเลย”หนวดบนหน้าของไก่ฟ้ากระตุก เมื่อเห็นยัยจิ้งจอกเริ่มจะเล่นกับนายน้อยมากเกินไปแล้ว
“เพื่อความสะดวกเราควรตัดหางมันมาทำเสื้อคลุมให้จูเอ๋อจริงๆนั่นละ”ราชสีห์ห์เพลิงว่าพลางมองจิ้งจอกเหมันต์ด้วยสีหน้ามืดมน พลางคิดว่าอย่าให้เป็นหน้าหนาวบ้าง จูเอ๋อต้องมาใช้แผงคอของมันเพื่อคลายความหนาวเป็นแน่
“ดูไปดูมาเข้าก็น่ารักไม่หยอก เอาไว้ท่านน้าจะพาเจ้าไปเที่ยวยอดเขาเหมันต์ก็แล้วกัน”จิ้งจอกเหมันต์ยิ้มพลางลูบเส้นผมของไป๋จูเหวินอย่างเอ็นดู
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เอาแก่นอสูรของนางมาให้จูเอ๋อกินเพื่อสร้างพลังอสูรในร่างคงจะดีกว่า”มังกรธรณีพูดพลางจ้องมองจิ้งจอกเหมันต์อย่างกินเลือดกินเนื้อ