บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 520 ไม่เพียงพอ
ตอนที่ 520
ไม่เพียงพอ
“ถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่เลยนะ”ยี่เจินพูดพลางมองโรงงานของตนเองที่พึ่งก่อสร้างเสร็จภายในเวลา 3 เดือนเท่านั้น เนื่องจากในกลุ่มช่างก่อสร้างมีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณมาช่วยด้วยโรงงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนที่ดินว่างเปล่าทางเหนือกว่า 1,200 ไร่นี้จึงเสร็จลงอย่างรวดเร็ว
“ช่วงแรกคงวุ่นวายกันน่าดู แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว”ยี่เจินว่าพลางถอนหายใจออกมา เนื่องจากโลหะผสมของจูล่งนั้นเป็นโลหะที่ผสมขึ้นมาจากแร่ราคาถูก ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถทำตามได้หากมีสูตรในมือ ยี่เจินและรูบี้ก็เลยต้องวางแผนการผลิตแบบแยกส่วน เพื่อไม่ให้ใครจดจำสูตรแล้วนำไปขายหรือไปใช้เอง ในแต่ละขั้นตอนทั้งจัดสรรแร่ หลอมผสม ตีแผ่น หรือขึ้นรูปต่างๆตามสั่งล้วนแยกส่วนการผลิตกันทั้งสิ้น และเพราะการทำงานที่ต้องแยกส่วนกันแบบนี้ทำให้การสอนงานเองก็ยากไปด้วย เพราะช่างที่มาทำงานต่างเป็นช่างฝีมือที่เคยผ่านงานกันมาแล้วทั้งนั้น กว่าจะอธิบายให้พวกมันเข้าใจได้ว่าพวกมันต้องทำแต่ส่วนของตนเองไม่ใช่ทำทั้งหมดก็ใช้เวลาพักใหญ่เลยทีเดียว
“เจ้านาย วัตถุดิบมาส่งแล้วขอรับ”ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดพลางเดินเข้ามาหายี่เจินด้วยท่าทีนอบน้อม ที่ด้านหลังของมันมีชายหญิงอีกจำนวน 30 คนยืนอยู่ด้วยกันซึ่งแต่ละคนนั้นสวมแหวนมิติเอาไว้คนละวงเอาไว้ที่นิ้วมือด้านขวาของตนเอง คนเหล่านี้คือผู้ขนส่งวัสดุให้กับโรงงานของยี่เจินนั่นเอง เพราะวัตถุดิบราคาถูกทำให้การซื้อขายแต่ละครั้งต้องใช้จำนวนมาก สุดท้ายยี่เจินก็จ้างผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณมาทำหน้าที่นี้จนได้ เพราะนอกจากจะขนวัตถุดิบได้เยอะแล้วพวกมันยังดูแลตนเองได้ในระดับหนึ่งด้วย
“นำไปใส่ไว้ในโกดัง”ยี่เจินว่าพลางชี้ไปที่โกดังเก็บของที่เรียงรายกันเอาไว้หลายโกดัง แต่ถึงจะมีที่ว่างมากมาย ไม่นานแร่ต่างๆที่รับซื้อมาก็กองอยู่ในโกดังราวกับภูเขาย่อมๆไม่มีผิด
“………”ในสายตาคนอื่นๆอาจจะมองว่ากองภูเขาแร่นี้ช่างมากมายมหาศาลจริงๆ แม้จะบอกว่าเป็นแร่ราคาถูกแต่การซื้อมามากมายขนาดนี้ก็ต้องใช้เงินหลายล้านเหรียญทองเลยทีเดียว แต่นั่นก็เป็นเพียงในสายตาคนอื่นๆเท่านั้น ยามที่ได้เห็นกองแร่มากมายตรงหน้ายี่เจินกลับลอบคิดในใจว่า จะพอหรือไม่นะ? จำนวนสินค้าที่รูบี้สั่งมานั้นเยอะจนน่าขนลุก
“ข้าว่าไม่น่าพอนะขอรับ”จูล่งพูดพลางใช้ดวงตาสีทองและสีเขียวตรวจสอบแร่ที่พวกฝ่ายจนส่งนำมา
“เอ๊ะ….”เหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่กำลังอึ้งกับจำนวนแร่อยู่พากันหันมาส่งเสียงร้องแปลกๆออกมาเสียอย่างนั้น พวกมันตอนไปรับแร่พวกนี้มายังอึ้งอยู่เลยเพราะมันเยอะมากๆ ยิ่งพอทราบว่ามีคนนำแร่มาพอๆกับตนเองอีกร่วม 30 คนก็ทำเอาตกใจเข้าไปอีก พอมาเห็นกับตาก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออกไปเลย แต่เจ้าหนูนี่กลับบอกว่าไม่พองั้นหรือ?
“คงต้องหาเพิ่มอีกหน่อย แต่เท่านี้ก็คงพอให้เริ่มงานได้แล้ว”ยิ่งได้ยินยี่เจินพูดอย่างเห็นด้วยออกมาก็ยิ่งทำให้เหล่าคนฝ่ายขนส่งกะพริบตาปริบๆด้วยท่าทีตกใจ
“งั้นข้าจะเริ่มหลอมเลยนะขอรับ”จูล่งว่าพลางเตรียมเดินเข้าไปหาภูเขาแร่เหล็กตรงหน้า แต่ยังไม่ทันเดินเข้าไปมันก็โดนยี่เจินห้ามเอาไว้ก่อน
“เจ้าน่ะไม่ต้องเลย”ยี่เจินว่าพลางลากจูล่งออกมา แน่นอนมันดึงจูล่งไม่ไปหรอก แต่เพราะยี่เจินดึงเอาไว้จูล่งก็เลยยังไม่ได้เข้าไปแยกโลหะพวกนั้น
“ทำไมล่ะขอรับ ข้าทำเร็วกว่านะ”จูล่งถามด้วยท่าทีงงๆ มันเองก็อยากจะช่วยนี่นา
“ไม่ได้ ถ้าเจ้าทำแล้วคนงานจะทำอะไรล่ะ ข้าจ่ายค่าแรงพวกมันไปแล้ว ให้พวกมันได้ทำงานซะ”ยี่เจินว่าพลางกอดอกด้วยท่าทีหนักแน่น มันทราบดีว่าจูล่งสามารถหลอมโลหะพวกนี้ให้เสร็จภายในพริบตาเดียวได้สบาย แต่หากทำแบบนั้นคนงานของมันก็จะไม่ได้ฝึกฝีมือพอดี แล้วจูล่งก็ต้องกลับไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอยู่แล้ว หากมันมัวแต่พึ่งพลังของจูล่งมีหวังโรงงานของมันได้ปั่นป่วนกันพอดี
“แบบนั้นข้าก็ว่างนะสิ เจ้านายให้ข้าทำอะไรด้วยสิ”จูล่งบ่นพลางทำหน้ามุ่ยออกมาเสียอย่างนั้น ทำเอายี่เจินได้แต่หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้จูล่งอยู่ในตำแหน่งผู้ถือหุ้นของโรงงาน ไม่จำเป็นต้องลงแรงอะไรเองเสียด้วยซ้ำ เพียงนั่งรอส่วนแบ่งไปก็พอแล้วแท้ๆ ทั้งๆที่อยู่ในตำแหน่งที่ทุกคนต้องอิจฉามันกลับมาโวยวายเพราะไม่มีอะไรให้มันทำเสียอย่างนั้น
“งั้น…..”ยี่เจินว่าพลางนำถุงเงินออกมา ยามนี้ยี่เจินพกเงินสดไม่มากนักเพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย เงินของมันส่วนใหญ่ฝากเอาไว้ในธนาคารของเมืองข้างๆ ทำให้ที่ตัวมันมีเพียงสมุดบัญชีของธนาคารนั้นเท่านั้น แต่ถึงจะมีแต่สมุดบัญชียี่เจินก็พอจะจำยอดเงินที่ยังเหลืออยู่ได้ แม้จะสร้างโรงงานและกว้านซื้อแร่มาแล้วยี่เจินก็ยังมีเงินเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง
“เจ้ามีความสามารถตรวจสอบวัตถุดิบสินะ ข้าอยากให้เจ้าไปค้นหาเหมืองแร่ให้หน่อย”ยี่เจินว่าพลางนำตั๋วเงินออกมาให้จูล่งเพื่อมอบหมายให้จูล่งไปจัดการเรื่องนี้เสีย
“เหมืองหรือขอรับ”จูล่งเลิกคิ้วด้วยท่าทีสนใจ
“ใช่ เจ้าก็เห็นนี่ว่าแร่พวกนี้มันไม่พอ แถมท่านรูบี้ยังบอกอีกว่าหลังจากนี้จะสั่งจำนวนมากกว่านี้”ยี่เจินว่าพลางถอนหายใจออกมา เหมืองแร่ในตอนนี้แม้จะสามารถผลิตแร่ได้มากมาย แต่เพราะมีคู่ค้าอยู่แล้วแร่ที่แบ่งขายมาให้โรงงานของยี่เจินได้จึงเป็นเพียงจำนวนหนึ่งในแร่ทั้งหมดที่ขุดมาได้ทั้งหมดเท่านั้น ส่งผลให้แร่ที่ยี่เจินได้มาแทบไม่พอเพียงต่อความต้องการ แม้จะมีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อมาได้มากกว่านี้แล้ว ยี่เจินจึงคิดจะสร้างเหมืองแร่ของตนเองขึ้นมาและส่งแร่ทั้งหมดที่หามาได้ป้อนเข้าโรงงานอีกที
“ท่านก็เลยอยากจะให้ข้าไปหาสถานที่ทำเหมืองแร่สินะขอรับ”จูล่งพยักหน้าช้าๆอย่างเข้าใจ ในยุคนี้เทคโนโลยียังไม่มากพอที่จะใช้หาเหมืองแร่ที่ซ่อนอยู่ในดิน เหมืองแร่ต่างๆถูกค้นพบด้วยความบังเอิญทั้งนั้นทำให้ยังมีเหมืองแร่อีกมากมายที่ยังไม่ถูกค้นพบ เมื่อยี่เจินได้ทราบถึงความสามารถดวงตาของจูล่ง ยี่เจินก็คิดเรื่องนี้มาพักหนึ่งแล้ว เพราะการซื้อแร่ของมันไม่ราบรื่นเอาเสียเลย
“ก็ได้ขอรับ งั้นข้าจะไปกับพี่ตงฟางก่อนก็แล้วกัน”จูล่งว่าพลางเรียกให้ตงฟางออกมาจากแขนเสื้อก่อนที่จะขึ้นขี่หลังของตงฟางที่กลายเป็นม้าแล้วเดินทางออกไปทันทีเพื่อทำงานในส่วนของตนเอง
.
.
.
“เจ้านาย ข้าพบแล้วขอรับ”หลังจากผ่านไปแค่ครึ่งวัน อยู่ๆจูล่งก็ขี่หลังตงฟางบินกลับมาที่โรงงานเสียแล้ว ทำเอายี่เจินที่กำลังสอนงานให้กับช่างในตำแหน่งต่างๆต้องหันมามองทันที
“เจอแล้ว….”ยี่เจินว่าพลางกะพริบตาปริบๆ ทำไมถึงไวนัก ไม่ใช่ว่าเหมืองแร่แถวนี้ถูกพบหมดแล้วงั้นหรือ ยี่เจินคิดว่าจูล่งต้องใช้เวลาสักอาทิตย์นึงเสียอีก
“ข้าพบที่นึงเหมาะมากเลยขอรับ”จูล่งว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีอกดีใจ ทำเอายี่เจินเองก็แอบลุ้นไปด้วยไม่ได้
“ดี งั้นพาข้าไปดูหน่อย”ยี่เจินพูดพลางขึ้นไปบนหลังตงฟางด้วยอีกคนพลางหันมาสั่งพวกเกว็นและเอมิลให้สอนงานต่อแทน
“เหมืองแร่แถวนี้งั้นเหรอ”เอมิลว่าพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีครุ่นคิด มันเองก็มีลูกน้องเป็นอสูรธาตุดินก็เลยให้มันลองหาเหมืองแร่แถวๆนี้มาก่อนเช่นกัน แต่อสูรธาตุดินเหล่านั้นกลับหาไม่เจอเลย
“หรือว่า….”เกว็นเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างทำให้นางมองตามไป๋จูล่งกับยี่เจินไปด้วยท่าทีกังวล
“นะ นี่นเหรอภูเขาแร่ของเจ้า”หลังจากนั่งบนหลังของตงฟางนั่งมาได้ไม่นานเท่าไหร่ ยี่เจินก็พบว่าภูเขาสินแร่ที่จูล่งพบนั้นอยู่ไม่ห่างจากโรงงานเท่าไหร่ หากใช้รถม้าหรือคนปกติเดินทางแค่ 3 หรือ 4 วันก็เดินทางถึงแล้ว
“ใช่ขอรับ ที่นี่ล่ะ”จูล่งว่าพลางชี้ไปที่พื้นเบื้องล่าง เพียงแต่….
“จูล่ง เจ้าบอกข้าอีกทีสิ ที่นี่มันที่ไหน”ยี่เจินถามพลางมองภูเขาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายน่ากลัวลอยออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ก็เขตอสูรไงขอรับ”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีใสซื่อ ทำเอายี่เจินได้แต่ถอนหายใจ
“ไม่ได้”ยี่เจินส่ายหน้าด้วยท่าทีจริงจัง มันไม่อาจสร้างเหมืองแร่ในเขตอสูรได้หรอก
“ทำไมล่ะขอรับ ข้าลองถามราชาของเขตอสูรแล้ว มันบอกว่าให้ข้าเข้ามาขุดได้ตามใจเลยนี่นา”จูล่งตอบพลางกะพริบตาปริบๆ พอโดนพลังดึงดูดเหล่าอสูรเข้าไป พวกอสูรก็ไม่มีตนไหนกล้าขัดจูล่งหรอก
“เจ้าคิดว่าอสูรของอาณาจักรนี้ใช้เงินหรือไม่ล่ะ”ยี่เจินถามพลางมองไปยังภูเขาเบื้องล่าง บนพื้นดินรอบๆภูเขานั้นปรากฏร่างของเหล่าอสูรจำนวนมากเดินไปให้เต็มไปหมด แถมยังเป็นอสูรที่ดูน่ากลัวมากอีกด้วย
“ไม่ขอรับ อสูรอาณาจักรนี้ไม่ได้อยู่ร่วมกับมนุษย์เหมือนอาณาจักรเรา”จูล่งตอบด้วยท่าทีสับสนเล็กน้อย
“งั้น ข้าจะจ่ายค่าที่ให้อสูรตนนั้นได้ยังไง”ยี่เจินถามพลางกอดอกด้วยท่าทีจริงจังมากขึ้น
“แต่ อสูรที่เป็นราชาของเขตบอกว่าสามารถขุดได้ตามใจชอบนี่ขอรับ”จูล่งตอบด้วยท่าทีเริ่มไม่มั่นใจ หรือว่ามันจะทำอะไรผิดไป
“แบบนั้นไม่ได้หรอก จูล่งข้าเป็นพ่อค้านะ หากอยากได้อะไรก็ต้องซื้อมา หรือแลกมา การขอฟรีแบบนี้ไม่ใช่หลักการของข้า”ยี่เจินตอบเสียงเข้ม แน่นอนจูล่งสามารถเดินเข้าไปขออะไรก็ได้จากเขตอสูรทั่วแผ่นดิน แต่หากทำแบบนั้นจิตสำนึกของยี่เจินคงได้แต่ร้ำร้องออกมาแน่ๆ
“งั้นหรือขอรับ”จูล่งพูดพลางก้มหน้าลงน้อยๆ จูล่งเองก็ลืมคิดเรื่องสิ่งตอบแทนไปเลย หากมันขุดเหมืองแร่ในเขตอสูรออกมาโดยไม่จ่ายเงินหรือมอบสิ่งตอบแทนให้ มันจะต่างอะไรกับเอาสมบัติของพวกท่านน้ามาขายเล่า
“เอาล่ะ พาข้ากลับไปส่งโรงงาน แล้วหาภูเขาสินแร่ใหม่เสีย คราวนี้เอาที่ไม่ได้อยู่ในเขตอสูรล่ะ”ยี่เจินว่าพลางตบบ่าจูล่งเบาๆ มันเองก็ไม่ผิดหรอกที่คิดจะขุดแร่ออกมาจากภูเขาในเขตอสูร หลายๆคนหากสามารถทำได้ก็คงจะทำเช่นกัน แต่ยี่เจินไม่อาจรับอย่างเดียวโดยไม่จ่ายคืนได้จริงๆ