บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 523 ใช้เงินทำงาน
ตอนที่ 523
ใช้เงินทำงาน
“แหม่ มีอสูรนี่ช่วยได้มากจริง”ชายร่างใหญ่คนหนึ่งพูดขณะกำลังใช้อีเต้อขุดหินตรงหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่น่าเชื่อเพียงไม่กี่วันเหล่าชาวเมืองที่ต่อต้านการมาของอสูรถึงขนาดสร้างสิ่งกีดขวางไม่ยอมให้พวกยี่เจินเข้ามาในเมืองกลับเปลี่ยนไปได้ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ยามนี้เหล่าหนุ่มๆและชายฉกรรจ์ในเมืองต่างออกมาช่วยทำเหมืองกันอย่างแข็งขัน เพราะนอกจากเงินเดือนแล้วยังมีค่าแรงพิเศษสำหรับคนที่ทำผลงานได้ดีอีกด้วย ทำให้ทั้งชาวเมืองและแรงงานที่มาจากที่อื่นต่างขยันขันแข็งกันมากทีเดียว รวมถึงพวกอสูรที่ได้จูล่งช่วยสั่งการ พวกมันพอโดนพลังดึงดูดเหล่าอสูรเข้าก็ตั้งอกตั้งใจทำงานราวกับได้ค่าแรก 10 เท่าไม่มีผิด
“ท่าทางงานจะดำเนินไปได้ด้วยดีนี่นา”ยี่เจินพูดพลางมองการทำเหมืองตรงหน้าด้วยท่าทีโล่งใจ ตอนแรกมันก็กังวลเรื่องคนในเมืองอยู่หรอก แต่ไม่ทราบจูล่งทำอย่างไรชาวเมืองถึงตกลงมาทำงานให้เสียอย่างนั้น
“ขอรับ พอเริ่มชินกับงานแล้วแร่ที่ขุดได้ก็เพิ่มขึ้นมากเลยขอรับ เดือนนี้น่าจะช่วยเสริมจำนวนแร่ที่ขาดได้”จูล่งว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ เพราะเมืองแห่งนี้หาเงินได้น้อย ทำให้เงินเดือนที่พวกยี่เจินเสนอให้เป็นรายได้ที่มากจนน่าตกใจสำหรับคนในเมือง เพียงบอกว่าจะจ้างแรงงานด้วยจำนวนเงินเท่าไหร่ ชาวเมืองที่เตรียมจะไล่จูล่งออกจากพื้นที่ไปก็เปลี่ยนท่าทีมาร่วมงานด้วยแทบจะทันที
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะเห็นแก่เงิน แต่พอมีคนไปทำงานและกลับมาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง รวมทั้งการได้ทำงานกับอสูรที่เอมิลพามานั้นเป็นเรื่องไม่น่ากลัวเลยสักนิด ทำให้ชาวเมืองที่ตอนแรกไม่ยอมรับก็เริ่มเปิดใจทีละคน แม้จะยังมีบางคนที่ไม่ยอมรับอยู่แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น และคงต้องใช้เวลาสักหน่อยให้พวกมันได้ทำใจ
นอกจากนี้เพราะการมาถึงของเหมือง ทำให้มีการสร้างถนน และสิ่งที่ตามมาก็คือเหล่าพ่อค้าที่แต่ก่อนไม่เคยคิดจะมาเมืองนี้ เมื่อพ่อค้าเข้ามาสิ่งของต่างๆก็เข้ามา รวมทั้งการสร้างเครื่องอำนวยความสะดวกในเมืองด้วยเช่นกัน เพราะเจ้าเมืองยามนี้มีเงินจากยี่เจินอยู่ ทำให้สามารถพัฒนาเมืองให้ดีกว่าเดิมได้เสียที
นอกจากนี้เหล่าคนงานที่มาจากนอกเมืองนั้นมีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณฝีมือดีอยู่ด้วย หลังจากเลิกงานแล้วพวกมันบางส่วนได้ช่วยถ่ายทอดวิธีฝึกฝนพลังวิญญาณพื้นฐานให้กับพวกผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณของในเมือง ทำให้พวกผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณในเมืองเพิ่มระดับขึ้นมาหลายระดับ ทำให้งานเดินไวขึ้นมากเลยทีเดียว
“เฮ้อ…..ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีวันที่ข้ารู้สึกว่าแร่จากเหมืองต่างๆมันน้อยเสียเหลือเกิน”ยี่เจินว่าพลางถอนหายใจออกมา สมัยก่อนเวลามันเห็นการทำเหมืองที่ขุดแร่ต่างๆได้นับแสนๆกิโลมันก็เคยคิดว่าพวกมันขุดไปทำอะไรมากมาย แล้วใครมันจะเอาไปใช้จำนวนมากขนาดนั้นกัน มายามนี้มันได้เป็นเจ้าของโรงงานใหญ่ที่มีโรงผลิตของรูบี้คอยป้อนคำสั่งซื้อ ยิ่งเดือนที่ 2 ห้องทดลองของชิงจื่อและจินจื่อที่อาณาจักรไป๋ยังส่งคำสั่งสินค้ามาเพิ่มอีก ทำเอายี่เจินยามนี้เริ่มรู้สึกว่าทำไมเหมืองต่างๆไม่ขุดให้ได้มากกว่านี้ขึ้นมาเลย
“จริงสิจูล่ง นี่เป็นส่วนของเจ้า”ยี่เจินว่าพลางนำถุงเงินออกมายื่นให้กับจูล่ง ในนั้นบรรจุตั๋วเงินใบละ 100,000 เหรียญทองจำนวนมากใส่เอาไว้จนแน่น นี่คือเงินที่ได้จากการเป็นหุ้นส่วนกับยี่เจินเจ้าของโรงงานใหญ่แห่งอาณาจักรไชน์ และหลังจากนี้มันจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าเพราะหลายๆอาณาจักรที่มีโรงงานผลิตและห้องทดลองของตนเองต่างเริ่มสนใจโลหะพวกนี้แล้ว ตรงกันข้ามกับยอดสั่งซื้อ ต้นทุนของแร่พวกนี้กลับถูกมากๆ ทำให้กำไรของยี่เจินและจูล่งนั้นสูงจนน่าใจหาย ทำให้ยี่เจินวางแผนที่จะสร้างเหมืองแร่อีกหลายๆแห่งเพื่อป้อนแร่เข้าโรงงานของตนเอง เงินในถุงนี้จึงมีค่าสำรวจเหมืองของจูล่งด้วยเช่นกัน
เรียกได้ว่าการลงทุนสร้างโรงงานในครั้งนี้ได้ผลกำไรกลับมารวดเร็วทีเดียว หางยังมีคนสั่งซื้อในจำนวนนี้อีก 2 เดือนเงินที่ยี่เจินลงทุนสร้างโรงงานไปก็คงได้คืนมาหมดแล้ว
“ขอบคุณขอรับ”จูล่งว่าพลางยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี การหาเงินคราวนี้ของมันสร้างรายได้มหาศาลมากกว่าที่ตัวมันคิดเอาไว้มาก แต่เดิมมันแค่จะมาหารับจ้างกินเงินเดือนแท้ๆ ไม่รู้ว่ากลายมาเป็นหุ้นส่วนของโรงงานผลิตโลหะผสมไปได้อย่างไร
“เหลือเวลาอีกไม่มากแล้วสินะ เจ้าเองก็จะกลับไปอาณาจักรไป๋แล้ว เงินที่ได้หลังจากนี้จะเอาอย่างไร ให้ข้าส่งไปให้ที่อาณาจักรไป๋หรือไม่”ยี่เจินถามพลางมองไปทางจูล่งด้วยสายตาสงสัย เรื่องของพี่สาวที่กำลังจะคลอดหลานของจูล่งออกมานั้นตัวยี่เจินได้ฟังมาแล้ว และแสดงความยินดีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้จะน่าเสียดายที่จูล่งจะกลับไปแล้วก็ตาม แต่ยี่เจินก็ไม่เสียใจเลยที่ได้พบกับจูล่งในครั้งนี้
“ไม่รู้สิขอรับ ความจริงข้ายังไม่รู้เลยว่าจะใช้เงินพวกนี้หมดได้ยังไง”จูล่งหัวเราะออกมาด้วยท่าทีเขินๆ แต่เดิมจูล่งก็ไม่มีความต้องการเรื่องเงินอยู่แล้ว ที่ออกมาหาเงินก็เพื่อเติมเต็มความรู้สึกรับผิดชอบของตนเองเท่านั้น พอหาได้มากๆเข้าก็ไม่ทราบจะเอาไปทำอะไรต่อเสียได้
“เงินน่ะมีเอาไว้ก็ไม่เสียหลายหรอก เอาเป็นว่าข้าจะส่งเงินส่วนของเจ้าให้ทุกเดือนก็แล้วกัน”ยี่เจินส่ายหน้าช้าๆด้วยท่าทีเอ็นดู
“จริงสิ ข้าเอาเงินของข้าไปให้ผู้อื่นยืมดีหรือไม่ขอรับ”จูล่งถามเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้
“ให้ผู้อื่นยืม?”ยี่เจินขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย นี่จูล่งคิดจะทำอะไรกันแน่
“เหมือนที่ท่านยืมเงิน 200 เหรียญทองมาจากร้านค้าในเมืองท่าไงขอรับ ข้าอยากจะเอาเงินส่วนของข้าไปให้คนอื่นยืมบ้าง”จูล่งว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้น
“เจ้าจะให้กู้ยืมแล้วกินดอกเบี้ยเอางั้นหรือ”ยี่เจินครุ่นคิดด้วยท่าทีจริงจัง ธุรกิจเงินกู้ก็นับว่าเป็นธุรกิจที่ดีสำหรับคนที่มีเงินทุน
“แบบนั้นก็ดีไม่ใช่หรือขอรับ มอบทุนให้กับผู้มีความสามารถแล้วเก็บเงินเมื่อพวกมันพร้อมจะคืน”จูล่งยิ้มออกพร้อมชูถุงเงินไปทางยี่เจิน เงินที่ได้จากการขายโลหะผสมนั้นเยอะไม่ใช่น้อย จำนวนเงินขนาดนี้สามารถสร้างธุรกิจยิบย่อยได้มากมายแต่หากจูล่งจะสร้างเองคงดูแลทั้งหมดไม่ไหวแน่ๆ สู้ปล่อยให้เงินคนอื่นไปสร้างธุรกิจเอาเองเสียดีกว่า
“ไม่เลว แต่การกู้ยืมคงต้องมีหลักประกันเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นเกิดธุรกิจล่มขึ้นมาเราก็เสียหายไปด้วยนะ”ยี่เจินพูดด้วยท่าทีเห็นด้วย ก่อนจะนำกระดาษออกมาร่างโครงสร้างของธุรกิจที่จูล่งจะทำกันอย่างจริงจัง
“แต่ถึงจะรับประกันเรื่องรายได้ แต่เงินดอกเบี้ยมันก็น้อยอยู่ดีนะขอรับ”เอมิลที่ได้ยินเข้าเดินเข้ามาพลางเสนอความคิดของตนเองบ้าง ดอกเบี้ยของอาณาจักรไชน์ตามกฎหมายแล้วห้ามเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ไม่อย่างนั้นก็เป็นหนี้นอกระบบไป แบบนั้นจูล่งคงไม่ทำแน่ๆ และร้านค้าส่วนใหญ่ก็ปล่อยกู้ที่ 3 เปอร์เซ็นต์ หากจูล่งจะไปแข่งกับร้านค้าพวกนั้นก็ต้องให้ดอกเบี้ยที่ 3 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน เท่ากับว่า 1 เดือนจูล่งจะได้เงิน 3 เหรียญทองจากทุกๆ 100 เหรียญทองที่ให้กู้ยืมไปเท่านั้นเอง ในเมืองๆหนึ่งการกู้ยืมอาจจะไม่เยอะมากเสียด้วย บางทีจูล่งอาจจะได้ดอกเบี้ยเพียงละไม่กี่พันเหรียญทองเท่านั้น
“งั้นก็เปิดร้านแบบนี้ทุกเมืองเลยดีหรือไม่ขอรับ นอกจากจะสร้างโอกาสให้ชาวเมืองแล้วยังได้ดอกเบี้ยด้วย”จูล่งยิ้มออกมา เพราะหากวันนั้นยี่เจินไม่ได้เงินทุน 200 เหรียญทองมาทำธุรกิจเกลือ ยี่เจินก็คงไม่คิดจะไปขายอัญมณีจนได้พบกับทับทิมเพลิงที่หายากแน่ๆ
“แบบนั้นก็ต้องใช้เงินทุนเยอะมากเลยทีเดียว เจ้าแน่ใจนะว่าจะลงทุนแบบนี้”ยี่เจินถามพลางมองไปทางจูล่งด้วยท่าทีจริงจัง การลงทุนเช่นนี้มีความเสี่ยงอย่างมาก ไหนจะต้องซื้อที่ดินและก่อสร้างอาคาร ไหนจะเงินที่จะให้กู้ยืม ค่าจ้างพนักงานรวมทั้งโอกาสที่ลูกหนี้จะเบี้ยวอีกต่างหาก
“ไม่มีปัญหาขอรับ ข้าค่อนข้างมั่นใจเลยทีเดียว”จูล่งว่าพลางยิ้มออกมา หากจะสร้างสาขาทั่วอาณาจักรไชน์เกรงว่าจะต้องใช้เงินทั้งหมดที่ได้มาจากยี่เจินเสียแล้ว แต่นั่นก็แค่การซื้อที่ดินและอาคารเท่านั้น ยังมีเงินที่จะให้ผู้มากู้ยืมอีกและเงินค่าจ้างพนักงานอีก หากจูล่งจะทำเช่นนั้นคงต้องรอเงินส่วนแบ่งของเดือนอื่นๆด้วยถึงจะได้
“ถ้างั้นเจ้าก็ต้องขยันทำงานหน่อยแล้วล่ะ หลังจากนี้เจ้าต้องหาสถานที่ตั้งเหมืองให้ข้าอีกหลายแห่งเลย”ยี่เจินว่าพลางตบบ่าจูล่งเบาๆ ความเสี่ยงมันเป็นของคู่กันกับพ่อค้าอยู่แล้ว มันก็ไม่สามารถรับปากได้หรอกนะว่าการลงทุนของจูล่งจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่หากมันสำเร็จก็จะสร้างเงินมหาศาลให้กับจูล่ง แต่หากไม่สำเร็จก็ขาดทุนเท่านั้น แต่การขาดทุนในแผนของจูล่งคงจะไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ เพราะการกวาดซื้ออาคารตามเมืองต่างๆแม้จะใช้เงินจะนวนมากก็ยังสามารถขายอาคารไปได้อยู่ดี ต่อให้แผนนี้ไม่เข้าท่าก็เพียงเจ็บหนักหน่อยเท่านั้น แต่สำหรับจูล่งแล้วเงินที่จะได้แบ่งจากยี่เจินยังมีอีกเรื่อยๆ แค่เจ็บสักครั้งคงไม่เป็นไร
.
.
“จูล่ง เจ้ากลับมาแล้วหรือ” หลังจากช่วยเหลือยี่เจินหาเหมืองแร่ และดำเนินการเรื่องกองทุนกู้ยืมของตนเอง จูล่งก็กลับมาที่เขตอสูรผาไร้ก้นพร้อมๆกับพวกสาวๆ ปล่อยให้เอมิลและเกว็นอยู่กับยี่เจินดูแลโรงงานของยี่เจินและกองทุนของจูล่งแทนไปก่อน เพราะกำหนดคลอดของไป๋หลินนั้นใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
“ท่านพี่ ร่างกายแข็งแรงดีนะขอรับ”จูล่งว่าพลางมองไปที่ท้องของไป๋หลินผู้เป็นพี่สาว ดวงตาสีเขียวของมันและหลี่เย่สามารถมองภายในท้องของไป๋หลินได้ชัดเจน ทำให้มองเห็นได้ทันทีว่าทารกที่ใกล้จะคลอดออกมานั้นแข็งแรงดีแค่ไหน หลานคนแรกของตระกูลไป๋ย่อมได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างมากอยู่แล้ว เรียกได้ว่าของบำรุงนั้นมีไม่เคยขาด แทบไม่ต่างจากตอนเหม่ยหลินท้องเลย เผลอๆจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ แถมตัวเหม่ยหลินและชิงชิวยังมีพลังอสูรของอสูรแมงมุมทั้งคู่ ทำให้ตัวเด็กมีทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูรตั้งแต่อยู่ในท้องเหมือนกับไป๋หลินไม่มีผิด แม้จะไม่ได้เป็นอสูรบรรพกาลแรกเกิดหรือเจ้าสวรรค์แรกเกิดแบบจูล่ง แต่ระดับพลังแรกเกิดของหลายคนนี้น่าจะไม่ต่ำเหมือนไป๋หลินตอนคลอดไม่มีผิดแน่ๆ
“จูล่ง เจ้าไปทำทำงานที่ไหนมากันถึงหายไปหลายเดือนเช่นนี้”ชิงชิวถามพลางเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับข่าวว่าจูล่งกลับมาแล้ว
“ก็ นิดหน่อยขอรับ”จูล่งยิ้มเจื่อนๆออกมา เพราะตอนแรกมันก็จะแค่ไปรับจ้างทำงานนิดๆหน่อยเท่านั้นหรอก เพราะถ้าหากเป็นแบบนั้นจูล่งก็คงกลับมาเยี่ยมไป๋หลินได้บ่อยๆ แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นตั้งหลายอย่างสุดท้ายจูล่งเลยยุ่งอยู่ที่อาณาจักรไชน์จนกลับมาก่อนคลอดไม่กี่อาทิตย์เท่านั้นเอง
“พี่เขย ท่านตั้งชื่อบุตรชายของท่านว่าอะไรหรือ”จูล่งถามพลางยิ้มออกมา เรื่องเด็กทารกในท้องของไป๋หลินเป็นผู้ชายนั้นทราบกันตั้งแต่เดือนแรกๆแล้ว เพียงจูล่งใช้ดวงตาสีเขียวดูก็ทราบทันทีว่าเด็กเป็นเพศอะไร
“พวกเราว่าจะตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่า ไป๋หลินเฟย”ชิงชิวตอบออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ แม้จริงๆควรจะตั้งว่า ชิงหลินเฟย แต่ตอนนี้ตระกูลชิงก็มีครอบครัวของชิงจื่ออยู่แล้ว และอย่างที่ชิงชิวรู้สึกมาตลอดว่ามันมีวันนี้ได้เพราะตระกูลไป๋ และมันตอนนี้ก็ไม่ต่างจากคนตระกูลไป๋แล้วเสียด้วย การให้บุตรชายใช้ชื่อสกุลไป๋นั้นเป็นสิ่งที่มันเป็นเกียรติเสียมากกว่าด้วยซ้ำ