บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 527 หน้าที่
ตอนที่ 527
หน้าที่
เปรี้ยง!! กระบี่ในมือหลานฮวากวาดฟาดไปที่พื้นเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมท่วงท่าที่ดุดันจนดูแปลกตาเมื่อออกมาจากร่างของหญิงสาว ท่วงท่าของหลานฮวานั้นราวกับจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายในทุกกระบวนท่า ทำเอาเหล่าชายที่เข้ามาล้อมโจมตีต่างหวาดผวาไปตามๆกัน
“พี่หลานฮวา คนพวกนี้มาทำอะไรกันงั้นหรือ”ผิงกั่วถามขณะโดนชายกลุ่มนี้ล้อมเอาไว้ทันทีที่มาถึงเมืองข้างเคียง
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ๆก็เข้ามาโจมตีพวกเราแบบนี้”หลานฮวาตอบพลางใช้กระบี่ฟาดใส่ร่างของชายคนหนึ่งจนเลือดสีแดงสดไหลออกมาเป็นทาง นางไม่คิดจะออมมือให้กับคนที่เข้ามาล้อมตนเองด้วยท่าทีคุกคามแบบนี้หรอก
“พวกเจ้าคือคนที่มาโจมตีคนของเราที่เมืองข้างๆ อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องไปหน่อยเลย”ชายคนหนึ่งในกลุ่มพูดพลางชี้กระบี่มาที่หลานฮวา
“เมืองข้างๆ….”หลานฮวาคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางมองที่ชุดของพวกที่มาล้อมตนเอาไว้ จะว่าไปคนพวกนี้ก็แต่งกายเหมือนพวกที่เข้ามาชิงผลึกฟ้าเหมันต์ที่ผิงกั่วครอบครองเอาไว้นี่นา
“อ๋อ เป็นพวกเดียวกันกับเจ้าพวกนั้นนี่เอง”หลานฮวาพยักหน้าช้าๆด้วยท่าทีเข้าใจ อย่างน้อยพวกมันก็ไม่ได้ล้อมนางเอาไว้โดยไม่มีสาเหตุละนะ
“ดี ในเมื่อเข้าใจแล้วก็ไปกับพวกเราซะดีๆ”ชายคนเดิมว่าพลางเดินเข้ามาหาหลานฮวาช้าๆ เพียงแต่…
ฟุบ!! กระบี่ของหลานฮวาฟันวูบเข้าใส่ร่างของชายคนนั้นทันที แต่ยังดีที่ชายคนนั้นยังหลบได้อย่างหวุดหวิด แม้จะเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหลานฮวาต้องไปตามที่ชายคนนั้นบอกเสียหน่อย
“พวกเจ้าชิงของไม่สำเร็จแล้วยังจะพาคนมาล้อมอีก ช่างน่าอายจริงๆ”หลานฮวาจ้องชายตรงหน้าด้วยท่าทีน่ากลัวพร้อมใช้กระบี่ของตนเองชี้กลับไปที่ชายตรงหน้าทันที
“ช่วยไม่ได้ ของที่พวกเจ้ามีเป็นของที่พวกเราต้องการ”ชายตรงหน้าตอบกลับออกมาด้วยท่าทีดุดันก่อนจะนำดาบเล่นใหญ่ออกมาปัดกระบี่ของหลานฮวาให้พ้นทาง
“งั้นพวกเจ้าก็รู้อยู่แล้วสิว่าคนของพวกเจ้าทำอะไรลงไป”หลานฮวายิ้มออกมาด้วยท่าทีเย็นยะเยียบ ตอนแรกนางก็คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่รู้ว่าพวกพ้องของตนทำอะไรลงไป หรือเจ้าสามคนนั้นอาจจะมาฟ้องและพูดเข้าข้างตนเองเสียอีก
“ใช่ และพวกเราก็จะทำอย่างเดียวกัน”ชายหนุ่มตอบพลางวิ่งเข้ามาใส่หลานฮวาพร้อมปล่อยพลังวิญญาณออกมาเต็มกำลัง
ฉึก!! กระบี่ของหลานฮวาแทงเข้าที่แขนของชายคนนั้นอย่างจัง ทำให้ชายคนนั้นเซถอยไปข้างหลัง
“ผิงกั่ว เจ้าหลบให้ดีล่ะ”หลานฮวาว่าพลางใช้กระบี่เล่นเดิมไล่โจมตีพวกที่เข้ามาหาตนเองทีละคน พวกมันล้วนแล้วแต่เป็นนักสู้มีฝีมือ เรียกได้ว่าแตกต่างจากสำนักแถวๆนี้มาก เพราะสำนักแถวๆนี้เพียงระดับเทียนเซียนยังไม่มีเลยเสียด้วยซ้ำ
“ข้าไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ”ผิงกั่วตอบพลางยิ้มออกมา นางดูไม่แตกตื่นกับสถานการณ์ตอนนี้เลยสักนิด
“อย่ามาดูถูกกันนะ คุณหนูแค่จ้างเจ้านำทาง ไม่ได้จ้างเจ้าคุ้มภัยเสียหน่อย”เสียงเล็กๆของเสี่ยวปิงดังขึ้นมาจากไหล่ของผิงกั่ว
ฟุบ! เสียงหญิงสาวที่ไม่คุ้นเคยทำให้หลานฮวาเผลองุนงงไปครู่หนึ่งเล่นเอาเกือบโดนกระบี่แทง แต่พวกคนรอบๆกลับฝีมืออ่อนเกินไป แม้หลานฮวาจะเผลอก็ยังไม่โดนโจมตีแม้แต่ทีเดียว
“นั่นเสียงใครกัน”หลานฮวาถามพลางมองไปที่ผิงกั่ว นางมั่นใจว่าได้ยินเสียงมาจากผิงกั่วแน่ๆนี่นา
“ข้าเอง”ตุ๊กตาหิมะบนไหล่ของผิงกั่วตอบพลางกระโดดลงมาบนพื้นตรงหน้าหลานฮวาด้วยท่าทีขึงขัง
“เจ้า…..เจ้าเป็นตัวอะไรกัน”หลานฮวาทำหน้างงเมื่อเห็นอสูรหิมะเป็นครั้งแรก ปกติอสูรจะมีรูปร่างเป็นสัตว์เสียส่วนใหญ่ แต่เสี่ยวปิงนั้นกลับมีสภาพเหมือนก้อนหิมะไม่มีผิด ดูแล้วแปลกตาไม่น้อยเลย
“ข้าคืออสูรหิมะอสูรรับใช้ของคุณหนูผิงกั่วยังไงล่ะ”เสี่ยวปิงตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังต่างจากรูปร่างเหมือนลูกเจี๊ยบสีขาวของนางคนละเรื่อง
“อสูรหิมะ…..”หลานฮวาอึ้งไปเพราะเข้าใจผิดมาตลอดว่าบนไหล่ของผิงกั่วคือตุ๊กตาหิมะที่เด็กสาวทำขึ้นมาเองเสียอีก เห็นนางใช้วิชาธาตุน้ำแข็งนึกว่าการสร้างตุ๊กตาหิมะเอาไว้เป็นการฝึกฝนอะไรสักอย่างของนางเสียด้วยซ้ำ
“ถูกต้อง แล้วก็ระดับเจ้าพวกนี้ไม่ต้องมีเจ้าคุณหนูของข้าก็เอาชนะได้สบาย”เสี่ยวปิงว่าพลางชี้ไปทางผิงกั่วที่ยามนี้โดนชายหนุ่มพวกนั้นล้อมเอาไว้เสียแล้วเพราะหลานฮวาและเสี่ยวปิงมัวแต่ถามตอบกันอยู่นั่นเอง
“แม่หนู พวกเรารู้ว่าเจ้ามีผลึกฟ้าเหมันต์ ส่งมาให้พวกเราเสียดีๆ”ชายอีกคนในกลุ่มพูดพลางใช้กระบี่จ่อไปที่คอของผิงกั่วหากเป็นสมัยก่อนผิงกั่วคงกลัวและได้แต่ทำตามเท่านั้น แต่ตอนนี้ผิงกั่วไม่ใช่ผิงกั่วคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ของชิ้นนี้ข้าตกลงกับพี่หลานฮวาไว้แล้ว”ผิงกั่วว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนหวานทำเอาคนรอบๆพากันงุนงง พลังของนางอยู่เพียงระดับเทียนเซียนขั้นที่ 1 เท่านั้น ไม่น่าจะมีกำลังอะไรตอบโต้พวกมันได้นี่นา ขอเพียงหลานฮวาที่อยู่ตรงนั้นไม่เข้ามายุ่งพวกมันก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแท้ๆ
แกร๊ก!! ชายหนุ่มยังไม่ทันหายสงสัย อยู่ๆกระบี่ที่จ่อคอของผิงกั่วเอาไว้ก็ถูกแช่แข็งในพริบตา ทำเอาชายหนุ่มถอยออกมาทันที แต่น่าเสียดายไอเย็นที่ผิงกั่วปล่อยออกมานั้นรุนแรงมาก เพียงพริบตาเดียวก็แช่แข็งชายหนุ่มจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปเสียแล้ว
“………”เหล่าชายหนุ่มที่จะเข้ามาโจมตีพากันถอยออกห่างทันที จริงๆแล้วคนกลุ่มนี้เองก็เตรียมจะเข้าไปในเขตอสูรผลึกฟ้ากันอยู่แล้ว เรื่องรับมือกับอากาศหนาวรวมทั้งการรับมือกับอสูรธาตุน้ำแข็งนั้นพวกมันต่างเตรียมตัวมาอย่างดี แต่พอโดนพลังของผิงกั่วเข้าพวกมันถึงกับรับมือไม่ทันเลยทีเดียว
“ยัยนี่มันอะไรกัน”ชายอีกคนพูดพลางมองเพื่อนของมันที่โดนแช่แข็งไปเรียบร้อยแล้ว พวกมันแต่ละคนเตรียมหินธาตุไฟที่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นมากับตัวแล้วไม่ใช่หรือไง แถมยังฝึกวิชาธาตุไฟมากันแล้วอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็โดนแช่แข็งเช่นนี้งั้นหรือ
“คิดว่านายหญิงจะยอมปล่อยให้คุณหนูออกมาหากยังไม่พร้อมหรือยังไงเจ้าพวกนี้”เสี่ยวปิงว่าพลางส่ายหัวน้อยๆของนางด้วยท่าทีเหนื่อยใจ คิดว่าในเขตอสูรผิงกั่วต้องสู้กับอสูรธาตุน้ำแข็งตั้งเท่าไหร่กว่าราชินีน้ำแข็งจะยอมรับ แถมพวกมันแต่ละตนต่างเป็นอสูรธาตุน้ำแข็งกันอยู่แล้ว การจะแช่แข็งอสูรธาตุน้ำแข็งด้วยกันต้องใช้พลังธาตุที่แข็งแกร่งแค่ไหนกัน แม้ระดับพลังของผิงกั่วจะต่ำ แต่ในด้านการใช้พลังธาตุน้ำแข็งนั้นนอกจากราชินีน้ำแข็งแล้วเสี่ยวปิงก็ไม่คิดว่าจะมีอสูรตนไหนแข็งแกร่งกว่าผิงกั่วได้อีก
“ตอนนั้นที่ข้าเข้าไปช่วยนี่เสียเปล่าจริงๆสินะ”หลานฮวาตอบพลางถอนหายใจออกมาช้าๆ พริบตาต่อจากนั้นพวกผู้ชายที่มาล้อมผิงกั่วเอาไว้ก็โดนแช่แข็งจนหมดในพริบตาเดียว ทำเอาคนอื่นๆพากันหนีไปหมดไม่เหลืออะไรให้หลานฮวาทำเลย
“ไม่หรอก เจ้าท่าทางเป็นคนดี คุณหนูเองก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องโลกภายนอกนัก มีเจ้าเป็นคนนำทางก็นับว่าไม่เลว”เสี่ยวปิงว่าพลางกระโดดกลับขึ้นไปบนไหล่ของผิงกั่วทันที
“คนนำทาง…..”หลานฮวากะพริบตาปริบๆกับชื่อตำแหน่งหน้าที่ของตนเอง จะว่าไปก็จริง ผิงกั่วบอกว่าอยากให้นางนำทางให้เท่านั้นเองนี่นา
“ว่าแต่ เจ้าพวกนั้นตายหรือเปล่า”หลานฮวาถามพลางเดินเข้าไปดูรูปปั้นน้ำแข็งที่ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน ภายนอกพวกมันโดนแช่แข็งจนหมด แต่ภายในยังดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก
“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ใช้พลังมากจนถึงตายหรอกเจ้าค่ะ”ผิงกั่วตอบพลางยิ้มหวานออกมาหน้าตาเฉย
“งะ งั้นหรือ”ได้ยินนางตอบเช่นนั้นหลานฮวาก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ นี่นางได้ใครเป็นผู้ฝึกฝนวิชากันแน่ไอเย็นที่นางปล่อยออกมาถึงได้น่ากลัวเช่นนี้ แม้แต่หลานฮวาเองหากโดนผิงกั่วแช่แข็งแบบนี้เข้าก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรดีเช่นกัน หรือว่าจริงๆแล้วผิงกั่วคนนี้จะเป็นปีศาจในคราบมนุษย์กันแน่ จะว่าไปคนที่เข้าไปเอาผลึกฟ้าเหมันต์มาได้จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร แม้แต่คนระดับเจ้าสวรรค์อย่างหลานฮวายังต้องทำใจตายก่อนเข้าไปเลยนี่นา
“แต่ก็น่าสงสัยเหมือนกันนะเจ้าคะ”ผิงกั่วว่าพลางมองไปทางเหล่าชายหนุ่มที่โดนแช่แข็งเอาไว้จนขยับไม่ได้
“สงสัยอะไรงั้นหรือ”หลานฮวาถามพลางมองตามสายตาของผิงกั่วไป
“คนพวกนี้บอกว่าอยากได้ผลึกฟ้าเหมันต์มากนี่เจ้าคะ ข้าก็เลยสงสัยว่าคนพวกนี้จะเอาผลึกฟ้าเหมันต์ไปทำไม”ผิงกั่วตอบพลางจ้อมไปที่ดวงตาของชายคนหนึ่งในก้อนน้ำแข็ง น่าเสียดายที่คนพวกนี้จะโดนความเย็นทำให้หมดสติไปตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้ละลายพวกมันออกมาก็คงตอบคำถามของผิงกั่วไม่ได้หรอก
“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวหรอก ถึงอย่างไรพวกมันก็โจมตีเจ้าเพื่อจะชิงผลึกฟ้าเหมันต์ เรื่องนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นเรื่องเลวร้าย ต่อให้มันอยากได้ผลึกฟ้าเหมันต์ไปทำไมก็ไม่สำคัญแล้ว”หลานฮวาตอบพลางพาผิงกั่วเดินเข้าไปในเมืองด้วยท่าทีแข็งกระด้าง นางไม่สนหรอกว่าพวกมันมีเหตุผลอะไรจึงได้ทำลงไป การกระทำผิดก็คือการกระทำผิดอยู่วันยังค่ำ
“ข้าก็แค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้นเอง ถึงอย่างไรผลึกฟ้าเหมันต์ชิ้นนี้ข้าก็ต้องให้ท่านเป็นค่าจ้างอยู่ดีนี่นา”ผิงกั่วว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“เจ้านี่ไว้ใจคนง่ายไปแล้ว”หลานฮวาว่าพลางนึกถึงวินาทีแรกที่หลานฮวาได้เห็นว่าผิงกั่วมีผลึกฟ้าเหมันต์อยู่กับตัว นางเองก็เกือบจะลงมือชิงมาเหมือนกัน คงจะเอ่ยปากต่อว่าพวกมันมากไม่ได้ แต่โจรกับคนธรรมดานั้นก็ต่างกันตรงนี้ละ เพียงวูบเดียวหากคิดผิดแล้วลงมือทำลงไปก็จะเป็นโจร แต่หากยับยั้งตัวเองเอาไว้ได้ก็จะยังเป็นคนธรรมดาอยู่
“เห็นแบบนี้ข้าก็พอมองออกนะเจ้าคะว่าใครเป็นคนดีคนไม่ดี”ผิงกั่วตอบด้วยใบหน้าขึงขัง ท่าทางแบบนี้ทำเอาหลานฮวาอดเป็นห่วงไม่ได้เลย ตอนแรกนางว่าจะไปส่งผิงกั่วขึ้นรถไฟแล้วจากกันเลย แต่หากปล่อยไปแบบนี้นางก็กลัวว่าเด็กสาวคนนี้จะโดนหลอกเข้าให้ ไหนๆก็รับค่าจ้างมาเป็นผลึกฟ้าเหมันต์ที่แสนจะมีค่าแล้ว งั้นคงต้องทำงานให้คุ้มค่าจ้างเสียแล้ว