บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 532 หลายชาย
ตอนที่ 532
หลายชาย
“เจ้านี่ดีจริงๆเลยนะ ห้อมล้อมไปด้วยสาวงามตลอดเลย”เพิร์ล ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลโรซารี่พูดออกมาหลังจากเห็นหลานชายของตนเดินทางมาที่โรงงานของรูบี้ตามเวลานัดหมาย แถมในวันนี้ไป๋จูล่งยังไม่ได้มากันแค่กับ 4 สาวตามปกติ แต่กลับมีผิงกั่วและไป๋หลินเฟยตามมาด้วย
“แถมคราวนี้ยังมีสาวน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกตั้ง 2 คนร้ายไม่เบานี่นา”เพิร์ลหัวเราะพลางตบบ่าไป๋จูล่งด้วยท่าทีหยอกล้อ แต่คนที่ทำแก้มป่องไม่พอใจกลับเป็นไป๋หลินเฟยเสียอย่างนั้น
“ท่านตา ท่านก็รู้นี้ขอรับว่าข้าเป็นผู้ชาย”หลินเฟยโวยพลางทำหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ช่วยไม่ได้นี่นาไป๋หลินเฟยถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็ได้ความงามของแม่ไปจนหมดจนแทบมองไม่ออกว่าเป็นผู้ชาย
“เอ๊ะ หลินเฟยเป็นเด็กผู้ชายหรือเจ้าคะ”ผิงกั่วที่อยู่ข้างๆหลินเฟยกะพริบตาปริบๆพลางมองไปที่หลินเฟยด้วยท่าทีตกใจ นางไม่เหมือนเพิร์ลที่ล้อเล่นกับหลินเฟยเฉยๆ นางมองไม่ออกจริงๆเลยทีเดียว
“พี่ผิงกั่ว ท่านจงใจจะแกล้งข้าใช่หรือไม่”ไป๋หลินเฟยว่าพลางทำสีหน้าเคืองออกมา ทำให้ผิงกั่วมองซ้ายมองขวาไปทางพวกต้าเฉียนกับต้าหวาน ทำให้นางได้รับการยืนยันจากสายตาของพวกนางว่าไป๋หลินเฟยคือเด็กผู้ชายจริงๆ
“หลินเฟย พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ อย่าโกรธพี่เลยนะ”ผิงกั่วพอได้ทราบความจริงก็พลันเข้าไปขอโทษหลินเฟยทันที แต่น่าเสียดายหลินเฟยงอนตุ๊บป่องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมหลินเฟยยามงอนก็ไม่หายงอนง่ายๆเสียด้วย
“ข้าไม่สนพี่ผิงกั่วแล้ว วันนี้ข้าจะยึดท่านน้าไว้คนเดียวเลย”ไป๋หลินเฟยว่าพลางดึงแขนจูล่งให้เดินตามตนเองไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิงกั่วสะดุ้งโหยงรีบตามไปทันที
“ไม่ได้นะหลินเฟย ไหนบอกว่าวันนี้เราจะไปเที่ยวด้วยกันไง”ผิงกั่วว่าพลางกอดแขนของไป๋จูล่งอีกข้างเอาไว้ทันที เล่นเอากว่าจะถึงห้องทดลองของรูบี้ทั้งสองก็ง้องอนกันไปได้พักใหญ่แล้ว
“……..เป็นเด็กนี่ดีจังเลยนะ”ชางซีพูดพลางถอนหายใจออกมา ไม่ทราบว่านางกำลังอิจฉาอะไรผิงกั่วกันแน่ แต่อีก 3 สาวที่เหลือก็เหมือนจะแอบคิดอย่างนั้นเหมือนกันเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น
“ถ้าเจ้าอยากเข้าไปกอดน้องจูล่งบ้างก็ลองดูสิ น้องจูล่งคงไม่ว่าอะไรเจ้าหรอก”หลานฮวาว่าพลางยิ้มให้กับชางซีที่อยู่ด้านหลัง ทำเอานางหน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
.
.
“เป็นยังไงบ้างจูล่ง เจ้าคิดว่าไง”หลังจากเดินเข้ามาในห้องทดลองของรูบี้แล้ว ในที่สุดผลงานที่ทำมานานหลายปีหลังจากได้รับโลหะผสมจากจูล่งก็เสร็จสมบูรณ์เสียที แม้จะเสร็จไปเพียงชิ้นส่วนเดียวก็ตาม
“แข็งแรงขึ้นมากขอรับ สมแล้วที่เป็นท่านน้า”จูล่งตอบพลางเดินเข้าไปมองผลงานของรูบี้ สิ่งที่นางนำออกมานั้นจริงๆแล้วเป็นสิ่งที่นางคิดเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว มันคือเครื่องยนต์สำหรับรถม้าที่ไม่ต้องใช้ม้านั่นเอง โดยรูบี้ใช้เครื่องยนต์ของรถไฟนำมาย่อส่วนให้มีกำลังขับมากพอจะลากรถม้าได้นั่นเอง เพียงแต่เดิมทีเครื่องยนต์ของรถไฟก็ใช้อุปกรณ์ที่สร้างจากโลหะหายากในคลังของอาณาจักรไป๋ กว่าจะทำได้แต่ละชิ้นใช้ทั้งเวลาและเงินมหาศาล พอทำเป็นรถไฟที่บรรทุกคนได้หลายพันคนมันก็คุ้มค่าอยู่หรอก แต่หากจะเอามาย่อส่วนทำเป็นรถส่วนตัวมันออกจะแพงเกินไป แม้แต่รูบี้ยังรู้สึกว่ารถเช่นนั้นไม่คุ้มค่าเลยเพราะยังมีทางเลือกอื่นอย่างรถม้าหรือรถลากอสูรอยู่ แน่นอนว่ายังมีอสูรบินที่เดินทางได้สะดวกกว่าด้วย
แต่…เมื่อได้รับโลหะผสมหลายๆสูตรจากจูล่ง เครื่องยนต์ขนาดเล็กของรูบี้ก็เข้าใกล้ความจริงมากยิ่งขึ้น อย่างแรกเลยคือต้นทุนที่ลดลงหลายสิบเท่าเพราะไม่จำเป็นต้องใช้โลหะหายากอีกต่อไป แม้จะได้ความแข็งแกร่งไม่เท่าตอนใช้โลหะหายาก แต่หากเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ไม่ได้มีแรงระเบิดมากเท่าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ของรถไฟ โลหะผสมพวกนี้ก็แข็งแกร่งมากพอแล้ว ยิ่งโลหะผสมของจูล่งมีหลากหลายแบบ ทำให้นำโลหะแต่ละชนิดมาใช้งานในจุดต่างๆได้ดีขึ้นเช่นกัน จนกระทั่งได้ผลงานชิ้นใหม่ออกมาอย่างที่เห็น
“เป็นไง เจ้าคิดจะลงทุนกับมันมากแค่ไหน”รูบี้ถามพลางมองไปทางไป๋จูล่ง แม้เครื่องยนต์จะเป็นสิ่งที่รูบี้คิดขึ้น และเงินทุนของนางในตอนนี้ก็สามารถผลิตได้เองโดยไม่ต้องคิดมาก แต่นางให้สัญญากับจูล่งตอนคุยกันเรื่องขนส่งปลาเอาไว้ว่าจะสร้างรถสำหรับขนส่งของในตู้เย็นได้ให้กับมัน และในเมื่อจะสร้างแล้วนางก็เลยตัดสินใจจะใช้เครื่องยนต์นี้ในรถที่ว่าเสียเลย
“มากเท่าที่ข้าจะให้ได้ขอรับ หากเป็นท่านน้าละก็ข้าเชื่อมั่นเต็มร้อยอยู่แล้ว”จูล่งตอบพลางยิ้มกว้างออกมา
“เจ้านี่เหมือนพ่อไม่มีผิดเลยจริงๆ”รูบี้ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ ตอนสร้างรถไฟก็ทีนึงแล้ว ไป๋จูเหวินมอบทุนให้นางโดยไม่ถามหรือคิดถึงความเสี่ยงเลย จูล่งเองก็เหมือนกัน พอนางบอกจะสร้างอะไรก็ยินดีช่วยเหลือเต็มที่ ถึงขนาดยอมคิดสูตรโลหะเพิ่มตามที่นางต้องการด้วย ทำให้การสร้างเครื่องยนต์ในครั้งนี้รูบี้คงจะเอาความดีความชอบทั้งหมดไปไม่ได้กระมัง
“งั้น ข้าจะเบิกเงินจากกองทุนของเจ้าเองก็แล้วกัน เอาไว้เจ้าไปบอกยี่เจินด้วยล่ะ”รูบี้ว่าพลางสรุปออกมาทันที สำหรับรูบี้แล้วการขอเบิกเงินจากกองทุนของจูล่งเพียงแค่บอกก็สามารถเบิกเงินมาได้เลย
.
.
“หลินเฟย เจ้ายังไม่หายโกรธข้าอีกเหรอ”ขณะกำลังรอจูล่งเข้าไปประชุมกับรูบี้ ผิงกั่วที่โดนไป๋หลินเฟยงอนใส่ก็ถือโอกาสนี้เข้ามาง้อทันที
“นะหลินเฟย ยกโทษให้พี่สาวเถอะนะ ถ้ายกโทษให้พี่จะให้ขนมนะ”ผิงกั่วว่าพลางนำขนมที่ได้มาจากระหว่างเดินทางออกมาให้หลินเฟย
“นอกจากท่านจะคิดว่าข้าเป็นผู้หญิงแล้วยังคิดว่าข้าเป็นเด็กด้วยงั้นหรือ”ไป๋หลินเฟยว่าพลางหันมามองผิงกั่วด้วยท่าทีงอนๆ
“จ่ะ….”ผิงกั่วตอบพลางหยักหน้าน้อยๆ ก็นางเข้าใจว่าหลินเฟยเป็นเด็กผู้หญิงจริงๆนี่นา แถมหลินเฟยก็เป็นเด็กอยู่นะ พึ่ง 3 ขวบเองไม่ใช่หรือ
“ข้าจะยกโทษให้ท่านก็ได้ ถ้าท่านยอมตอบคำถามเรื่องที่ข้าอยากรู้”หลินเฟยทำแก้มป่องนิดหน่อยเพราะตนเองก็ยังเป็นเด็กจริงๆ มันยื่นมือไปรับขนมจากมือของผิงกั่วพลางเปิดโอกาสให้นางเล็กน้อย
“เรื่องที่เจ้าอยากรู้งั้นหรือ”ผิงกั่วเบิกตากว้างด้วยท่าทีประหลาดใจ จะว่าไงดีล่ะ คำถามของเด็กมักจะมีคำถามแปลกๆมากมายนางไม่รู้หรอกว่าจะตอบได้หมดหรือเปล่า
“ใช่ ข้ามีเรื่องอยากรู้จากพี่ผิงกั่วนิดหน่อย”หลินเฟยถามพลางเอาขนมเข้าปาก แม้ปากจะยังบึ้งอยู่เพราะกำลังงอนแต่พอเอาขนมเข้าปากก็เคี้ยวแก้มตุ่ยเชียว ทำเอาผิงกั่วอดอมยิ้มไม่ได้
“ก็ได้ ถ้าพี่รู้พี่จะตอบ”ผิงกั่วว่าพลางยิ้มบางๆออกมาด้วยท่าทีไม่มั่นใจนัก
“ทำไมท่านถึงมาหาท่านน้าล่ะ”ไป๋หลินเฟยถามพลางจ้องมองผิงกั่วด้วยดวงตาสีม่วงและสีเขียวทันที พริบตานั้นมันสามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ความลื่นไหลของพลังวิญญาณหรือแม้กระทั่งอาการผิดปกติของร่างกายที่ผิงกั่วจะแสดงออกมา หรือก็คือการจับโกหกของผู้ใช้พลังเนตรนั่นเอง
“ข้า…คิดถึงพี่จูล่งนี่นา”ผิงกั่วตอบด้วยใบหน้าอายๆ นางคิดถึงจูล่งมาตลอดเลยตั้งแต่จากกัน เพราะแบบนั้นนางก็เลยพยายามฝึกเพื่อออกมาตามหาจูล่งยังไงล่ะ
“หรือว่าท่าน จะชอบท่านน้า”ไป๋หลินเฟยถามคำถามออกมาด้วยคำถามที่เด็กไม่น่าจะถามออกมาได้ ท่าทางของหลินเฟยยามถามคำถามนี้จริงจังมากตรงกันข้ามกับผิงกั่วที่โดนถามคำถามนั้นเข้าไปก็หน้าแดงจัดทันที
“อืม….”ผิงกั่วก้มหน้าลงพลางพยักหน้าออกมาน้อยๆ แม้คำตอบจะสั้นและไม่อธิบายอะไร แต่ดวงตาของหลินเฟยกลับสามารถสัมผัสได้ทันทีว่าผิงกั่วตอบออกมาด้วยความจริงใจ
“งั้น ข้ายกโทษให้ท่านก็ได้”หลินเฟยตอบพลางเปลี่ยนดวงตากลับมาเป็นสีดำตามปกติ
“จริงนะ เจ้ายกโทษให้ข้าจริงๆนะ”ผิงกั่วยิ้มกว้างด้วยท่าทีดีใจ เพราะถึงอย่างไรหลินเฟยก็เป็นหลานชายของไป๋จูล่ง หากมันงอนนางไม่เลิกนางต้องลำบากแน่ๆ
“จริงสิ ท่านบอกว่าชอบท่านน้าขนานั้นนี่นา ข้าไม่แย่งตัวท่านน้ากับพี่ผิงกั่วก็ได้”หลินเฟยว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจ เห็นผิงกั่วมาหาท่านน้าเพราะชอบจริงๆมันก็ไม่คิดจะขวางหรอกนะ
“แฮะๆ ขอบใจเจ้ามาก”ผิงกั่วยิ้มออกมาด้วยท่าทีเขินๆ นางดีใจมากทีเดียวที่หลินเฟยจะยอมให้นางอยู่กับไป๋จูล่ง
“แต่พวกน้าๆจะขวางพี่หรือเปล่าข้าก็ไม่รู้ด้วยสิ”หลินเฟยว่าพลางมองไปทางพวกต้าเฉียน ต้าหวาน หลี่เย่ และชางซี
“ทำไมพวกพี่ๆต้องขวางข้าด้วยล่ะ”ผิงกั่วถามพลางเอียงคอสงสัย ถึงตอนนี้พวกสี่สาวเองก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าผิงกั่วกับหลินเฟยกำลังพูดถึงพวกตนอยู่
“ไม่รู้สิ”หลินเฟยยิ้มออกมาด้วยใบหน้าน่ารักน่าชัง แต่ยามนั้นผิงกั่วกลับมองว่ารอยยิ้มของหลินเฟยมีอะไรแปลกๆอยู่หรอก แต่น่าเสียดายที่ผิงกั่วไม่ทราบความหมายของรอยยิ้มนั้นเท่าไหร่
“ไปกันเถอะ”ผิงกั่วยังไม่ได้ถามอะไรต่อ ไป๋จูล่งที่พึ่งประชุมเสร็จก็ออกมาจากห้องทดลองของรูบี้เสียที ทำให้คำถามที่ผิงกั่วจะถามต่อกลืนหายลงไปในลำคอทันที
“พี่ผิงกั่ว ข้าไม่ขวางท่านแล้วนะ”หลินเฟยว่าพลางส่งสายตาให้ผิงกั่วทันทีราวกับจะบอกว่ามันไม่เข้าไปแย่งท่านน้าแล้ว คราวนี้จะให้ผิงกั่วได้อ้อนเต็มที่เลย แน่นอนว่าผิงกั่วไม่คิดจะปฏิเสธสิทธิพิเศษที่หลินเฟยยอมยกให้อย่างแน่นอน
“……….”หลินเฟยเห็นผิงกั่วกับพวกน้าสาวเดินเข้าไปหาจูล่งกันหมดแล้ว มันก็เผยรอยยิ้มออกมาก่อนจะนำกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากช่องมิติ ภายในกระดาษแผ่นนั้นเขียนชื่อ ต้าเฉียน ต้าหวาน หลี่เย่ และ ชางซีเรียงกันเอาไว้ตามด้วยตัวเลขจำนวนหนึ่ง
‘ พี่ผิงกั่ว + 10 ’ หลินเฟยเขียนชื่อผิงกั่วลงไปพลางเขียนตัวเลขด้านหลังตามลงไปด้วย ก่อนจะเก็บกระดาษเข้ามิติของตนเองตามเดิม
“หลินเฟย พวกเราจะไปเที่ยวในเมืองกัน รีบมาเถอะ”ต้าหวานว่าพลางเรียกให้หลินเฟยตามพวกตนมาเร็วๆ ทำให้หลินเฟยยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีใสซื่อก่อนจะวิ่งตามพวกท่านน้าไปอย่างรวดเร็ว