บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 534 ง่ายขึ้น
ตอนที่ 534
ง่ายขึ้น
“ผิงกั่ว จำตรงนี้ได้หรือยัง”ต้าหวานถามพลางนั่งลงข้างๆผิงกั่วที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในหอตำราภายในปราสาทของมังกรธรณี หลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวอาณาจักรไชน์แล้ว ผิงกั่วก็เริ่มสนใจภาษาไชน์ขึ้นมาเช่นกัน และก็มีต้าหวานเสนอตัวเป็นผู้สอนให้ด้วยตนเอง เช่นเดียวกับต้าเฉียนที่เสนอตัวไปสอนให้กับชางซีด้วยตนเอง ทำให้ยามนี้ในหอตำราของมังกรธรณีราวกับว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นโรงเรียนสอนภาษากันชั่วคราวก็ว่าได้
“จะ เจ้าค่ะ”ผิงกั่วว่าพลางพยักหน้าน้อยๆออกมา แต่ถึงจะตอบรับผิงกั่วก็ยังจำตัวอักษรไชน์ได้ไม่หมดเสียที
“ไม่ต้องรีบหรอก กว่าข้าจะจำได้หมดก็ใช้เวลาหลายวันทีเดียว”ต้าหวานตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยน
“งั้นหรือเจ้าคะ ข้านึกว่าทุกคนจะจำได้ทันทีเหมือนพวกพี่จูล่งกับพี่ไป๋หลินเสียอีก”ผิงกั่วตอบพลางกะพริบตาปริบๆ ทั้งสองคนพอพูดกับผิงกั่วที่ยังพูดภาษาอาณาจักรไป๋ไม่ได้ พริบตาเดียวก็เข้าใจแล้วสื่อสารได้แล้วแท้ๆ
“เจ้าอย่าไปเทียบกับน้องจูล่งเลย ไม่สิ อย่าเอาไปเทียบกับคนตระกูลไป๋จะดีกว่า”ต้าเฉียนที่นั่งสอนชางซีอยู่ข้างๆตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ พวกนางติดตามจูล่งมาได้พักใหญ่แล้ว ย่อมเห็นถึงความสามารถจดจำเหนือมนุษย์ของตัวจูล่งและพวกคนตระกูลไป๋คนอื่นๆมาแล้ว ขืนเอาตัวเองไปเปรียบเทียบละก็มีแต่ต้องฆ่าตัวตายอย่างเดียวกระมัง
“แต่บางทีข้าก็อยากได้ความสามารถแบบนั้นมาบ้างนะ”ชางซีบ่นพลางเปิดอ่านหนังสือภาษาไชน์ด้วยท่าทีเหนื่อยๆ
“ต้าหวาน พวกเจ้าเห็นหลินเฟยหรือเปล่า”ขณะสาวๆกำลังพูดถึงความสามารถของคนตระกูลไป๋ อยู่ๆที่ประตูก็ปรากฏร่างของไป๋หลินขึ้นมาพอดี
“ดูเหมือนจะไปเที่ยวที่เขตเทือกเขาเหมันต์นะเจ้าคะ”ต้าหวานตอบออกไปตามที่ได้ยินมา เพราะก่อนหลินเฟยจะไปมันได้มาบอกจูล่งไว้ก่อนแล้ว
“งั้นหรือ ที่เทือกเขาเหมันต์มีอะไรกันนะ ช่วงนี้หลินเฟยไปที่นั่นบ่อยเหลือเกิน”ไป๋หลินขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะเดินออกจากหอตำราไป
ตั้งแต่กลับมาจากไชน์รอบล่าสุดหลินเฟยก็ไม่ค่อยตัวติดกับไป๋จูล่งเท่าไหร่ แถมยังชอบไปที่เขตของท่านน้าจิ้งจอกเป็นประจำด้วย ทำเอาไป๋หลินผู้เป็นมารดาอดสงสัยไม่ได้ แน่นอนว่าหลินเฟยอยู่ในเขตอสูรก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเท่าไหร่ แต่ไป๋หลินก็ยังกังวลว่าไป๋หลินเฟยจะไปก่อเรื่องอะไรหรือเปล่าอยู่ดี
ฟุบ….ร่างของไป๋หลินทะยานไปบนต้นไม้พลางมุ่งหน้าไปที่เขตเทือกเขาเหมันต์อย่างรวดเร็ว ในฐานะมารดาแล้วไป๋หลินย่อมรู้จักบุตรชายของตนเองเป็นอย่างดี และเรื่องที่มันไม่ได้เป็นเด็กน้อยใสซื่อเหมือนจูล่งนั้นนางย่อมรู้ดี เจ้าตัวแสบของนางนั้นไม่ใช่เด็กเรียบร้อยเลยแม้แต่นิดเดียว
“ไป๋หลินเฟย…..”หลังจากลอบเข้ามาที่ด้านหลังบุตรชาย ไป๋หลินก็เอ่ยเรียกบุตรชายด้วยน้ำเสียงดุๆทันที นั่นเพราะเบื้องหน้าของไป๋หลินเฟยยามนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งแช่ตัวอยู่ในสระน้ำแข็งด้วยท่าทีทรมานอย่างมากเลยทีเดียว
“ท่านแม่….”หลินเฟยสะดุ้งวาบเมื่อเห็นว่ามีคนมา แถมยังเป็นมารดาของมันอีกต่างหาก
“เรื่องนี้เองหรือที่เจ้าแอบมาทำในเขตเทือกเขาเหมันต์”ไป๋หลินว่าพลางเก็บกิ่งไม้หอมลงไปในมิติของตนเอง ไป๋หลินเฟยผู้นี้มีทั้งดวงตาสีม่วงที่สามารถสัมผัสพลังต่างๆได้ มีดวงตาสีเขียวที่สามารถมองทะลุได้ และดวงตาสีน้ำเงินที่สามารถเพิ่มระยะการมองเห็นได้ แถมยังมีจมูกที่ได้มาจากพ่ออีกต่างหาก แม้จะไม่มีดวงตาสีเงินเหมือนจูล่ง แต่เพียงเท่านี้การลอบเข้าข้างหลังหลินเฟยผู้นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องยากมากอยู่ดี แต่เพราะไป๋หลินเองก็มีความสามารถพวกนี้ แถมยังคุ้นชินกับจมูกไวเกินคนของสามีอยู่แล้ว การลอบเข้าด้านหลังบุตรชายยามนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากเลย
“ขอรับ….”หลินเฟยตอบพลางพยักหน้าช้าๆ มันไม่มีท่าทีเหมือนกำลังรู้สึกผิดแต่อย่างไรที่ลอบพาหลานฮวาเข้ามาในเขตอสูร แถมกำลังสอนวิชาให้ศัตรูของท่านน้าอีกต่างหาก
“ทำไมแม่นางคนนั้นถึงเข้ามาฝึกวิชาที่นี่ล่ะ”ไป๋หลินถามพลางนั่งลงข้างๆบุตรชาย ตอนนี้หลานฮวากำลังตั้งสมาธิอย่างมากในการฝึกวิชาไม่มีสมาธิพอจะมาฟังพวกไป๋หลินคุยกันหรอก
“นางอยากจะฆ่าท่านน้าจูล่งขอรับ”หลินเฟยตอบออกมาตามตรง เพราะมันทราบดีอยู่แล้วว่าท่านแม่ต้องจับโกหกมันได้แน่ๆ
“ฆ่าจูล่ง…..ไม่มีทางทำได้หรอก”ไป๋หลินได้ยินก็พลันส่ายหัวทันที จะฆ่าเด็กคนนั้นงั้นหรือ ช่างเป็นเป้าหมายที่สิ้นหวังจริงๆ
“ดูเหมือนนางกำลังเข้าใจผิดว่าท่านน้าเป็นคนร่วมมือกับสำนักผลาญสุริยันเพื่อทำลายสำนักร้อยบุปผาของนางขอรับ นางก็เลยตามมาล้างแค้นถึงที่นี่”หลินเฟยตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ
“ไร้สาระ ถ้าจูล่งจะทำลายสำนักสักแห่งมันจำเป็นต้องร่วมมือกับใครด้วยงั้นหรือ”ไป๋หลินได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ถ้าจูล่งจะทำลายสำนักสักสำนักมันก็แค่เดินเข้าไปแล้วกวัดแกว่งทวนของมันสักพักก็ทำได้แล้ว ไม่เห็นต้องไปร่วมมือกับสำนักอื่นเลย
“น่าเสียดายขอรับ ท่าทางนางจะไม่มีทางเชื่อแบบนั้นเลย”หลินเฟยตอบพลางมองไปทางมารดาของตนเอง หลังจากนั้นมันก็เริ่มเล่าเรื่องที่หลานฮวาเล่าให้ตนฟังให้มารดาได้ทราบช้าๆ เมื่อได้ฟังแล้วไป๋หลินก็พลันแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมาทันที น่าเสียดายที่ไม่มีใครทราบว่าแท้จริงแล้วในสำนักร้อยบุปผาเกิดอะไรขึ้น แต่จากสิ่งที่จูล่งเคยเล่าให้ไป๋หลินฟังเมื่อนานมาแล้ว จูล่งได้พาอาจารย์ของหลานฮวาไปส่งที่สำนัก และได้พบว่านางเป็นผู้ลักพาตัวบรรพบุรุษของสำนักผลาญสุริยันมาขังเอาไว้ จูล่งเลยพาตัวบรรพบุรุษท่านนั้นกลับสำนักผลาญสุริยัน ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับสำนักร้อยบุปผาเลย แล้วเหตุใดผลที่ออกมาถึงกลายเป็นว่าสำนักร้อยบุปผาถูกฆ่าตายหมดกัน แถมยังเป็นความผิดของจูล่งอีกต่างหาก
แต่ส่วนที่ยากที่สุดของเรื่องนี้คือเรื่องที่จูล่งเป็นผู้ร้ายนั้นเป็นคำสั่งเสียของอาจารย์ที่นางเคารพรักแทบไม่ต่างจากมารดา การจะเปลี่ยนความคิดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
“เฟยเอ๋อ แม่มีแผนแล้ว”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มออกมาช้าๆ ทำเอาหลินเฟยที่นั่งอยู่ข้างๆพลันยิ้มรับเช่นกัน
.
.
ตูม!! พูดคุยกับบุตรชายจบ ไป๋หลินก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะกระโจนลงไปที่สระน้ำแข็งทันที หลังจากได้พบกับชิงชิวอีกครั้งนางและชิงชิวก็ได้กลับมาฝึกวิชาเทพประสานกันอีกครั้ง ทำให้พลังของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งพลังอสูรและพลังวิญญาณต่างเพิ่มพรวดไปเป็นระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 8 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้การโจมตีครั้งนี้สร้างความแตกตื่นใจให้หลานฮวาที่ฝึกวิชาอยู่อย่างมาก
“เจ้าเป็นใคร บุกมาทำอะไรในเขตอสูรของพวกเรา”ไป๋หลินถามพลางปล่อยพลังระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 8 ออกมาเต็มที่ ทำเอาหลานฮวาที่พึ่งอยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 ใจสั่นสะท้านด้วยความกลัวทันที หลินเฟยบอกว่าที่นี่ไม่มีใครมารบกวนไม่ใช่หรือ เหตุใดหญิงสาวนางนี้ถึงปรากฏตัวขึ้นได้
“ท่านแม่ ใจเย็นก่อนขอรับ”หลินเฟยว่าพลางวิ่งเข้าไปขวางระหว่างไป๋หลินกับหลานฮวาเอาไว้
“เฟยเอ๋อเจ้ารู้เห็นเรื่องนี้ด้วยงั้นหรือ”ไป๋หลินถามด้วยท่าทีดุดันและจริงจังเป็นอย่างมาก เสียงพูดของนางแต่ละคำสั่นสะเทือนในหัวของหลานฮวาอย่างมาก เล่นเอาน่างแทบจะหยุดหายใจ
“ขะ ขอรับท่านแม่ ข้าเป็นคนพานางเข้ามาเอง”หลินเฟยตอบพลางเดินเข้าไปหาหลานฮวาแล้วยกมือป้องตัวนางเอาไว้
“งั้นหรือ….เจ้าพานางเข้ามาเพื่ออะไรกัน เจ้าก็น่าจะรู้ว่าเขตอสูรของเราห้ามคนนอกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต”ไป๋หลินพูดพลางลดพลังวิญญาณลงคาดว่าขู่เท่านี้ก็คงพอแล้ว
“นายหญิง ข้า….”หลานฮวากำลังจะพูด แต่นางกลับโดนหลินเฟยขวางเอาไว้ก่อน
“นางต้องการจะเป็นผู้ติดตามของข้าขอรับ ข้าก็เลยให้นางพิสูจน์อยู่ว่าอยากจะเป็นผู้ติดตามของข้าหรือเปล่า”ไป๋หลินเฟยตอบตามที่ตกลงกับท่านแม่เอาไว้ทันที
“ผู้ติดตามงั้นหรือ”ไป๋หลินพูดพลางมองไปทางหลานฮวาด้วยท่าทีประหลาดใจ เช่นเดียวกันกับหลานฮวาเองที่ก็แปลกใจไม่แพ้กัน ผู้ติดตามอะไรกัน นางไม่เห็นเคยพูดแบบนั้นเลยนะ
“ก็ดี ผู้ติดตามก็ไม่เลว ช่วงนี้เจ้ายิ่งซุกซนอยู่ด้วย มีผู้ติดตามเอาไว้ก็ไม่เลว”ไป๋หลินตอบพลางพยักหน้าช้าๆ ทำเอาหลานฮวาอดประหลาดใจไม่ได้ว่าทำไมถึงยอมรับได้ง่ายดายเช่นนี้
“โถ่ท่านแม่”หลินเฟยทำหน้ามุ่ยออกมาทันที ทำไมต้องเอาเรื่องตัวมันมาปนกับแผนด้วยเล่า
“ความจริงข้าก็คิดเอาไว้บ้างว่าควรมีคนมาช่วยดูแลหลินเฟยได้แล้ว มีเจ้ามาช่วยก็คงไม่เลว ระดับฝีมือของเจ้าเองก็ถือว่าใช้ได้”ไป๋หลินว่าพลางเดินเข้ามาหาหลานฮวาด้วยท่าทีเป็นมิตรต่างจากตอนแรกลิบลับทำเอาหลานฮวางุนงงจนตามไม่ทันแล้ว ทำไมตอนนี้นางเหมือนไม่ได้พูดอะไรเลยก็ไม่ทราบ แถมการตกลงยังสิ้นสุดไปแล้วอีกต่างหาก
“ดีใจด้วยนะขอรับพี่หลานฮวา เท่านี้ท่านก็ได้เป็นผู้ติดตามของข้าแล้ว”หลินเฟยว่าพลางยิ้มกว้างด้วยท่าทีดีใจ นี่ตกลงนางไปขอร้องว่าจะเป็นผู้ติดตามของหลินเฟยจริงๆแล้วสินะ
“งั้น ฝากเจ้าด้วยนะหลานฮวา ข้าเชื่อใจเจ้านะ”ไป๋หลินว่าพลางกุมมือของหลานฮวาเอาไว้แน่นก่อนจะขอตัวจากไปเสียอย่างนั้น ทำเอาหลานฮวาได้แต่กะพริบตาปริบๆก่อนจะหันไปมองไป๋หลินเฟยเหมือนกำลังจะถามว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
“ช่วยไม่ได้นี่ขอรับ ท่านแม่ของข้ามาพบท่านพอดี”หลินเฟยตอบพลางหัวเราะแฮะๆออกมาราวกับสิ่งที่ทำลงไปเป็นเรื่องช่วยไม่ได้และสมควรปล่อยเลยตามเลยเสียอย่างนั้น
“แต่ผู้ติดตามนี่อะไรกัน”หลานฮวาถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทำไม่พอใจ หากนางเป็นผู้ติดตามของหลินเฟย งั้นก็ต้องไปเข้าใกล้ไป๋จูล่งด้วยไม่ใช่หรืออย่างไร
“ข้าคิดว่าแบบนี้ก็ไม่เลวนะขอรับ หากท่านเป็นผู้ติดตามของข้า การเข้ามาฝึกที่นี่ย่อมสามารถทำได้ง่ายขึ้น และเมื่อท่านฝึกวิชาได้สำเร็จแล้ว โอกาสที่ท่านจะเข้าถึงตัวท่านน้าโดยมีใครขวางก็มากขึ้นด้วยนะขอรับ”หลินเฟยเริ่มเสนอข้อดีการเป็นผู้ติดตามของมันช้าๆ แต่จะว่าไปก็จริง หากสามารถเข้าใกล้จูล่งได้ง่ายๆโอกาสที่จะแก้แค้นของหลานฮวาก็มากขึ้นจริงๆ