บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 539 ของสำคัญ
ตอนที่ 539
ของสำคัญ
“ท่าน…..แน่ใจนะ”ไป๋หลินเฟยถามพลางมองเสื้อผ้าที่หลานฮวาเลือกมาให้ตนเองหลังจากแวะลงมาที่เมืองแห่งหนึ่งระหว่างทางกลับอาณาจักรไป๋
“แน่นอน ข้าตั้งใจเลือกมาอย่างดีเลยนะ”หลานฮวาหัวเราะพลางยื่นชุดสีชมพูอ่อนตัดกับขาวให้กับไป๋หลินเฟย แน่นอนว่าชุดของเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ใช้สีแบบนี้หรอก แต่ชุดที่หลานฮวาเลือกมานั้นกลับเป็นชุดสำหรับเด็กผู้หญิงเสียนี่
“แค่เปลี่ยนให้ดูก็พอสินะ”ไป๋หลินเฟยว่าพลางทำหน้ามุ่ยออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ หากไม่ใช่เพราะตนโดนจับได้เรื่องหลอกให้นางลงไปแช่สระน้ำแข็งละก็มันไม่มีทางยอมใส่ชุดแบบนี้แน่ๆ ขนาดท่านแม่เอามาให้ใส่มันยังไม่ยอมใส่เลย
“ลองใส่ดูก่อนเถอะ”หลานฮวาว่าพลางดันร่างของไป๋หลินเฟยไปหลังร้าน แม้จะเป็นแค่เด็ก 3 ขวบแต่การเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าคนอื่นๆในร้านคงเป็นเรื่องไม่ดีเท่าไหร่
“ข้าจะยอมให้ท่านเอาคืนแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นล่ะ”ไป๋หลินเฟยบ่นพลางเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่โดยดี คราวนี้ถือว่าให้รางวัลนางที่สามารถเอาชนะความแค้นของตนเองได้ก็แล้วกัน
พรึบ….ไป๋หลินเฟยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าช้าๆ แม้หลานฮวาจะอยากให้หลินเฟยอายเสียหน่อยก็เถอะ แต่ผลที่ออกมากลับดีเกินคาด ไป๋หลินเฟยแต่เดิมก็แทบแยกไม่ออกอยู่แล้วว่าเป็นเด็กผู้ชาย แม้มันจะสวมเสื้อผ้าของเด็กผู้ชายอยู่ทนโท่ก็ยังโดนคนเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงอยู่ตลอดเวลา พอเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าของเด็กผู้หญิง ไป๋หลินเฟยผู้นี้กลับน่ารักราวกับตุ๊กตาเดินได้ไม่มีผิด
แช๊ะ!! ไม่ทราบหลานฮวาแอบไปซื้อกล้องถ่ายรูปมาตอนไหน ทันทีที่หลินเฟยเดินออกมานางก็ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ทันที ทำเอาไป๋หลินเฟยสะดุ้งโหยงรีบพยายามแย่งกล้องมาจากหลานฮวาให้ได้ แต่เพราะหลานฮวามีพลังเหนือกว่าไป๋หลินเฟยอยู่เยอะ แม้มันจะมีความสามารถของตระกูลไป๋อย่างครบถ้วนก็ยังแย่งเอามาไม่ได้ง่ายๆ
“คิกๆ ข้าไม่เอาให้คนอื่นดูหรอกนะ แต่เจ้านี่น่ารักจริงๆเลยนะ สมแล้วที่มีแม่กับยายสวยๆ”หลานฮวาหัวเราะพลางเก็บกล้องเจ้ามิติส่วนตัวของตนเองไป โชคร้ายที่หลินเฟยยังใช้วิชาแทรกแซงมิติไม่ได้ก็เลยล้วงเอากล้องคืนมาไม่ได้เสียแล้ว
“แค่นี้คงพอแล้วสินะ งั้นข้าขอเปลี่ยนกลับก็แล้วกัน”ไป๋หลินเฟยทำหน้ามุ่ยออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ แต่แก้มป่องๆของมันกลับดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูไม่ต่างจากผิงกั่วเลย ทำเอาหลานฮวาอดรู้สึกอยากจะแกล้งมันต่อขึ้นมาไม่ได้
“ไม่ได้ วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปเดินเที่ยวในตลาดทั้งๆแบบนี้ล่ะ”หลานฮวาว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีมีความสุข แต่หลินเฟยกลับแทบจะส่ายหัวด้วยท่าทีไม่เห็นด้วยทันที
“ไม่….หากท่านจะให้ข้าไปเดินตลาดแบบนี้ท่านต้องส่งรูปที่ถ่ายข้าเมื่อครู่คืนมาก่อน”ไป๋หลินเฟยว่าพลางยื่นมือไปข้างหน้าหมายจะขอรูปที่นางถ่ายไปมาทำลายเสีย
“งั้นข้าเก็บรูปเอาไว้ก็แล้วกัน”หลานฮวายิ้มออกมาด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ ไป๋หลินเฟยชินกับการโดนมองว่าเป็นผู้หญิงแล้ว ไปเดินในตลาดด้วยสภาพนี้ก็ทำให้มันอายได้ไม่มากหรอก สู้เก็บรูปเอาไว้แกล้งมันในอนาคตนั้นดีกว่าเป็นไหนๆ นางล่ะอยากเห็นหน้าไป๋หลินเฟยตอนโตยามที่นางเอารูปนี้ออกมาหยอกล้อมันขึ้นมาเลย
“ท่าน….”ไป๋หลินเฟยแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน มันไม่น่ายอมให้นางได้แก้แค้นเลย แบบนี้มันเสียท่ากันเห็นๆเลยนี่นา
“แต่เรื่องไปเที่ยวในตลาดยังไม่เปลี่ยนนะ เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเถอะ”หลานฮวาว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ ทำเอาไป๋หลินเฟยได้แต่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับก่อนที่นางจะแอบถ่ายมันไปอีกรูป แล้วพยายามคิดหาทางเอารูปของมันมาทำลายเสียให้ได้
จะให้ท่านน้า ท่านแม่ หรือท่านตาช่วยเอาออกมาดี….ท่านแม่เป็นผู้หญิงคงเข้าใกล้พี่หลานฮวาได้ง่ายที่สุด แต่ถ้าท่านแม่เห็นรูปนั่นคงไม่ทำลายแน่ๆ เผลอๆท่านแม่จะเป็นคนเก็บเอาไว้เองอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นต้องตัดท่านแม่ออกไป เหลือท่าตา กับ ท่านน้า….. ท่านน้าไม่น่าไหวถึงจะจัดการเรื่องเข้าใจผิดแล้ว แต่ท่านน้ากับพี่หลานฮวายังมองหน้ากันไม่ค่อยติดคงมีแต่ต้องให้ท่านตาช่วยเสียแล้ว
ติ๊ด…ขณะกำลังเปลี่ยนชุดอยู่นั้น อยู่ๆไป๋หลินเฟยก็รู้สึกว่าภายในมิติของมันมีบางอย่างกำลังทำงาน มันจึงนำของสิ่งนั้นออกมาถือก่อนจะเปิดปุ่มเพื่อใช้งานทันที
“เฟยเอ๋อ ลูกอยู่ไหน”เสียงของไป๋หลินดังออกมาจากโทรศัพท์ของไป๋หลินเฟยทันทีทั้งๆที่เมืองนี้อยู่นอกเขตสัญญาณแท้ๆ
“อยู่ระหว่างทางกลับขอรับท่านแม่”ไป๋หลินเฟยตอบพลางสวมเสื้อผ้าต่อด้วยท่าทีสบายๆ โทรศัพท์ของไป๋หลินเฟยนั้นค่อนข้างพิเศษหน่อยเพราะมันเป็นเครื่องรุ่นทดลองที่ชิงจื่อทำขึ้นมาโดยมันจะรับส่งคลื่นสัญญาณจากดาวเทียมโดยตรงไม่ต้องพึ่งเสาสัญญาณแบบเครื่องอื่นๆ แน่นอนว่ามีแต่คนตระกูลไป๋เท่านั้นที่เข้าถึงเทคโนโลยีนี้เพราะมันยังอยู่ในชั้นทดลองนั่นเอง
“แล้วเป็นอย่างไรบ้าง”ไป๋หลินถามด้วยท่าทีสนใจ นางทราบอยู่แล้วว่ามีบางอย่างไปสะกิดหลานฮวาเข้าทำให้นางรีบเร่งไปสืบความจริงอีกรอบ แต่สิ่งที่นางอยากรู้ก็คือผลลัพธ์นั่นเอง
“นางทราบความจริงแล้วขอรับ แผนของท่านแม่ได้ผลกว่าที่คิดเสียอีก”ไป๋หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าวางใจ
“งั้นหรือ….แสดงว่านางเองก็ไม่ใช่คนเลวอะไรอยู่แล้ว เอาไว้กลับมาก็ให้นางเป็นผู้ติดตามเจ้าเหมือนเดิมก็แล้วกัน”ไป๋หลินตอบด้วยท่าทีอ่อนโยน ตามแผนที่ไป๋หลินวางเอาไว้ต้องใช้เวลามากกว่านี้หลายเท่าเพื่อเปิดใจหลานฮวา แต่นางกลับสามารถฉุกใจได้เองนับว่าน่าชื่นชมมาก แถมนางยังเข้ามาในตระกูลไป๋แล้ว จะให้นางอยู่ต่อก็คงไม่มีปัญหาอะไร
“ขอรับท่านแม่ เรื่องนั้นข้าก็เห็นด้วย”ไป๋หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน หลังจากบอกแม่ของตนว่าอยู่ที่เมืองไหนและจะกลับไปถึงเมื่อไหร่ ไป๋หลินเฟยก็วางสายและเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จก่อนจะออกมาเจอหลานฮวาที่ยืนยิ้มอยู่ด้านนอก
“ไปกันเถอะ ข้าอยากทานอาหารพอดี”หลานฮวาว่าพลางพาไป๋หลินเฟยเดินเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็วโดยปล่อยมังกรที่เป็นยานพาหนะของทั้งสองเอาไว้ที่นอกเมืองเพราะคนในเมืองนี้คงยังไม่ชินกับอสูรเสียเท่าไหร่
“ข้านึกว่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณคนอื่นๆไม่กินอาหารตามปกติเสียอีก”ไป๋หลินเฟยบ่นพลางเดินตามหลานฮวาอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้มันอยากกลับไปเขตอสูรและขอให้ท่านตาเอากล้องของหลานฮวาออกมาให้เร็วๆมากกว่า
“ข้าก็แค่อยากกินนี่นา จริงสิเอาเป็นของหวานๆก็แล้วกัน หลินเฟยเจ้าอยากกินของหวานหรือเปล่า”หลานฮวาว่าพลางเดินเข้าไปในตลาดด้วยท่าทีร่าเริง บางทีนี่อาจจะเป็นสภาพจิตใจจริงๆของหลานฮวาก็ได้ ตอนแรกนางก็ออกมาเพราะต้องหาอาจารย์ภายหลังก็ตามล้างแค้นไป๋จูล่ง นี่จึงเป็นครั้งแรกที่นางออกมาเที่ยวชมในเมืองโดยไม่ต้องคิดเรื่องอะไรให้วุ่นวาย นางจึงมีท่าทีกระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษ
“หลินเฟย ดูนั่นสิ”หลานฮวาเดินเข้ามาในตลาดได้ไม่นาน อยู่ๆนางก็มองเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังยืนกันอยู่ในมุมหนึ่งของตลาดพร้อมถือธงสีขาวหลายสิบธงเรียงรายจนกลายเป็นจุดสนใจอย่างง่ายดาย
“คนพวกนั้นทำอะไรกัน”หลินเฟยเองก็ถึงกับงงเพราะไม่ทราบว่าพวกมันทำอะไรกันถึงได้มายืนเรียงตัวกันถือธงอยู่ที่ตลาด
“ไปดูกันไหม”หลานฮวาถามพลางเดินเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ทุกท่าน วันนี้ข้ามาในฐานะตัวแทนของตระกูลไป๋เพื่อรับสมัครผู้มีความกล้ามาร่วมงานกับพวกเรา”ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ เสียงของชายด้านหน้าก็ดังขึ้นด้วยท่าทางโผงผาง แน่นอนว่าพอได้ยินคำว่าตระกูลไป๋ ตัวหลินเฟยเองก็หูผึ่งเช่นกัน
“คนพวกนั้นเป็นคนของตระกูลเจ้างั้นหรือ”หลานฮวาถามพลางมองไปทางหลินเฟย นางพึ่งเข้าไปอยู่ในตระกูลไป๋ได้พักเดียวเลยไม่ทราบว่าตระกูลไป๋มีลูกน้องมากน้อยแค่ไหน
“ไม่ใช่หรอก บางทีอาจจะเป็นตระกูลไป๋อื่นก็ได้”หลินเฟยตอบพลางมองไปที่เหล่าผู้คนที่ยืนเรียงแถวกันอยู่ ตระกูลไป๋ของมันมีลูกน้องส่วนใหญ่เป็นอสูร แต่ในกลุ่มคนพวกนี้ไม่มีอสูรเลยแม้แต่คนเดียว นอกจากนี้พลังยังต่ำๆกันเสียด้วย ไม่พอจะเป็นคนของตระกูลไป๋หรอก
“นายท่าน นายท่านกำลังหมายถึงตระกูลไป๋ไหนหรือ”ดูเหมือนจะมีคนสงสัยเช่นเดียวกับหลินเฟยก็เลยเอ่ยปากถามออกไป
“แน่นอน พวกเราคือคนของจักรพรรดิไป๋ วันนี้มาเพื่อหาผู้มีความต้องการจะรับใช้องค์จักรพรรดิ”ได้ยินเช่นนี้ก็คงตีความไปเป็นอย่างอื่นไม่ได้เสียแล้ว เจ้าพวกนี้กำลังแอบอ้างชื่อของท่านตากันเห็นๆ
“หลินเฟย จักรพรรดิไป๋นี่หมายถึงท่านตาของเจ้าสินะ แต่เจ้าพึ่งบอกว่าพวกนี้ไม่ใช่คนของตระกูลเจ้าไม่ใช่หรือ”ได้ยินหลานฮวาพูดเช่นนั้นหลินเฟยก็ทำสีหน้ากังวลออกมาเสียอย่างนั้น
“พวกมันแอบอ้างชื่อของตระกูลข้าขอรับ”หลินเฟยพูดออกมาพลางกำหมัดแน่น หากชื่อตระกูลตนเองโดนผู้อื่นเอาไปใช้ก็ต้องมีน้ำโหกันบ้างอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ข้าต้องนำเรื่องนี้ไปให้ท่านตาทราบ พี่หลานฮวาท่านเอากล้องก่อนหน้านี้มาให้ข้าเถอะ ข้าจะถ่ายหลักฐานไปให้ท่านตาได้เห็น”หลินเฟยว่าพลางมองไปทางหลานฮวาด้วยท่าทีจริงจัง ทำให้หลานฮวานำกล้องออกมาจากมิติของนางและส่งให้หลินเฟยทันที
แกร๊ก…..ทันทีที่ได้กล้องมาหลินเฟยก็แกะเอาฟิล์มที่อยู่ในกล้องออกมาทันที ก่อนจะรีบดึงฟิล์มที่ม้วนอยู่ออกมาส่องกับแสงแดดเพื่อตรวจสอบทันที
“พี่หลานฮวา ฟิล์มนี่เป็นคนละม้วนกับที่ใช้ถ่ายข้าสินะขอรับ”ไป๋หลินเฟยถามพลางเอาฟิล์มเก็บเข้าไปในกล้อง
“ใช่แล้ว ข้าเปลี่ยนฟิล์มตอนเจ้ากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ของล้ำค่าเช่นนั้นข้าต้องเก็บเอาไว้อย่างดีอยู่แล้ว”หลานฮวาตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนหวาน
“เจ้าจะถ่ายรูปคนพวกนั้นเป็นหลักฐานไม่ใช่หรือ ใช้ฟิล์มใหม่นั่นถ่ายให้เยอะๆเลย”หลานฮวาหัวเราะพลางส่งสายตาหยอกล้อไปทางหลินเฟยทันที นางทราบหรอกว่าหลินเฟยเป็นเด็กแสบขืนไม่เก็บรูปถ่ายเอาไว้อย่างดีมีหวังโดนมันหลอกเอาออกมาแน่ๆ
“ข้าจะเล่นงานเจ้าพวกนั้นให้ยับเยินเลย”ไป๋หลินเฟยทำหน้ามุ่ยก่อนจะจ้องไปทางพวกคนตระกูลไป๋ปลอมด้วยท่าทีจริงจัง แน่นอนมันกำลังจะพาลใส่พวกนั้นนั่นเอง