บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 547 คนกลาง
ตอนที่ 547
คนกลาง
“ท่านเนี่ย ตอบปฏิเสธได้ทุกรอบเลยนะ”มารียิ้มหวานพลางเดินเข้ามาหาจูล่งด้วยท่าทีเคยชิน ไม่ว่าจะถามจูล่งกี่ครั้งมันก็ปฏิเสธมาหมดทุกที
“ช่วยไม่ได้นี่ขอรับ ตระกูลโบมิสมีนโยบายไม่เหมาะกับแนวคิดของท่านน้ารูบี้นี่นา”จูล่งยิ้มเจื่อนๆออกมาเมื่อเห็นมารีเข้ามาใกล้ ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มารีเข้ามาขอร้องเรื่องสิทธิ์การผลิตรถยนต์กับจูล่ง และนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่จูล่งปฏิเสธนาง
“ข้าเข้าใจ แต่ตระกูลของข้าเป็นเช่นนี้ข้าเองก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้”มารีว่าพลางถอนหายใจออกมา ตัวเธอเป็นเพียงบุตรสาวคนโตไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายงานของตระกูลได้ ที่นางถูกส่งมาเช่นนี้เพราะตระกูลโบมิสไม่มีอะไรจะโน้มน้าวใจจูล่งได้เท่านั้น เพราะสิ่งที่ตระกูลโบมิสมีจูล่งก็มีเช่นกัน ไม่ว่าจะอำนาจ เงินทอง หรือชื่อเสียง ทำให้อย่างเดียวที่ตระกูลโบมิสพอจะนึกออกก็คือให้บุตรสาวที่ถูกเลี้ยงดูให้โตมาเป็นสาวงามเป็นผู้เจรจาดู
“ท่านเองก็ลำบากเหมือนกันนะขอรับ ข้าล่ะเห็นใจจริงๆ”จูล่งยิ้มด้วยท่าทีอ่อนโยน ตัวมารีนั้นรับคำสั่งจากตระกูลแต่ตัวนางกลับเข้าข้างในแนวคิดของรูบี้มากกว่า แต่เพราะต้องทำงานให้ตระกูลก็เลยต้องมาโน้มน้าวใจจูล่งตามคำสั่งเสียทุกครั้งไป
“ถ้าเห็นใจข้างั้นก็มอบสิทธิ์ให้ข้าสิ ข้าจะได้ทำเรื่องนี้ให้มันจบ”มารีตอบพลางยิ้มหวานออกมาด้วยท่าทีเย้ายวน ปกติจูล่งจะมีสาวๆติดตามตลอด วันนี้นับเป็นโอกาสดีทีเดียวที่จะได้เข้าใกล้มัน
“เรื่องนั้นเกรงว่าจะไม่ได้จริงๆขอรับ หากตระกูลโบมิสยังยืนยันว่าจะนำรถยนต์ไปสร้างเป็นสินค้าราคาแพงเช่นเดิม”จูล่งตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ
“คิกๆ ข้าล้อเล่นน่า ข้าเข้าใจดีว่าท่านรูบี้คิดจะสร้างรถยนต์เพื่อนำไปให้คนธรรมดาใช้ ถ้าเอาออกมาขายในราคาแพงคนธรรมดาก็ซื้อไม่ได้ แถมรถยนต์ยังสู้อสูรบินที่ใช้เงินไม่ต่างกันมากไม่ได้ด้วย”มารีตอบพลางยิ้มบางๆออกมา ในสมัยนี้การใช้งานอสูรบินเป็นเรื่องธรรมดาของคนและอสูรที่มีเงินพอ เพราะการมีอสูรบินนั้นทำให้การเดินทางสะดวกสบายมาก ทำให้รถยนต์เป็นสิ่งที่คนรวยไม่ค่อยต้องการนัก ตรงกันข้ามคนธรรมดานั้นกลับไม่มีทางเลือกเท่าไหร่ หากต้องเดินทางไปยังเมืองที่ไม่มีรถไฟตัดผ่าน ก็ต้องขี่ม้าหรือนั่งรถม้าเอา หากผลิตรถยนต์ให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้นอกจากจะสร้างความสะดวกสบายแล้วยังทำกำไรได้อีกด้วย
“งั้นผลลัพธ์ก็คงเหมือนเดิมสินะ ข้ามาขอร้องท่านจูล่งและโดนท่านปฏิเสธเช่นเดิม”มารีว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเรียบเฉย แม้ตัวนางจะต้องโดนตระกูลตำหนิเพราะทำงานไม่สำเร็จ แต่เรื่องที่ทำไปก็คงขาดทุนแน่ๆเช่นนี้นางทำไม่ลงหรอก แถมการให้ชาวบ้านได้มีรถยนต์ใช้กันแทนม้าก็เป็นเรื่องที่นางอยากให้เป็นจริงอีกด้วย
“เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น ต้องให้ท่านมารีเหนื่อยอีกครั้งแล้ว”จูล่งตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา หากจูล่งไม่ยอมมาพบตระกูลโบมิสก็ไปกดดันตระกูลโรซารี่อีก แถมยังจะลามไปกดดันโรงงานของยี่เจินอีก จูล่งเลยยอมให้ท่านน้ารูบี้และยี่เจินตอบตกลงตระกูลโบมิสไปและมอบหน้าที่ปฏิเสธหัวชนฝาเช่นนี้ให้ตนเอง เพราะถึงอย่างไรตระกูลโบมิวก็ทำอะไรจูล่งไม่ได้อยู่แล้ว แต่งานนี้คนที่โดนหนักที่สุดเกรงว่าจะเป็นตัวมารีเองเพราะนางเจรจากับจูล่งไม่สำเร็จเสียทีทำให้ตระกูลต่อว่านางที่ทำงานพลาดอย่างหนักเลยทีเดียว
“แค่นี้เอง แลกกับการได้มาพบท่านจูล่งแล้วข้ายินดีเสมอ”มารียิ้มหวานพลางโน้มตัวเข้าไปใกล้จูล่งมากกว่าเดิม เสน่ห์ของมารีนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากเป็นชายอื่นคงใจเต้นระรัวไปแล้วแน่ๆ
“ไม่ต้องห่วงขอรับ ข้าได้ผู้ผลิตที่อาณาจักรไป๋แล้ว ที่เหลือก็แค่ให้โรงงานเสร็จและทำการซื้อขายสิทธิ์กันก็พอ”จูล่งตอบพลางยิ้มบางๆออกมาโดยไม่สนใจท่าทียั่วยวนของอีกฝ่ายเลย
“งั้นหรือ…หวังว่าตระกูลของข้าจะไม่ลงโทษหนักเกินไปก็แล้วกัน”มารีส่ายหน้าด้วยท่าทีเหนื่อยใจ นางทอดสะพานเช่นนี้อีกฝ่ายยังไม่รู้ตัวอีก
“ท่านน้า ทำไมไม่ขายสิทธิ์ให้ทั้งสองฝ่ายเลยล่ะขอรับ”อยู่ๆเสียงของหลินเฟยก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของมารีเสียก่อน ทำเอามารีที่เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเทียนเซียนเช่นกันถึงกับสะดุ้ง นางจับสัมผัสจากตัวหลินเฟยไม่ได้เลย
“ขายให้ทั้งสองฝ่ายงั้นหรือ”จูล่งเลิกคิ้วด้วยท่าทีสนใจ
“ก็….. ถ้าตระกูลโบมิสอยากสร้างรถหรูราคาแพงก็ให้สร้างไปขอรับ ส่วนโรงงานที่อาณาจักรไป๋ก็ให้สร้างรถราคาถูกที่สามารถจับต้องได้ง่าย”หลินเฟยเสนอพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีใสซื่อตัวมันแอบมานั่งฟังตั้งแต่แรกแล้ว แต่เห็นมารียังไม่รู้ตัวเลยไม่ได้เสนอะไรออกไป
“ไม่ได้หรอก ตระกูลของข้าต้องการสิทธิ์ในการผลิตทั้งหมด ไม่ยอมให้ใครมาผลิตแข่งกันหรอก”มารีตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ เพราะตระกูลโบมิสต้องการคุมตลาดเอาไว้ทั้งหมดก็เลยไม่ทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้นี่ไง
“เช่นนั้นก็ต้องบอกเรื่องโรงงานของท่านน้าจูล่งให้คนของตระกูลท่านทราบขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมา นี่มันฟังเรื่องที่พวกจูล่งคุยกันแล้วเข้าใจไปถึงไหนแล้วเนี่ย
“จะดีงั้นหรือ เรื่องโรงงานนั้นพวกเราปิดเป็นความลับจะเปิดเผยก็ต่อเมื่อการซื้อขายสิทธิ์การผลิตจบไปแล้วนะ”มารีถามด้วยท่าสงสัย หากบอกเรื่องนี้ให้ตระกูลโบมิสแผนที่นางคิดเอาไว้ก็ล่มกันพอดี
“ท่านน้า โรงงานที่อาณาจักรไป๋ใครเป็นเจ้าของหรือขอรับ”หลินเฟยถามพลางหันไปทางไป๋จูล่งช้าๆ
“ขุนนางคนหนึ่งของอาณาจักรไป๋นะสิ ทำไมหรือ”จูล่งตอบออกมาตามตรง เพราะคนที่รับหน้าที่คุมโรงงานคือขุนนางท่านหนึ่งของอาณาจักรไป๋ที่มีเงินทุนพอจะสร้างโรงงานนั่นเอง
“ข้าอยากจะให้ท่านตามาเป็นเจ้าของโรงงานก่อนสักพักได้หรือไม่ขอรับ”หลินเฟยเสนอออกมาพลางมองไปทางมารี หากเจ้าของโรงงานผลิตเป็นไป๋จูเหวิน ตระกูลโบมิสจะทำอะไรได้ เจ้าของผลงานประดิษฐ์เป็นคนรู้จักราวกับญาติของไป๋จูเหวิน วัสดุก็มาจากโรงงานของบุตรชาย แล้วตระกูลโบมิสจะไปห้ามอะไรไป๋จูเหวินผู้ที่แม้แต่จักรพรรดิยังไม่กล้ายุ่งได้กัน หากทำอะไรกระทบกระทั่งความสัมพันธ์ เกรงว่าตระกูลโบมิสจะแย่เสียเอง
“เจ้าจะกดดันให้ตระกูลของข้ายอมรับสิทธิ์ร่วมกันงั้นหรือ”มารีตอบด้วยท่าทีตกใจ หากผู้สร้างโรงงานที่กำลังจะขอซื้อสิทธิ์เป็นไป๋จูเหวิน ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าเข้าไปมีเรื่องด้วย เท่านี้การผลิตรถยนต์ก็จะเป็นตามที่รูบี้หวัง แต่การทำแบบนั้นก็ไม่ต่างจากแผนที่มารีวางเอาไว้เท่าไหร่
เพียงแต่…ความล้มเหลวนี้คนที่เดือดร้อนย่อมเป็นมารีอย่างแน่นอน การตกลงกับจูล่งไม่สำเร็จเป็นความผิดของนาง ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไรนางก็คงต้องโดนลงโทษ แต่ตัวนางก็ทำใจเอาไว้แล้วตั้งแต่คิดแผนจะให้จูล่งสร้างโรงงานมารับมอบสิทธิ์การผลิตอย่างลับๆ แต่….หากประกาศว่าโรงงานนั้นมีไป๋จูเหวินเป็นผู้ครอบครอง ทุกคนก็จะเข้าใจว่าจูล่งจงใจให้ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจครอบครัว ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายได้ เมื่อนั้นโทษของมารีก็จะเบาลง
และในจังหวะที่ตระกูลโบมิสกำลังเข้าใจผิดว่าตนเองไร้โอกาสจะได้ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากให้มารีนำข้อเสนอร่วมกันผลิตสินค้าได้เข้าไป นอกจากนางจะไม่โดนลงโทษแล้วนางยังจะได้รับคำชมเชยอีกต่างหาก
“แผนนี้ไม่ดีหรือขอรับ”หลินเฟยเห็นมารีครุ่นคิดอยู่นานมันก็เลยเอ่ยถามออกมาเพื่อเรียกสติของมารี
“เป็นแผนที่ดี แต่ท่านไป๋จูเหวินจะยอมงั้นหรือ”มารีถามด้วยท่าทีกังวล สำหรับชาวอาณาจักรไชน์แล้วไป๋จูเหวินเป็นตัวตนราวเทพบนสวรรค์ การดึงไป๋จูเหวินมาช่วยเหลือนั้นไม่ใช่ว่ามารีไม่เคยคิด แต่ไม่กล้าทำต่างหาก
“ไม่ต้องห่วงขอรับ ถ้าเป็นข้าละก็ท่านตาต้องยอมช่วยแน่ๆ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ
“เช่นนั้น….ข้าคงต้องฝากเจ้าด้วย”มารีตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีโล่งใจ เท่านี้นางก็ไม่ต้องคอยส่งคำเชิญให้จูล่งมาหาเรื่อยๆแล้ว แม้จะแอบเสียดายนิดหน่อยแต่ก็คงช่วยไม่ได้ อย่างไรนางก็ไม่อยากรบกวนจูล่งทุกครั้งที่มาอาณาจักรไชน์หรอก
.
.
“ท่านน้า ถ้าท่านยังทำนิ่งเฉยแบบนี้อีกระวังจะโสดไปจนตายนะขอรับ”หลินเฟยบ่นขณะกำลังเดินทางกลับมาจากงานเลี้ยงของมารี เมื่อครู่พี่สาวที่ชื่อมารีทอดสะพานขนาดนั้นท่านน้ายังไม่รู้ตัวอีก แม้จะรู้จักท่านน้าดีแต่หลินเฟยก็อดเหนื่อยใจแทนท่านน้าผู้นี้ไม่ได้จริงๆ
“นิ่งเฉยเรื่องอะไรงั้นหรือหลินเฟย”ไป๋จูล่งถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ท่าทางตัวมันจะเมินท่าทีของมารีโดยไม่ได้รู้ตัวเลยนี่สิ
“มะ ไม่มีอะไรขอรับ”หลินเฟยเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา แบบนี้พวกน้าๆของมันมีหวังเหนื่อยกันมากแน่นอนเลย
“หวังว่าทางพี่หลานฮวาจะได้เรื่องได้ราวมากกว่านะ”หลินเฟยบ่นออกมาคนเดียวพลางเดินตามจูล่งกลับไปด้วยท่าทีเหนื่อยใจ มันหรืออุตส่าห์ดึงตัวท่านน้าออกมาให้พี่หลานฮวาเปิดใจคุยกับพวกน้าๆได้สะดวกขึ้น ยามนี้มันยังไม่ทราบเลยว่าพวกน้าๆเปิดใจหรือยัง เพราะหากทั้งสองฝ่ายต่างรักษาท่าทีเช่นนี้ต่อไปก็ไม่มีวันลงเอยกันได้หรอก
.
.
“เจ้าจะให้พวกเราใช้แผนยั่วยวนงั้นเหรอ”ต้าหวานพูดออกมาด้วยท่าทีตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่หลานฮวาเสนอออกมา
“บะ แบบนั้นก็แย่สิเจ้าคะ”ผิงกั่วรีบปฏิเสธทันที เพราะหากใช้แผนยั่วยวนละก็นางเป็นคนที่เสียเปรียบที่สุดเลย เพราะหุ่นของนางไม่ค่อยเหมือนผู้ใหญ่เสียเท่าไหร่ แม้จะบอกว่าเป็นหญิงสาวตัวเล็กน่ารัก แต่มันก็ขาดเสน่ห์ของผู้ใหญ่ที่จะเอาไปใช้ยั่วยวนได้นี่นา
“งั้นพวกเจ้าจะใช้แผนการอะไรเล่า”หลานฮวาถอนหายใจออกมาเพราะตั้งแต่พวกนางเปิดในกันเรียบร้อยแล้วยังโดนหลานฮวาขู่ไปอีกพวกนางก็หาวิธีทำให้ไป๋จูล่งรู้ตัวกันเสียยกใหญ่ แต่น่าเสียดายที่แผนการธรรมดาๆดูเหมือนจะใช้กับจูล่งไม่ได้เลย