บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 549 คำตอบ
ตอนที่ 549
คำตอบ
“พี่จูล่ง พี่ขอโทษข้าทำไมงั้นหรือ”ผิงกั่วถามด้วยท่าทีตกใจ มันทำสีหน้าสำนึกผิดเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร หรือจริงๆแล้วตัวไป๋จูล่งไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นกับนางก็เลยต้องขอโทษออกมากัน
“พะ พี่…..พี่ไม่เข้าใจว่าความรักมันเป็นยังไง ก็เลยไม่รู้จะตอบเจ้าว่าอะไร”จูล่งตอบพลางหลบสายตาผิงกั่วไปด้วยท่าทีอายๆ น่าเสียดายแม้จูล่งจะเริ่มเข้าใจความรู้สึกคนอื่นขึ้นมาก แต่เรื่องความรักเกรงว่าจะยังเร็วเกินไปสำหรับไป๋จูล่งผู้นี้อยู่มาก ทั้งๆที่ผิงกั่วสารภาพรักมันแล้วแท้ๆ แต่มันก็ยังไม่รู้ว่าควรต้องตอบว่าอย่างไรอยู่ดี
“แล้วพี่รู้สึกอย่างไรกับข้าล่ะเจ้าคะ”ผิงกั่วถามพลางมองไปทางไป๋จูล่งด้วยท่าทีสงสัย อย่างน้อยไป๋จูล่งก็ไม่ได้บอกว่าเกลียดนาง หรือไม่ได้รักนาง มันแค่ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตนเองเท่านั้น
“กับเจ้างั้นหรือ”จูล่งกะพริบตาปริบๆพลางมองไปที่ผิงกั่วด้วยท่าทีครุ่นคิด หากถามว่ารู้สึกอย่างไรกับผิงกั่ว คำตอบก็มีมากมายเลยทีเดียว ทำเอาไป๋จูล่งไม่สามารถเลือกคำตอบออกมาได้เสียที
“อย่างเช่น เวลาพี่อยู่กับข้า พี่มีความสุขหรือเปล่า”ผิงกั่วถามพลางจ้องมองดวงตาของไป๋จูล่งนิ่ง เวลาที่นางอยู่กับไป๋จูล่งนางมีความสุขมากเลย แต่ก่อนไป๋จูล่งเป็นคนเดียวที่นางอยู่ด้วยแล้วอุ่นใจ เมื่อเวลาผ่านไปนางได้รู้จักคนตั้งมากมาย มีทั้งพี่หลานฮวา ทั้งพี่ต้าหวาน ต้าเฉียน หลี่เย่ และพี่ชางซีอีก รวมทั้งคนตระกูลไป๋ทั้งหมดและเหล่าผู้คนที่ได้รู้จักกันภายหลัง แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ทำให้นางรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่อยู่ด้วยก็มีเพียงไป๋จูล่งผู้เดียว
“เรื่องนั้น ข้า….”ไป๋จูล่งนิ่งไปพลางจ้องมองดวงตาของผิงกั่วเช่นกัน สำหรับมันแล้วเวลาที่มีผิงกั่วอยู่ด้วยตัวมันก็มีความสุขเช่นกัน นางเป็นหญิงสาวน่ารักและขี้อ้อน และมักจะทำอะไรออกมาตรงๆเสมอ ทำให้เวลามีผิงกั่วอยู่ด้วยตัวไป๋จูล่งก็รู้สึกดีเช่นกัน ไม่เคยมีเวลาไหนที่ผิงกั่วอยู่ด้วยแล้วตัวไป๋จูล่งจะไม่ชอบเลย
“ถ้าถามว่าเวลามีเจ้าอยู่ด้วยกับไม่มีเจ้าอยู่ด้วยเวลาไหนดีกว่า ก็ต้องเป็นเวลาที่เจ้าอยู่ด้วยละนะ”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาบางๆ
“แล้วตอนท่านไม่พบข้า ท่านคิดถึงข้าหรือเปล่า”ผิงกั่วถามพลางส่งสายตาคาดหวังไปให้ไป๋จูล่ง เวลาไม่ได้พบไป๋จูล่งนางคิดถึงไป๋จูล่งตลอดเลย ถึงขนาดโดนท่านแม่แซวอยู่หลายครั้งเลยทีเดียว แต่เพราะท่านแม่เองก็เห็นว่าไป๋จูล่งสืบทอดพลังของอสูรแมงมุมและยังเป็นผู้ชายที่ดีนางเลยไม่ว่าอะไรผิงกั่ว และยอมรับเรื่องที่ผิงกั่วจะออกไปหาไป๋จูล่งได้อีกต่างหาก
“คิดถึงสิ”ไป๋จูล่งตอบพลางพยักหน้าช้าๆ ไม่ใช่แค่ช่วงหลังๆ ก่อนหน้านี้ไป๋จูล่งก็คิดถึงผิงกั่วอยู่ตลอดเช่นกัน แต่เพราะตัวมันเดินทางไปทำการค้าที่อาณาจักรไชน์ก็เลยไม่ได้ไปเยี่ยมหาอย่างที่สัญญาเอาไว้เลย เรื่องนั้นจูล่งยังรู้สึกผิดไม่หายเลย
“ท่านพูดจริงงั้นหรือ”ผิงกั่วถามพลางโน้มตัวเข้าไปหาไป๋จูล่งให้ใกล้ขึ้น
“จริงสิ”ไป๋จูล่งตอบด้วยท่าทีมั่นใจ ตัวมันโกหกไม่เก่งและไม่คิดจะโกหกเรื่องนี้ด้วย
“แฮะๆ….”ผิงกั่วได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มและหัวเราะออกมาด้วยท่าทีเขินๆ ช่วยไม่ได้นี่นานางกังวลว่าจริงๆแล้วไป๋จูล่งอาจจะไม่คิดอะไรกับนางเลย แต่พอได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้นางดีใจมาก อย่างน้อยมันก็คิดถึงนางและรู้สึกดีเวลานางอยู่ด้วย เท่านั้นก็มากพอแล้วที่จะทำให้ผิงกั่วมีความสุขได้
“ผิงกั่ว…..”ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อ อยู่ๆที่ด้านหลังของพวกไป๋จูล่งก็ปรากฏร่างของพวกต้าหวานขึ้นมาเสียก่อน เพราะพวกนางกังวลว่าผิงกั่วจะเป็นอะไรหรือไม่ก็เลยตามมาแท้ๆ
“พวกพี่…”ผิงกั่วยิ้มเจื่อนๆออกมาเมื่อเห็นว่าสายตาของพวกต้าหวานนั้นดุดันแค่ไหน
“น้องผิงกั่ว เจ้าท่าทางจะมีความสุขดีแล้วสินะ งั้นมากับพวกเราสักครู่ได้หรือไม่”ชางซีว่าพลางยิ้มเย็นเฉียบออกมาเสียอย่างนั้น ทำเอาผิงกั่วที่กำลังยืนอยู่กับจูล่งถึงกับสะดุ้งโหยง
“น้องจูล่ง เจ้าช่วยรอพวกเราอยู่ที่นี่ก่อนนะ”ต้าเฉียนพูดจบก็เดินเข้ามาแกะมือไป๋จูล่งที่กำลังกุมมือของผิงกั่วออกแล้วลากตัวผิงกั่วหายเข้าไปในโรงงานเสียอย่างนั้น
.
.
“เอาล่ะ มีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่”ต้าหวานถามพลางนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องประชุมที่สร้างเสร็จแล้วของโรงงานชั้นบน
“เอ่อ….ไม่ใช่ว่าจะมาสอบปากคำท่านน้าผิงกั่วหรอกเหรอ”ไป๋หลินเฟยถามพลางมองไปรอบๆตนเองที่ยามนี้มีพวกน้าสาวของตนเองล้อมเอาไว้รอบด้านเลย อยู่ๆพวกนางก็ไปลากผิงกั่วกลับมาแล้วสั่งให้มันกับมารีเข้าไปในห้องประชุมด้วย แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่โดนตรวจสอบกลับเป็นมันงั้นหรือ
“ท่านมารีมาที่นี่เพราะเจ้าไม่ใช่หรือ”หลานฮวาว่าพลางมองไปทางมารีด้วยท่าทียิ้มๆ อยู่ๆไป๋จูล่งก็พามารีมาด้วย เกรงว่าจะต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ เมื่อสอบถามจากมารีดูก็ได้ความว่าจริงๆแล้วตัวนางไม่ต้องมาดูโรงงานก็ได้ แต่เพราะไป๋หลินเฟยคะยั้นคะยอให้นางมา นางก็เลยมากับพวกไป๋จูล่งเสียมิได้
“กะ พวกท่านไม่ยอมซื่อสัตย์กับใจตัวเองเสียทีนี่นา ข้าก็เลยให้ท่านมารีมาด้วย”ไป๋หลินเฟยตอบพลางหลบสายตาพวกน้าสาวไปทันที
“เจ้าก็เลยหลอกใช้ข้าเพื่อทำให้พวกนางหึงหวงสินะ”มารีถามพลางเดินเข้าไปหาไป๋หลินเฟยด้วยท่าทีตกใจ
“กลายเป็นว่าเพราะเจ้าไม่รู้เรื่องว่าน้าๆของเจ้าซื้อสัตว์กับใจตัวเองแล้ว แผนก็เลยพันกันสินะ”หลานฮวาถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ เพราะหลินเฟยกะจะใช้มารีมาเปิดใจพวกน้าๆ กลายเป็นว่าสร้างความอึดอัดให้ผิงกั่วที่ไม่รู้จักมารีจนเกิดเรื่องขึ้นจนได้
“งั้นก็หมายความว่าเจ้าคือต้นเหตุให้แผนของพวกเราพังสินะ”หลี่เย่ว่าพลางถอนหายใจออกมาช้าๆ
“เอ๋ นี้พวกท่านยอมรับแล้วหรือขอรับว่าชอบท่านน้าของข้า”หลินเฟยเลิกคิ้วด้วยท่าทีตกใจ เพราะพวกนางดื้อไม่ยอมรับตัวเองมาตั้งนาน หลินเฟยเลยไม่คิดว่าพวกนางจะเปิดใจได้เพียงแค่การพูดคุยกันตามประสาผู้หญิงไม่กี่วัน
“กะ ก็ใช่ พวกข้ายอมรับกันแล้ว”ต้าหวานว่าพลางหลบสายตาหลินเฟยไปนิดหน่อย แม้จะยอมรับแล้วแต่พวกนางก็ยังอายอยู่นี่นาที่จะพูดถึงเรื่องนี้
“แต่ก็เพราะเจ้าผิงกั่วเลยไปสารภาพรักไป๋จูล่งก่อนจนได้ แบบนี้เจ้าต้องรับผิดชอบเข้าใจหรือไม่”ต้าเฉียนว่าพลางกอดอกด้วยท่าทีดุๆ ทำให้หลินเฟยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆออกมา
“พวกน้าๆอยากให้ข้าทำอะไรให้หรือขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
.
.
“หลินเฟย คิดยังไงถึงแวะมาที่นี่งั้นหรือ”ไป๋จูล่งถามขณะเดินตามหลินเฟยขึ้นมาบนเรือลำหนึ่งที่จดอยู่ริมน้ำ ดูเหมือนเมืองที่อยู่ห่างจากโรงงานของจูล่งไม่มากจะมีเทศกาลลอยโคมไฟกันอยู่พอดี หลินเฟยก็เลยขอร้องให้จูล่งมาแวะเที่ยวที่นี่ก่อนจะกลับไปยังเขตอสูรผาไร้ก้น
“ข้าแค่ต้องเอาตัวรอดเท่านั้นเอง”หลินเฟยตอบพลางพาไป๋จูล่งมานั่งที่ชั้นบนสุดของเรือที่โดนเช่าเหมาลำเอาไว้ทั้งหมดแล้ว หลินเฟยลงแรงเลือกเรือที่สวยที่สุดและลอยอยู่บนจุดที่ชมงานลอยโคมไฟได้งดงามที่สุดด้วย ทันทีที่เริ่มลอยโคมไฟกันภาพที่เห็นจากบนเรือจะงดงามมาก ประกอบกับแสงไฟสลัวๆจากเชิงเทียนรอบๆยิ่งทำให้บรรยากาศออกมาดีทีเดียว
“น้องจูล่ง เจ้ามาแล้วงั้นหรือ”นั่งได้พักเดียว อยู่ๆพวกต้าหวานก็เดินออกมาพร้อมการแต่งกายที่แตกต่างไปจากทุกที พวกนางแต่งกายกันสวยมากในค่ำคืนนี้ ยิ่งมีแสงไฟจากเชิงเทียนส่องกระทบยิ่งทำให้พวกนางดูงดงามกว่าปกติหลายเท่าเลย
“งั้น ข้าขอตัวนะขอรับ”หลินเฟยเห็นพวกนางออกมาแล้วก็จอตัวออกมาทันทีเพื่อไม่ให้เป็นก้างขวางคอ โชคดีจริงๆที่บทลงโทษคราวนี้เป็นแค่การจัดหาสถานที่ลงมือตามแผนของพวกน้าๆให้เท่านั้นเอง
“น้องจูล่ง จริงๆแล้วพวกเรามีอะไรจะบอกเจ้า”ชางซีพูดพลางเดินเข้าไปหาไป๋จูล่งช้าๆ ก่อนจะดึงให้ไป๋จูล่งลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงระเบียงดาดฟ้าเรือข้างๆตรงที่พวกนางยืนอยู่
“พวกท่านมีอะไรงั้นหรือขอรับ”ไป๋จูล่งถามพลางมองพวกนางทั้ง 5 คนด้วยท่าทีสับสน เมื่อมองไปเห็นผิงกั่วเข้า นางก็ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆด้วยใบหน้าแดงๆเท่านั้น
“วันนี้น้องผิงกั่วสารภาพรักกับเจ้าสินะ”ชางซีถามพลางเหล่มองมาทางผิงกั่วนิดหน่อย เรื่องแอบสารภาพรักก่อนนี่คงต้องเอาไว้คิดบัญชีกันทีหลังกระมัง
“ชะ ใช่ขอรับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้นไป๋จูล่งก็หน้าแดงออกมาเล็กน้อย เพราะเรื่องผิงกั่วสารภาพรักนี่ล่ะทำให้ไป๋จูล่งจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาทั้งเย็น ในหัวก็เอาแต่ครุ่นคิดเรื่องนั้นอยู่ตลอดเลย
“ความจริงแล้วพวกเราวางแผนจะสารภาพรักเจ้าพร้อมๆกัน แต่ในเมื่อโดนผิงกั่วตัดหน้าไปก่อนแล้วก็ช่วยไม่ได้”ชางซีว่าพลางกุมมือของไป๋จูล่งแน่น
“น้องจูล่ง ข้ารักเจ้านะ”ชางซีพูดพลางจ้องมองดวงตาของไป๋จูล่งอย่างจริงจัง คำพูดของนางไม่มีความล้อเล่นแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย
“ข้าเองก็รักเจ้าเหมือนกัน”หลี่เย่พูดพลางยิ้มออกมาช้าๆ
“ช้าเองก็รักเจ้านะน้องจูล่ง”ต้าเฉียนพูดพลางมองไปทางพี่หญิงของนางที่ยืนอยู่ข้างๆ เท่านี้ก็เหลือเพียงต้าหวานคนเดียวแล้วเท่านั้น
“น้องจูล่ง ข้าคงไม่สามารถเป็นผู้ติดตามของเจ้าได้อีกแล้ว ข้าตกหลุมรักเจ้าไปเสียแล้ว”ต้าหวานตอบพลางก้มหน้าลงช้าๆด้วยใบหน้าที่แดงแทบไม่ต่างจากแก้มของผิงกั่วเลย
“พวกท่าน….”จูล่งอึ้งไปเมื่อโดนสาวๆสารภาพรักออกมาตรงๆความจริงที่มันคิดอยู่ในหัวมาตลอดทั้งเย็นไม่ใช่แค่เรื่องของผิงกั่วคนเดียวเท่านั้น เพราะคำถามของผิงกั่วก่อนหน้านี้ทำให้ไป๋จูล่งได้คิดเสียทีว่าจริงๆแล้วมันรู้สึกอย่างไรกับสาวๆรอบตัวทั้งต้าหวาน ต้าเฉียน หลี่เย่ ชางซี และ ผิงกั่ว พวกนางต่างมอบความสุขให้ไป๋จูล่งยามอยู่ด้วยกันทั้งนั้น และเมื่อไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันก็คิดถึงพวกนางเช่นเดียวกัน
“ข้า……ข้าเป็นคนเจ้าชู้สินะขอรับ”จูล่งตอบออกมาด้วยท่าทีอึ้งๆ ความจริงที่ว่ามันเป็นคนเจ้าชู้นั้นทำเอาตัวไป๋จูล่งเองอึ้งไปเหมือนกัน
“คิกๆ ใช่แล้ว เจ้าเป็นคนเจ้าชู้ยังไงล่ะ”ต้าหวานยิ้มพลางหัวเราะกับสิ่งที่จูล่งพูดออกมา เพราะนั่นหมายความว่าไป๋จูล่งนั้นก็ชอบพวกนางเหมือนกันนั่นเอง
“ไม่ดีหรือ พวกเรารักกันหมด ไม่เห็นมีใครเดือดร้อนเลยนี่นา”ชางซียิ้มพลางกอดแขนของจูล่งเอาไว้แน่น เท่านี้นางก็ไม่ต้องรักษาท่าทีอีกต่อไปแล้ว และไม่ต้องทนอิจฉาผิงกั่วที่สามารถกอดจูล่งได้ตามใจด้วย