บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 558 พาเที่ยว
ตอนที่ 558
พาเที่ยว
“หายจริงๆด้วย”เหมาเหมารำพึงออกมาหลังจากเวลาผ่านไป 3 วันตามที่มังกรธรณีพูดเอาไว้ไม่มีผิด อาการบาดเจ็บที่แก่นอสูรของนางนั้นสมควรจะต้องใช้เวลารักษานานนับร้อยปี หรืออย่างเร็วก็ต้องมีสิบปีเป็นอย่างต่ำ แต่ด้วยการกินยาของมังกรธรณีทำให้นางสามารถฟื้นพลังกลับมาเป็นระดับหยกขาวได้จริงๆ
“เหมาเหมา อาการเป็นยังไงบ้าง”ไป๋ชิวซุยเดินเข้ามาในห้องยาของมังกรธรณีพลางใช้ดวงตาสีม่วงตรวจสอบอาการของเหมาเหมาอย่างรวดเร็ว พลังของนางกลับมาน่าจะเหมือนเดิมแล้วทำให้ไป๋ชิวซุยมีท่าทีดีใจมาก
“คุณหนู อาการบาดเจ็บของข้าหายสนิทแล้ว ต้องขอบคุณคุณหนูจริงๆเจ้าค่ะ”เหมาเหมาตอบพลางยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาชิวซุย อสูรที่นี่ส่วนใหญ่จะแปลงกายเป็นมนุษย์ แต่น่าเสียดายที่เหมาเหมาไม่เคยแปลงกายเป็นมนุษย์มาก่อนเลยยังต้องอยู่ในร่างแมวไปก่อน
“เจ้าลองกลับร่างเดิมให้ข้าดูหน่อยได้หรือเปล่า”ชิวซุยถามพลางมองเหมาเหมาด้วยท่าทีสนใจ แม้แต่ร่างนี้เป็นเพียงร่างที่ใช้ตอนบาดเจ็บชิวซุยก็ยังดูออกอย่างนั้นหรือ
“จะ เจ้าค่ะ….”เหมาเหมาตอบพลางคืนร่างเป็นเสื้อตัวใหญ่ที่ลายสีดำทันที เรื่องกลัวว่าชิวซุยจะตกใจกับร่างเดิมของตนนั้นเหมาเหมาโยนทิ้งไปตั้งแต่เข้ามาในเขตอสูรผาไร้ก้นแล้ว
“ขนเจ้านุ่มอย่างที่ข้าคิดจริงๆด้วย”ไม่แม้แต่จะแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา ตรงกันข้ามชิวซุยตรงเข้ามาทิ้งตัวใส่ร่างของเหมาเหมาเต็มรักพลางใช้ทั้งแขนลูบท้องของนางอย่างกับตอนอยู่ในร่างแมวไม่มีผิด
“ขนของเข้าไม่เหมือนของท่านตาพยัคฆ์เลย ขนท่านตาแข็งมากจับแล้วไม่รู้สึกดีแบบนี้เลย”ชิวซุยว่าพลางยิ้มออกมาด้วยใบหน้ามีความสุข ขนของพยัคฆ์อัสนี รวมทั้งลูกๆของท่านน้าเองก็แข็งเหมือนกันหมด มีพยัคฆ์เมฆาที่ดีกว่าหน่อยแต่ขนของนางมันบางเบาเหมือนกำลังจับเมฆอยู่มากกว่าก็เลยไม่ให้ความรู้สึกเช่นนี้
“อะไรกัน หลานไม่ชอบขนของตางั้นหรือ”พยัคฆ์อัสนีถามพลางเดินเข้าไปหาชิวซุย ดูเหมือนเรื่องอาการของเหมาเหมาจะรู้ถึงหูพยัคฆ์อัสนีแล้ว ในฐานะราชาของนางพยัคฆ์อัสนีเลยต้องมาดูแลเสียหน่อย
“ก็ขนของท่านตาแข็งนี่นา เหมือนตอนพวกท่านพ่อเวลาไม่โกนหนวดเลย”ชิวซุยตอบออกไปตรงๆด้วยท่าทีใสซื่อ ก็นางรู้สึกเช่นนั้นจริงๆนี่
“งั้นในร่างมนุษย์นี่ล่ะ”พยัคฆ์อัสนีว่าพลางอุ้มร่างของชิวซุยขึ้นมาแล้วหอมแก้มนางเสียฟอดหนึ่งเป็นการลงโทษที่มาว่าขนของตนเอง
“ท่านราชา มาหาข้ามีอะไรหรือเจ้าคะ”เหมาเหมาพูดพลางมองไปที่พยัคฆ์อัสนี
“เหม่ยหลินบอกว่าให้เอายายาเม็ดนี้มาให้เจ้า”พยัคฆ์อัสนีตอบพลางยื่นกล่องไม้กล่องหนึ่งมาให้เหมาเหมา
“เหม่ยหลิน….ท่านยายของคุณหนูหรือเจ้าคะ”เหมาเหมาแสดงท่าทีงุนงงออกมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางได้รู้จักครอบครัวของชิวซุยในงานฉลองวันเกิดของไป๋หลินมารดาของชิวซุยมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกับท่านเหม่ยหลินเสียเท่าไหร่นี่นา ทำไมนางถึงส่งยามาให้ตนเองกัน
“นางบอกว่าเจ้าทำให้นางคิดถึงอสูรที่สนิทกับนางขึ้นมาก็เลยอยากจะให้เจ้าหายไวๆ”พยัคฆ์อัสนีตอบพลางวางกล่องยาเอาไว้ให้เหมาเหมา ท่าทางตัวเหมาเหมาในร่างแมวนั้นจะทำให้เหม่ยหลินคิดถึงที่หยวนหยวนเข้าพอดี น่าเสียดายที่ตอนนี้พี่หยวนหยวนของเหม่ยหลินยังต้องอยู่ที่กลุ่มนักล่าอสูรคอยดูแลท่านพ่อของนางเช่นเดียวกับเหล่าอสูรทั้ง 4 ของกลุ่มนักล่าอสูรก็เลยมาอยู่ที่เขตอสูรผาไร้ก้นไม่ได้
“ดีจังเลยนะเหมาเหมา ท่านยายท่าทางจะชอบเจ้านะ”ชิวซุยยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางทิ้งตัวลงบนขนของเหมาเหมาอีกรอบ นอกจากจะนุ่มแล้วยังไม่มีกลิ่นสาบอีกต่างหาก ตัวของเหมาเหมานี่ช่างให้ความรู้สึกดีจริงๆ
“ท่านตา ข้าขอให้เหมาเหมามาอยู่กับข้าได้หรือเปล่า”ชิวซุยถามพลางส่งสายตาขอร้องไปทางพยัคฆ์อัสนี ตอนนี้พยัคฆ์อัสนีรับเหมาเหมามาเป็นอสูรในเขตของตน ตามปกติแล้วต้องไปอาศัยอยู่ที่เขตป่าเมฆาอัสนีเช่นเดียวกับอสูรตนอื่นๆ แต่หากเป็นอสูรของคนตระกูลไป๋ละก็ย่อมสามารถมาอยู่ที่เมืองจำลองได้อยู่แล้ว
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”พยัคฆ์อัสนีตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทางใจดี แค่เห็นก็รู้แล้วว่าชิวซุยถูกใจเหมาเหมามากคงรับเหมาเหมามาเป็นอสูรประจำตัวเป็นแน่ แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่าอสูรตนอื่นๆแต่หากเป็นการเลือกของชิวซุยเองก็ไม่มีใครคิดจะค้านหรอก
.
.
“ท่านน้า ท่านจะไปอาณาจักรไชน์เมื่อไหร่หรือเจ้าคะ”ในเช้าวันต่อมาหลังจากเหมาเหมาหายดีแล้ว หลินเฟยและชิวซุยก็เข้าไปหาไป๋จูล่งทันที
“ถ้าพวกผิงกั่วฝึกกันเสร็จแล้วก็จะไปเลย พวกเจ้าจะไปด้วยงั้นหรือ”ไป๋จูล่งถามพลางเลิกคิ้วสงสัย ตอนนี้ผิงกั่ว ต้าหวาน ต้าเฉียน หลี่เย่ และ ชางซี ต่างแยกกันไปฝึกกับพวกท่านน้าของจูล่งกันหมดเพราะรู้สึกว่าตนเองต้องพยายามให้เหมาะสมกับตัวไป๋จูล่งให้มากขึ้น โดยผิงกั่วไปฝึกกับจิ้งจอกเหมันต์ ต้าหวานไปฝึกกับพยัคฆ์อัสนี ต้าเฉียนฝึกกับราชสีห์เพลิง หลี่เย่ฝึกกับมังกรธรณี และ ชางซีฝึกกับไก่ฟ้าหงอนทอง ทำให้หลายปีที่ผ่านมานี้พวกนางฝีมือก้าวกระโดดขึ้นมากไม่เว้นแม้แต่ต้าหวานและต้าเฉียนที่เก่งกันอยู่แล้ว
“ข้าอยากจะเอาขนมที่ทำให้ท่านแม่ไปให้พี่ไดแอนลองชิมดูเจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทียิ้มแย้ม ในงานวันเกิดของไป๋หลินดูเหมือนไป๋หลินจะชอบเค้กที่ชิวซุยทำมากเลยทีเดียว แม้จะต่อให้ชิวซุยทำอะไรนางก็ดีใจหมดนั่นล่ะแต่เค้กที่นางทำก็ได้รับคำชมจากทุกคนที่มาร่วมงานเลยทีเดียว
“แล้วขอท่านแม่ของพวกเจ้าหรือยัง”จูล่งถามพลางมองหลานๆของตัวเองเสียก่อนเพราะเคยมีบางครั้งเหมือนกันที่หลินเฟยแอบตามจูล่งไปโดยไม่บอกไป๋หลินทำเอาไป๋หลินเรียกทั้งจูล่งทั้งหลินเฟยเข้าไปทำโทษกันทั้งคู่
“ขอแล้วขอรับ”หลินเฟยตอบออกไปทันทีเพราะพวกตนขอท่านแม่มาแล้วจริงๆ
“จริงหรือชิวซุย”จูล่งถามซ้ำไปทางชิวซุยราวกับไม่ค่อยไว้ใจหลินเฟยเสียเท่าไหร่
“ขอแล้วเจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม นางเป็นเด็กดีไม่โกหกเสียเท่าไหร่ ทำให้คำตอบของชิวซุยน่าเชื่อถือกว่าของหลินเฟยเยอะเลย
“ท่านน้า เมื่อครู่หมายความว่ายังไงขอรับ”หลินเฟยทำหน้ามุ่ยพลางมองไปทางไป๋จูล่งด้วยท่าเคืองๆ นี่ท่านน้าไม่เชื่อมันแล้วอย่างนั้นหรือ
“ไม่มีอะไรนี่”จูล่งตอบพลางมองมาทางหลินเฟยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเอาหลินเฟยได้แต่หรี่ตามองไป๋จูล่งด้วยท่าทีจับผิดเสียอย่างนั้น
.
.
การเดินทางไปยังอาณาจักรไชน์ของหลินเฟยและชิวซุยนั้นแทบจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วเพราะตั้งแต่เด็กๆทั้งสองคนก็ตามจูล่งไปโน่นมานี่อยู่ตลอด ทำให้ชิวซุยสนิทสนมกับคนที่อาณาจักรไชน์ไม่ต่างจากอาณาจักรไป๋เลย
“พี่ไดแอน”ทันทีที่มาถึงปราสาทตระกูลโรซารี่ ชิวซุยก็เข้าไปหาไดแอนทันที อาจจะเพราะเวลาหลินเฟยมาช่วยงานรูบี้แต่ละครั้งก็ฝากไดแอนให้ช่วยดูแลชิวซุยบ่อยๆก็เลยทำให้พวกนางสนิทกันเป็นพิเศษ หากไม่ใช่เพราะรูบี้ติดงานสำคัญงานวันเกิดของไป๋หลินไดแอนจะต้องมาเจอชิวซุยด้วยแน่ๆ
“ท่านน้า ข้าขอไปข้างนอกก่อนนะขอรับ”หลังจากเห็นชิวซุยเดินเข้าครัวไปกับไดแอน หลินเฟยก็หันมาทางไป๋จูล่งเพื่อขอตัวออกไปข้างนอกบ้าง ตอนนี้อาณาจักรไชน์ไม่ต่างจากบ้านหลังที่ 2 ของหลินเฟยเท่าไหร่จูล่งเลยปล่อยให้หลินเฟยไปไหนมาไหนตามใจได้ ตราบใดที่ยังมีหลานฮวาตามติดอยู่
“หลินเฟย วันนี้เจ้าจะไปไหนงั้นเหรอ”หลานฮวาถามพลางเดินตามหลินเฟยออกไปจากปราสาทยตระกูลโรซารี่
“ข้าอยากไปเที่ยวอาณาจักรโรเน่ขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอารมณ์ดี
“จะดีงั้นหรือ ไชน์พึ่งสร้างทางรถไฟไปโรเน่ก็จริง แต่ก่อนหน้านี้ก็พึ่งรบกันไปนะ”หลานฮวาถามด้วยท่าทีลังเลหลังการบุกของอาณาจักรอีมอร์เมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว อาณาจักรอื่นนอกจากอาณาจักรไชน์ก็เข้าสภาพวะสงครามมาโดยตลอด ไม่เว้นแม้แต่อาณาจักรไชน์เองที่โดนอาณาจักรพวกนั้นหันมาโจมตี แต่เพราะกำลังอสูรของไป๋จูเหวินทำให้อาณาจักรต่างๆโดนตีถอยไปจนหมด หลังจากนั้นก็เกิดอาณาจักรโรเน่ขึ้นมา แม้ตอนแรกจะมีข้อขัดแย้งกับอาณาจักรไชน์จนเกิดสงครามเล็กๆกันก็ตาม แต่หลังจากแพ้สงครามอาณาจักรโรเน่ก็ยื่นขอเป็นพันธมิตรมาแทน แม้จะเป็นอาณาจักรเล็กๆ แต่หากมีอาณาจักรโรเน่อยู่การโจมตีไชน์ก็ยากขึ้นทำให้ไชน์ตกลงยอมรับอาณาจักรโรเน่มาเป็นพันธมิตรและทำการก่อสร้างรถไฟและถนนไปที่อาณาจักรโรเน่เพื่อแสดงถึงความเป็นมิตร
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ถึงมีอะไรเกิดขึ้นเราก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ แน่นอนเพราะตอนนี้ทั้งหลินเฟยทั้งหลานฮวาต่างอยู่ระดับเจ้าสวรรค์กันแล้ว หากไม่ยกกองทัพของอาณาจักรโรเน่มาล้อมเอาไว้ก็ไม่มีใครทำอะไรพวกตนได้จริงๆนั่นล่ะ
“ก็ได้ ข้าเป็นผู้ติดตามเจ้านี่นา”หลานฮวาว่าพลางเอารถออกมาจากมิติส่วนตัวแล้วขึ้นไปประจำที่นั่งคนขับทันที
“ว่าแต่ คนไหนเหรอที่อยากไปโรเน่”หลานฮวาที่หันมาถามพลางยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน เรื่องที่หลินเฟยอยากไปโรเน่นั้นไม่ใช่ความต้องการของหลินเฟยแน่ๆ
“ร็อกแซนน์”หลินเฟยตอบพลางยักไหล่ออกมาด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ เพราะตนเองรู้อยู่แล้วว่าหลานฮวาต้องมองออก
“เจ้าเนี่ยนะ ไปเอานิสัยแบบนี้มาจากใครกัน”หลานฮวาพูดด้วยท่าทีเหนื่อยใจ คนตระกูลไป๋มักจะเป็นที่ดึงดูดเสมอ แถมตัวหลินเฟยเองยังเป็นหลานชายของไป๋จูล่งนายทุนใหญ่คนหนึ่งแห่งอาณาจักรไชน์ หลานของไป๋จูเหวินวีรบุรุษแห่งไชน์อีกต่างหาก การทำให้สาวๆหันมาสนใจนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแต่ผู้ชายตระกูลไป๋คนอื่นๆไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ทำให้สาวๆพากันหมดหวังกันหมด แต่หลินเฟยนั้นกลับ….
“ก็…ข้าเป็นคนแปลกที่สุดของตระกูลไป๋นี่นา”หลินเฟยยิ้มด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ ตระกูลไป๋คนอื่นๆอาจจะไม่สนใจพวกสาวๆที่เข้ามาหาเพราะชื่อเสียงหน้าตาหรือฐานะ แต่สำหรับหลินเฟยแล้วการตอบรับพวกนางก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแย่อะไร