บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 562 กลุ่มต่อต้าน
ตอนที่ 562
กลุ่มต่อต้าน
“แล้วไอ้เจ้านี่มันใช้ยังไงละวะ”หลังจากพวกไป๋จูล่งโดนจับตัวมายังค่ายของกลุ่มต่อต้าน เหล่าตัวประกันทั้งหลายก็โดนพาอยู่รวมกันในอาคารหลังหนึ่งที่เหมือนจะสร้างเอาไว้สำหรับเป็นคลังเสบียงมาก่อน แต่หลังจากจับทุกคนเข้ามารวมกันพวกกลุ่มต่อต้านก็เดินเข้ามาพร้อมอาวุธและกล้องถ่ายรูป…
“เอ่อ…กดตรงนี้หรือเปล่าหัวหน้า”ลูกน้องคนหนึ่งถามพลางเดินเข้าไปดูกล้องในมือของหัวหน้ากลุ่มต่อต้าน
แกร๊ก…
ไม่ทราบพวกกลุ่มต่อต้านใช้กล้องไม่เป็นหรืออย่างไรเลยพยายามงมกันยกใหญ่ แต่ผลัดกันแงะไม่กี่ครั้งก็ทำเอาฟิล์มที่อยู่ในกล้องร่วงลงมาบนพื้นเลย แถมฝาครอบฟิล์มยังหักหลุดมากับมืออีกต่างหาก
“คุณลุง ให้หนูถ่ายให้เอาไหมเจ้าคะ”ชิวซุยถามพลางนำกล้องตัวหนึ่งออกมาจากมิติของนาง กล้องตัวนี้เป็นรุ่นใหม่ที่ท่านตาสั่งทำเป็นพิเศษเลย นอกจากจะถ่ายได้ชัดมากแล้วยังสามารถเอารูปออกมาจากกล้องได้ทันทีไม่ต้องเอาฟิล์มไปล้างอีกด้วย
“หุบปาก เป็นตัวประกันก็อยู่เงียบๆหน่อย”หัวหน้ากลุ่มต่อต้านตะคอกใส่ชิวซุยทันทีทำเอานางได้แต่กะพริบตาปริบๆด้วยท่าทีตกใจ หากไม่ใช่เพราะหลานฮวาเตือนทุกคนเอาไว้ก่อนแล้วว่าห้ามลงมือสุ่มสี่สุ่มห้ามีหวังหลินเฟยได้เข้าไปเตะหัวหน้ากลุ่มต่อต้านไปแล้วแน่ๆ
“แต่หัวหน้า กล้องเราเหมือนจะพังแล้วนะขอรับ”ลูกน้องคนหนึ่งของหัวหน้ากลุ่มต่อต้านพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
“มะ ไม่มีสำรองแล้วงั้นเหรอ”หัวหน้ากลุ่มต่อต้านหันไปถามลูกน้องตนเองด้วยท่าทีงงๆ
“ก็หัวหน้าสั่งว่าห้ามเอาของจากอาณาจักรไชน์มาใช้นี่ขอรับ”ลูกน้องอีกคนตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ดูเหมือนกองกำลังต่อต้านพวกนี้จะไม่พอใจอาณาจักรไชน์มาก แม้แต่เทคโนโลยีอย่างกล้องถ่ายรูปที่เป็นเทคโนโลยีแรกๆที่อาณาจักรไชน์ส่งให้อาณาจักรโรเน่ยังใช้ไม่เป็น คงจะไม่ชอบอาณาจักรไชน์เอามากๆเลยสินะ
“งะ งั้น….เจ้ามาถ่ายก็แล้วกัน”หัวหน้ากลุ่มต่อต้านพูดด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะชี้ไปทางชิวซุยบอกให้มาถ่ายรูปให้กับตนเอง
“เจ้าค่ะ”ชิวซุยยิ้มพลางเดินมายืนฝั่งพวกผู้ต่อต้าน ก่อนจะยกกล้องขึ้นมาเตรียมถ่ายรูป
“ท่านน้า ยิ้มหน่อยสิเจ้าคะ”ชิวซุยว่าพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีสบายๆไม่เหมือนคนโดนจับตัวมาเลยแม้แต่น้อย
“ชิวซุย พวกเราโดนจับมานะ จะให้ยิ้มได้อย่างไร”ต้าหวานถอนหายใจออกมากับท่าทีสบายใจเกินไปของหลานสาว
“พวกเจ้าถืออาวุธจ่อคอพวกมันเอาไว้ อย่าได้ทำเป็นเล่นเด็ดขาด”หัวหน้ากลุ่มต่อต้านว่าพลางสั่งให้ลูกน้องเอาอาวุธจ่อคอพวกต้าหวานเอาไว้
“รูปพวกนี้ข้าจะส่งไปให้จักรพรรดิไชน์ได้ดู และหากมันไม่มาหาข้าด้วยตนเองข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด”หัวหน้ากลุ่มผู้ต่อต้านพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจังอย่างมากหวังจะให้ตัวประกันของตนเองหวาดกลัวเสียหน่อย แน่นอนว่ามันได้ผลกับประชาชนธรรมดาแต่พวกไป๋จูล่งกลับมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มเจื่อนๆออกมา
“ส่งรูปแบบนี้ไปก็ไม่ทำให้จักรพรรดิไชน์ยอมตกลงกับเจ้าหรอกนะ”หลินเฟยถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ ยิ่งส่งรูปนี้ไปยิ่งทำให้อาณาจักรไชน์ปล่อยเรื่องนี้ไปแบบไม่ต้องสนใจเสียด้วยซ้ำ เพราะในรูปดันมีไป๋จูล่งผู้มีพลังฝีมือสูงส่งที่สุดในอาณาจักรไป๋อยู่ด้วย ไม่ว่ามองอย่างไรก็น่าเป็นห่วงพวกกลุ่มต่อต้านมากกว่าพวกตัวประกันเสียอีก
“เจ้าว่าอะไรนะ”หัวหน้ากลุ่มผู้ต่อต้านถามพลางมองไปทางหลินเฟยด้วยท่าทีไม่พอใจ ท่าทางในกลุ่มตัวประกันจะมียัยหนูไม่กลัวตายปะปนมาด้วยเสียแล้ว
“เรื่องนั้นข้าพูดชัดแล้ว ที่ข้าสงสัยคือทำไมพวกเจ้าถึงได้เคียดแค้นอาณาจักรไชน์นัก ตราสัญลักษณ์บนชุดเกราะของพวกเจ้าคือตราสัญลักษณ์กุหลาบแดงของอาณาจักรโรเน่ไม่ใช่หรือไง”หลินเฟยถามเพราะตนเองเคยเดินทางไปโรเน่มาแล้วได้เห็นตราพวกนี้อยู่บ้าง และเข้าใจทันทีว่าคนพวกนี้เป็น หรือ เคยเป็นทหารของอาณาจักรโรเน่อย่างแน่นอน
“หึ เจ้าจะไปเข้าใจอะไร พวกข้าเตรียมตัวจะต่อสู้กับอาณาจักรไชน์กันอยู่แล้ว แต่เจ้าพวกขุนนางกลับยอมแพ้แล้วขอเป็นพันธมิตรกับไชน์แทน ทั้งๆที่ถ้าบุกถึงเมืองหลวงได้พวกเราก็จะชนะแล้วยึดไชน์มาเป็นของพวกเราได้แล้วแท้ๆ”หัวหน้ากลุ่มต่อต้านตอบพลางกำหมัดแน่น
“เจ้าจะบอกว่าพวกเจ้าต้องการทำสงครามกับอาณาจักรไชน์ แต่จักรพรรดิของพวกเจ้าไม่ยอมอย่างนั้นหรือ”หลินเฟยถามพลางเลิกคิ้วสงสัย ไม่ใช่ว่าอาณาจักรโรเน่ได้ทราบถึงกำลังของอาณาจักรไชน์แล้วจึงยอมแพ้อย่างนั้นหรือ
“ใช่ อีกนิดเดียวพวกเราก็บุกเข้าไปได้แล้ว แต่ไอ้พวกขุนนางนั่น….”หัวหน้ากลุ่มต่อต้านกำหมัดแน่นด้วยท่าทีเจ็บใจ
“งั้น พวกเจ้าก็เป็นทหารหนีทัพสินะ”หลินเฟยสรุปออกมาด้วยท่าทีเข้าใจ ตอนเข้ามาในค่ายนั้นหลินเฟยสังเกตเห็นว่าค่ายนั้นเก่ามาก รวมทั้งเครื่องแบบของเหล่าทหารเองก็เก่ามากเช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงอาวุธหรือพวกข้าวของเครื่องใช้ ราวกับว่าเหล้าทหารพวกนี้ปักหลักอยู่ที่นี่มาหลายปีรอวันที่จะประกาศสงครามกับอาณาจักรไชน์อีกครั้ง แต่อาณาจักรโรเน่พอเข้าเป็นพันธมิตรกับไชน์ นอกจากจะได้รับเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆมากมายแล้วยังทำให้อาณาจักรโรเน่ไร้คู่ต่อสู้อีกต่างหาก เพราะหากมาโจมตีอาณาจักรโรเน่ก็เท่ากับประกาศสงครามกับไชน์ ทำให้อาณาจักรโรเน่ไม่มีท่าทีจะทรยศแล้วประกาศสงครามกับไชน์แต่อย่างไร
“ไม่ หลังจากทำให้ไชน์และโรเน่เริ่มสงครามอีกครั้ง พวกข้าจะกลับไปและกลายเป็นแนวหน้าต่อสู้กับพวกไชน์อีกครั้ง”หัวหน้ากลุ่มต่อต้านว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ นี่สินะคือเป้าหมายของพวกมัน ทำให้โรเน่และไชน์เริ่มสงครามอีกครั้ง พวกตนจะได้บุกไชน์อย่างที่หวังเสียที เพียงแต่….
“ท่าทางระบบสื่อสารของโรเน่จะมีปัญหา เกรงว่าต้องแก้ไขกันยกใหญ่เสียแล้ว”หลินเฟยถอนหายใจออกมาพลางลุกขึ้นยืนโดยไม่สนใจคำขู่ของพวกกลุ่มต่อต้านเลย
“พวกขุนนางคงบอกแค่ว่าให้พวกเจ้าถอนทัพแต่ไม่บอกสินะว่าเพราะอะไร”หลินเฟยยิ้มพลางเดินเข้าไปยืนตรงหน้าหัวหน้ากลุ่มต่อต้านอย่างช้าๆ
“เป็นเพราะพวกมันขี้ขลาดยังไงล่ะ ถ้ายอมเสี่ยงสักหน่อยละก็..”หัวหน้ากลุ่มต่อต้านเหมือนจะยังเชื่อว่าหากตนเองพยายามสักหน่อยจะสามารถเอาชนะไชน์ได้ไม่ยาก แต่ศึกของโรเน่กับไชน์นั้นไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือของไป๋จูเหวินเสียด้วยซ้ำ หรือก็คือไชน์สามารถรับมือโรเน่ได้ไม่ยากเย็นเลย หากเรียกทัพอสูรเข้ามามีหวังได้ทำลายอาณาจักรโรเน่ได้ง่ายๆไปแล้ว
“พวกนั้นคงไม่ได้บอกสินะว่าไชน์มีกองกำลังที่เข้มแข็งมาก กองทัพของเจ้า……แค่พวกเรา 9 คนกับอีก 2 ตนก็ต้านได้สบาย”หลินเฟยพูดจบก็เรียกเอากระบี่ออกมาถือเอาไว้ในมือ
“ฮ้าๆ ก่อนเข้ามาเจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรว่าทัพของข้ามีกำลังหลายหมื่น”หัวหน้ากลุ่มต่อต้านหัวเราะพลางเรียกเอาดาบของตนออกมาเช่นกัน อีกฝ่ายเป็นเพียงหญิงสาวท่าทางไม่มีเรี่ยวแรง แค่ถือกระบี่เช่นนี้จะไปดูน่ากลัวได้ยังไง
“แค่หลายหมื่นเองไม่ใช่หรือไง”หลินเฟยตอบพลางพุ่งกระบี่ตรงไปยังหัวหน้ากลุ่มต่อต้านทันที ไม่ต้องรวมพวกตนเข้าไปก็ได้ ลำพังเพียงไป๋จูล่งคนเดียวต่อให้ยกทัพยอดฝีมือมาสักแสนก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี อย่าว่าแต่กองทัพหลายหมื่นที่มียอดฝีมือแค่ไม่กี่คนจะมาสู้กับพวกตนได้อย่างไร
เพร๊ง!!
ดาบของหัวหน้ากลุ่มต่อต้านแตกกระจายราวกับแก้วไม่มีผิด หลินเฟยที่สืบทอดวิชากระบี่ตระกูลชินมาจากท่านยายนั้นสามารถใช้วิชากระบี่ได้อย่างยอดเยี่ยมหาคนเปรียบเทียบได้ยากมาก ยิ่งหัวหน้ากลุ่มผู้ต่อต้านมีระดับพลังแค่ระดับยอดฝีมือเท่านั้นก็ไม่อาจรับมือหลินเฟยที่ยามนี้อยู่ระดับเจ้าสวรรค์และบรรพกาลขั้นแรกได้อย่างแน่นอน
“หนอย ฆ่าพวกมัน”หัวหน้ากลุ่มต่อต้านกระเด็นออกมาเพราะแรงปะทะรีบสั่งให้เหล่าทหารรีบจัดการพวกหลินเฟยเสีย
พลักๆๆๆ
เพียงพริบตาเดียวต้าหวานก็เรียกเอาทวนของตนออกมา ก่อนจะควงมันไม่กี่ครั้งเหล่าทหารที่เอาอาวุธจ่อพวกตัวประกันเอาไว้ก็โดนเหวี่ยงปลิวจนหมด
“น้องเย่ น้องเฉียน พวกเจ้ามาคุ้มกันตัวประกัน ข้าจะไปช่วยน้องจูล่ง”ต้าหวานพูดจบก็เดินออกไปร่วมสู้กับหลินเฟยทันที โดยปล่อยให้ต้าเฉียนที่เน้นการโจมตีระยะไกลอยู่เฝ้าตัวประกันหลี่เย่ที่เป็นหมอ แม้นางจะพอสู้ได้แต่ความสามารถด้านการรักษาของนางสำคัญกว่าหากมีตัวประกันบาดเจ็บ
“ได้”ต้าเฉียนตอบพลางเรียกเอาทวนสีแดงจำนวนมากออกมากองไว้ที่พื้นด้านล่างตนเอง ยิ่งไปอยู่ในเขตอสูรผาไร้ก้นวัตถุดิบการทำทวนก็หาง่ายขึ้น ทำให้ต้าเฉียนสามารถสร้างทวนชั้นดีออกมาใช้งานได้เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว
“ส่งสัญญาณบอกให้พี่น้องฆ่าพวกมันให้หมด”หัวหน้ากลุ่มต่อต้านเห็นพวกตนเองในคลังโดนจัดการในพริบตาก็รีบสั่งให้เหล่าทหารไปสั่งการทันที ไม่นึกเลยว่าในหมู่ตัวประกันจะมียอดฝีมืออยู่ด้วย แต่ยอดฝีมือไม่กี่คนจะมาสู้กับทหารนับหมื่นได้อย่างไร อย่างน้อยมันก็ต้องเหนื่อยในอีกไม่ช้าแน่ๆ
“ชิวซุย เจ้าไม่ต้องสู้ก็ได้นะ”หลินเฟยที่เข้าไปหาชิวซุยพูดพลางเอากระบี่ออกมาจัดการพวกที่อยู่ข้างหลัง แม้ชิวซุยจะมีฝีมือแต่นางก็ไม่เคยฆ่าคนเพราะช่วงที่ชิวซุยเกิดนั้นแทบไม่มีเรื่องอะไรทำให้ตระกูลไป๋ต้องลุกขึ้นมาสู้เลย
“แต่ข้าช่วยได้นะ”ชิวซุยกะพริบตาปริบๆเหมือนจะอยากช่วย ตัวนางนั้นครอบครองธาตุศักดิ์สิทธิ์ ทำให้นางสามารถสืบทอดวิชาลมปราณมังกรมาจากท่านตาไป๋จูเหวินได้ ยามใช้วิชานี้ออกมาต่อให้เป็นหลินเฟยหรือหลานฮวาก็ต้องมีเกรงใจนางกันบ้างล่ะ
“งั้น อย่าให้บาดเจ็บนะ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ขืนปล่อยให้น้องสาวบาดเจ็บมันได้โดนท่านแม่ทำโทษแน่ๆ
“เจ้าค่ะ”ชิวซุยยิ้มกว้างก่อนจะเดินออกไปนอกคลังที่ใช้จับตัวประกันเอาไว้ แต่ทันทีที่เดินพ้นประตูออกไป ร่างกายของชิวซุยก็เลือนหายไปช้าๆจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“งั้น พวกเราก็แยกย้ายกันไปเถอะ ถือว่าช่วยอาณาจักรโรเน่กำจัดพวกทรยศ”พวกชางซีเดินตามชิวซุยออกไปอย่างรวดเร็ว ในฐานะที่เป็นอดีตมือสังหาร ต้องบอกเลยว่าความสามารถล่องหนหายตัวของชิวซุยกับชิงชิวนั้นเป็นความสามารถที่ขี้โกงสุดๆเลย
ฟุบๆๆๆ!!
ทันทีที่เห็นเหล่าทหารวิ่งเข้ามา ชางซีก็ปาเข็มพิษออกไปหลายสิบเล่ม ทันทีที่ทหารพวกนั้นโดนเข็มปักเข้าที่ตัวก็ล้มลงนอนกับพื้นทันที ท่าทางวันนี้คงจะไปเที่ยวไม่ทันเสียแล้ว คนที่หงุดหงิดที่สุดเกรงว่าจะเป็นชิวซุยนี่ล่ะ