บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 569 ขาดไป
ตอนที่ 569
ขาดไป
หลังจากหลินเฟยโดนไล่กลับออกมาแล้วหลินเฟยก็ได้แค่คิดว่ามันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้เสียแล้วเพราะอีกฝ่ายจำเรื่องเมื่อคืนนั้นไม่ได้ ตัวมันจะมานั่งกังวลแทนจะได้อะไรขึ้นมา หลินเฟยเลยยอมออกมาจากกลุ่มของบ่าวรับใช้แล้วออกห่างจากนายหญิงตระกูลลู่ไปเสียแต่โดยดี
.
.
ทั้งๆที่อีกฝ่ายลืมเรื่องราวในคืนนั้นไปแล้ว หลินเฟยก็ไม่ควรกลับไปคิดมากอีกแท้ๆ ชีวิตสมรสของนางจะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกันไม่ใช่หรืออย่างไร มันเป็นเพียงเพื่อนร่วมระบายในค่ำคืนเดียวเท่านั้นเอง แต่แล้วทำไมหลินเฟยถึงไม่อาจตัดขาดความคิดจากเรื่องของนายหญิงลู่ได้กัน…..
หลินเฟยแม้จะถอยออกมาแล้วก็ยังไม่ได้ออกห่างจากขณะเดินทางของนายหญิงลู่แต่อย่างไร ตัวมันลอบติดตามพวกบ่าวรับใช้ไปห่างๆก่อนจะพบว่านายหญิงลู่นั้นกำลังเดินทางไปที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่งเพื่อเข้าวัดทำบุญนั่นเอง
ฟุบ….
หลินเฟยลอบเข้าไปในศาลเจ้าพลางมองนายหญิงลู่ที่กำลังเริ่มไหว้พระขอพรอย่างตั้งอกตั้งใจ ยามที่นางไม่ได้เมานั้นช่างต่างกับนางตอนเมาเสียเหลือเกิน ยามนี้นางเหมือนนายหญิงผู้เข้มแข็ง ไม่มีท่าทีอ่อนแอเหมือนกับหญิงสาวที่กำลังเศร้าเพราะสามีกำลังนอกใจเลย แต่ถึงอย่างนั้นหากมองดีๆก็จะพบว่านางยังไม่ได้หายเศร้าเลย ดวงตาของนางยังก้มลงต่ำด้วยท่าทีเหงาๆ และพรที่กำลังขอก็คงเป็นเรื่องของสามีกระมัง
“นายหญิง สีหน้าท่านหมองคล้ำแสดงว่ากำลังมีเรื่องกลุ้มใจใช่หรือไม่”หลินเฟยเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้เดินออกไปหานายหญิงลู่ทันที เพียงแต่ก่อนจะออกไปมันแอบฉวยเซียมซีในศาลเจ้าแล้วเดินเข้าไปราวกับเป็นซินแสนักทำนายอนาคตไม่มีผิด
“เจ้า….คนเมื่อครู่นี่”นายหญิงลู่มองหลินเฟยด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ โชคดีที่ในศาลเจ้าไม่มีลูกน้องของนางอยู่ด้วยไม่งั้นหลินเฟยคงโดนขวางอีกแน่ๆ
“นายหญิงอย่าพึ่งเข้าใจผิด ข้าเข้าไปทักท่านเพราะเห็นดวงชะตาของท่านไม่ค่อยดีนัก หากข้าทำนายได้ถูกต้องเกรงว่าท่านกำลังกังวลเรื่องชีวิตคู่ใช่หรือไม่”หลินเฟยแกล้งทำตัวเป็นหมอดูผู้หยั่งรู้อนาคต แน่นอนว่าเรื่องที่มันทักย่อมต้องถูกอยู่แล้วเพราะมันนั่งฟังนางบ่นบนเรือมาร่วมชั่วโมงนี่นา
“เจ้าคนกะล่อน วันนั้นบนเรือข้าเล่าให้เจ้าฟังไปตั้งเยอะ ยังมีหน้ามาบอกว่าทำดูจากสีหน้าข้าอีกงั้นหรือ”นายหญิงลู่ตอบพลางค้อนมองหลินเฟยด้วยท่าทีไม่พอใจ กลายเป็นว่านางจำเรื่องคืนนั้นได้หรอกหรือ
“อะไรกัน ท่านก็จะเรื่องคืนนั้นได้ไม่ใช่หรือไง ทำไมเมื่อครู่ถึงไล่ข้าแบบนั้นล่ะ”หลินเฟยถามพลางทำหน้าผิดหวังออกมาเพราะบทหมอดูที่มันอุตส่าห์คิดขึ้นโดนทำลายในพริบตาเลย
“จะให้ข้ายอมรับต่อหน้าบ่าวรับใช้ของข้างั้นหรือว่าข้าอยู่ร่วมกับชายอื่นทั้งคืน แถมยังหลับไปข้างๆชายคนนั้นอีก”นายหญิงลู่ตอบพลางถอนหายใจออกมา พอตื่นเช้าขึ้นมานางก็อายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนีเพราะดันไปเล่าความอัดอั้นตันใจให้ชายที่ไหนก็ไม่ทราบฟัง แถมพอไปสอบถามจากคนดูแลเรือกลับพบว่าคนที่นางคุยด้วยแท้จริงไม่ใช่คนของนางหรือคนของผู้ดูแลเรือเลยเสียด้วยซ้ำ
“ก็จริงของท่าน ข้าคิดน้อยไปเอง”หลินเฟยตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา แถมมันยังไปพูดสองแง่สองง่ามเข้าอีกต่างหาก
“แล้วเจ้ามาหาข้าอีกทำไมกัน หรือคิดจะเอาความลับของข้ามาเล่นงานข้า”นายหญิงลู่ถามพลางมองไปทางหลินเฟยด้วยท่าทีสงสัย
“เรื่องนั้น….”หลินเฟยนิ่งไปพลางมองไปทางนายหญิงลู่ด้วยท่าทีอึ้งๆ ตัวมันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ตามนางมาเช่นนี้
“ข้าก็แค่ อยากช่วยท่านเท่านั้นเอง จริงสิก่อนหน้านี้ท่านระบายออกมาเยอะเลยข้าก็เลยอดสงสารไม่ได้”หลินเฟยหาข้ออ้างออกมาเท่าที่คิดออก บางทีที่มันยังตัดใจไม่ได้ก็เพราะสงสารนางจริงๆก็ได้
“ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าหรอก”นายหญิงลู่ตอบพลางหันหน้าหนีไปทางอื่น พอนึกถึงเรื่องที่ตนระบายให้หลินเฟยฟังแล้วก็อดที่จะเขินอายขึ้นมาไม่ได้
“อย่างน้อยข้าก็ช่วยเหลือท่านได้มากกว่าพระพุทธรูปนะ”หลินเฟยตอบพลางมองขึ้นไปบนพระพุทธรูปที่ประดับสถานเอาไว้บนแท่นขนาดใหญ่ หลินเฟยก็ไม่ได้ลบหลู่หรอกแต่พระเจ้าคงไม่เก่งเรื่องของสามีภรรยากระมัง
“เหรอ งั้นเจ้าจะช่วยข้าอย่างไรกัน”นายหญิงลู่ถามพลางมองมาทางหลินเฟยนิ่ง
“ก็อย่างเช่น ให้ข้าไปดูว่าสามีท่านหลงภรรยาน้อยที่ตรงไหน เผื่อท่านจะได้แย่งชิงหัวใจของสามีท่านกลับมาไง”หลินเฟยตอบพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ
“เจ้านะหรือจะทำได้ ภรรยารองของสามีข้าได้อยู่บ้านของตระกูลลู่ทางตะวันตก ที่นั่นมีผู้คุ้มกันตั้งมากมายเจ้าคนเดียวเกรงว่าคงทำไม่ได้หรอก”นายหญิงลู่ตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ สามีนางรักและเอ็นดูภรรยาน้อยคนนี้มากถึงขนาดยกบ้านหลังรองให้นางอยู่ หากเรื่องรู้ถึงคุณนายท่านอื่นมีหวังนางคงได้แต่ซุกหัวหลบหน้าผู้คนเป็นแน่
“อย่าดูถูกข้าเชียวนะ รอบนอกมีคนของท่านตั้งกี่คนข้ายังเข้ามาเงียบๆได้เลย”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมา เห็นอย่างนี้มันก็เป็นบุตรชายของชิงชิวเชียวนะ แม้ไม่ได้ความสามารถล่องหนหายตัวมาเหมือนชิวซุยแต่เรื่องลอบเข้าไปในสถานที่ต่างๆตัวมันก็ไม่เป็นรองใครหรอก
“หึ ก็ได้ ข้าจะรอฟังข่าวจากเจ้า”นายหญิงลู่ตอบพลางถอนหายใจออกมา สามีของนางไม่เคยพาภรรยารองเข้าบ้าน นางก็เลยไม่ทราบว่าภรรยารองหน้าตาเป็นอย่างไรถึงได้มัดใจสามีนางนัก หรือว่าสามีนางชมชอบภรรยารองที่ตรงไหนถึงได้ทิ้งนางอยู่คนเดียวไม่ยอมกลับบ้านแม้แต่วันนัดหมายชมงานลอยโคมก็ไม่โผล่หน้ามาเลย
“ย่อมได้ ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่ๆ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มกว้างออกมา แต่ถึงอย่างนั้นนายหญิงลู่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับหลินเฟยมากมายหรอก
.
.
.
“……….”ในตอนเย็น นายหญิงลู่เดินทางกลับมายังบ้านของสกุลลู่ตามปกติ แน่นอนว่าบ้านยังคงเงียบเหงาเพราะสามีนางอยู่แต่บ้านหลังรองไม่ยอม นานๆถึงจะกลับมาสักครั้งหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้นายหญิงลู่ต้องใจหายเพราะในห้องของนางกลับมีชายคนหนึ่งกำลังยืนเล่นอยู่ที่ระเบียงต่างหาก
“ท่านกลับมาแล้วหรือ”หลินเฟยถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายๆ
“เจ้า…เจ้าเข้ามาได้อย่างไร”นายหญิงลู่ถามพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ ไม่ใช่ว่าข้างนอกมียามตั้งหลายคนงั้นหรือ
“ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าดูถูกข้า”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีกวนๆ การรักษาความปลอดภัยระดับแค่นี้ไม่ทำให้หลินเฟยลำบากเสียด้วยซ้ำ
“แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม ไม่ใช่ข้าบอกเจ้าแล้วหรือว่าภรรยารองของสามีข้าไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้”นายหญิงลู่ถามพลางจ้องมองหลินเฟยด้วยท่าทีระแวดระวัง
“เรื่องนั้นข้าไปดูนางมาแล้ว”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีสบายๆราวกับการแอบเข้าบ้านรองตระกูลลู่นั้นเป็นเรื่องที่แวะทำระหว่างเดินทางกลับได้เสียอย่างนั้น
“แล้วเป็นอย่างไร นางงดงามราวกับนางฟ้าลงมาจุติหรือไม่”นายหญิงลู่ถามพลางกอดอกนิ่ง
“ไม่เลย นางงามได้ไม่ถึงครึ่งของท่านเสียด้วยซ้ำ”หลินเฟยตอบพลางจ้องมองไปที่ดวงตาของนายหญิงลู่แม้ภรรยาน้อยของคุณชายลู่จะเป็นสาวงามผู้มีความน่ารักน่าชังไม่น้อย แต่ไม่ว่าจะเทียบกับนายหญิงลู่อย่างไรก็เป็นได้แค่เด็กสาวธรรมดาเท่านั้น เพราะฉะนั้นเรื่องความงามนี้เกรงว่าจะไม่เกี่ยวเสียแล้ว
“แล้วทำไมสามีข้าถึงได้ติดนางนักล่ะ”นายหญิงลู่ถามด้วยท่าทีสงสัย นางก็นึกว่าภรรยาน้อยสวยพิลาศพิลัยมาจากไหนเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่านางไม่ได้สวยอะไรเลยงั้นหรือ
“นั่นเพราะ…. นางมีสิ่งหนึ่งที่เหนือกว่าท่าน”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีจริงจังอย่างมาก ในฐานะชายเจ้าชู้คนหนึ่งหลินเฟยจึงทราบดีว่าผู้ชายชอบอะไรในตัวหญิงสาว
“เหนือกว่าข้า…”นายหญิงลู่ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง หากหน้าตานางไม่ได้ดีไปกว่าตนเองแล้วยังจะมีอะไรอีก ได้ยินมาว่านางเป็นเพียงสาวรินสุราในเหลาอาหารเท่านั้นฐานะการเงินไม่น่าจะดีเท่าคุณหนูตระกูลใหญ่อย่างตนเอง มารยาทหรือก็ไม่น่าด้อยไปกว่ากันมาก นางอาจจะทำงานบริการเลยสุภาพเรียบร้อยแต่ตัวนายหญิงลู่ก็ถูกครอบครัวสั่งสอนมาอย่างดีก่อนจะออกเรือนเช่นกัน
“นั่นคือ การออดอ้อนยังไงล่ะขอรับ”หลินเฟยตอบออกไปตามตรงเพราะเท่าที่เห็นนายหญิงลู่นั้นพอไม่ได้ดื่มสุราแล้วก็จะทำตัวนิ่งขรึมสมกับเป็นนายหญิงของตระกูลบ้านผู้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แน่นอนว่าสำหรับตระกูลลู่แล้วนับว่านางทำได้ดีและรักษาภาพลักษณ์ของตระกูลได้ดีเยี่ยม แต่หากทำแบบนั้นแม้แต่เวลาอยู่กับสามีละก็สามีจะเบื่อก็ไม่แปลก
“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน ออดอ้อนอย่างนั้นหรือ”นายหญิงลู่ถามด้วยความสงสัย กิริยาแบบเด็กสาวเช่นนั้นเป็นเรื่องสำคัญด้วยงั้นหรือ นางอายุขนาดนี้แล้วจะให้ไปทำตัวออดอ้อนเหมือนเด็กๆได้อย่างไร
“ความจริงมันเป็นเรื่องสำคัญนะขอรับ แถมข้ายังเห็นสามีของท่านตัวแทบละลายทุกครั้งที่ภรรยาน้อยของมันอ้อนอีกด้วย เกรงว่าสามีของท่านจะชอบแนวนั้นมากทีเดียว”หลินเฟยตอบพลางหัวเราะออกมา บางทีนายหญิงที่ถูกสั่งสอนมาจากครอบครัวชนชั้นสูงก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พวกนางปฏิบัติตัวให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลาก็เลยไม่มีช่วงเวลาที่ดูน่ารักเลย วันนั้นที่หลินเฟยได้พบนางตอนดื่มสุราอยู่นับว่าโชคดีอย่างมากที่ได้เห็นท่าทีอ่อนแอของนางเข้าไม่อย่างนั้นการได้เจอนางข้างนอกเช่นนี้ก็คงคิดว่านางเป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งและสง่าผ่าเผยอยู่ตลอดเวลาแน่ๆ
“เจ้าจะให้ข้าไปอ้อนสามีอย่างนั้นหรือ”นายหญิงลู่ถามพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย ในเมื่อสามีนางชอบเช่นนั้นละก็…
“แน่นอนขอรับ ท่านงดงามขนาดนี้หากใช้มารยาหญิงเสียหน่อยรับรองว่าสามีท่านจะต้องหลงรักหัวปักหัวปำแน่นอน”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีมั่นใจอย่างมาก ทำเอานายหญิงลู่หน้าแดงระเรื่อเพราะเริ่มคิดภาพตนเองกำลังทำท่าทางออดอ้อนกับสามีขึ้นมา
“ข้าจะไปใช้มารยาหญิงได้อย่างไรกัน ตลอดชีวิตข้าใช้ชีวิตอย่างเที่ยงตรงมาเสมอนี่นา”นายหญิงลู่ตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วงขอรับ เรื่องนั้นข้าช่วยท่านได้”หลินเฟยตอบพลางยิ้มกว้างออกมา แน่นอนว่าหลินเฟยไม่อาจสอนมารยาหญิงให้นางได้หรอก แต่หลินเฟยพอจะรู้จักหญิงสาวที่ช่วยมันได้
ช่วงนี้ไรท์ไม่สบายหนักมากครับ อาจจะมีบางวันเขียนไม่ไหวก็เลยอาจจะหายๆไปบ้างนะครับ