บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 580 แบกรับความผิด
ตอนที่ 580
แบกรับความผิด
“ไป๋หลินเฟย เจ้าจะบอกแม่หรือไม่ว่าไปทำอะไรมา”ไป๋หลินที่ปกติจะใจดีกับลูกๆเสมอยามนี้กลับแสดงสีหน้าจริงจังออกมาจนหลินเฟยไม่กล้าล้อเล่นแม้แต่คำเดียว ท่าทางเรื่องที่มันทำก่อนหน้านี้จะไปถึงหูพวกท่านยายท่านน้าแล้ว
“ข้า บอกเลิกพวกเด็กสาวที่ข้าเล่นสนุกด้วยทุกคนขอรับ พวกนางก็เลยเอาเรื่องของข้าไปฟ้องร้องกับวังหลวง”หลินเฟยตอบพลางถอนหายใจออกมา ความจริงก่อนหน้านี้หลินเฟยตัดสินใจบอกเลิกสาวๆทุกคนที่ตนเองติดพันด้วย และส่วนมากพวกนางก็เป็นลูกหลานคนมีหน้ามีตาในสังคมทั้งนั้น ทำให้พวกนางมีอำนาจพอที่จะฟ้องร้องไปถึงวังหลวงได้ผ่านทางพ่อแม่ของพวกนาง หลินเฟยจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านน้าเทียนหมิงกับท่านยายหลิวเมิ่งถึงได้มาที่นี่ด้วยตนเอง
“นี่เจ้า ล้อเล่นกับหญิงสาวพวกนั้นงั้นหรือ ข้าจำไม่ได้เลยว่าสอนให้เจ้าเป็นคนแบบนั้น”ไป๋หลินแสดงท่าทีเสียใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาหลินเฟยถึงกับใจหล่นวูบไปครู่หนึ่งเลย ปกติพวกมันไม่เคยทำให้ไป๋หลินเสียใจ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ทำให้ท่านแม่ต้องมีท่าทีเช่นนี้
“เอาน่าพี่หลิน เจ้าชู้ก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย พี่อย่าโกรธเลย”อู่เทียนหมิงพูดพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ตัวมันเองก็ตกใจไม่น้อยที่ได้ทราบเรื่องของหลินเฟย อยู่ๆบุตรสาวขุนนางจำนวนหนึ่งก็ขอเข้าเฝ้าแล้วเอาเรื่องของหลินเฟยมากล่าวโทษหาว่าทำชื่อเสียงของตระกูลตนเองเสียหาย แน่นอนว่าเพราะหลินเฟยเป็นหลายชายของตนเองทำให้เทียนหมิงตัดสินใจรับหน้าเหล่าขุนนางและชดเชยเท่าที่ทำได้ แน่นอนว่าคราวนี้ต้องเสียหนักพอสมควรถึงจะทำให้พวกขุนนางยอมสงบลงได้
“เจ้าชู้เป็นเรื่องธรรมดางั้นหรือ แบบนี้มันไม่ใช่เจ้าชู้แล้ว”ไป๋หลินส่ายหน้าพลางมองบุตรชายตนเองด้วยท่าทีผิดหวัง
“หลินเฟย เจ้ารู้หรือเปล่าว่าหญิงสาวที่เจ้าเล่นสนุกด้วยรักเจ้าขนาดไหน พวกนางบางคนถึงกับยอมทำผิดกับครอบครัวตัวเองเพื่อจะได้อยู่ร่วมกับเจ้า แต่สุดท้ายเจ้าก็ทำกับพวกนางเป็นแค่ของเล่นแล้วทิ้งพวกนางไปเท่านั้นหรือ แบบนี้แม่ไม่เรียกว่าเจ้าชู้ แต่เรียกว่าไร้ความรับผิดชอบ”ไป๋หลินต่อว่าหลินเฟยอย่างจริงจังทำเอาทั้งเทียนหมิงทั้งหลิวเมิ่งไม่ได้กล่าวแทรกแต่อย่างไร
“เรื่องนั้น…..ข้าเองก็พึ่งจะทราบขอรับ”หลินเฟยตอบพลางก้มหน้าลงด้วยท่าทีสำนึกผิด ก่อนหน้านี้มันทำตัวแย่แค่ไหน มันเองก็พึ่งจะทราบเมื่อเกิดเรื่องของนายหญิงลู่นี่เอง แต่ก่อนหลินเฟยไม่ทราบว่าความรักคืออะไรและเที่ยวจับหญิงสาวไปทั่ว แต่เมื่อได้ทราบถึงรสชาติของความรักแล้วหลินเฟยรู้ตัวแล้วว่าสิ่งที่คนทำก่อนหน้านี้มันผิด
“หลินเฟย พรุ่งนี้เจ้ามากับแม่ซะ แม่จะพาเจ้าไปกราบขอขมาครอบครัวของหญิงสาวพวกนั้น”ไป๋หลินยืนขึ้นพลางเดนไปยืนอยู่ตรงหน้าหลินเฟยด้วยท่าทีจริงจังอย่างมาก นางแต่เดิมเป็นองค์หญิง การพูดเรื่องกราบขอขมาขึ้นมานั้นนางจะต้องรู้สึกผิดแค่ไหนนั้นทุกคนในห้องรู้ดี แต่เพราะนางเป็นองค์หญิงนี่เองทำให้ไป๋หลินเข้าใจดีว่าเชื้อพระวงศ์ต้องห่วงใยความรู้สึกของประชาชนขนาดไหน วันนี้หลินเฟยสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ประชาชนนางก็ต้องแสดงความเสียใจออกมาให้ประชาชนได้รับทราบ ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของตระกูลไป๋ที่ท่านพ่อสร้างขึ้นมาคงมัวหมองลงไปเรื่อยๆ
“ท่านแม่…..”หลินเฟยใจหายวาบที่ท่านแม่ตัดสินใจจะทำเช่นนั้น แต่ความผิดของหลินเฟยนั้นสำหรับเพศแม่อย่างไป๋หลินแล้วเป็นเรื่องร้ายแรง ผู้ชายอาจจะคิดแค่ว่าจบแล้วก็แล้วไป แต่หลินเฟยอาจจะยังไม่ได้คิดว่าฝ่ายหญิงนั้นต้องเสียอะไรไปบ้างกับความผิดพลาดครั้งนี้
.
.
“ในเมื่อท่านไป๋หลินมาขอขมาเช่นนี้ ตระกูลของเราก็คงจะไม่เอาความอะไรอีก แต่อย่าให้บุตรชายของท่านกระทำเรื่องเช่นนี้อีกเลยนะขอรับ”หลังจากไป๋หลินลากหลินเฟยไปขอขมาครอบครัวของฝ่ายหญิงแล้ว ตระกูลส่วนใหญ่ก็ผ่อนปรนและเลิกแล้วต่อกันด้วยดี เมื่อไป๋หลินมาด้วยตนเองแถมยังให้บุตรชายมาขอโทษกับบุตรสาวของตนอย่างจริงใจ ขุนนางชั้นผู้น้อยอย่างพวกตนก็คงขออะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว แถมพวกมันยังได้รับสินไหมทดแทนจากจักรพรรดิมาแล้วอีกด้วย
“คุณชาย ทำไมท่านถึงบอกเลิกข้ากะทันหันแบบนั้นเจ้าคะ หรือว่าข้าไม่ดีพอ”ระหว่างกำลังขอขมานั้น หญิงสาวเจ้าทุกข์ก็ถามไปทางหลินเฟยด้วยท่าทีเศร้าสร้อย ก่อนหน้านี้ไป๋หลินและหลินเฟยไปขอขมามาแล้วหลายบ้าน ทุกบ้านต่างก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เสมอ แม้จะส่งเรื่องฟ้องร้องหลินเฟยต่อวังหลวง แต่หญิงสาวทุกคนไม่ได้โกรธแค้นหลินเฟยเลยแม่แต่คนเดียว เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมหลินเฟยถึงทิ้งพวกนางและต้องการให้หลินเฟยกลับมาอยู่กับตนเองเท่านั้น แม้จะเป็นภรรยาน้อยพวกนางก็ยินดี
“ข้า..ขอโทษด้วย แต่ข้าได้สำนึกแล้วว่าตนเองไม่ได้รักพวกเจ้า ข้าไม่อยากทำเป็นเล่นสนุกกับพวกเจ้าอีก”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีรู้สึกผิด หลินเฟยได้ทราบแล้วว่าความรักคืออะไร และการเดินทางขอขมาเหล่าหญิงสาวที่ตนบอกเลิกไปแล้วนั้นทำให้หลินเฟยได้ทราบอย่างถ่องแท้ว่าพวกนางนั้นรักหลินเฟยแค่ไหน และพวกนางก็เจ็บปวดแทบไม่ต่างจากหลินเฟยที่ต้องแอบร้องไห้เพราะไม่อาจสานสัมพันธ์รักกับนายหญิงลู่ได้ การเดินทางขอขมาครั้งนี้จึงทำให้หลินเฟยยิ่งรู้สึกผิดลึกลงไปมากกว่าเดิม แต่การได้ขอขมานั้นก็ทำให้หลินเฟยโล่งใจขึ้นมามากกว่าบอกเลิกพวกนางไปเฉยๆมาก
.
.
.
ปึง!!
“ท่านคิดว่าแค่มาขอขมาแค่นี้แล้วพวกข้าจะต้องยกโทษให้งั้นหรือ หากว่าไอ้เจ้าหนูนั่นไม่ได้เป็นคนตระกูลไป๋ ป่านนี้ข้าคงยกทัพไปบุกบ้านท่านไปแล้ว”แม้ครอบครัวฝ่ายหญิงส่วนใหญ่จะยอมรับคำขอขมา แต่ก็ไม่ใช่กับทุกบ้าน บางบ้านก็ไม่ยอมรับและโวยวายอย่างหนักอีกต่างหาก แต่ก็เพราะหลินเฟยไปทำเรื่องแบบนั้นกับบุตรสาวของอีกฝ่ายไป๋หลินเลยได้แต่นั่งฟังอีกฝ่ายด่าทอเท่านั้น
“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะลงโทษบุตรชายของข้าให้หนัก”ไป๋หลินตอบพลางก้มหัวลงด้วยท่าทีนอบน้อม ปกตินางไม่เคยต้องก้มหัวให้ใคร แต่เพื่อรับผิดแทนบุตรชายนางยอมทำทุกอย่าง
“ท่านพ่อ ท่านใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ”ตรงกันข้ามกับบิดาของตนเองบุตรสาวที่หลินเฟยพึ่งบอกเลิกไปกลับเป็นฝ่ายห้ามปรามบิดาเสียยกใหญ่ เพราะตัวนางเองก็ไม่คิดว่าบิดาจะโกรธถึงขนาดไม่ไว้หน้าตระกูลไป๋เช่นนี้
“ใจเย็นได้อย่างไร มันพรากความบริสุทธิ์ของเจ้าไปนะ แล้วแบบนี้ตระกูลของเราจะไปสู้หน้าคู่หมั้นของเจ้าได้อย่างไร”บิดาของนางแทบจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าหญิงสาวที่หลินเฟยเล่นสนุกด้วยนางนี้จะมีคู่หมั้นอยู่ก่อนแล้ว แถมอีกฝ่ายยังเป็นตระกูลใหญ่กว่าตระกูลของตัวหญิงสาวอีกต่างหาก แต่เพราะเรื่องของหลินเฟยทำให้อีกฝ่ายถอนหมั้นแถมยังโดยตระกูลอื่นดูแคลนอีกต่างหาก ไม่แปลกเลยที่หัวหน้าตระกูลจะโกรธขนาดนี้
“ท่านพ่อ แต่พวกท่านเป็นคนตระกูลไป๋นะเจ้าคะ หากท่านทำอะไรรุนแรงไปกว่านี้ พวกเราจะ…”หญิงสาวพูดเตือนบิดาของตนเองเพราะคนที่ก้มหัวอยู่ตรงหน้าคือไป๋หลินบุตรสาวของไป๋จูเหวิน แม้บุตรชายของนางจะกระทำผิดแต่หากล่วงเกินนางมากเกินไปบางทีเรื่องอาจจะไม่จบเท่านี้ก็ได้ แม้ตัวไป๋หลินจะไม่ได้คิดจะทำเรื่องแบบนั้นเลยก็ตาม
“…..ออกไป เรื่องในครั้งนี้ข้าทำอะไรพวกท่านไม่ได้ แต่อย่าได้มายุ่งกับพวกเราอีก”บิดาของหญิงสาวตอบด้วยท่าทีเจ็บแค้นใจอย่างมาก ในสายตามันหลินเฟยก็เป็นแค่ไอ้เลวที่มาย่ำยีบุตรสาวของตนเอง แต่มันกลับไม่สามารถทำอะไรไอ้เลวคนนั้นได้เลย ความแค้นนี้คงฝังแน่นในอกไปอีกนาน
“ข้า…ขออภัยด้วยขอรับ”หลินเฟยเองก็ก้มหน้าขอโทษอีกฝ่ายเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็เหมือนจะไม่ฟังเลย ทำให้หลินเฟยกับไป๋หลินได้แต่ถอยออกมาก่อนเท่านั้น
.
.
.
“หลินเฟย ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไร”ไป๋หลินถามพลางมองไปทางบุตรชายของตนเองด้วยความเป็นห่วง ตลอดอาทิตย์นี้นางและหลินเฟยตระเวนขอขมาครอบครัวของเหล่าหญิงสาวไปหลายสิบครอบครัว ทั้งโดนต่อว่าทั้งได้เห็นความเสียใจของตระกูลต่างๆมากมาย แน่นอนว่าหลินเฟยเองก็ต้องรับภาระหนักไม่น้อยในฐานะผู้เป็นแม่เห็นบุตรชายแสดงท่าทีเจ็บปวดออกมาเช่นนี้ก็ต้องเป็นห่วงอย่างไม่ต้องสงสัย
“รู้สึกแย่มากขอรับ”หลินเฟยตอบพลางถอนหายใจออกมา ตัวมันก็คิดเอาไว้แล้วว่าคงต้องรู้สึกแย่มากๆ แต่ไม่นึกว่ามันจะหนักถึงเพียงนี้
“จงแบกรับมันเอาไว้ มันคือน้ำหนักของความผิดที่เจ้าก่อ หลังจากนี้อย่าได้ทำผิดแบบเดิมซ้ำสอง”ไป๋หลินพูดพลางลูบแผ่นหลังของบุตรชายด้วยท่าทีอ่อนโยน ในบ้านของหญิงสาวที่ยอมรับคำขอโทษของพวกนาง หลินเฟยได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่หลินเฟยหายไปจนลืมวันเกิดของชิวซุยให้หญิงสาวคนนั้นฟัง ทำให้ไป๋หลินเองก็ได้ทราบเช่นกันว่าบุตรชายของตนไปเจออะไรมา อย่างน้อยนางก็ได้ทราบแล้วว่าบุตรชายได้รู้ซึ้งถึงความผิดของตนว่ามันเป็นอย่างไร และเชื่อว่าหลินเฟยคงไม่กระทำตัวเช่นนั้นอีกแล้ว
“ขอรับ…ข้าจะจำเอาไว้”หลินเฟยตอบออกมาช้าๆก่อนที่ตัวมันจะโดนท่านแม่ดึงไปกอดเอาไว้
“ไม่ต้องห่วง บาปของเจ้าแม่ก็จะช่วยแบกรับด้วยเช่นกัน”ไป๋หลินว่าพลางกอดบุตรชายแน่น อย่างน้อยหลินเฟยก็ยังกลับตัวทัน เพียงแต่เรื่องลงโทษนั้น….
.
.
“ไป๋หลินเฟย หลานสำนึกแล้วหรือยังว่าตนเองทำผิดขนาดไหน”ภายในท้องพระโรงของวังหลวงอาณาจักรไป๋ ทั้งคนตระกูลไป๋ ราชวงศ์หลิวและอู๋ รวมทั้งขุนนางที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างถูกเรียกตัวมาร่วมฟังคำตัดสินโทษของหลินเฟยกันถ้วนหน้า ความผิดครั้งนี้ของหลินเฟยไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถึงขนาดไป๋จูเหวินออกมารับหน้าเองเลยทีเดียว
“ขอรับ ข้าสำนึกผิดจากใจจริงและจะยอมรับบทลงโทษทุกอย่างขอรับ”หลินเฟยตอบพลางคุกเข่าลงกับพื้น
“……หลินเฟย”ไป๋จูเหวินกำหมัดแน่นมองหลายชายของตนเองด้วยท่าทีลังเล การลงโทษหลายชายตนเองนั้นนับว่าหนักหนามากสำหรับตัวไป๋จูเหวิน มันไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องทำเช่นนี้กับหลินเฟย แต่เพราะมีหลายตระกูลที่ไม่ยอมรับคำขอขมาและต้องการให้ลงโทษหลินเฟยอย่างเด็ดขาด
“เจ้าต้องถูกขับไล่ออกจากตระกูลไป๋เป็นเวลา 10 ปี”บทลงโทษของหลินเฟยนั้นคือการตัดออกจากตระกูลไป๋เป็นเวลา 10 ปี ไม่สามารถใช้ชื่อตระกูลไป๋ได้อีก ไม่สามารถใช้ทรัพยากรของตระกูลไป๋ได้ ไม่สามารถเข้าเขตอสูรผาไร้ก้นได้ จึงไม่ต่างจากตัดหางปล่อยวัดหลินเฟยเลย แม้ด้วยพลังระดับเจ้าสวรรค์ของหลินเฟยคงจะใช้ชีวิตอยู่ภายนอกได้ไม่ยาก แต่การทำเช่นนี้ก็ทำให้หลินเฟยไม่อาจใช้ชื่อเสียงของตระกูลไป๋ได้อีก นี่คือบทลงโทษที่เบาที่สุดเท่าที่จะตกลงกันได้กับเหล่าตระกูลที่หลินเฟยไปก่อเรื่องเอาไว้แล้ว หากไม่ใช่เพราะหลินเฟยเป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลไป๋อาจจะต้องโดนขับไล่ไปทั้งชีวิตเลยเสียด้วยซ้ำ