บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 594 ผลแพ้ชนะ
ตอนที่ 594
ผลแพ้ชนะ
“สำนักของข้า หึเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันถึงได้มาแลกเปลี่ยนเรื่องเช่นนี้กับสำนักของข้า”เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายว่าพลางถอนหายใจออกมา
“หากท่านไม่กล้าก็ไม่เห็นจำเป็นต้องอ้างเรื่องอื่นเลยนี่ขอรับเช่นนั้นพวกเราก็จะไปทำงานของเราต่อ”หลินเฟยตอบพลางพานายท่านชุนเจ๋อให้เดินออกไปจากเบื้องหน้าเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทราย
“ใครบอกกันว่าข้าไม่กล้า แต่ข้าไม่ได้อะไรตอบแทนต่างหาก”เจ้าสำนักทะเลทรายตอบพลางกล่าวหาหลินเฟยว่าตนเองไม่ได้สิ่งใดตอบแทนจากหลินเฟยเลยหากชนะ
“งั้นเอาเป็นวิชาที่ข้าเก็บเอาไว้ดีหรือไม่ขอรับ”หลินเฟยว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายๆ หากอีกฝ่ายไม่แข่งก็ไม่เป็นไรอย่างน้อยท่านเจ้าสำนักตรงหน้าก็จะได้ไม่มากวนการทำงานของพวกตน แต่หากมันเกิดอยากแข่งขึ้นมามันก็มีแต่ทางแพ้เท่านั้นเพราะตัวหลินเฟยคำนวณเอาไว้เป็นอย่างดีแล้วว่าอาวุธที่สร้างเสร็จจะต้องเจาะผ่านวิชาร่างเหล็กไหลของท่านเจี่ยหุนได้แน่ๆ
“วิชาที่เจ้าเก็บเอาไว้ ข้าจะต้องการวิชากระจอกอย่างนั้นไปทำไมกัน”เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายตอบพลางถอนหายใจออกมา นักของมันนั้นแม้จะเป็นสำนักลำดับ 9 แต่ก็นับว่าเป็นสำนักชั้นนำเช่นกัน แม้ไม่เก่งกาจที่สุดแต่ก็ไม่ได้กระจอกขนาดจะสนใจวิชาจากเด็กเมื่อวานซืนที่ไม่มีแม้แต่พลังวิญญาณ
“วิชาของเจ้า….หลินเฟยเจ้ายังมีวิชาเก็บเอาไว้อีกงั้นหรือ”ตรงกันข้าม คนที่มีท่าทีแตกตื่นใจกลับเป็นฝ่ายชุนเจ๋อเสียอย่างนั้น ตัวมันตกใจมากที่วิชาของหลินเฟยทำให้พี่ภรรยาของมันเก่งกาจได้ขนาดนั้น หากหลินเฟยยังมีวิชาแบบนั้นหรือด้อยกว่านั้นนิดหน่อยมันต้องสร้างความแตกตื่นได้แน่ๆ
“ขอรับ ความจริงตระกูลของข้าเก็บรวบรวมตำราเอาไว้มากมายเลยขอรับ หากท่านเจ้าสำนักใจกล้าสักหน่อยข้าจะเอาวิชาที่ดีกว่าวิชาของท่านหัวหน้าผู้ตรวจการออกมาเดิมพันขอรับ”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีสบายๆ เรื่องตนเองเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณนั้นความแตกไปเรียบร้อยแล้วเพราะตัวชุนถังบุตรชายของชุนเจ๋อได้เห็นแล้วว่าตนทำอะไรตอนหลบออกมาจากเขตอสูร แต่ไม่ทราบทำไมอีกฝ่ายยังไม่บอกเรื่องนี้กับคนอื่นเท่านั้น แต่เดิมทีหลินเฟยก็ไม่ได้ตั้งใจปกปิดอย่างจริงจังอยู่แล้ว แค่รู้สึกว่าใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาน่าจะสบายกว่าเท่านั้น
“วิชาของท่านหัวหน้าผู้ตรวจการ”เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเบิกตากว้างด้วยความตกใจ วิชาดังกล่าวเป็นวิชาที่สร้างความแตกตื่นใจให้กับคนในงานประลองมาก แม้เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายจะไม่ได้ร่วมลงประลองแต่ก็ได้เห็นจากที่นั่งผู้ชม วิชานั่นมาจากเจ้าหนูนี่เองงั้นหรือ
“ขอรับท่านเจ้าสำนัก ตัวข้าเป็นน้องเขยของท่านหัวหน้ามือปราบ ได้รับตำราจากเด็กคนนี้และยื่นตำราเล่มนี้ให้ท่านหัวหน้ามือปราบด้วยตนเอง สามารถใช้ชื่อร้านตระกูลชุนเป็นประกันได้เลยว่าวิชาที่ว่ามาจากเด็กคนนี้จริงๆ”ชุนเจ๋อได้ยินหลินเฟยพูดเช่นนั้นก็รีบเข้าข้างหลินเฟยทันที ตนได้เห็นความสามารถของหลินเฟยแล้ว และเชื่อมั่นว่าสายตาของหลินเฟยนั้นกว้างไกลมาก แค่การสร้างอาวุธนั้นมันคงมองไม่ผิดแน่ๆ
“งั้นก็ได้ หากอาวุธของเจ้าทำอะไรท่านเจี่ยหุนไม่ได้ ข้าจะรับวิชาของเจ้าไป แต่หากมันเป็นแค่วิชากระจอกละก็ท่านชุนเจ๋อท่านคงต้องรับผิดชอบแทนเจ้าหนูนี่เข้าใจนะ”เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายตอบพลางจ้องมองไปทางชุนเจ๋อนิ่ง วิชาของท่านหัวหน้ามือปราบยอดเยี่ยมก็จริง แต่น่าเสียดายที่ทำอะไรท่านเจี่ยหุนไม่ได้ เกรงว่าอาวุธที่กำลังทำกันอยู่ก็คงไม่ต่างกัน
“เข้าใจแล้วขอรับ”ชุนเจ๋อตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ เพียงแต่กำลังแอบสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าหลินเฟยจะเอาสำนักเหยี่ยวทะเลทรายไปทำอะไรกัน
“ท่านรองเจ้าสำนัก พอชนะเดิมพันแล้วเรื่องหลังจากนี้ก็ฝากท่านด้วยนะขอรับ”หลินเฟยว่าพลางเดินตามรองเจ้าสำนักเข้าไปในโรงหลอมด้านหลังห้องของรองเจ้าสำนัก หลินเฟยคิดว่าจะมอบสำนักให้รองเจ้าสำนักดูแลเสียหน่อยเพราะถึงอย่างไรตนเองก็สนิทสนมกับรองเจ้าสำนักแล้ว นับว่าเพิ่มเส้นสายในเมืองได้อีกหน่อยชีวิตของมันจะได้อยู่สบายขึ้น
“แน่นอนขอรับ”รองเจ้าสำนักได้ยินก็รีบก้มหัวน้อยๆด้วยท่าทีเข้าใจ ก่อนที่ทั้งสามจะเริ่มทำการสร้างอาวุธตามที่ท่านเจี่ยหุนบอกทันที
ยามนี้วิชาควบคุมเพลิงของรองเจ้าสำนักพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาก เรียกได้ว่ายามนี้ต่อให้ประลองฝีมือกับเจ้าสำนักอีกครั้งรองเจ้าสำนักก็เชื่อว่าตนเองต้องชนะอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้รองเจ้าสำนักสนใจแต่เรื่องสร้างอาวุธที่จะกลายเป็นอาวุธเลื่องชื่อของอาณาจักรซานเท่านั้น
แร่ชนิดต่างๆที่เตรียมมามีมากพอสำหรับสร้างดาบหรือกระบี่สักเล่มได้สบาย แต่น่าเสียดายที่มีไม่มากพอสร้างทวนยาวทั้งด้าม ทำให้รองเจ้าสำนักต้องเน้นไปที่ปลายทวนเป็นหลักแล้วใช้การชุบโลหะเพื่อเสริมความแกร่งให้ด้ามทวนอีกที น่าเสียดายอาวุธชั้นเลิศเช่นนี้กลับมีจุดอ่อนที่ด้ามเสียได้ แต่เพราะวัตถุดิบที่ใช้หายากเกินไปไม่อย่างนั้นรองเจ้าสำนักคงขอร้องให้หามาเพิ่มเป็นแน่
วูบ….
ชุนถังที่มองอยู่ด้านนอกมองการหลอมอาวุธด้วยพลังวิญญาณอย่างตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นวิธีหลอมอาวุธเช่นนี้ แต่น่าเสียดายแม้จะเป็นขั้นตอนที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ตัวชุนเจ๋อก็เห็นแต่เปลวไฟที่กำลังก่อตัวเป็นลูกบอลขนาดใหญ่เท่านั้นไม่สามารถสัมผัสได้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น
ตุบ…
กว่าชุนเจ๋อจะได้เห็นภายในลูกไฟก็เป็นตอนที่ทวนถูกสร้างจนเสร็จและตกลงมาบนมือของรองเจ้าสำนักเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นชุนเจ๋อก็ยังรู้สึกประทับใจอยู่ดี
“ท่านหลินเฟย เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”รองเจ้าสำนักถามพลางยื่นทวนให้หลินเฟยดู นอกจากเรื่องที่ตัวด้ามเปราะไปหน่อยหลินเฟยก็รู้สึกว่าการทำงานของรองเจ้าสำนักยอดเยี่ยมทีเดียว บางทีอาจจะฝีมือพอๆกับช่างทำอาวุธชั้นดีในอาณาจักรไป๋เลยก็ได้
“ยอดเยี่ยมมาก เท่านี้ก็ให้ท่านเจี่ยหุนได้ทดลอง”หลินเฟยตอบพลางเตรียมตัวจะกลับออกไปจากห้องรองเจ้าสำนัก แต่ทันทีที่ประตูเปิดชายคนหนึ่งก็ยืนรอพวกหลินเฟยอยู่ก่อนแล้ว
“ท่านหลินเฟย นายท่านบอกว่าหากอาวุธเสร็จแล้วให้ไปที่ห้องรับรองของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายขอรับ นายท่านของข้ากำลังรออยู่”ชายคนนั้นพูดด้วยท่าทีสุภาพก่อนจะเดินกลับออกไปเมื่อรายงานข่าวเสร็จแล้ว เมื่อหลินเฟยใช้ดวงตาของตนตรวจสอบก็พบว่าเจี่ยหุนผู้นั้นมารอที่สำนักเหยี่ยวทะเลทรายแห่งนี้แล้วนั่นเอง
“อะไรกัน ท่านเองก็อยากรู้จนตัวสั่นเลยไม่ใช่หรืออย่างไร”หลินเฟยถามพลางเดินเข้าไปในห้องรับรองของสำนักเหยี่ยวทะเลทราย ยามนี้ที่ด้านข้างของเจี่ยหุนมีเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายนั่งตัวลีบอยู่ด้วยท่าทีเกร็งๆ
“เจ้าคุยโม้โอ้อวดขนาดนั้น ข้าก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดาไม่ใช่หรือไง”เจี่ยหุนตอบด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะจดจ้องไปที่ทวนสีฟ้าอ่อนที่หลินเฟยถือมาด้วย
“เช่นนั้นท่านก็ทดลองเลยขอรับ ข้าเชื่อว่าในห้องนี้มีหลายคนทีเดียวที่อยากทราบผล”หลินเฟยตอบพลางมองไปที่เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทราย ตอนแรกกะว่าจะเชิญท่านเจ้าสำนักไปทำการทดสอบด้วยกัน แต่ในเมื่อเจี่ยหุนเดินทางมาหาด้วยตนเองก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว
“อืม…”เจี่ยหุนตอบพลางรับทวนในมือของหลินเฟยมา พริบตานั้นเจี่ยหุนก็ปล่อยพลังของตนออกมาเต็มที่พร้อมใช้งานร่างเหล็กไหลอย่างสุดความสามารถ ยิ่งได้ทราบว่าแท้จริงแล้ววิชาที่หัวหน้าผู้ตรวจการใช้เป็นวิชาจากหลินเฟยผู้นี้ ความน่าเชื่อถือในใจเจี่ยหุนก็มีมากขึ้น ถึงขั้นไม่ยอมประมาทอีกต่อไปแล้ว
ฟุบ….. เจี่ยหุนกรีดปลายทวนลงบนแขนของตนเองอย่ากล้าหาญ ปกติแล้วอาวุธไม่สามารถทำอะไรเจี่ยหุนได้แม้จะฟาดฟันด้วยตนเองก็ตาม แต่ทันทีที่ปลายทวนกรีดลงไปบนแขนของเจี่ยหุน เลือดสีแดงก็ซึมออกมาจากบาดแผลหลายหยดทีเดียว แม้จะไม่ถึงกับเปิดปากแผลลึกแต่ก็สร้างความเสียหายให้เจี่ยหุนจริงๆ
“ฮะๆ…เจ้าหนู เจ้าชื่อหลินฟยใช่หรือไม่”เจี่ยหุนถามพลางมองบาดแผลของตนนิ่ง นานมากแล้วที่ไม่มีใครทำร้ายตนได้ หากทวนเล่มนี้อยู่ในมือหัวหน้าผู้ตรวจการละก็การประลองก่อนหน้านี้อาจจะมีผลลัพธ์ที่ต่างออกไปก็เป็นได้
“ขอรับท่านเจี่ยหุน นามของข้าคือหลินเฟยขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มรับด้วยท่าทีสุภาพ
“ดี…ท่านชุนเจ๋อนับว่าคราวนี้ข้ายอมรับเด็กของท่านแล้ว หลังจากนี้ข้าจะไปอุดหนุนร้านของท่านอย่างแน่นอน”เจี่ยหุนตอบพลางถือทวนในมืออย่างชอบใจ คราวนี้นับว่าเจี่ยหุนยอมรับความพ่ายแพ้ต่อความสามารถของหลินเฟยแล้ว การไปซื้อของที่ร้านของชุนเจ๋อนับว่าเป็นสิ่งตอบแทนกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้นั่นเอง
“เอาล่ะ…ท่านเจี่ยหุนไปแล้ว คราวนี้ก็เป็นเรื่องของเราสินะขอรับ”หลินเฟยว่าพลางมองไปทางเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทราย เพราะเกรงใจเจี่ยหุนหลินเฟยเลยรอให้เจี่ยหุนลาไปก่อนถึงค่อยคุยเรื่องเดิมพันระหว่างตนกับเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทราย
“เรื่องอะไรกัน ข้าไม่….”
“ท่านเจ้าสำนัก ทุกคนในที่นี้ได้ยินกันหมดนะขอรับ จะทำเป็นไม่รู้เรื่องได้อย่างไร”หลินเฟยถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเย็นยะเยียบ เจ้าสำนักผู้นี้เปิดปากออกมาก็คิดจะบิดพลิ้วเสียแล้ว
“หึหึ เจ้านับว่าทำได้ดีมาก แต่ข้าไม่มีทางยกสำนักของข้าให้เจ้าหรอก”เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายตอบพลางเรียกเอากระบี่ออกมา พริบตานั้นเปลวเพลิงก็ห่อหุ้มกระบี่ของมันอย่างรวดเร็วพร้อมฟาดฟันมันมาใส่หลินเฟยโดยไม่ให้โอกาสได้ตอบโต้แต่อย่างไร
“ท่านหลินเฟย”รองเจ้าสำนักก็ไม่คิดว่าเจ้าสำนักของตนจะทำเช่นนี้ ทำให้ตนเองเข้าไปห้ามไม่ทัน เพียงแต่….
กึก….
กระบี่ของเจ้าสำนักหยุดอยู่ที่แขนของหลินเฟยเสียอย่างนั้น นอกจากกำลังของเจ้าสำนักจะทำอะไรหลินเฟยไม่ได้แล้ว กระบี่เพลิงยังไม่สามารถสร้างความเสียหายให้หลินเฟยได้เช่นกัน
“นอกจากไม่รักษาสัญญาแล้ว ท่านยังคิดทำร้ายผู้อื่นอีกงั้นหรือ”หลินเฟยถามพลางจ้องมองเจ้าสำนักด้วยท่าทีดุดัน
“ขะ ข้า…..”เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายอยู่ๆก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณมหาศาลของหลินเฟยที่กำลังปล่อยออกมา วินาทีนี้ถึงได้ทราบว่าแท้จริงแล้วหลินเฟยปิดบังพลังเอาไว้ แถมพลังของเด็กคนนี้ยังน่ากลัวมากอีกด้วย
ฟุบ…..
พริบตาเดียวหลินเฟยก็แย่งเอากระบี่ของเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายมาถือในมือก่อนจะปล่อยกระบวนท่าง่ายๆออกไปสังหารเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายในพริบตา อีกฝ่ายคิดจะฆ่าตนเองหลินเฟยก็ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไปเช่นกัน
“ท่านรองเจ้าสำนัก ที่เหลือฝากท่านด้วยนะขอรับ”หลินเฟยตอบพลางหันมามองทางท่านรองเจ้าสำนักและนายท่านชุนเจ๋อที่ยังมีท่าทีตกตะลึงไม่หาย
“ขะ ขอรับท่านเจ้าสำนัก”อยู่ๆรองเจ้าสำนักก็ประสานมือเรียกหลินเฟยว่าเจ้าสำนักเสียอย่างนั้น ทำเอาหลินเฟยแสดงท่าทีงุนงงออกมาทันที
“ทำไมท่านเรียกข้าว่าเจ้าสำนักเล่า”หลินเฟยถามด้วยท่าทีตกใจ ไม่ใช่ว่าคนที่จะเป็นเจ้าสำนักคือตัวรองเจ้าสำนักหรอกหรือ
“ก็ท่านบอกว่าให้เจ้านั่นยกสำนักให้ท่าน เมื่อท่านชนะท่านก็คือเจ้าสำนักไงขอรับ”รองเจ้าสำนักตอบพลางประสานมือให้หลินเฟยอย่างนอบน้อม ทำเอาหลินเฟยเหงื่อตกไม่ทราบจะตอบเช่นไรดี แบบนี้มีหวังมันต้องทำงานของเจ้าสำนักไปด้วยหรืออย่างไร