บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 598 ลูกค้าตัวน้อย
ตอนที่ 598
ลูกค้าตัวน้อย
“……”หลินเฟยมองชายหนุ่มที่กำลังหยิบสมุนไพรออกมารวมกันไว้บนถาดสำหรับใส่สมุนไพรที่ลูกค้าต้องการ เพียงมองส่วนผสมก็เข้าใจทันทีว่าชายผู้นี้กำลังคิดจะทำอะไร
“คุณชาย ไม่ทราบว่าท่านต้องการสมุนไพรชนิดอื่นอีกหรือไม่ขอรับ ทางร้านเรายังมีสมุนไพรที่หายากกว่านี้อีกจำนวนมากที่ชั้นบน หากท่านสนใจข้ายินดีพาท่านขึ้นไปนะขอรับ”หลินเฟยเสนอพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆชายหนุ่มด้วยท่าทีสนใจ หากไม่ใช่หลินเฟยคงสัมผัสพลังของอสูรหนูที่อกชายหนุ่มไม่ได้แน่ๆ แม้อสูรหนูตนนี้จะมีพลังไม่สูงเท่าไหร่ แต่สำหรับอาณาจักรซานแล้วอสูรระดับมายาขั้นต้นก็คงไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือได้ง่ายๆแน่
“เอ๊ะ สมุนไพรอื่น….”ชายหนุ่มหันมามองหน้าหลินเฟยด้วยท่าทีลนลานแปลกๆ ราวกับกำลังหวาดกลัวหลินเฟยอยู่ก็ไม่ปาน
“ไม่ต้อง เราได้ของที่ต้องการแล้ว ฟงเป่ารีบจ่ายเงินแล้วไปกันเถอะ”เสียงเบาๆจากภายในอกเสื้อของชายหนุ่มที่น่าจะชื่อฟงเป่าดังออกมาด้วยท่าทีรีบร้อน ท่าทางเจ้าอสูรหนูตนนี้จะรู้จักกับฟงเป่าเป็นแน่ แถมยังพูดคุยกันเหมือนสนิทสนมกันด้วย แถมยังไม่มีท่าทีจะทำร้ายใครอีกต่างหากทำให้หลินเฟยทำเป็นไม่ได้ยินแล้วยิ้มรับฟงเป่าด้วยท่าทีสบายๆต่อไป
“ขะ ข้าต้องการแค่นี้ขอรับ…ของทั้งหมดนี้เท่าไหร่หรือขอรับ”ฟงเป่าพูดพลางมองไปที่สมุนไพรที่ตนเลือกออกมา แม้จะเป็นชั้นแรกแต่สินค้าในร้านตระกูลชุนนั้นราคาสูงทีเดียว แถมฟงเป่ายังหยิบสมุนไพรออกมาเยอะทีเดียว
“ทั้งหมด 12 เหรียญทองขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มรับด้วยท่าทีสุภาพ สมแล้วที่ใช้ดวงตาสีทองสมุนไพรที่ฟงเป่าหยิบมาต่างเป็นของที่ดีที่สุดในกล่องสมุนไพรทั้งหมดเลยทีเดียว
“เหรียญทอง….”ฟงเป่าได้ยินราคาก็พลันหน้าซีดไปทันที จะว่าไปการแต่งกายของฟงเป่านั้นค่อนข้างธรรมดามากทีเดียว เพราะมัวแต่สงสัยเรื่องอสูรที่แอบเข้ามาหลินเฟยก็เลยลืมมองเรื่องนั้นไปเลย
“ขอโทษขอรับ แต่ข้าไม่มีเหรียญทองเลย ถ้าเป็นสิ่งนี้จะจ่ายแทนได้หรือไม่ขอรับ”ฟงเป่าถามพลางยื่นหินก้อนหนึ่งมาให้หลินเฟย หินก้อนนี้เป็นของที่หาได้จากภายในเขตอสูร นับว่าหายากไม่น้อยสำหรับอาณาจักรซานที่หาคนบุกเขตอสูรได้ยากลำบากมาก แต่หากพกอสูรระดับมายามาด้วยก็เป็นอีกเรื่องละนะ
“แน่นอนขอรับ เพียงแต่หินก้อนนี้ราคาสูงเกินสมุนไพรที่คุณชายต้องการ ไม่ทราบว่าท่านอยากจะเพิ่มสินค้าหรือให้ข้าทอนเป็นเหรียญเงินดีขอรับ”หลินเฟยตอบออกไปตามตรง ท่าทางฟงเป่าจะไม่รู้ราคา หลินเฟยคงฟันกำไรได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากทำให้ฟงเป่ามาซื้อได้บ่อยๆคนที่มีอสูรระดับมายาอยู่ด้วยคงนำสินค้าน่าสนใจมาให้ได้ไม่มากก็น้อยแน่ๆ
“เอ๊ะ…..ถะ ถ้างั้นข้าขอเป็นเหรียญก็แล้วกันขอรับ”ฟงเป่าตอบด้วยท่าทีลนๆเช่นเดิม เหมือนว่าฟงเป่าไม่คุ้นชินกับการซื้อขายเลย หรือว่าฟงเป่าจะไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน…
“ทราบแล้วขอรับ เช่นนั้นคุณชายรอสักครู่”หลินเฟยตอบพลางนำหินของฟงเป่าใส่กล่องแล้วเดินกลับเข้าไปนำเหรียญเงินออกมาทอน
“……….”หลังจากจบการซื้อขาย หลินเฟยก็มองตามฟงเป่าออกไปอีกพักใหญ่ด้วยท่าทีสนใจ น่าแปลกในอาณาจักรที่ตนจากมามนุษย์อยู่กับอสูรเป็นเรื่องปกติ อสูรระดับมายาในเมืองเดินกันให้ขวักไขว่ แต่พออยู่ที่นี่แค่เห็นอสูรตนเดียวก็ทำเอาหลินเฟยสนใจแล้ว
“พี่หลินเฟย ข้าไปถามท่านพ่อมาแล้วล่ะเจ้าคะ”เห็นลูกค้าออกไปแล้ว ชุนชิงก็เดินเข้าไปหาหลินเฟยด้วยท่าทียิ้มแย้ม ก่อนหน้านี้หลินเฟยถามเรื่องการขอพักอยู่ที่บ้านตระกูลชุนต่อกับชุนชิงไป แต่เพราะมีลูกค้ามาการสนทนาเลยหยุดชะงัก แต่ชุนชิงก็อาศัยจังหวะนี้เดินไปในตัวบ้านเพื่อถามบิดาของตนเองเรื่องที่หลินเฟยขอ
“เอ๊ะ ถามให้แล้วหรือขอรับ ท่านว่าอย่างไรบ้าง”หลินเฟยถามด้วยท่าทีสนใจ เพราะหากได้ที่อยู่ที่นี่ก็ย่อมดีกว่าต้องไปพักที่สำนักหรือหาโรงเตี๊ยมนอนหลายเท่าเลย
“ท่านพ่อบอกว่าท่านจะพักที่พักของพนักงานไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ”ชุนชิงตอบด้วยท่าทียิ้มๆตรงกันข้ามกับเนื้อหาที่พูดออกมาเสียอย่างนั้น ทำอย่างกับนางดีใจที่หลินเฟยไม่ได้พักที่พักคนงานเสียอย่างนั้น
“แต่ท่านพ่อบอกว่าท่านพ่อกำลังสร้างเรือนรับรองของพี่หลินเฟยให้อยู่เจ้าค่ะ ห้องนั้นอยู่ในตัวบ้านหลัก ท่านจะมาพักเมื่อไหร่ก็ได้เลยนะเจ้าคะ”ชุนชิงตอบด้วยท่าทีขำๆ เห็นใบหน้าตกใจของหลินเฟยตอนตนเองบอกว่าพักไม่ได้แล้วก็ทำเอาชุนชิงหัวเราะออกมาน้อยๆ แต่พอได้ทราบข่าวว่าตนเองยังสามารถพักที่นี่ได้หลินเฟยก็ถอนหายใจก่อนจะยิ้มบางๆให้กับการล้อเล่นของชุนชิง
“ไม่เห็นต้องใช้เรือนรับรองเลย ให้ข้านอนที่ห้องเดิมก็ได้แท้ๆ”หลินเฟยตอบพลางถอนหายใจออกมา พอกลายเป็นเจ้าสำนักไปแล้วทำไมถึงนอนห้องเดิมไม่ได้ล่ะ
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ห้องเก่าของพี่หลินเฟยให้พนักงานใหม่ของชั้น 3 พักไปแล้ว ตอนนี้ถ้าพี่หลินเฟยไม่พักที่ห้องรับรองที่ท่านพ่อกำลังสร้างก็ไม่มีห้องให้พี่หลินเฟยแล้วเจ้าค่ะ”ชุนชิงตอบพลางด้วยท่าทีขำๆ เพราะบิดาของตนเหมือนกำลังมัดมือชกหลินเฟยไม่มีผิด
“กำลังสร้าง…….นี่เจ้าจะบอกท่านายท่านกำลังสร้างห้องใหม่เลยงั้นหรือ”หลินเฟยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทำไมชุนเจ๋อถึงต้องสร้างห้องใหม่ให้ตนเองเป็นพิเศษด้วย
“ท่านพ่อบอกว่าพี่หลินเฟยเป็นคนมีอนาคต ถ้าสนิทสนมเอาไว้ได้ก็เป็นเรื่องดีเจ้าค่ะ หลังจากนี้ครอบครัวของเราจะต้อนรับพี่หลินเฟยเป็นเหมือนคนในครอบครัวเลย แล้วก็นะ….”ชุนชิงแสดงสีหน้ามีลับลมคมในออกมาพลางเหล่มองเข้าไปในตัวบ้าน
“ห้องของพี่หลินเฟยอยู่ไม่ห่างจากห้องของพี่ถังเท่าไหร่ หวังว่าพี่หลินเฟยจะไม่ถือสานะ”ชุนชิงยิ้มบางๆออกมาด้วยท่าทีน่าเอ็นดู บางทีชุนเจ๋ออาจจะคิดให้บุตรชายของตนสนิทสนมกับหลินเฟยเอาไว้ให้มากๆ เพราะยามนี้ชุนเจ๋อทราบแล้วว่าหลินเฟยมีความสามารถมากแค่ไหน เรียกได้ว่าหากได้มาเป็นสะใภ้ต้องเหมือนถูกรางวัลใหญ่เป็นแน่ ชุนเจ๋อก็เลยรีบสร้างห้องเอาไว้เพราะคิดอยู่แล้วว่าหลินเฟยต้องไม่อยากพักที่สำนักแน่ๆ แม้ชุนถังจะเหมือนโดนหักอกมาแล้ว แต่เรื่องความรักนั้นหากตามตื๊อสักหน่อยก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“เรื่องนั้นข้าไม่ถือหรอก แค่คุณชายถังไม่รังเกียจข้าก็ยินดี”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีงุนงง ทำไมการสร้างห้องของตนเองเอาไว้ใกล้ๆห้องของชุนถังถึงต้องทำให้ตนเองลำบากใจด้วย ผู้ชายอยู่ห้องใกล้กับผู้ชายก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือ
“งั้นหรือ ท่าท่านพี่ได้ยินคงดีใจแน่ๆ จะได้หายซึมเสียที”ชุนชิงตอบรับด้วยท่าทีดีใจ น่าเสียดายที่ชุนถังไม่ยอมบอกอะไรคนอื่นเลย อาจจะเพราะอาจที่ตนเองเผลอไปหลงรักผู้ชายเข้าพอมีคนถามอะไรก็บอกแต่เพียงไม่มีอะไรทั้งนั้น เรื่องที่หลินเฟยเป็นชายเลยยังไม่รู้ถึงหูชุนเจ๋อกับชุนชิงสักที ทำให้เกิดแผนน่าปวดหัวเช่นนี้ขึ้นอีกจนได้
“น้องชุนชิง ช่วงบ่ายข้าจะขอลางานสักหน่อยได้หรือไม่”หลินเฟยถามก่อนจะหันไปมองทางประตูร้าน ตอนนี้ฟงเป่าน่าจะไปไหนได้ไม่ไกล แม้จะดูท่าทางไม่อันตราย แต่หลินเฟยก็อยากจะไปดูให้แน่ใจว่าเจ้าอสูรตนนั้นจะไม่ก่อเรื่อง
“ได้สิ วันนี้ไม่มีใครนัดท่านไว้สักหน่อย แถมงานชั้น 1 ก็ไม่ใช่งานของท่านแต่แรกแล้วด้วย”ชุนชิงตอบพลางพยักหน้าช้าๆ
“ขอบใจ งั้นเดี๋ยวข้ามานะ”หลินเฟยพูดจบก็เดินออกจากตัวร้านไป พริบตานั้นดวงตาของหลินเฟยก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงทันทีเพื่อตรวจหาพลังอสูรในเมือง เพียงวูบเดียวเท่านั้นหลินเฟยก็พบเป้าหมายเพราะในเมืองนี้มีพลังอสูรเพียง 2 จุดเท่านั้น หนึ่งคือตัวหลินเฟยเองและอีกหนึ่งก็คือเจ้าหนูที่ซ่อนอยู่ในอกของฟงเป่า
ฟุบ….
ร่างของหลินเฟยทะยานขึ้นไปบนหลังคาราวกับสายลมพัด เพียงอึดใจเดียวก็ตามฟงเป่าที่กำลังวิ่งผ่านตัวตลาดมาได้ทัน ฟงเป่านั้นมีพลังวิญญาณอยู่ระดับชำระเส้นเอ็น นับว่าสูงไม่ใช่เล่นสำหรับอาณาจักรซาน แต่ความเร็วของฟงเป่าก็ไม่อาจหนีหลินเฟยได้พ้นต่อให้รู้ตัวก็ตาม
“ออกนอกเมืองงั้นหรือ”หลินเฟยขมวดคิ้วมองฟงเป่าวิ่งผ่านประตูเมืองไปอย่างรวดเร็ว เมืองหลวงของอาณาจักรซานนั้นไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไหร่ เพราะอาณาจักรซานมีพื้นที่ติดกับทางเหนือที่มีหุบเขาปิดกั้นเอาไว้ สำหรับอาณาจักรซานแล้วที่นั่นคือพื้นที่สุดเขตแผ่นดิน เพราะไม่มีใครสามารถปีนข้ามภูเขาที่กั้นกับอาณาจักรไป๋ไปได้ และทางใต้และตะวันตกยังมีเมืองอาณาจักรพันธมิตรที่เหนียวแน่นอีกหลายอาณาจักร ทำให้อาณาจักรซานเป็นอาณาจักรที่สงบสุขจนขาดความระมัดระวังเลยทีเดียว
“พี่มิ่ง ต่อไปทำอย่างไรต่อหรือ”ทันทีที่ออกมาจากเมืองฟงเป่าก็ลอบเข้าไปในป่าแห่งหนึ่งก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงกลางป่าที่มีหนังสัตว์ปูพื้นเอาไว้อย่างกับกำลังตั้งแคมป์
“ดีมาก เท่านี้เจ้าก็น่าจะเพิ่มพลังขึ้นได้อีก”เสียงเล็กๆดังออกมาจากภายในอกเสื้อของฟงเป่า เพียงแต่คราวนี้เสียงนั่นดังออกมากว่าเดิมมากเพราะไม่ต้องกลัวว่าใครจะได้ยิน
“จริงหรือ ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้อีกสินะขอรับ”ฟงเป่ายิ้มกว้างพลางนำสมุนไพรที่พึ่งซื้อมาออกมาวางบนก้อนหินที่เรียงกันเอาไว้เบื้องหน้าตนเอง
“เชื่อมือข้าเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของอาณาจักรซานให้ได้”เจ้าหนูในอกเสื้อตอบก่อนจะค่อยๆตะเกียกตะกายเอาตัวเองออกมาจากเสื้อของฟงเป่า พริบตาที่มันออกมาหลินเฟยก็มองเห็นหนูสีแดงเพลิงตัวอ้วนกลมที่ดูอย่างกับจะใช้ขาตัวเองยืนไม่ไหว แต่พอมันลงมายืนบนหินแล้วตัวของมันกลับยืนสองข้าได้อย่างสบายใจเสียอย่างนั้น
“เอาล่ะ ข้าจะสร้างยาที่ทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นสิบเท่าเอง”เจ้าหนูที่ถูกเรียกว่าพี่มิ่งพูดจบก็เรียกลูกไฟออกมาจากพลังอสูรของตนเอง ก่อนจะนำวัตถุดิบที่ไม่มีทางหาได้จากภายในร้านตระกูลชุนออกมารวมกับสมุนไพรที่ฟงเป่าพึ่งซื้อมาเมื่อครู่มาหลอมเป็นยา วิชาที่เจ้าหนูตนนั้นใช้ดีกว่าที่รองเจ้าสำนักผานซูใช้เสียอีก หากไม่ใช่เพราะหลินเฟยได้เห็นท่านน้าราชสีห์ทำแบบนี้บ่อยๆ หลินเฟยคงคิดว่าเจ้าหนูตนนี้ใช้พลังธาตุไฟได้ยอดเยี่ยมที่สุดเป็นแน่
“………..”หลินเฟยไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรกับทั้งสอง หากเป็นอาณาจักรไป๋ภาพแบบนี้คงหาดูได้ไม่ยาก แต่เด็กคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงสามารถคุยกับอสูรได้ราวกับเป็นพี่น้องคลานตามกันมา แถมเจ้าหนูตัวนั้นยังพยายามช่วยฟงเป่าเสียเต็มที่อีกต่างหาก หรือว่าเจ้าหนูนั่นจะมีพลังดึงดูดเหล่าอสูรเหมือนของตระกูลไป๋กัน…..