บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 602 กลับบ้าน
ตอนที่ 602
กลับบ้าน
“เหมาเหมา เจ้าอยู่ดูแลชิวซุยด้วย ข้าจะไปจัดการธุระที่สำนักก่อน”หลินเฟยพูดพลางเดินออกมาทางหน้าบ้านของตระกูลชุน แน่นอนว่าหลินเฟยสามารถปล่อยชิวซุยกลับบ้านด้วยตนเองได้สบายเพราะนางไม่มีทางโดนใครทำอะไรอยู่แล้วในเขตอาณาจักรซาน แม้ระดับพลังของนางจะยังไม่ถึงระดับเจ้าสวรรค์แต่ระดับเทียนเซียนนั้นก็เกินพอแล้ว ยิ่งชิวซุยยังสามารถใช้พลังดึงดูดเหล่าอสูรได้อยู่นางยิ่งไม่มีปัญหาเข้าไปใหญ่ แต่ในฐานะพี่ชายแล้วการส่งน้องสาวกลับบ้านก็ถือเป็นเรื่องสำคัญทีเดียว
“เจ้าค่ะ”เจ้าแมวสีขาวนามว่าเหมาเหมาที่ตามชิวซุยมาด้วยตอบพลางเดินเข้าไปในตัวบ้านเพื่ออยู่กับชิวซุยในทันที แม้นางจะช่วยอะไรไม่ได้แต่การเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเรื่องอะไรกับเจ้านายของตนก็คือหน้าที่ของเหมาเหมานั่นเอง
“น้องชิวซุย เจ้าทานอะไรมาหรือยัง ท่าทางเจ้าจะเดินทางมาไกลนี่นา”เมื่อหลินเฟยออกไปจากบ้านแล้วพวกชุนชิงที่รับฝากชิวซุยเอาไว้ระหว่างหลินเฟยไปจัดการเรื่องของสำนักและเรื่องของฟงเป่าที่ไม่ทราบจะมาในวันไหนให้เรียบร้อยนั้น ตัวชุนชิงก็เข้าไปหาชิวซุยด้วยท่าทีสนใจทันที ตอนนี้นางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของสตรีเพศอย่างแน่นอน แถมหลินเฟยยังพูดแล้วพูดอีกว่านางเป็นน้องสาว เช่นนั้นชิวซุยผู้นี้ต้องเป็นผู้หญิงไม่ผิดแน่ หวังว่าจะมีการเปิดเผยอีกหรอกนะว่าชิวซุยแท้จริงแล้วเป็นน้องชาย
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมายหรอก”ชิวซุยตอบพลางยิ้มรับด้วยท่าทีสบายๆเช่นปกติ นางได้เจอพี่ชายสมใจแล้วทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นมาก ต่อให้โดนท่านแม่ต่อว่าสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก
“เจ้าเป็นน้องสาวของหลินเฟยงั้นหรือ หน้าตาเหมือนกันมากเลยนะ”ชุนถังที่นั่งอยู่ข้างๆพูดพลางมองไปทางชิวซุยด้วยท่าทีสนใจ ความงามของชิวซุยนั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าหลินเฟยเลย แถมยังดูอ่อนหวานกว่าและให้ความรู้สึกนุ่มฟูมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าค่ะ ข้ากับท่านพี่หน้าตาเหมือนท่านแม่มากเลยเจ้าค่ะ ท่านพี่เลยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงบ่อยๆ ถึงท่านพี่จะบอกแล้วบอกอีกว่าเป็นผู้ชายแต่หลายๆคนก็ไม่ยอมเชื่อเลยเจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบพลางหัวเราะออกมาน้อยๆเพราะเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยจนเป็นเรื่องขำขันสำหรับนางไปแล้ว แต่ตระกูลชุนที่ได้ทราบความจริงไม่เมื่อครู่หลังจากมโนกันไปเองมาเนิ่นนานนั้นกลับขำไม่ออกเสียอย่างนั้น
“จริงสิน้องชิวซุย ระหว่างรอพี่หลินเฟยทำธุระเราไปเที่ยวในเมืองกันดีหรือไม่”ชุนชิงเห็นทุกคนพูดไม่ออกเรื่องที่เข้าใจหลินเฟยผิดจึงเปลี่ยนเรื่องเสียโดยการเสนอตัวพาชิวซุยไปเที่ยวในเมือง นางไม่ทราบหรอกว่าบ้านเกิดของหลินเฟยอยู่ที่ไหน แต่ดูเหมือนหลินเฟยจะพึ่งเคยมาเมืองหลวงของอาณาจักรซานพร้อมกับบิดาของตนเองเป็นครั้งแรก และท่าทางชิวซุยจะไม่เคยมาที่เมืองหลวงด้วย หากพานางเที่ยวเล่นระหว่างรออาจจะทำให้นางอารมณ์ดีก็ได้
“ได้หรือเจ้าคะ”ชิวซุยยิ้มด้วยท่าทีสนใจเพาะนางพึ่งเคยมาเมืองหลวงของอาณาจักรซานเป็นครั้งแรก อยากจะรู้เหมือนกันว่าในเมืองหลวงนั้นเป็นเช่นไร
“แน่นอน ข้าจะพาเจ้าเดินชมเอง”ชุนชิงตอบพลางยืดอกด้วยท่าทีมั่นใจ
.
.
เมืองหลวงของอาณาจักรซานนั้น เป็นเมืองหลวงที่ดีทีเดียว แม้จะไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเหมือนที่อาณาจักรไป๋หรือหลายๆอาณาจักรทางเหนือ แต่ผู้คนก็อยู่กันอย่างสบายอกสบายใจ ตามแผงร้านค้าผู้คนต่างก็ยิ้มแย้มแจ่มใสกันถ้วนหน้าทำให้การเดินเที่ยวชมภายในเมืองของชิวซุยดูมีความสุขมากทีเดียว
“พี่ชุนชิง ท่านพี่ของข้ามาอยู่กับพวกท่านก่อปัญหาอะไรให้บ้างหรือเปล่าเจ้าคะ”ชิวซุยถามขึ้นระหว่างเดินอยู่ข้างๆชุนชิงบนถนนแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
“ปัญหาเหรอ…..”ชุนชิงคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นก็พลันนึกถึงเรื่องเมื่อคืนทันทีทำเอาใบหน้าของนางแดงระเรื่อน้อยๆด้วยความอาย แต่นอกจากเรื่องนั้นแล้วหลินเฟยก็ไม่เคยสร้างปัญหาอะไรให้อีกเลยนี่นา
“ไม่หรอก พี่หลินเฟยเป็นคนเก่ง นอกจากจะไม่ก่อปัญหาแล้วยังทำให้ร้านของเราขายดีขึ้นด้วย”ชุนชิงตอบพลางยิ้มบางๆออกมา ไม่ใช่แค่เรื่องของท่านจิ๋นจี้หลงที่ทำให้แร่หายากขายออกไปได้หลายชิ้น แต่เพราะหลินเฟยกลายเป็นเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายไปแล้ว ทำให้สมุนไพรที่สำนักเหยี่ยวทะเลทรายต้องใช้ต่างนำเข้าจากร้านของตระกูลชุนทั้งสิ้น นอกจากนี้การทำงานที่ชั้น 1 ของหลินเฟยยังทำให้ลูกค้าทั้งหนุ่มสาวเพิ่มมากขึ้นด้วย เรียกได้ว่าหลินเฟยสร้างผลดีให้ร้านได้มากจนน่าตกใจเลย
“เช่นนั้นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ ตั้งแต่ท่านพี่ถูกลงโทษข้าก็เป็นห่วงท่านพี่มากเลย แต่ท่าทางท่านพี่จะสบายดีข้าก็วางใจแล้วเจ้าค่ะ”ชิวซุยหัวเราะพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีน่ารักน่าเอ็นดู แม้ชุนชิงจะเป็นหญิงสาวด้วยกันแต่พอเห็นรอยยิ้มของนางก็ทำเอาเหมือนโดนหยุดเวลาไปด้วยเลย
“ลงโทษ?”ชุนชิงสะดุดกับคำว่าลงโทษของชิวซุยไม่น้อย หลินเฟยโดนลงโทษอย่างนั้นหรือ…. จะว่าไปตนเองก็ไม่เคยถามเรื่องที่ว่าทำไมหลินเฟยถึงออกจากตระกูลมาอยู่กับบิดาของตนเลย จะบอกว่าครอบครัวจนมากจนต้องให้หลินเฟยออกมาหากินอีกแรงก็คงไม่ใช่
“……….” พอนึกถึงเรื่องนั้นชุนชิงก็ไล่มองบนเรือนร่างของชิวซุยด้วยท่าทีสนใจ พอสังเกตดีๆแล้วก็พบว่าเสื้อผ้าของชิวซุยนั้นเป็นเสื้อผ้าเนื้อดีมาก ชนิดที่ว่านางไม่เคยเห็นในแถบนี้มาก่อนเลย สิ่งที่ใช้ทอผ้านั้นขึ้นมาคืออะไรกันแน่…. นอกจากนี้เครื่องประดับบนร่างกายของชิวซุยนั้นมีแต่ของล้ำค่าและของที่ชุนชิงไม่รู้จัก เรียกได้ว่าไม่แปลกเลยหากจะมีโจรเข้ามาปล้นชิวซุยกลางวันแสกๆเพื่อชิงของบนตัวนาง นี่นางเดินทางมาตั้งไกลได้อย่างไรทั้งๆที่สวมของแบบนี้เต็มตัว
ไม่ว่าจะมองอย่างไรครอบครัวของหลินเฟยก็ไม่น่าจะใช่คนยากจน แถมหลินเฟยยังพกวิชาที่แม้แต่ท่านลุงของชุนชิงยังต้องตกตะลึงอีกต่างหาก แถมจากที่ท่านพ่อเล่าดูเหมือนพี่หลินเฟยจะเก่งมากจนน่าจะเหนือกว่าท่านลุงอีก ทั้งๆที่ท่านลุงสามารถสู้ได้อย่างสูสีกับท่านเจี่ยหุนแม่ทัพใหญ่แท้ๆ ตกลงแล้วครอบครัวของหลินเฟยเป็นใครกันแล้วหลินเฟยทำอะไรกันแน่ถึงได้ออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้
“ท่านชุนชิง มีอะไรหรือเจ้าคะ”ชิวซุยถามพลางมองมาทางชุนชิงด้วยท่าทีสงสัย นางจ้องมองตนเองมาสักพักแล้วไม่ทราบบนร่างของตนเองมีอะไรแปลกๆติดอยู่งั้นหรือ
“ปะ เปล่าหรอก ข้าแค่กำลังคิดว่าใกล้ถึงสำนักเหยี่ยวทะเลทรายแล้ว ทำไมพวกเราไม่เข้าไปหาพี่หลินเฟยกันเลยล่ะ”ชุนชิงรีบเลี่ยงสายตาไปทางอื่นก่อนจะเอาเรื่องของหลินเฟยมาล่อความสนใจชิวซุยแทน
“ไปเจ้าค่ะ ข้าอยากเห็นสำนักของท่านพี่มากเลย”ชิวซุยได้ยินว่าจะได้ไปสำนักเหยี่ยวทะเลทรายก็พลันโยนเรื่องอื่นทิ้งทันที หลินเฟยพี่ชายของนางไม่ค่อยได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันนัก แม้จะไม่ช่วยงานท่านยายรูบี้บ้างเป็นครั้งคราวแต่นั่นก็ไม่ใช่งานประจำอยู่ดี นี่จึงเป็นครั้งแรกเลยที่จะได้เห็นหลินเฟยทำหน้าที่ของตนเองอย่างจริงจัง
“เจ้านี่เป็นน้องสาวที่รักพี่ชายจริงๆเลยนะ”ชุนชิงหัวเราะออกมาพลางเดินนำชิวซุยมุ่งหน้าไปยังสำนักเหยี่ยวทะเลทราย จะว่าไปสมัยก่อนนางก็ติดพี่ชายไม่น้อยเลยนี่นา แต่ตอนนี้จะให้ตัวติดพี่แบบนี้ก็คงไม่ได้หรอก แถมพักหลังยังทะเลาะกันมากกว่าอีกด้วย
“ท่านเจ้าสำนักหรือขอรับ….ข้าจะเข้าไปบอกท่านให้เองขอรับ”ทันทีที่มาถึงสำนักเหยี่ยวทะเลทราย ชุนชิงก็เข้าไปขอพบเจ้าสำนักทันที แต่เพราะเขตสำนักส่วนในไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้าชุนชิงและชิวซุยก็เลยต้องนั่งรออยู่ที่สวนด้านหน้าไปก่อนเท่านั้น
“คนน้อยจังเลยนะเจ้าคะ”ชิวซุยพูดพลางมองไปรอบๆสำนักด้วยท่าทีประหลาดใจ สำนักเหยี่ยวทะเลทรายนั้นแต่เดิมใหญ่โตเหมาะสมกับตำแหน่งสำนักอันดับ 9 ของอาณาจักรซานจริงๆ แต่ยามนี้ส่วนนอกของสำนักกลับมีศิษย์ไม่มากเพราะศิษย์ส่วนใหญ่โดนเลื่อนเข้าไปเป็นศิษย์ชั้นในกันหมดจากเหตุการณ์ไล่คนออกครึ่งสำนักของผานซูนั่นเอง
“นั่นสิ..เท่าที่ข้าจำได้คนน่าจะเยอะกว่านี้นี่นา”ชุนชิงที่ไม่ทราบเรื่องของสำนักเท่าไหร่ตอบ แม้จะไม่เคยเข้ามาแต่ชุนชิงก็เคยเดินผ่านสำนักเหยี่ยวทะเลทรายบ้างในบางครั้ง และทุกครั้งที่ผ่านนางก็ได้เห็นศิษย์ภายนอกฝึกฝนกันเต็มลานกว้างตลอด แบบนี้คนที่มองเข้ามาจะเห็นว่าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายซบเซาลงหรือเปล่านะ
วูบ…..
ขณะกำลังรอหลินเฟยอยู่นั้น อยู่ๆท้องฟ้าเหนือหัวของพวกชุนชิงกับชิวซุยก็ปรากฏเงาดำจุดใหญ่บดบังแสงอาทิตย์จนเกิดเป็นเงาบนลานกว้างของสำนัก ทำให้ทั้งชิวซุยทั้งชุนชิงและศิษย์ที่เหลืออยู่แถวนั้นเงยหน้ามองด้วยท่าทีสงสัยทันที
“…………….” เพียงเงยหน้าขึ้นไปไม่กี่วินาที เหล่าศิษย์สำนักเหยี่ยวทะเลทรายและตัวชุนชิงเองต่างเบิกตากว้างมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีหวาดกลัว
ตุบ….
ร่างของมังกรสีขาวอันสง่างามร่อนลงมายืนบนพื้นลานกว้างของสำนักอย่างนิ่มนวล ปีกทั้งหกปีกที่ขยับช้าๆไปทั่วลานกว้างทำเอาเหล่าศิษย์และครูฝึกที่อยู่แถวนั้นแทบจะล้มทั้งยืน
“นะน้องชิวซุย”แน่นอนว่าชุนชิงเองที่อยู่ใกล้กับมังกรมากนั้นตัวสั่นราวกับกำลังยืนอยู่ในภูเขาน้ำแข็ง ใบหน้าของมังกรที่จ้องตรงมายังตนเองนั้นทำเอาหัวใจของชุนชิงร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หมับ….
ที่แผ่นหลังของชุนชิงสัมผัสได้ถึงร่างกายอุ่นๆของชิวซุยเข้าพอดี แน่ล่ะน้องชิวซุยก็ต้องกลัวอยู่แล้ว นี่มันมังกรเชียวนะ แถมเป็นมังกรหินหกปีกที่ดูอย่างไรก็น่าหวาดกลัวมากราวกับหลุดมาจากตำนานโบราณเลย
“ชิวซุย เจ้าหลบไปก็ไม่ช่วยหรอกนะ”เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาจากบนหลังของมังกร ก่อนที่มังกรจนนั้นจะรวบปีกเข้ามาหาร่างกายตนเอง ก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างของตนให้มีขนาดเล็กลงจนกลายเป็นหญิงสาวที่มีทั้งเส้นผมและผิวหนังสีขาวผ่องราวกับไข่มุก แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือที่ด้านข้างของมังกรที่เปลี่ยนร่างแล้วกลับมีหญิงสาวอีกนางหนึ่งยืนอยู่ แต่ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของนางชัดตาก็ทราบทันทีว่านางนั้นมีความเกี่ยวข้องกับชิวซุยแน่ๆ
“ท่านแม่….”ชิวซุยที่หลบอยู่หลังชุนชิงนั้นไม่ได้หวาดกลัวมังกรอย่างไป๋ไป่แม้แต่น้อย ตอนนี้นางอยากโดนท่านป้าไป๋ไป่จับตัวมากกว่าให้ท่านแม่จับตัวเสียอีก
“กลับบ้าน….”เสียงของไป๋หลินยามนี้ทำเอาชิวซุยสะดุ้งโหยง ท่าทางท่านแม่จะโกรธมากเลย แบบนี้นางจะทำอย่างไรดี