บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 604 แยกห้อง
ตอนที่ 604
แยกห้อง
“สำนักเหยี่ยวทะเลทรายๆ……”ในเช้าวันหนึ่งหลังจากฝึกฝนวิชาที่ได้มาจากหลินเฟยจนสำเร็จแล้ว ฟงเป่าก็เข้าเมืองมาพร้อมกับเจ้าหนูสีแดงตัวกลมที่ชื่อว่าหมิงมิ่งในอกเสื้อ พอได้รับวิชามาแล้วตัวฟงเป่าก็ฝึกฝนตามทันที และได้ทราบว่าวิชาที่หลินเฟยให้ตนนั้นเป็นวิชาที่ยอดเยี่ยมมาก แม้แต่ในเมืองที่ฟงเป่าจากมาก็ยังไม่มีวิชาสุดยอดขนาดนี้เลยกระมัง แต่หลินเฟยกลับบอกว่าวิชาที่ให้ตนเองมานั้นเป็นวิชาที่มีมากมาย หากมาเป็นศิษย์ของหลินเฟย ตัวหลินเฟยจะสอนวิชาที่ดีกว่านี้ให้
ตัวฟงเป่านั้นมีความหลังฝังใจเรื่องที่ครอบครัวโดนฆ่าล้างทั้งตระกูล ตัวฟงเป่าหนีขึ้นมาทางเหนือเพื่อเอาชีวิตรอดแต่ไม่ใช่ว่าฟงเป่าไม่คิดจะกลับไปแก้แค้นให้พ่อแม่ แต่เพราะตอนนี้ตนเองยังไม่แข็งแกร่งพอเท่านั้น หากมีพลังมากพอฟงเป่าก็จะกลับไปแล้วจัดการกับคนที่ทำกับตระกูลฟงของฟงเป่าอย่างตระกูลหยูให้หลายจำอย่างแน่นอน เพราะแบบนั้นฟงเป่าเลยต้องมาขอฝากตัวเป็นศิษย์กับหลินเฟยเพื่อนำวิชากลับไปแก้แค้นให้จงได้
“อะไรกัน ใบสมัครของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายนี่มันอะไรกัน”ระหว่างเดินเข้ามาในตลาดและกำลังตามหาสำนักเหยี่ยวทะเลทรายอยู่นั้น ฟงเป่าก็พบเข้ากับชายคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่หน้ากำแพง ตรงนั้นมีป้ายรับสมัครศิษย์รุ่นใหม่ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายอยู่พอดี ยิ่งเห็นชายคนนั้นพูดเรื่องของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเข้าฟงเป่าก็ยิ่งดีใจเพราะตนกำลังหาทางไปสำนักเหยี่ยวทะเลทรายพอดี
“ตลกจริงๆ พอขับไล่พวกเราออกมาก็ต้องมารับสมัครศิษย์ใหม่แบบนี้ แถมยังตกต่ำขนาดต้องรับศิษย์หญิงเข้าสำนักอีกต่างหาก”ชายตรงหน้าฟงเป่าหัวเราะพลางฉีกใบรับสมัครคนของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายออกแล้วเอามาเหยียบบนพื้นทันที ใช่แล้วชายคนนั้นคือหนึ่งในคนที่โดนไล่ออกไปเพราะเรื่องขัดผลประโยชน์ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายนั่นเอง
“อยากรู้จริงๆว่างานวิจารณ์กระบี่ปีนี้สำนักเหยี่ยวทะเลทรายจะอันดับตกไปเท่าไหร่”ชายอีกคนที่อยู่ข้างๆหัวเราะออกมาด้วยท่าทีสะใจ การรับศิษย์หญิงเข้าสำนักแบบนี้ทำให้เหล่าผู้คนต่างคิดว่าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายตกต่ำแล้ว การจัดอันดับในปีนี้เกรงว่าอันดับ 9 ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายคงจะรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว และหากอันดับตกทั้งงานจ้างและเบี้ยเลี้ยงสนับสนุนจากราชสำนักเองก็จะหดหายไป สำนักเหยี่ยวทะเลทรายที่ต้องฟื้นฟูระบบใหม่หากขาดเงินทุนตรงนี้ไปก็จะลำบากมากขึ้นแน่ๆ ทำให้เหล่าผู้รู้ต่างคาดเดากันว่าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายจะอยู่ไม่ถึงสิบปีข้างหน้าแน่ๆ
“……..”ฟงเป่ามองคนทั้งสองเดินจากไปด้วยท่าทีอึ้งๆ สำนักของหลินเฟยผู้นั้นเป็นสำนักกระจอกงั้นหรือ แต่หลินเฟยที่ฟงเป่ารู้จักเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะ ถึงขนาดรับการโจมตีของพี่หมิงมิ่งได้อย่างง่ายดายเลย แถมวิชาที่หลินเฟยให้มาก็ยิ่งทำให้ฟงเป่าเลือกที่จะเชื่อหลินเฟยมากกว่าอยู่ดี
กึก…..
ฟงเป่าหยิบใบประกาศรับสมัครศิษย์ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายที่ชายคนนั้นเหยียบไปเมื่อครู่ขึ้นมาก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสำนักเหยี่ยวทะเลทรายตามแผนที่ที่ระบุเอาไว้ในใบรับสมัครทันที
.
.
“………”แม้ชายที่ฟงเป่าได้พบจะต่อว่าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเสียไม่มีค่าอะไรเลย แต่เมื่อฟงเป่าเดินทางมาถึงสำนักเหยี่ยวทะเลทรายตามแผนที่ ฟงเป่าก็พบว่าที่สำนักนั้นมีเด็กสาวจำนวนมากมาสมัครเข้าสำนักกันอย่างเนืองแน่น อาจจะเพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่สำนักใหญ่เปิดให้เด็กสาวเข้าสมัคร ทำให้อัตราการเข้าใหม่ของศิษย์ในปีนี้เป็นหญิงเกือบ 8 ส่วนเลยทีเดียว
“น้องชาย เจ้ามาสมัครเข้ารับการทดสอบอย่างนั้นหรือ”ขณะฟงเป่ากำลังกล้าๆกลัวว่าจะเข้าไปในสำนักดีหรือไม่ ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาฟงเป่าในเครื่องแบบของสำนักเหยี่ยวทะเลทราย ท่าทางมันจะเป็นคนของสำนักเป็นแน่
“ขอรับ….”ฟงเป่าตอบด้วยท่าทีหวาดๆเช่นเดิม ท่าทาง 5 ปีที่ฟงเป่าแอบซ่อนอยู่ในเขตของหมิงมิ่งจะทำให้ฟงเป่าไม่คุ้นชินกับการเข้าหามนุษย์เสียเท่าไหร่เพราะในร้านเองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
“ดีเลย เจ้ามีพลังวิญญาณอยู่แล้วต้องเก่งขึ้นแน่ๆ มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปเข้าทดสอบ”ชายหนุ่มว่าพลางพาฟงเป่าเข้าไปในสำนักด้วยท่าทียินดี เหล่าศิษย์ใหม่นั้นมีตั้งแต่ระดับพึ่งเริ่มฝึกฝนไปจนถึงผู้มีพลังวิญญาณอยู่แล้ว และพลังวิญญาณระดับชำระเส้นเอ็นขั้นที่ 1 นั้นก็นับว่ามีแววน่าสนใจทีเดียวสำหรับเด็กรุ่นใหม่
ปึง….
ฟงเป่าโดนลากเข้ามาในห้องไม้แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ด้านในสำนัก ภายในห้องนั้นมีเด็กหญิงและชายนั่งอยู่หลายคน แต่เด็กๆในนี้นั้นต่างออกไป ภายในห้องนี้มีแต่เด็กที่มีพลังวิญญาณสูงอยู่แล้วทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นเด็กมีพรสวรรค์นั่นเอง โดยนอกจากฟงเป่าแล้วยังมีคนมีพลังระดับชำระเส้นเอ็นอีก 3 คน และระดับชำระวิญญาณอีก 1 คน แต่ที่น่าแปลกคือเหล่าคนมีพลังวิญญาณสูงกว่าปกตินั้นกลับเป็นหญิงเสียส่วนใหญ่
“ไม่น่าเชื่อว่ามีเพชรซ่อนอยู่มากมายถึงเพียงนี้ หรือว่านี่จะเป็นความตั้งใจของท่านเจ้าสำนัก”อาวุโสท่านหนึ่งพูดพลางตรวจสอบพลังของเด็กๆที่พึ่งมาสมัครเข้าสำนัก แม้หลินเฟยจะไม่ได้คาดคิดเอาไว้ แต่เหล่าหญิงสาวในอาณาจักรซานที่ต้องการจะฝึกฝนพลังวิญญาณนั้นมีมากมายหลายคน และในนั้นก็มีผู้มีพรสวรรค์จำนวนมาก แต่เพราะสำนักใหญ่ไม่เปิดรับศิษย์สตรีทำให้เหล่าผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้ไม่อาจเผยตัวออกมาได้เสียที
“ถ้าเป็นเด็กในกลุ่มนี้ละก็ท่านเจ้าสำนักต้องพึงพอใจแน่ๆ”ผานซูที่อยู่ภายในห้องเช่นกันยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ด้วยเหล่าผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้และวิชาใหม่ที่หลินเฟยมอบให้ เหล่าศิษย์จะต้องพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเป็นแน่
“ท่านอาวุโสขอรับ ไม่ทราบว่าทำไมพวกเราถึงถูกแยกออกมาหรือขอรับ”เด็กชายคนหนึ่งถามพลางมองไปทางอาวุโสด้วยท่าทีสงสัย แม้จะยังเด็กแต่ทุกคนก็เริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมเด็กที่มีพลังสูงกว่าคนอื่นถึกถูกจับแยกห้องออกมา
“อืม….ตอนนี้ตำแหน่งศิษย์ของท่านเจ้าสำนักและอาวุโสหลายคนกำลังว่าง พวกข้าเห็นต้องกันว่าหากเริ่มฝึกฝนศิษย์ที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่หนึ่งใหม่คงเป็นทางเลือกที่ไม่เลว พวกข้าก็เลยแยกพวกเจ้าออกมาเช่นนี้ไงล่ะ”อาวุโสของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายตอบพลางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แต่พอเหล่าเด็กๆที่เข้ามาสมัครได้ยินต่างก็พากันยิ้มดีใจกันยกใหญ่
“เมื่อครู่ท่านบอกว่าศิษย์ของท่านเจ้าสำนักหรือเจ้าคะ”เด็กสาวคนหนึ่งเอะใจกับคำพูดของท่านอาวุโสจึงเอ่ยปากถามออกมาทันที
“ใช่ ในการทดสอบวันนี้เราจะหาศิษย์ประจำตัวท่านเจ้าสำนักด้วย 2 คน”ผานซูตอบพลางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เพราะหลินเฟยไม่ยอมเลือกเสียที ให้เวลาเสียตั้งนานก็พึ่งหาศิษย์ได้คนเดียว แถมศิษย์ที่ว่าอยู่ไหนทำอะไรอยู่ก็ไม่ทราบ หลินเฟยเอาแต่บอกว่าเดี๋ยวศิษย์คนนั้นก็มา แต่ถึงอย่างนั้นตามกฎแล้วเจ้าสำนักต้องมีศิษย์ใต้สังกัด 3 คนทำให้ต้องหาอีก 2 คนที่เหลือให้อย่างเร่งด่วน
“แล้วพวกเราจะทดสอบกันอย่างไรหรือขอรับ”เด็กชายคนหนึ่งถามด้วยท่าทีสงสัย การทดสอบเข้าสำนักส่วนใหญ่จะเป็นการวัดระดับพลังวิญญาณและทดสอบการเรียนรู้หรือการต่อสู้ แต่พวกตนต่างมีพลังวิญญาณสูงกันทั้งหมดหรือว่าจะให้ผู้มีพลังสูงสุดได้รับตำแหน่งไป…..
“ไม่ต้องกังวล พวกเจ้าในที่นี้ต่างถือว่าทดสอบผ่านแล้ว พวกเจ้าสามารถเข้าเป็นศิษย์ในสำนักได้เลย แต่ที่ยังรั้งพวกเจ้าเอาไว้ก็เพื่อคัดเลือกว่าพวกเจ้าคนไหนเหมาะจะเป็นศิษย์ของเจ้าสำนักและศิษย์ของอาวุโสบ้างต่างหาก”อาวุโสของสำนักตอบด้วยท่าทีใจดีเช่นเดิม แต่พอได้ทราบว่าตนเองผ่านแล้วเหล่าเด็กหนุ่มเด็กสาวในห้องก็พากันยิ้มด้วยท่าทีดีใจโดยเฉพาะสาวๆที่โล่งใจเป็นอย่างมากที่สำนักเหยี่ยวทะเลทรายรับศิษย์หญิงจริงๆ
“ส่วนการทดสอบว่าใครจะเป็นศิษย์ระดับใดนั้นก็ง่ายมาก ข้าจะให้พวกเจ้าประลองกันทีละคู่ ผู้ที่เหลือ 2 คนสุดท้ายจะได้เป็นศิษย์ของเจ้าสำนัก และที่เหลือก็จะแบ่งออกเป็นศิษย์ของอาวุโสแต่ละท่านตามลำดับ”ได้ยินเรื่องบททดสอบแล้ว เหล่าเด็กหนุ่มเด็กสาวต่างก็มีท่าทีตื่นเต้นกันไม่น้อย ประลองกันเสียเพื่อตัดสินความแข็งแกร่งดูน่าสนใจกว่าวัดระดับพลังเอาอย่างเดียวเป็นไหนๆ
“ประลองงั้นหรือ…..”ฟงเป่ากลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทีกลัวๆ ทั้งๆที่ตนเองเป็นหนึ่งในคนที่มีพลังวิญญาณสูงที่สุดแท้ๆ แต่จะไม่ให้ฟงเป่ากลัวได้อย่างไรตลอดมาฟงเป่าไม่เคยสู้จริงเลยสักครั้ง เอาแต่ฝึกกับพี่หมิงมิ่งเท่านั้นเอง
“เป็นอะไรไปงั้นหรือ….”ฟงเป่ากำลังกังวลกับเรื่องการประลอง อยู่ๆเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆก็หันหน้ามาถามฟงเป่าด้วยท่าทีเป็นห่วง นางเป็นเด็กสาวท่าทางเรียบร้อยไม่เหมือนผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย แต่นางกลับเป็นหนึ่งในคนที่มีพลังระดับชำระเส้นเอ็นเหมือนกับฟงเป่า แถมยังอยู่ระดับ 8 แล้วด้วยเรียกได้ว่านางเป็นรองแต่เพียงหญิงสาวท่าทางจริงจังที่อยู่ระดับชำระวิญญาณคนเดียวเท่านั้น
“ขะ ข้าไม่เคยสู้กับคนจริงๆมาก่อนขอรับ….ข้าไม่รู้ว่าจะสู้ได้ดีหรือไม่”ฟงเป่าตอบพลางหันไปมองเด็กสาวด้านข้างด้วยท่าทีประหม่า แต่หญิงสาวด้านข้างกลับยิ้มอย่างอ่อนหวานพลางเอามือทาบบนหน้าอกตนเอง
“ลองหายใจเข้า….แล้วก็หายใจออกลึกๆดูนะ”เด็กสาวตอบพลางหายใจช้าๆให้ฟงเป่าดูเป็นตัวอย่าง ทำให้ฟงเป่าเริ่มทำตามทันที
เปรี้ยง!!
ระหว่างกำลังจดจ่ออยู่กับการหายใจอยู่นั้น ร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ลอยมากระแทกพื้นตรงหน้าฟงเป่าเข้าพอดี ทำเอาฟงเป่าสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เพราะมัวแต่ประหม่าก็เลยไม่รู้ตัวเลยว่าการทดสอบได้เริ่มขึ้นแล้ว แถมคนที่ทดสอบเป็นคู่แรกกลับเป็นหญิงสาวที่มีพลังสูงที่สุดในกลุ่มกับเด็กหนุ่มที่พึ่งก้นกระแทกพื้นเมื่อครู่นั่นเอง เห็นได้ชัดเลยว่านางจัดการคู่ต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
“ต่อไปก็ ฟงเป่า เจ้าต่อสู้กับ หม่าหยงฉี”ยังไม่ทันหายตกใจ อยู่ๆชื่อของฟงเป่าก็ถูกเรียกขึ้นทำให้ฟงเป่าต้องรีบลุกขึ้นยืนทันที
“พยายามเข้านะ”เด็กสาวที่สอนฟงเป่าหายใจเมื่อครู่กำหมัดทั้งสองข้างขึ้นพลางส่งรอยยิ้มให้กำลังใจมาให้ฟงเป่าด้วยท่าทีใจดี แต่ถึงจะทำแบบนั้นฟงเป่าก็ไม่หายประหม่าอยู่ดี แถมคนที่ฟงเป่าต้องต่อสู้ด้วยเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่มีระดับพลังขั้นชำระเส้นเอ็นเหมือนฟงเป่าอีกต่างหาก แถมระดับพลังยังเหนือกว่าฟงเป่า 3 ขั้นอีกต่างหาก