บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 605 ผิดที่
ตอนที่ 605
ผิดที่
“ระ…รบกวนด้วยขอรับ”ฟงเป่าเดินออกมายืนต่อหน้าหม่าหยงฉี เด็กหนุ่มที่มีพลังระดับชำระเส้นเอ็นขั้นที่ 4
“น้องชาย เรามาสู้กันอย่างจริงจังเถอะ”หม่าหยงฉีว่าพลางประสานมือให้ฟงเป่าด้วยท่าทีสุภาพ แม้จะมีระดับพลังสูงแต่ท่าทางหม่าหยงฉีผู้นี้จะมีมารยาทไม่เย่อหยิ่งอะไรสินะ
“ขะ ขอรับ”ฟงเป่าตอบพลางตั้งท่าตามวิชาของหลินเฟยทันที วิชาที่หลินเฟยมอบให้ฟงเป่านั้นเป็นวิชากระบวนท่าเตะที่มีชื่อว่า สำเนียงวายุ มันเป็นวิชาท่าเท้าที่ว่องไวและรวดเร็วแถมยังเงียบกริบราวกับเสียงกระซิบขอบสายลมเลยทีเดียว
“เริ่มได้”อาวุโสของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายพูดให้สัญญาณพลางเพ่งมองการต่อสู้ของศิษย์ใหม่ทั้งสองด้วยท่าทีสนใจ ฟงเป่าแม้มีพลังสูงแต่ท่าทีเงาะๆเงิ่นๆดูแล้วไม่แข็งแรงเอาเสียเลย ตรงกันข้ามกับหม่าหยงฉีที่ดูหนักแน่นแข็งแรงเหมือนเคยผ่านการฝึกฝนพื้นฐานมาก่อนเป็นอย่างดีแล้ว
วูบ…. วูบ….วูบ…..
หม่าหยงฉีใช้วิชาหมัดทำให้การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีอาวุธแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ความเร็วของหม่าหยงฉีนั้นกลับทำให้เหล่าอาวุโสสนใจไม่น้อยเลย เพียงพริบตาเดียวก็เข้าประชิดตัวฟงเป่าได้ แถมยังออกหมัดได้อย่างคล่องแคล่วอีกต่างหาก ทันทีที่เข้าประชิดตัวได้ก็ต่อยไปแล้ว 3 หมัด แต่ที่น่าประหลาดใจคือตัวฟงเป่าต่างหาก แม้ท่าทีจะแปลกๆแต่ก็หลบการโจมตีของหม่าหยงฉีได้อย่างง่ายดาย แถมยัง
ตุบ…..
อยู่ๆหม่าหยงฉีก็ล้มลงไปนอนกับพื้นเสียอย่างนั้น ทำเอาเหล่าอาวุโสต่างมองมาด้วยท่าทีตกใจ อยู่ๆทำไมหม่าหยงฉีถึงล้มไปได้กัน…
“ยอดเยี่ยมมาก ฟงเป่าเจ้าเป็นผู้ชนะ”ผานซูยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ เมื่อครู่ระหว่างหม่าหยงฉีกำลังปล่อยหมัด แต่เดิมเจ้าตัวคงคิดจะปล่อยหมัดเป็นชุดกดดันฟงเป่า แต่ออกหมัดได้เพียง 3 ครั้งฟงเป่าก็วาดเท้าวนเข้ากกหูของหม่าหยงฉีเข้าเต็มแรง แถมท่าเตะนั่นยังเร็วและเข้าจุดบอดสายตาของหม่าหยงฉีพอดี เรียกได้ว่าหม่าหยงฉีคงไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าโดนอะไรเข้าให้
“ขอบพระคุณขอรับ”ฟงเป่าก้มหัวให้ผานซูหลายรอบก่อนจะรีบกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตนทันที ส่วนหม่าหยงฉีนั้นสลบไปไม่นานก็ฟื้นขึ้นมาแล้วกลับไปนั่งที่ของตนเช่นเดียวกัน
“……..”ไม่ทราบทำไมพอประลองเสร็จแล้วสายตาทุกคู่ถึงมองมาทางฟงเป่าเสียอย่างนั้น แน่นอนว่าส่วนใหญ่ต่างมองมาด้วยความตกใจ แต่ท่ามกลางสายตาตกใจนั้นกลับมีสายตาเร่าร้อนคู่หนึ่งมองมาทางฟงเป่าด้วยท่าทีจริงจัง เจ้าของสายตาคู่นั้นคือ หนี่หลิงหนาน หญิงสาวเจ้าของระดับพลังที่มากที่สุดในการทดสอบครั้งนี้นั่นเอง
“ฟงเป่า เจ้าเก่งมากเลยนี่นา”เด็กสาวที่ให้กำลังใจฟงเป่าก่อนหน้านี้ยิ้มด้วยท่าทียินดี ก่อนจะเอ่ยชมฟงเป่าอย่างจริงใจ นางดูใจดีมากทีเดียวเรียกได้ว่าช่วยลดความรู้สึกหวาดกลัวต่อสายตาคนอื่นๆของฟงเป่าได้ดีมาก
“คนต่อไป เซี่ยจินเย่…..”แม้ฟงเป่าจะทำเรื่องน่าประหลาดใจลงไป การประลองก็ไม่ได้จบแค่เท่านั้น เหล่าอาวุโสยังคงประกาศชื่อต่อและเริ่มการแข่งขันคู่ต่อไปทันที และคนที่ถูกเรียกออกไปนั้นก็คือตัวหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆฟงเป่านั่นเอง นางเดินออกไปด้วยท่าทียิ้มแย้มสบายๆต่างจากฟงเป่าคนละเรื่อง แต่ทันทีที่การต่อสู้เริ่ม นางก็ใช้ฝ่ามือของนางผลักร่างของคู่ประลองที่ระดับพลังต่ำกว่าจนล้มอย่างง่ายดาย แต่ท่าของนางนั้นไม่ได้ผลักจนอีกฝ่ายล้มอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับของหนี่หลิงหนานแต่อีกฝ่ายกลับเซล้มไปเองเหมือนหมดแรงเสียอย่างนั้น
“ยอดเลย”ฟงเป่าไม่ทราบเหมือนกันว่านางทำอะไร แต่เซี่ยจินเย่นั้นชนะอีกฝ่ายได้ง่ายดายมากๆ
เปรี้ยง!! ผลัก!! ตูม!!
การประลองระหว่างศิษย์ใหม่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคู่ของฟงเป่า หนี่หลิงหนาน และ เซี่ยจินเย่ ที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย โดยหนี่หลิงหนานนั้นใช้วิชากระบี่ที่ดุดันเป็นอย่างมาก แถมพลังที่เหนือกว่าของนางยังทำให้อีกฝ่ายเสียท่าอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก แต่ถึงจะเป็นการประลองนางก็เล่นแรงไม่น้อย เรียกได้ว่าเอาจริงเอาจังมากทีเดียว
“คู่ต่อไป ฟงเป่ากับหนี่หลิงหนาน”ได้ยินคำประกาศของท่านอาวุโส ฟงเป่าก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทีลำบากใจ ที่ฟงเป่าไม่ตกใจนั้นเพราะการประลองได้จัดมาจนครบทุกคู่แล้ว ตำแหน่งศิษย์ของเจ้าสำนักนั้นมีได้แค่ 2 คน และผู้ที่ชนะไปคนแรกก็คือ เซี่ยจินเย่ นั่นเอง ดูเหมือนท่านอาวุโสจะแบ่งคู่ประลองออกเป็นสองสายและคนที่ชนะมาเรื่อยๆ 2 คนจะกลายเป็นศิษย์ของท่านเจ้าสำนัก และคู่ของฟงเป่าและหนี่หลิงหนานนั้นก็เป็นคู่สุดท้ายของอีกสายพอดี
“ข้าไม่ยอมเสียตำแหน่งศิษย์ของเจ้าสำนักไปหรอกนะ”หนี่หลิงหนานว่าพลางจ้องมองฟงเป่าด้วยท่าทีดุดัน นางนั้นเป็นสาวงามที่มีดวงตาคมกริบราวกับนัยน์ตาของพยัคฆ์ แถมท่าทีจริงจังและพลังที่สูงกว่าของนางยังทำให้ฟงเป่ากดดันไม่น้อยเลย
“ข้าเองก็จะสู้เต็มที่ขอรับ”ฟงเป่าว่าพลางตั้งท่าต่อสู้ ตัวฟงเป่าเองก็แพ้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะตนเองตั้งใจจะเป็นศิษย์ของหลินเฟย และการที่หลินเฟยบอกว่าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเป็นสำนักของตนเอง นั่นหมายความว่าหลินเฟยเป็นเจ้าสำนักไม่ใช่หรือไง หากฟงเป่าเข้าเป็นศิษย์ของเจ้าสำนักไม่ได้ก็อาจจะไม่ได้เรียนรู้วิชาอย่างที่หวังนะสิ
“อืม มีใจสู้ดี”อาวุโสยิ้มด้วยท่าทีพึงพอใจที่เห็นเด็กทั้งสองต่างพยายามเพื่อเป็นศิษย์ของเจ้าสำนัก แต่การคัดเลือกศิษย์นั้นไม่ได้วัดจากผลแพ้ชนะหรอกนะ แต่จะวัดจากความสามารถของแต่ละคนยามต่อสู้ต่างหาก ถึงคู่ของฟงเป่ากับหนี่หลิงหนานจะสู้กันตนแพ้ชนะไปข้างหนึ่ง แต่หากแสดงฝีมือออกมาน่าประทับใจคนที่ได้เป็นศิษย์ของเจ้าสำนักก็อาจจะเป็นทั้งสองคนแทนที่จะเป็นผู้ชนะของทั้งสองฝั่งก็เป็นได้ แต่ตัวเซี่ยจินเย่เองก็แสดงฝีมือได้น่าตื่นตามากทีเดียว ทำให้การตัดสินค่อนข้างลำบากทีเดียว
วูบ…
พลังวิญญาณของหนี่หลิงหนานถูกปล่อยออกมาเต็มที่เพื่อเตรียมตัวจะเอาชนะฟงเป่าอย่างจริงจัง ดวงตาของนางจ้องมองเท้าของฟงเป่าไม่วางตา เพราะแม้แต่ตัวนางเองยังมองเท้าของฟงเป่ายามต่อสู้กับผู้อื่นแทบไม่ทัน หากได้ประสบกับตนเองบางทีนางอาจจะล้มลงไปโดยไม่รู้ตัวเหมือนคู่ต่อสู้ของฟงเป่าคนอื่นๆก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นทันทีที่การต่อสู้เริ่มนางต้องระวังเท้าของฟงเป่าเอาไว้ให้ดี
ปึง….
ขณะสมาธิของหนี่หลิงหนานกับฟงเป่ากำลังพุ่งถึงขีดสุด อยู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดออกเสียก่อน ทำเอาหนี่หลิงหนานแทบจะหยุดท่าโจมตีที่เกือบจะเผลอปล่อยออกไปแทบไม่ทัน
“ท่านเจ้าสำนัก”ยังไม่ทันได้ถามว่าผู้เข้ามารบกวนคือใคร เหล่าอาวุโสและผานซูเองต่างก็ลุกขึ้นประสานมือคารวะหลินเฟยอย่างนอบน้อมทันที ทำให้เหล่าศิษย์ใหม่ต่างทราบตำแหน่งของหลินเฟยทันทีและรีบประสานมือคารวะอย่างรวดเร็วรวมถึงหนี่หลิงหนานที่ถูกขัดจังหวะด้วยเช่นกัน
“ท่านเจ้าสำนัก ไม่ทราบท่านมาที่นี่ทำไมหรือขอรับ”ผานซูยิ้มเจื่อนๆออกมาด้วยท่าทำลำบากใจ การชิงตำแหน่งศิษย์ของเจ้าสำนักนั้นผานซูปิดเป็นความลับต่อหลินเฟย เพราะกะจะยัดเยียดศิษย์มีพรสวรรค์ให้หลินเฟยไปเลยเพราะหากรอหลินเฟยหาเองอาจจะไม่ได้ศิษย์ครบ 3 คนเสียทีเป็นแน่
“นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน”หลินเฟยถามพลางมองภายในห้องทดสอบด้วยท่าทีสงสัย ในรายงานที่ส่งมามีเพียงห้องทดสอบด้านหน้าไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้มีการทดสอบด้านในของสำนักอีกเล่า
“พวกเรากำลังทดสอบศิษย์ที่มีความสามารถอยู่ขอรับ และข้าจะให้ศิษย์ 2 คนจากในนี้ไปเป็นศิษย์ของท่านด้วยขอรับ”ผานซูตอบออกไปตามตรงเพราะไม่อยากโกหกหลินเฟย การทดสอบมาถึงขั้นนี้แล้วหลินเฟยก็คงมาห้ามอะไรไม่ได้แล้วด้วย
“เรื่องนั้นอีกแล้วหรือ ให้ตายเถอะ….”หลินเฟยถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเบื่อๆ แต่ที่หลินเฟยมาที่นี่ก็เพราะเรื่องของศิษย์ของเจ้าสำนักเช่นกัน
“ว่าแต่ฟงเป่า ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ข้าบอกให้เจ้ามาหาข้าโดยตรงไม่ใช่หรือทำไมถึงมาเข้าทดสอบกับคนอื่นเล่า”หลินเฟยว่าพลางเดินเข้าไปหาฟงเป่าด้วยท่าทีงงๆ ฟงเป่าถูกวางตัวให้เป็นว่าที่ศิษย์ของเจ้าสำนักอยู่แล้ว ทำไมต้องมาแข่งชิงเป็นศิษย์ของเจ้าสำนักอีกไม่ทราบ
“เอ๊ะ ข้า….”ฟงเป่าส่งเสียงด้วยท่าทีงุนงง นี่มันทำผิดไปงั้นหรือ
“ท่านเจ้าสำนัก หรือว่าเด็กคนนี้จะเป็นคนที่ท่านบอก”ผานซูถามด้วยท่าทีสนใจ มิน่าเล่าวิชาของฟงเป่าถึงได้น่าสนใจนัก ต่อให้หลินเฟยไม่เลือกฟงเป่าเอาไว้ก่อน ผู้ที่จะได้รับเลือกเข้าเป็นศิษย์ของเจ้าสำนักก็คงเป็นฟงเป่าอยู่ดีนั่นล่ะ
“ใช่ มันคือคนที่ข้าบอก”หลินเฟยพยักหน้าช้าๆด้วยท่าทียอมรับฟงเป่าคือเด็กที่หลินเฟยต้องการเพราะฟงเป่ามีพี่เลี้ยงมาด้วย แถมพรสวรรค์ยังดีอีกต่างหาก เรียกได้ว่าสามารถทำให้หลินเฟยสบายได้นั่นเอง
“เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมไปเลยขอรับ เท่านี้ก็ไม่ต้องคัดเลือกต่อแล้ว ผู้ที่จะได้เป็นศิษย์ของท่านเจ้าสำนักอีก 2 คนก็คือหนี่หลิงหนานและเซี่ยจินเย่”ผานซูยิ้มด้วยท่าทีโล่งใจ เพราะการตัดสินระหว่างสามคนนี้ค่อนข้างยากทีเดียว แต่พอตัดฟงเป่าออกผลก็ชัดเจนทันทีเลยก็ว่าได้
“เจ้าสองคนงั้นหรือที่ได้รับเลือก”หลินเฟยว่าพลางใช้ดวงตาสีม่วงตรวจสอบเด็กทั้งสอง เป็นอย่างที่ผานซูพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งสองต่างเป็นเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน พลังที่แฝงอยู่ภายในนั้นไม่ธรรมดาเลย แถมกล้ามเนื้อของพวกนางยังเหมือนคนที่ฝึกฝนมาอย่างดีอีกต่างหาก เช่นเดียวกับเหล่าเด็กในห้องนี้ ทุกคนต่างน่าสนใจและน่าคาดหวังทั้งนั้น
“ข้าเป็นคนบอกให้รับศิษย์หญิงเอง จะไม่รับพวกนางเป็นศิษย์ส่วนตัวก็คงไม่ได้สินะ”หลินเฟยถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปทางหนี่หลิงหนานและเซี่ยจินเย่ที่อยู่ด้านหลังฟงเป่า
“ฟงเป่า หนี่หลิงหนาน เซี่ยจินเย่ นับจากนี้ไปพวกเจ้าคือศิษย์ของข้า จงทำตามกฎของสำนักและเชื่อฟังสิ่งที่ข้าพูดเข้าใจหรือไม่”หลินเฟยด้วยท่าทีเป็นทางการ ดูยิ่งใหญ่ไม่น้อยเลย
“ขอรับ/เจ้าค่ะ….อาจารย์”ทั้งสามคนคุกเข่าลงประสานมือคารวะหลินเฟยกราบไหว้เป็นอาจารย์ในทันที ทำให้หลินเฟยพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ฟงเป่าก็ว่าไปอย่างแต่สาวๆทั้งสองที่เข้ามาก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย นี่พวกนางไปซ่อนอยู่ที่ไหนกันจนถึงตอนนี้ หากเป็นพวกนางละก็ต้องสามารถฝึกฝนได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาหลินเฟยแม้แต่น้อยเลย
“ดีมาก พวกเจ้ารับนี่ไปแล้วก็ตั้งใจอ่านเข้านะ ข้าขอตัวก่อน”หลินเฟยยื่นตำราให้ทั้งสามคนละเล่มก่อนจะกล่าวลาแล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ศิษย์ประจำตัวทั้งสามมองตามตาปริบๆ