บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 618 งานแรก
ตอนที่ 618
งานแรก
“เจ้ามีอะไรกับเมืองบ้านเกิดหรือเปล่า หากเจ้าไม่อยากไปข้าก็ไม่บังคับหรอกนะ”หลินเฟยตอนนั้นได้ฟังเรื่องที่นางบอกว่ามีความแค้นเช่นกันก็เลยเป็นห่วงหนี่หลิงหนานขึ้นมา
“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าแค่คิดว่าบังเอิญดีเท่านั้นเอง”หนี่หลิงหนานตอบพลางส่ายหน้าช้าๆด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ ก็นะนางแค่โดนพวกผู้ชายต่อว่าเท่านั้น ไม่ได้มีเรื่องอะไรร้ายแรงเสียหน่อย นางแค่ตกใจที่ตนเองจะได้ร่วมการประลองเท่านั้นเองเพราะสำนักต่างๆส่งศิษย์ฝีมือดีมาลงประลองกันตลอดนี่นา
“งั้นก็ดี ข้าคาดหวังในตัวเจ้าอยู่นะ”หลินเฟยว่าพลางยื่นตำราเล่มใหม่ให้หนี่หลิงหนาน ก่อนหน้านี้เรื่องวิชาร้อยบุปผาไม่เข้ากับตัวหนี่หลิงหนานนั้นทำให้หลินเฟยตัดสินใจเลือกวิชาใหม่ให้หนี่หลิงหนานด้วยเช่นกัน พอได้รู้จักนางแล้วทำให้หลินเฟยได้ทราบว่าแท้จริงแล้วนางเป็นสาวห้าว ไม่ขี้กลัวเหมือนผู้หญิงทั่วไป แถมยังชอบใช้กำลังมากกว่าฟงเป่าที่เป็นผู้ชายเสียอีก
“จะ เจ้าค่ะ”หนี่หลิงหนานได้รับวิชาใหม่ก็มีท่าทีตื่นเต้นมาก ความจริงในคลังวิชาภายในความทรงจำของหลินเฟยนั้นวิชาที่เหมาะกับนางที่สุดคงเป็นกระบี่ทองราชวงศ์ชิน แต่วิชานี้สืบทอดกันเพียงในราชวงศ์ชินเท่านั้นห้ามเผยแพร่ ทำให้หลินเฟยเลือกวิชากระบี่เกลียวสมุทรที่เหมาะกับผู้ใช้ธาตุน้ำอย่างหนี่หลิงหนานมากที่สุดแทน แถมยังเป็นกระบวนท่าที่ใช้พลังเป็นหลักอีกด้วย
.
.
“พี่หลิงหนาน”หลังจากหลินเฟยมอบวิชาให้หนี่หลิงหนาน หลินเฟยก็ช่วยเหล่าศิษย์ฝึกซ้อมจนกระทั่งผานซูมาบอกว่าศิษย์อีก 10 คนได้ถูกคัดเลือกมาแล้วและ ทำให้หลินเฟยต้องไปอธิบายเรื่องแผนของตนเองให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายได้ฟัง และถามความสมัครใจเรื่องที่จะกลายเป็นครึ่งอสูรอีกด้วย ทำให้ฟงเป่าอาศัยจังหวะนี้เข้าไปหาหนี่หลิงหนานด้วยตนเอง
“มีอะไรงั้นหรือ”หนี่หลิงหนานถามขณะกำลังทบทวนกระบวนท่าที่หลินเฟยพึ่งสอนให้ตนเองอย่างตั้งใจจนแทบไม่รู้ตัวเลยว่าฟงเป่าเข้ามาหา
“พี่หลิงหนาน ถ้าพี่ไม่อยากไปที่เมืองบ้านเกิดก็บอกข้าได้นะขอรับ ข้าจะไปบอกอาจารย์ให้ อาจารย์เป็นคนใจดีต้องรับฟังเหตุผลของพี่แน่ๆ”ฟงเป่าพูดด้วยท่าทีเป็นห่วง ทุกคนเข้าใจว่าหลินเฟยไม่ทราบเรื่องความแค้นของหนี่หลิงหนาน ทำให้ตัดสินใจอย่างนั้น ฟงเป่าจึงคิดหนี่หลิงหนานเพียงเกรงใจหลินเฟยเท่านั้นไม่กล้าบอกเรื่องความแค้นของตนเอง
“เรื่องนั้นก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา”กลับกลายเป็นฝ่ายหนี่หลิงหนานเองเสียอีกที่งงว่าทำไมตนเองถึงต้องไม่อยากกลับไปที่บ้านเกิดด้วย
“แต่…เรื่องความแค้นของท่าน”ฟงเป่าว่าพลางแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา การพูดถึงความแค้นฝังใจของคนอื่นเป็นเรื่องไม่สมควรทำเสียด้วย
“เอ่อ…..”หนี่หลิงหนานอ้าปากค้างไม่ทราบจะตอบอะไรดี เพราะดีใจกับวิชาใหม่มากไปหน่อยเลยเกือบลืมไปเลยว่าตนไปคุยโม้กับฟงเป่าเอาไว้ว่าตนเองมีความแค้นใหญ่หลวงเอาไว้นี่นา
“ข้าเข้าใจนะขอรับว่าการกลับไปสถานที่ที่มีความทรงจำอันเลวร้ายมันลำบากใจแค่ไหน หากท่านไม่อยากไปข้าก็เข้าใจนะขอรับ”ฟงเป่าพูดด้วยท่าทีเข้าอกเข้าใจอีกหนี่หลิงหนานอย่างมากแต่นางกลับทำหน้าเจื่อนๆออกมาเสียอย่างนั้น แล้วจะให้นางตอบว่าอะไรดีล่ะ หรือจะยอมรับไปเลยว่าความแค้นของนางมันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรขนาดนั้น
“ไม่หรอก ข้าจะกลับไป สักวันข้าก็ต้องเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นอยู่แล้ว”หนี่หลิงหนานเลี่ยงที่จะตอบความจริง แล้วเลือกบอกฟงเป่าไปแบบนั้นแทน ขณะกำลังสงสัยว่าฟงเป่าจะเชื่อหรือไม่ นางก็พบว่าสายตาของฟงเป่าเปลี่ยนเป็นสายตานับถือขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“พี่หลิงหนานนี่ยอดเลยนะขอรับ ท่านมีความกล้าจริงๆ”ฟงเป่าว่าพลางก้มหน้าลงช้าๆ ตอนนี้สำหรับฟงเป่าแล้วการกลับไปบ้านเกิดเป็นเรื่องที่ตนไม่กล้าทำอย่างมาก ต่อให้ทราบว่าคู่หมั้นของตนกำลังลำบาก แต่ฟงเป่าก็ยังไม่กล้าที่จะบุกไปอยู่ดี เมื่อเทียบกับหนี่หลิงหนานแล้วตนเองช่างอ่อนแอจริงๆ
“ระ เรื่องนั้น…..”หนี่หลิงหนานเหงื่อตก ไม่ทราบจะทำเช่นไรต่อ
“เดี๋ยวเจ้าก็ทำใจได้เอง เอาเป็นว่าเรามาฝึกกันต่อเถอะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงชนะในการประลองไม่ได้แน่ๆ”หนี่หลิงหนานเปลี่ยนเรื่องพลางพากันมุ่งเน้นเรื่องการฝึกแทนในทันที วิชาใหม่คราวนี้เหมาะมือนางมากทีเดียว ยิ่งฝึกก็ยิ่งสนุกทำให้หนี่หลิงหนานพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในเวลาไม่กี่วันเลยทีเดียว
.
.
.
“อาจารย์ ทำไมมีแต่พวกเราที่มาล่ะเจ้าคะ”หนี่หลิงหนานถามขณะกำลังเดินตามหลินเฟยเข้าไปในป่าทางตะวันออกของเมืองหลวง ในป่าลึกแห่งนี้มีรายงานว่าพบเขตอสูรและกลายเป็นสถานที่อันตรายมานานแล้ว แถมมันยังเป็นเขตอสูรที่แม้แต่กลุ่มสำรวจที่หาสินค้าให้ร้านต่างๆเป็นประจำยังไม่กล้าเข้าไปอีกต่างหาก
“ศิษย์คนอื่นๆยังไม่พร้อม แถมข้ายังต้องการแก่นอสูรเพิ่มด้วย”หลินเฟยตอบพลางเดินนำศิษย์ทั้งสามเข้าไปในป่าด้วยท่าทีสบายๆ ทางเข้าเขตอสูรแห่งนี้รกมากจริงๆ ท่าทางจะไม่มีมนุษย์ย่างกรายเข้ามาเลย ส่วนเรื่องที่ทำไมพวกตนถึงเดินทางมากันแค่ 4 คนกับอีก 1 ตนนั้นเป็นเพราะศิษย์คนอื่นๆยังทำความเข้าใจเกี่ยวกับเขตอสูรได้ไม่ดี แถมพวกมันยังไม่มีพลังอสูรด้วย การเอาตัวรอดในเขตอสูรจึงเป็นเรื่องยาก สุดท้ายหลินเฟยเลยเลื่อนการเดินทางของกลุ่มอื่นๆไปก่อนและพาหนี่หลิงหนาน ฟงเป่า และเซี่ยจินเย่เดินทางมาทดลองก่อนเป็นกลุ่มแรก เพราะทั้งสามจดจำเนื้อหาในตำราการเอาตัวรอดในเขตอสูรของหลินเฟยจนจำขึ้นใจแล้ว แถมถ้ามากันแค่ 3 คนหมิงมิ่งก็สามารถช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น
“เป้าหมายของพวกเจ้าในวันนี้คือการตามหาสมุนไพรชนิดนี้ ฟงเป่าจะเป็นคนบอกพวกเจ้าเองว่าใช่หรือไม่”หลินเฟยว่าพลางนำเห็ดสีม่วงออกมาจากมิติของตนเองเอาให้ฟงเป่าดู ฟงเป่านั้นมีดวงตาสีทองย่อมสามารถมองออกทันทีว่าเห็ดชนิดนี้คืออะไรและยังสามารถใช้เปรียบเทียบกับเห็ดตามทางได้อย่างง่ายดายด้วย
“เอ๊ะ แล้วอาจารย์ละเจ้าคะ”หนี่หลิงหนานถามด้วยท่าทีประหลาดใจ อาจารย์บอกว่าเป้าหมายของพวกตนคือการเก็บสมุนไพร งั้นก็หมายความว่าเป้าหมายของอาจารย์คืออย่างอื่นงั้นหรือ
“ข้าจะเข้าไปในส่วนลึกของเขตอสูรเพื่อหาแก่นอสูรที่ต้องการ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นไร แต่สิ่งที่หนี่หลิงหนานได้ยินคือหลินเฟยกำลังจะปล่อยพวกตนเข้าไปในเขตอสูรกันตามลำพัง ถึงจะมีพี่มิ่งอยู่ก็เถอะ แต่แบบนี้มันจะไม่อันตรายเกินไปงั้นหรือ
“ไม่ต้องห่วง ถ้าพวกเจ้าทำตามที่ข้าสอนก็ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างฟงเป่ามีประสบการณ์อยู่พวกเจ้าทำตามที่ฟงเป่าบอกก็แล้วกัน”หลินเฟยพูดจบฟงเป่าที่กำลังเดินตามก็สะดุ้งวาบทันที ไม่ใช่เพราะหลินเฟยฝากฝังงานให้ตนเอง แต่เป็นเพราะฟงเป่าสัมผัสพลังอสูรในป่าได้ต่างหาก
“อาจารย์….”ฟงเป่ากำลังจะเอ่ยปากถามหลินเฟยก็พบว่าหลินเฟยหายตัวไปเสียแล้ว นี่ท่านจงใจให้มันเป็นแบบนี้งั้นหรือ
“ฟงเป่า มีอะไรงั้นหรือ แล้วอาจารย์ไปไหนแล้ว”หนี่หลิงหนานเห็นหลินเฟยชิ่งหนีไปก็เกิดความกลัวขึ้นมาเสียเฉยๆ แถมบรรยากาศรอบๆยังทำให้พวกตนรู้สึกแปลกๆอีกต่างหาก
“พวกเราเข้ามาในเขตอสูรแล้วขอรับ แถมอาจารย์ยังทิ้งพวกเราเอาไว้อีกต่างหาก”ฟงเป่าตอบด้วยใบหน้าปั้นยาก ทั้งสามคนเข้าใจอยู่ว่าหลินเฟยตั้งใจจะให้พวกตนได้ทดลองอยู่ในเขตอสูรกันด้วยตนเอง แต่แบบนี้มันกะทันหันเกินไปหรือเปล่า
“ไม่ต้องห่วงขอรับ ที่นี่ยังเป็นเขตรอบนอก อสูรก็ไม่เก่งมากด้วย”ฟงเป่าเห็นหนี่หลิงหนานทำท่าทีกังวลก็รีบปลอบใจนางทันที ส่วนเซี่ยจินเย่กลับทำหน้าเหม่อมองไปรอบๆด้วยท่าทีสบายใจเสียอย่างนั้น นี่นางไม่กลัวเลยงั้นหรือ
“งะ งั้นหรือ…..”หนี่หลิงหนานตอบด้วยท่าทางกังวล ปกตินางจะทำตัวห้าวหาญไม่กลัวใคร แต่ต้องมาอยู่ในเขตอสูรแบบนี้ทำเอานางเปลี่ยนท่าทีอย่างเห็นได้ชัดเลย
“ไม่ต้องห่วงนะขอรับ พวกเราแค่ทำตามที่อาจารย์สอนแล้วเข้าไปหาสมุนไพรก็พอ”ฟงเป่าว่าพลางเดินนำหนี่หลิงหนานกับเซี่ยจินเย่เข้าไปในเขตอสูรช้าๆ แต่ท่าทางของฟงเป่านั้นกลับไม่ได้หวาดกลัวเลย เพราะนอกจากฟงเป่าจะเคยอาศัยในเขตอสูรแล้วตอนนี้ฟงเป่ายังสัมผัสพลังอสูรรอบๆได้อีกด้วย พวกมันไม่ได้แข็งแกร่งเลยเมื่อเทียบกับทั้งสาม อสูรระดับนี้ต่อให้ออกมาโจมตีทีเดียวหลายสิบตัวฟงเป่าก็คิดว่าทั้งสามต้องรับมือไหวแน่ๆ แต่ที่สำคัญคือที่ไหล่ของฟงเป่ายังมีหมิงมิ่งอยู่ เมื่อโดนพลังอสูรของหมิงมิ่งกดดันอสูรพวกนั้นก็ไม่เข้ามาโจมตีแน่ๆ
“ฟงเป่า เห็ดตรงนั้นใช่หรือเปล่า”เขตอสูรที่พวกหนี่หลิงหนานเข้ามานั้นเป็นเขตอสูรที่มีความชื้นสูงมาก ทำให้ตลอดทางมีทั้งเห็ดและมอสขึ้นเป็นจำนวนมาก แถมยังมีแหล่งน้ำอยู่ตลอดอีกต่างหาก ทำให้หนี่หลิงหนานพบเห็ดหลายครั้งจนในที่สุดก็ได้เห็นเห็ดสีม่วงตามที่หลินเฟยต้องการเสียที
“ใช่ขอรับ เห็ดพวกนี้ล่ะที่อาจารย์ต้องการ”ไม่น่าเชื่อว่าพวกฟงเป่าจะเข้ามาเจอของที่ต้องการได้ง่ายดายเช่นนี้ แน่นอนว่าหากเป็นกลุ่มอื่นคงโดนอสูรเข้ามาล้อมเล่นงานไปแล้ว แม้จะเป็นอสูรระดับต่ำ แต่หากรุมเล่นงานมากๆก็สร้างความเหนื่อยล้าให้กลับกลุ่มสำรวจที่มีพลังสูงได้เช่นกัน และผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงไม่ง่ายดายเช่นนี้
“งั้นพวกเราช่วยกันเก็บเถอะ”หนี่หลิงหนานเห็นเช่นนั้นก็เดินเข้าไปเก็บเห็ดสีม่วงที่อาจารย์ต้องการทันที
“ระวังด้วยนะขอรับ เห็ดพวกนี้ช้ำง่าย แต่ละต้นน่าจะราคาเกือบร้อยเหรียญทองด้วย”ฟงเป่าบอกพลางเก็บเห็ดสีม่วงเข้าไปในแหวนมิติที่หลินเฟยมอบให้มาก่อนเข้าเขตอสูรอย่างระมัดระวัง
“เกือบร้อย…..”หนี่หลิงหนานเบิกตากว้างด้วยท่าทีตกใจ เห็ดพวกนี้ราคาแพงอย่างนั้นเลยหรือ
“ขอรับ เห็ดพวกนี้ไม่มีขายในตลาด หากทำเสียหายก็หาอีกไม่ได้แล้วขอรับ”ฟงเป่าตอบขณะมือก็เก็บเห็ดที่มีรูงรางเรียวบางจับสัมผัสได้ยากอย่างระมัดระวัง แต่เพราะหลินเฟยต้องการจะสร้างกลุ่มนักล่าอสูรขึ้นมาในอาณาจักรซาน เห็ดพวกนี้เลยไม่ได้จะนำไปขาย แต่จะนำมาสร้างยาหลอมรวมแก่นอสูรต่างหาก
“ฟงเป่า ตรงนั้นมีอีกหลายต้นเลย”หนี่หลิงหนานพอทราบราคาของเห็ดเหล่านี้ก็เก็บมันอย่างทะนุถนอมไม่ต่างกัน แต่เมื่อก้มลงเก็บสายตาของหนี่หลิงหนานก็เหลือบไปเห็นเห็ดอีกจำนวนมากที่อยู่ทางด้านล่างของเนินเขา ทำให้นางรีบลงไปหวังจะเก็บกลับมาทันที
“ยอดเลย แค่เข้ามาก็ได้เห็ดมากขนาดนี้ อาจารย์ต้องพอใจแน่ๆเลย”หนี่หลิงหนานยิ้มบางๆพลางอุ้มเห็ดเอาไว้เต็มอ้อมแขน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาหนี่หลิงหนานก็ต้องตกใจทันทีเพราะเบื้องหน้าของนางนั้นไม่มีใครอยู่เลย แถมรอบๆยังมีหมอกสีขาวบดบังสายตาอีกต่างหาก
“…………”หนี่หลิงหนานหน้าซีดเผือดมองไปรอบๆ นี่นางเผลอก้มเก็บเห็ดโดยไม่มองทางเลยงั้นหรือ แล้วฟงเป่าอยู่ที่ไหนกัน นางสัมผัสพลังของใครรอบๆนี้ไม่ได้เลย ทั้งฟงเป่า เซี่ยจินเย่ หรือแม้แต่อาจารย์ก็ด้วย