บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 630 รับโทษ
ตอนที่ 630
รับโทษ
“ท่านเจ้าสำนัก เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเดินทางมาถึงแล้วขอรับ”เตรียมตัวไม่นานหลินเฟยก็พาอาทู้และศิษย์ของตนมาที่สำนักหมู่ดาวที่อยู่ไม่ห่างจากสำนักของตนเสียเท่าไหร่ เพราะอยู่ใกล้กันแบบนี้สำนักทั้งสองเลยมีเรื่องกันบ่อยๆสินะ
“ให้มันเข้ามา”เจ้าสำนักหมู่ดาวพูดพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมาปกคลุมห้องเอาไว้ ตำแหน่งเจ้าสำนักนั้นย่อมเป็นของผู้แข็งแกร่ง และเจ้าสำนักหมู่ดาวผู้นี้ก็เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเสินเซียนขั้นที่ 10 นั่นเอง ส่วนทำไมมันต้องปล่อยพลังวิญญาณออกมาเช่นนี้ก็เพราะต้องการข่มผู้ที่จะมาเข้าพบตนเองนั่นเอง
“ท่านเจ้าสำนักหมู่ดาว ยินดีที่ได้พบ”หลินเฟยเดินเข้ามาด้วยท่าทีสบายๆต่างจากพวกฟงเป่าที่สัมผัสได้ถึงพลังของเจ้าสำนักอีกฝ่ายจนรู้สึกอึดอัด สมแล้วที่เป็นบุคคลระดับเจ้าสำนัก แต่…..ยังไม่เท่าอาจารย์ของพวกมันหรอก
“อาทู้ เจ้ากลับมาแล้วงั้นหรือ”เจ้าสำนักหมู่ดาวไม่แม้แต่จะทักทายหลินเฟยผู้เป็นเจ้าสำนักอีกฝ่าย มันเดินเข้าไปหาอาทู้ที่อยู่ในชุดเครื่องแบบของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายอย่างรวดเร็วทำเอาทั้งหลินเฟยทั้งคนของสำนักหมู่ดาวต่างตกใจกันถ้วนหน้า นั่นเพราะคนที่เจ้าสำนักเข้าไปหานั้นเป็นหญิงสาวนางหนึ่งไม่ใช่อาทู้ไม่ใช่หรือ แต่เมื่อได้มองอย่างละเอียดก็พบว่าหญิงสาวผู้นั้นมีหน้าตาเหมือนอาทู้มาก ทำเอาคนของสำนักหมู่ดาวพึ่งได้ทราบกันตอนนี้เองว่าอาทู้เป็นสตรีหาใช่บุรุษไม่
“อย่าเข้ามาใกล้ข้า”อาทู้เดินเข้าไปหลบหลังหลินเฟยพร้อมปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมาด้วยท่าทีหวาดระแวง ขณะทุกคนกำลังอึ้งกับความลับของอาทู้อยู่นั้นคนของฝั่งสำนักเหยี่ยวทะเลทรายที่ได้ทราบเรื่องนั้นมาก่อนแล้วต่างประหลาดใจกับเรื่องอื่นมากกว่านั่นคือ เจ้าสำนักหมู่ดาวไม่มีท่าทีตกใจกับเรื่องนี้เลย
“อาทู้ เรื่องเข้าใจผิดของปู่เฉินข้าได้อธิบายให้มันเข้าใจแล้ว หนอนบ่อนไส้ของสำนักเราข้าได้รับความช่วยเหลือจากอาวุโสซ่งหลุนจับตัวมันออกมาแล้ว”เจ้าสำนักหมู่ดาวยิ้มด้วยท่าทีอ่อนโยนก่อนจะลดพลังของตนเองลง ผู้อาวุโสซ่งหลุนที่มันพูดถึงก็คืออดีตรองเจ้าสำนักของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายนั่นเอง และมันก็อยู่ในห้องโถงแห่งนี้ด้วยเช่นกัน ไม่แปลกเลยที่มันจะทราบว่าสายข่าวของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายคือใคร เพราะคนที่ส่งสายข่าวมาก็คือมันนั่นเอง
“ท่านเจ้าสำนัก วันนี้ที่ข้ามาไม่ใช่เพราะเรื่องเข้าใจผิดที่ว่าเจ้าค่ะ”อาทู้เดินออกมาจากด้านหลังหลินเฟยพลางต้องมองเจ้าสำนักหมู่ดาวด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ ยามนี้หลินเฟยสังเกตเห็นว่ามือของอาทู้กำเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยราวกับไม่อยากเข้าใกล้เจ้าสำนักเลย
“ข้าทำผิดกฎสำนัก ข้ามาที่นี่เพื่อรับการลงโทษ”อาทู้พูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง ต่อให้ไม่ใช่สายของสำนักเหยี่ยวทะเลทราย แต่อาทู้ก็เป็นหญิง และกฎของสำนักหมู่ดาวก็มีกฎที่ห้ามผู้หญิงเข้าเป็นศิษย์อยู่
“….ท่านเจ้าสำนัก อาทู้ปลอมตัวเป็นชายลอบเข้าสำนักเพื่อฝึกฝนวิชา มีโทษทำลายวรยุทธและขับไล่ออกจากสำนัก”อาวุโสคนหนึ่งพอได้ยินที่อาทู้บอกว่าจะมารับโทษก็รายงานบทลงโทษตามกฎของสำนักให้ทุกคนได้ทราบทันที แน่นอนว่าสำนักต่างๆย่อมหวงวิชาของสำนักกันอยู่แล้ว หากศิษย์จะออกจากสำนักก็ต้องทำลายวรยุทธเสียก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่ในอาณาจักรไป๋ก็ยังใช้วิธีนี้กับศิษย์ที่ทำผิดกฎหรือทรยศสำนัก
“หุบปาก”แทนที่จะรับฟังเจ้าสำนักหมู่ดาวกลับหันไปชี้หน้าอาวุโสของตนก่อนจะสั่งให้หุบปากเสียอย่างนั้น ทำเอาอาวุโสที่โดนชี้หน้าถึงกับชะงักทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
“อาทู้ หากเจ้ากลับมาข้าจะลบกฎข้อนั้นทิ้งไปซะ จริงสิ หลังจากนี้สำนักเราจะรับศิษย์หญิงด้วยไงล่ะดีหรือไม่”ได้ยินคำตอบของเจ้าสำนักไม่ใช่แค่คนในสำนักแม้แต่คนของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายก็พากันอึ้งไปด้วย นี่มันอะไรกันทำไมเจ้าสำนักหมู่ดาวถึงลงทุนขนาดนี้เพื่ออาทู้กัน ถึงนางจะเป็นผู้มีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์แต่ถึงกับยอมเปลี่ยนกฎสำนักตนเองเพื่อนางเลยงั้นหรือ นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้วกระมัง
“หึ…..”อาทู้ส่งเสียงในลำคอออกมาพลางจ้องมองเจ้าสำนักด้วยท่าทีรังเกียจ
“ข้าหาทางไปจากเจ้าได้แล้ว คิดหรือว่าข้าจะยอมกลับไป นับจากนี้ข้าจะอยู่กับท่านเจ้าสำนักหลินเฟย และจะไม่ยอมให้เจ้ามาเตะต้องข้าอีกแล้ว”อาทู้พูดด้วยใบหน้าเจ็บปวดอย่างประหลาด ทำเอาหลินเฟยที่มองอยู่ด้านหลังอดรู้สึกประหลาดไม่ได้ อาทู้รังเกียจเจ้าสำนักหมู่ดาวถึงขนาดนี้ แถมมันเหมือนจะรู้อยู่แล้วด้วยว่าอาทู้เป็นหญิง หรือว่า…..
“ข้ามาที่นี่ เพื่อจะตัดความสัมพันธ์ของเจ้ากับข้าซะ สำหรับข้าเจ้ามันไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่เป็นเดนนรก ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเอาเปรียบอีกแล้ว”อาทู้พูดจบก็เดินกลับมาหาหลินเฟยก่อนจะประสานมือก้มหัวให้หลินเฟยช้าๆ
“ท่านเจ้าสำนัก ได้โปรดทำลายวรยุทธของข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ”ได้ยินที่อาทู้พูดเช่นนั้นเจ้าสำนักหมู่ดาวก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่นึกเลยว่าอาทู้จะเลือกทำลายวรยุทธตนเองแทนที่จะกลับเข้าสำนัก
“ได้….”หลินเฟยมองไปที่เจ้าสำนักหมู่ดาวครู่หนึ่งก่อนจะรวมพลังไปที่นิ้วชี้ของตน การทำลายวรยุทธนั้นยังไงก็ต้องสร้างความเจ็บปวด หากหลินเฟยเป็นคนลงมืออย่างน้อยก็ทำให้นางเจ็บน้อยที่สุดได้
“ไม่….”คนที่ร้องห้ามขึ้นมาไม่ใช่ตัวอาทู้แต่เป็นเจ้าสำนักหมู่ดาวเสียอย่างนั้น หากยังไม่ทำลายวรยุทธอาทู้ก็ยังไม่ถือว่าโดนขับออกจากสำนัก แต่ถึงมันจะห้ามไปก็ไม่ทันเสียแล้ว
ฟุบ…
แม่นยำและว่องไว พริบตาเดียวร่างของอาทู้ก็ล้มลงกับพื้นหลังจากหลินเฟยส่งพลังของตนเข้าทำลายวรยุทธของนางจนสลายหายไป พลังวิญญาณที่นางสั่งสมมาตลอดชีวิตหายไปจนหมดสิ้น ยามนี้ทุกคนในห้องไม่อาจสัมผัสพลังวิญญาณของอาทู้ได้อีกแล้ว
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก”อาทู้ฝืนลุกขึ้นก่อนจะประสานมือให้หลินเฟยอย่างนอบน้อม เท่านี้นางก็ถูกขับไล่ออกจากสำนักแล้ว แม้เจ้าสำนักจะไม่ยินยอมแต่กฎของสำนักระบุเอาไว้เช่นนั้น
“เดี๋ยวก่อน…….”เห็นอาทู้ทำท่าเหมือนเรื่องทั้งหมดจบแล้ว เจ้าสำนักหมู่ดาวกลับห้ามตัวพวกหลินเฟยเอาไว้เสียก่อน
“เจ้า….เรื่องที่ปู่เฉินบอกข้าเป็นเรื่องจริงสินะ จะ……เจ้าเป็นสายให้กับสำนักเหยี่ยวทะเลทรายแต่แรกแล้ว เจ้าทำทั้งหมดเพื่อเป็นเพียงการเล่นละครสินะ”อยู่ๆเจ้าสำนักหมู่ดาวก็เอาเรื่องคนทรยศมาพูดเสียอย่างนั้น นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน หรือว่าจะเป็นเพราะมันโกรธที่อาทู้ตัดสินใจจะทิ้งมันงั้นหรือ
“ใช่แล้วขอรับท่านเจ้าสำนัก ข้าจำได้แล้วอาทู้เป็นหนึ่งในคนที่ลูกน้องข้าส่งตัวมาเป็นสายให้สำนักเหยี่ยวทะเลทรายจริงๆขอรับ”อาวุโสซ่งหลุนได้ยินเช่นนั้นก็รีบรับลูกทันที ทำเอาอาทู้แสดงท่าทีตกใจออกมา ทำไมอยู่ๆนางก็เป็นสายไปได้เล่า
“ผู้อาวุโส โทษของผู้ทรยศสำนักมีอะไรบ้าง”เจ้าสำนักหมู่ดาวพูดพลางมองไปทางอาวุโสที่โดนสั่งหุบปากไปเมื่อครู่
“โทษของผู้ทรยศสำนักคือทำลายวรยุทธและต้องโดนเฉือน 44 กระบี่ขอรับ”ได้ยินที่อาวุโสสำนักหมู่ดาวพูด หลินเฟยก็กัดฟันกรอดทันที ลงโทษ 44 กระบี่กับคนที่พึ่งทำลายวรยุทธไปเนี่ยนะ มันก็ไม่ต่างจากทรมานให้ตายทีละน้อยหรอก พอเห็นว่าเก็บตัวอาทู้เอาไว้กับตนไม่ได้ก็เลยจะฆ่าทิ้งงั้นหรือ
“ได้ยินแล้วสินะ”เจ้าสำนักหมู่ดาวพูดจบก็เรียกเอากระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากมิติของตน ก่อนจะเดินเข้าไปหาอาทู้ที่อยู่ห่างจากหลินเฟยไม่มาก
“ตายซะ”เจ้าสำนักหมู่ดาววาดกระบี่ลงไปบนร่างของอาทู้อย่างรวดเร็ว ดูจากวิถีกระบี่แล้วมันไม่กะจะทรมานอาทู้เลย มันกะจะฆ่าให้ตายในกระบี่เดียวชัดๆ
เคร๊ง!!
กระบี่ของเจ้าสำนักหมู่ดาวฟันลงบนแขนของหลินเฟยที่สอดเข้ามารับเข้าอย่างจัง ทำเอากระบี่ของมันแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี
“เจ้ามัน น่ารังเกียจเกินไปแล้ว”หลินเฟยพูดออกมาด้วยท่าทีโกรธและเจ็บใจแทนอาทู้ ไม่นึกเลยว่าอาทู้จะต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ โชคดีจริงๆที่ตนเองสร้างสำนักที่รับศิษย์หญิงเข้ามา ไม่อย่างนั้นคนแบบอาทู้ก็อาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้ และคนที่ว่าก็อาจจะเป็นหนี่หลิงหนานเสียด้วยซ้ำ
“เจ้า….”เจ้าสำนักหมู่ดาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ผิวหนังของหลินเฟยไร้รอยขีดข่วนโดยสิ้นเชิง ทั้งๆที่กำลังของเจ้าสำนักหมู่ดาวนั้นเป็นกำลังของคนที่อยู่ระดับสูงสุดแล้วแท้ๆ
“ข้ารับอาทู้เป็นศิษย์แล้ว คนที่จะทำร้ายศิษย์ข้าต้องได้รับบทลงโทษ”หลินเฟยพูดจบก็ใช้มือขวารวบรวมพลังวิญญาณเอาไว้ทันที…..
ตูม!!
ฝ่ามือเพลิงพิโรธของหลินเฟยที่ปล่อยออกมาด้วยพลังของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 นั้นแม้ไม่รุนแรงขนาดเป่าสำนักหมู่ดาวหายไปทั้งสำนัก แต่ก็ส่งร่างของเจ้าสำนักหมู่ดาวกระแทกกำแพงสำนักจนถล่มลงมาเป็นรูกว้างหลายเมตร แถมยังทะลุหายเข้าไปอีกหลายห้องอีกต่างหาก ทำเอาอาคารของสำนักหมู่ดาวถึงกับเสียสมดุลแทบจะพังลงมาเลยทีเดียว
“………………….” เหล่าคนของสำนักหมู่ดาวต่างไม่ทราบจะพูดอะไรออกมาดี สภาพของเจ้าสำนักพวกมันยามนี้อย่าว่าแต่จะตายหรือไม่เลย สภาพศพจะสยดสยองเช่นไรพวกมันยังนึกไม่ออก ถึงจะทราบข่าวมาว่าหลินเฟยผู้นี้สังหารเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายคนก่อนด้วยกระบี่เดียว แต่ก็ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์นอกจากผานซูรองเจ้าสำนักของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายตอนนั้นเท่านั้น แต่ยามนี้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าหลินเฟยใช้เพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้นก็สังหารเจ้าสำนักหมู่ดาวได้ แถมยังทำลายสำนักไปกว่าครึ่ง แบบนี้ใครมันจะกล้าทำอะไรเล่า
“พวกเรากลับกันเถอะ”หลินเฟยว่าพลางอุ้มอาทู้ที่กำลังตกใจไม่หายขึ้นมาด้วยท่าทีนิ่งเฉย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่หลินเฟยลงมือด้วยอารมณ์หลังจากถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลไป๋ นับว่าตนเองทำเกินไปจริงๆหลินเฟยเลยอยากจะรีบออกจากที่นี่เพื่อเลี่ยงข้อครหาหลังจากพวกสำนักหมู่ดาวหายตะลึงแล้ว
“ขะ ขอรับ……”ฟงเป่า หนี่หลิงหนาน และเซี่ยจินเย่มองรอแตกบนกำแพงที่สูงเหนือหัวพวกตนขึ้นไปหลายเท่าด้วยท่าทีอึ้งๆ ก่อนจะค่อยๆหันหลังกันกลับสำนักไปช้าๆ หากพวกมันฝึกฝนตามหลินเฟยพวกมันจะสามารถทำเช่นนั้นได้บ้างหรือเปล่านะ……