บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 633 ประหลาดใจ
ตอนที่ 633
ประหลาดใจ
“ว่าแต่…..ท่านบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือ”ระหว่างที่พวกอาทู้กำลังอึ้งกับอายุของหลินเฟยอยู่นั้น ชิวซุยก็ตรวจสอบร่างกายของอาทู้ด้วยท่าทีสงสัย เพราะก่อนหน้านี้นางเห็นว่าอาทู้มีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์แต่มันก็เบาบางมากทำให้ชิวซุยอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่
“อาจารย์อา ท่านเรียกข้าว่าอาทู้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ”อาทู้โดนเรียกว่าท่านก็มีท่าทีเกร็งๆทันที อีกฝ่ายเป็นน้องสาวของอาจารย์นี่นา ต่อให้อายุน้อยกว่าอาทู้ก็ต้องให้เกียรติอีกฝ่ายก่อนอยู่ดี
“งั้น……ก็ได้ อาทู้เจ้าโดนใครทำร้ายมางั้นหรือ เท่าที่ข้าดูคนที่ทำร้ายเจ้าน่าจะมีฝีมือไม่ธรรมดาเลยนี่นา”ชิวซุยถามพลางใช้ดวงตาสีม่วงเพื่อตรวจสอบพลังวิญญาณภายในร่างของอาทู้ร่วมกับดวงตาสีเขียวเพื่อตรวจสอบอวัยวะภายใน เส้นชีพจรวิญญาณของอาทู้ได้รับความเสียหาย แต่ร่องรอยความเสียหายนั้นเฉียบคมมากราวกับจงใจทำลายวรยุทธโดยไม่ให้อาทู้ได้รับบาดเจ็บเกินไปเลย
“จริงๆแล้ว….”อาทู้หลบสายตาชิวซุยไปครู่หนึ่งก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟัง เรื่องที่นางพยายามออกจากสำนักหมู่ดาวจนต้องขอให้หลินเฟยทำลายวรยุทธให้
“งั้นหรือ…แบบนี้เจ้าคงลำบากแย่”ชิวซุยพูดด้วยท่าทีสงสารก่อนจะเดินเข้าไปหาอาทู้พลางจับมือของอาทู้ขึ้นมากุมเอาไว้ พริบตานั้นแสงสีทองก็เปล่งออกมาจากมือของชิวซุยทำให้อาทู้ที่อยู่ตรงหน้านางมีท่าทีประหลาดใจอย่างมากเพราะตัวนางเอกก็มีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ทำให้รู้ได้ทันทีว่าแสงสีทองพวกนี้หมายถึงอะไร
“เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว”ชิวซุยยิ้มหวานพลางมองไปทางอาทู้ด้วยท่าทียินดี พลังของชิวซุยนั้นเหนือกว่าอาทู้อย่างสิ้นเชิง และวิชาที่ชิวซุยมีนั้นก็ย่อมสูงชั้นกว่าของอาทู้มาก วิชาการรักษาด้วยพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์นั้นแม้แต่ในอาณาจักรไป๋ก็เป็นสิ่งหายากเพราะคนที่มีพลังธาตุนี้หาได้ยากมาก ไม่แปลกที่อาณาจักรซานจะไม่มีวิชาเหล่านี้ อาทู้จึงเรียนรู้ได้แต่วิชาการรักษาตัวเองซึ่งเป็นผลลัพธ์แต่เดิมของพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์จะใช้รักษาให้ผู้อื่นได้ด้วย
“………….”ราวกับเรื่องโกหก อาการบาดเจ็บที่ชีพจรวิญญาณนั้นรักษาได้ยาก หากอาทู้จะฟื้นฟูพลังจนสามารถรักษาเองได้ก็ควรใช้เวลาอีกครึ่งปี แม้แต่หลินเฟยเองก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะสมุนไพรที่มีในอาณาจักรซานนั้นมีน้อย อย่างเร็วก็ต้องให้หลินเฟยเดินทางไปหาสมุนไพรมาเองเพื่อปรุงยารักษา แต่ช่วงนี้หลินเฟยก็ต้องจัดการปัญหาหลังจากมีเรื่องกับสำนักหมู่ดาวอีกกว่าจะได้ยาเวลาก็คงผ่านพ้นไปเป็นเดือน แต่ชิวซุยกลับรักษานางได้ในพริบตา
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะอาจารย์อา”อาทู้โยนเรื่องอายุของชิวซุยทิ้งรีบคุกเข่าลงตรงหน้าชิวซุยด้วยท่าทีนอบน้อม นอกจากจะรักษาให้อาทู้แล้วยังทำให้อาทู้ได้เปิดหูเปิดตาอีกต่างหาก
“แฮะๆ…”ชิวซุยโดนอาทู้ขอบคุณขนาดนี้กลับทำตัวไม่ถูกได้แต่หัวเราะแฮะๆออกมาด้วยท่าทีเขินๆปนดีใจ
“อาจารย์อา….น่ารักมากเลย”เซี่ยจินเย่ที่อยู่ใกล้ๆพูดออกมาพลางยื่นมือเข้าไปกอดร่างของชิวซุยเอาไว้เบาๆ ช่วยไม่ได้นี่นาท่าทีเขินของชิวซุยมันน่ากอดสุดๆเลย
“น้องจินเย่….”หนี่หลิงหนานเห็นเซี่ยจินเย่เข้าไปกอดก็ยิ้มเจื่อนๆออกมา แต่เห็นชิวซุยไม่ได้ถือสาอะไรก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
“จะว่าไป ถ้าวันเกิดอาจารย์ใกล้เข้ามาแล้ว แบบนั้นไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องใหญ่หรอกหรือ วันเกิดของเจ้าสำนักเชียวนะ”ฟงเป่าถามด้วยท่าทีสงสัย ไม่ใช่ว่าปกติวันเกิดของเจ้าสำนักจะมีงานฉลองในสำนักเลยไม่ใช่หรือ
“จริงด้วย..แล้วท่านรองเจ้าสำนักรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”หนี่หลิงหนานเองก็คิดเหมือนกัน เพราะแม้แต่สำนักเล็กอย่างสำนักเกราะทองยังจัดงานฉลองให้เจ้าสำนักเสียใหญ่โต คิดว่าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายก็คงมีทรรมเนียมนี้เช่นกัน
“งั้นข้าจะไปแจ้งท่านรองเจ้าสำนักก่อนนะ”ฟงเป่าว่าพลางขอตัวออกจากสวนเพื่อไปตามหาผานซู
“แบบนี้พวกเราก็น่าจะเตรียมของขวัญให้อาจารย์ด้วยเหมือนกันนะ”อาทู้เสนอพลางมองไปยังสองสาวและอาจารย์อาอีกคนหนึ่ง
“จริงด้วย แต่…..เราจะซื้ออะไรให้อาจารย์ดีล่ะ”หนี่หลิงหนานถามพลางมองไปทางเซี่ยจินเย่และอาทู้ น่าเสียดายไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกเพราะหลินเฟยเหมือนจะมีทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่ว่าพวกนางจะหาอะไรให้ก็ไม่คิดว่าจะทำให้หลินเฟยดีใจได้เลย
“ถึงท่านพี่จะเป็นผู้ชายแต่ก็เลือกแต่งตัวอยู่นะ ถ้าเป็นเสื้อผ้าบางทีท่านพี่อาจจะดีใจก็ได้”ชิวซุยตอบพลางยิ้มออกมา ปกติผู้ชายมักจะไม่สนใจเสื้อผ้าของตนเองเท่าไหร่ แต่หลินเฟยนั้นไม่ใช่ อาจจะเพราะโตมากับพวกน้าๆเหล่าภรรยาของจูล่งก็ได้เลยมีนิสัยแต่งกายให้ดูดีเสมอ แม้แต่ช่วงทำงานยกของให้ชุนเจ๋อก่อนเข้าเมืองหลวงหลินเฟยก็แต่งกายดูดีจนทำให้ชุนเจ๋อคิดว่าจริงๆแล้วหลินเฟยเป็นหญิงมาแล้วเลย
“จริงหรือเจ้าคะ งั้นพวกเราลองไปหาซื้อกันดีหรือเปล่า”อาทู้ได้ยินเช่นนั้นก็เสนอพาสาวๆไปซื้อของในเมืองกัน แน่นอนว่าไม่มีใครปฏิเสธเลยแม้แต่คนเดียว รวมถึงตัวชิวซุยเองด้วย
“……………..”แม้จะทราบแล้วว่าควรซื้อเสื้อผ้าผู้ชายให้หลินเฟยเป็นของขวัญ แต่พอมาถึงร้านผ้า ไม่ว่าจะหักห้ามใจอย่างไรก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางโซนเสื้อผ้าสตรีเสียอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าพวกนางอยากซื้อให้ตัวเองหรอก แต่พอคิดว่าอะไรเหมาะกับอาจารย์แล้วก็มักจะเอาภาพอาจารย์มาทับซ้อนกับชุดสีหวานพวกนี้อยู่ดี
“ศิษย์พี่หลิงหนาน นั่นมันชุดผู้หญิงไม่ใช่หรือไง”อาทู้ถามพลางมองชุดในมือหนี่หลิงหนาน
“เอ๊ะ…..”หนี่หลิงหนานสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะมองชุดในมือ นางเผลอหยิบชุดพวกนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แต่พอคิดถึงตอนอาจารย์ใส่ชุดพวกนี้แล้วก็อดคิดว่าเหมาะมากขึ้นมาไม่ได้
“อาจารย์อา….”หนี่หลิงหนานมองชุดในมือแล้วก็อดเสียดายไม่ได้ นางอยากเห็นอาจารย์ใส่ชุดพวกนี้จริงๆนี่นา มันต้องเหมาะมากแน่ๆ แต่หากเอาชุดผู้หญิงไปให้อาจารย์ใส่นางคงโดนด่าแน่ๆ สุดท้ายเลยได้แต่หันไปหาชิวซุยเพื่อขอให้นางลองใส่ชุดพวกนี้ดู
แน่นอนว่าชิวซุยเองก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน เพราะสมัยก่อนพวกน้าๆจับหลินเฟยแต่งตัวไม่ได้ ทำให้พวกน้าๆรวมถึงท่านแม่เองมักจะหาเสื้อผ้ามาให้ชิวซุยใส่บ่อยๆจนในมิติส่วนตัวของนางแทบจะเป็นคลังเสื้อผ้าอยู่แล้ว ทำให้ชิวซุยเปลี่ยนเสื้อผ้าที่พวกสาวๆเลือกมาให้ก่อนจะเดินออกมาให้ดูทีละชุดตามต้องการเลยทีเดียว
“สนุกจังเลย ข้าไม่ได้ซื้อของตามประสาผู้หญิงมานานมากแล้วนะเนี่ย”อาทู้ยิ้มกว้างพลางถือห่อชุดของตนออกมาจากร้านขายผ้า นางอดทนยอมปลอมเป็นผู้ชายมานานหลายปีเพื่อฝึกฝนพลังวิญญาณ มีหลายครั้งเหมือนกันที่ได้แต่มองชุดสวยๆในร้านแล้วผ่านไปเฉยๆด้วยความรู้สึกเสียดาย
“ว่าแต่อาจารย์อา ซื้อเยอะแบบนั้นไม่เป็นไรหรือเจ้าคะ”หนี่หลิงหนานถามพลางมองไปทางชิวซุย นางเล่นเหมาทุกชุดที่พวกหนี่หลิงหนานเลือกให้เลยสำหรับสาวๆที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรเงินที่ต้องจ่ายนั่นน่ากลัวมากเลยนะ
“พวกเจ้าเลือกชุดให้ข้าทั้งทีนี่นา ไม่ซื้อเอาไว้ไม่ได้หรอก”ชิวซุยตอบด้วยท่าทียิ้มแย้ม ค่าเสื้อผ้าในอาณาจักรซานที่ไม่มีส่วนประกอบอย่างขนของอสูรหรือทำจากวัสดุล้ำค่านั้นถูกมาก แม้จะเหมาทั้งร้านก็ยังไม่ทำให้ชิวซุยรู้สึกแพงแต่อย่างไร
“นั่นมัน อาทู้นี่นา”ระหว่างเดินออกมาจากร้าน อยู่ๆชายกลุ่มหนึ่งก็มองมาพบอาทู้เข้า แต่ก็ไม่แปลกเลยที่อีกฝ่ายจะรู้จักอาทู้ เพราะพวกมันสวมเครื่องแบบของสำนักหมู่ดาวอยู่นั่นเอง
“จับมันไว้ เจ้าคนทรยศ”ไม่พูดพร่ำทำเพลงชายกลุ่มนั้นก็มุ่งหน้าเข้ามาหาพวกอาทู้ทันที หลังจากการตัดสินโทษสำนักหมู่ดาวเสียอาวุโสไปเป็นจำนวนมาก ทำให้เหล่าศิษย์สำนักหมู่ดาวไม่พอใจและโยนความผิดมาให้สำนักเหยี่ยวทะเลทราย แน่นอนว่าอาทู้ที่เป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมดถูกเพ่งเล็กเป็นพิเศษ
“อาทู้งั้นเหรอ มันอยู่นี่เอง”ยามนี้เหล่าศิษย์สำนักหมู่ดาวที่เหลืออยู่ต่างออกมาในเมืองตามหาพวกสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเพื่อจะเล่นงานให้สาสมที่ทำให้พวกอาวุโสต้องเข้าคุก ไม่นึกเลยว่าพอออกมาก็เจออาทู้ก่อนเลย
“ปู่เฉิน…..”ทันทีที่มีคนร้องบอกว่าเจอตัวอาทู้ศิษย์สำนักหมู่ดาวที่กระจายกันไปรอบๆก็พากันตีวงล้อมเข้ามาล้อมอาทู้เอาไว้หลายสิบชีวิต และคนที่อาทู้เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือปู่เฉินนั่นเอง
“คราวนี้แกไม่มีพลังอะไรแล้ว”ปู่เฉินยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ยามนี้อาทู้เสียพลังวิญญาณไปแล้ว แม้จะรักษาชีพจรวิญญาณจนหายแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ฟื้นฟูพลังวิญญาณเลย ทำให้อาทู้ยามนี้มีพลังแทบไม่ต่างจากผู้เริ่มฝึกฝนพลังวิญญาณเลย ไม่มีทางต่อกรกับปู่เฉินที่แต่เดิมก็เก่งกว่าตนเองอยู่แล้วได้เลย ส่วนหนี่หลิงหนาน และเซี่ยจินเย่นั้นแม้จะมีฝีมือแต่หากจะสู้กับปู่เฉินตอนนี้นั้น…..
“พวกเจ้ามีเรื่องอะไรกันกับคนพวกนั้นงั้นหรือ”ชิวซุยถามพลางยิ้มบางๆออกมาราวกับไม่รู้สึกร้อนๆหนาวๆอะไรเลย
“อาจารย์อา พวกมันเป็นพวกสำนักอริของพวกเรา พวกมันตั้งใจจะสังหารอาทู้แน่ๆ”หนี่หลิงหนานตอบพลางเข้าไปป้องกันอาทู้เอาไว้ ตอนนี้แม้แต่ศิษย์ชั้นกลางของสำนักหมู่ดาวก็คงล้มอาทู้ได้ง่ายๆ
“งั้นก็เป็นศัตรูของท่านพี่สินะ”ชิวซุยพยักหน้าช้าๆด้วยท่าทีเข้าใจ พวกคนรอบๆแผ่จิตสังหารออกมาด้วยท่าทางจะไม่คิดจะทำร้ายเฉยๆแน่
“แบบนี้ท่านพี่ต้องจับได้แน่ๆ กะจะเก็บเอาไว้ให้ท่านพี่ประหลาดใจเสียหน่อยแท้ๆ”ชิวซุยทำสีหน้าเสียดายออกมาเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมา พริบตานั้นร่างของร่างของเหล่าศิษย์สำนักหมู่ดาวก็รู้สึกหนักอึ้งขยับตัวไม่ได้ ก่อนที่ร่างของพวกมันจะโดนดึงวูบเข้าไปกองรวมตัวกันที่พื้นตรงหน้าชิวซุยพอดี
“นี่มันอะไรกัน”เหล่าศิษย์สำนักหมู่ดาวโดนเหวี่ยงตัวมารวมกันโดยที่ชิวซุยยังไม่ทันขยับตัวก็พากันแตกตื่นใจ แถมพอโดนจับกองรวมกันแล้วพวกมันยังโดนกดลงกับพื้นราวกับมีคนจับมันกดทับเอาไว้ไม่มีผิด
“อาจารย์อา….”แม้แต่พวกหนี่หลิงหนานเองยังอดประหลาดใจไม่ได้ พลังวิญญาณของชิวซุยนั้นมากมายมหาศาลชนิดที่พวกนางไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยในชีวิต พลังมันเหนือกว่าพวกยอดฝีมือที่พวกนางเคยเห็นเสียอีก
“ป่านนี้ท่านพี่ต้องสัมผัสพลังของข้าได้แล้วแน่ๆ ข้าอุตส่าห์ตั้งใจฝึกตั้งนานกะจะให้ท่านพี่ประหลาดใจสักหน่อย”ชิวซุยทำหน้ามุ่ยออกมาน้อยๆด้วยท่าทีเสียดาย นางยามนี้ข้ามระดับเทียนเซียนเข้าสู้ระดับเจ้าสวรรค์แล้ว หรือก็คือระดับพลังของชิวซุยนั้นตีเสมอหลินเฟยแล้วนั่นเอง