บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 640 ทราย
ตอนที่ 640
ทราย
“อาจารย์ นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าคะ”อาทู้ที่ยังอึ้งไม่หายมองเหล่ามังกรที่กำลังทำตัวเหมือนจะต้อนรับหลินเฟยกันอย่างนอบน้อมทั้งๆที่อสูรไม่น่าจะทำแบบนี้สิ แถมก่อนหน้านี้แม้แต่ตัวเซี่ยจินเย่เองก็ทำแบบนี้ได้เช่นกัน หรือว่าจริงๆแล้วอสูรในเขตอสูรศิลาครามนั้นไม่ทำร้ายคน?
“พวกเจ้าเห็นแล้วก็ช่วยไม่ได้ แต่หลังจากนี้ปิดเป็นความลับด้วยเข้าใจหรือไม่”หลินเฟยถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่คิดว่าทั้งสองจะกล้าเข้ามาในเขตอสูรแบบนี้ นี่มันสิ้นคิดเกินไปแล้วหากเกิดอะไรขึ้นหลินเฟยคงเสียใจไปทั้งชีวิตแน่ๆ
“เจ้าค่ะ….”เซี่ยจินเย่ตอบรับพลางพยักหน้าช้าๆ ไม่ใช่แค่อาทู้ที่ตกใจ แม้แต่เซี่ยจินเย่ก็ตกใจเช่นกันที่หลินเฟยสามารถทำแบบเดียวกันได้ หากท่านแม่ของนางบอกเป็นความจริงพลังแบบที่นางมีนั้นสืบทอดกันทางสายเลือด และนางก็ได้สืบทอดพลังนี้มาจากท่านพ่อที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน และเพราะมีพลังแบบนี้นั่นเองเซี่ยจินเย่จึงมีความมั่นใจว่าจะเข้ามาหาสมุนไพรอย่างที่อาจารย์ต้องการได้โดยไม่เป็นไร หากอาทู้ไม่ตามมาหรืออาจารย์ไม่ออกมาด้วยเซี่ยจินเย่คงเข้าไปเอาสมุนไพรได้สบาย
“นี่เป็นความสามารถพิเศษของครอบครัวของข้า พวกเราเป็นมิตรได้กับอสูรทุกชนิด”หลินเฟยตอบพลางมองไปทางราชามังกรของเขตอสูรศิลาคราม หากไม่ใช่เพราะพลังดึงดูดเหล่าอสูรมันก็คงไม่สงบอยู่แบบนี้และคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่ามันจะยอมฟังหลินเฟยแน่ๆ
“แต่ตอนนี้ข้าสามารถใช้ความสามารถนี้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้อีกแล้ว”หลินเฟยพูดจบก็ยิ้มเจื่อนๆออกมา แต่เซี่ยจินเย่ที่ได้ยินกับมีท่าทีสนใจขึ้นมาแทนทั้งๆที่ปกตินางไม่ค่อยมีท่าทีแบบนี้ให้เห็นนัก เซี่ยจินเย่อยู่กับแม่ตั้งแต่เล็ก ไม่ทราบเลยว่าพ่อคือใคร สิ่งเดียวที่นางรู้คือพลังดึงดูดเหล่าอสูรของนางสืบทอดมาจากท่านพ่อ นั่นคือสิ่งเดียวที่เชื่อมนางกับพ่อของนางเอาไว้ด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ไม่เจอคนที่มีความสามารถเช่นเดียวกับตนเลยทำให้นางตัดใจเรื่องพ่อไปแล้ว และมีความสุขกับช่วงชีวิตที่ได้อาศัยร่วมกับท่านแม่ต่อไปจนกระทั่งตอนนี้
“อาจารย์….ครอบครัวของท่านใช้พลังแบบนี้ได้ทุกคนหรือเจ้าคะ”เซี่ยจินเย่ถามพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีคาดหวัง ถึงนางจะยอมแพ้ไปแล้วแต่หากได้พบพ่อสักครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนี่นา และหลินเฟยที่แก่กว่านางไม่กี่ปีก็ไม่มีทางเป็นพ่อของนางได้หรอก แต่หากเป็นคนอื่นในครอบครัวของหลินเฟยละก็…..
“เฉพาะคนที่สืบทอดพลังจากท่านตาเท่านั้น อย่างชิวซุยเองก็ใช้ได้เช่นกัน”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาบางๆ
“ถ้าสามารถผูกมิตรกับอสูรได้แบบนี้ อาจารย์ก็สามารถเข้าไปในเขตอสูรได้ทุกที่เลยสินะเจ้าคะ”อาทู้ถามด้วยท่าทีสนใจและตื่นเต้นทำเอาหลินเฟยหัวเราะออกมาเบาๆ
“ใช่ แต่อย่างที่ข้าบอกข้าใช้มันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนี้เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะเดินเล่นเข้าเขตอสูรได้อีกล่ะ”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีเหนื่อยใจ หากไม่ใช่เพราะคราวนี้หลินเฟยได้รับอนุญาตให้ใช้พลังดึงดูดเหล่าอสูรได้เรื่องคงไม่จบลงง่ายๆแบบนี้
“งะ งั้น….ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นกรณีพิเศษสินะเจ้าคะ”อาทู้ว่าพลางมองไปทางราชามังกรช้าๆ ทำเอาราชามังกรหันมามองอาทู้ด้วยท่าทีระแวงเลยทีเดียว
“ข้าขอขี่หลังมังกรตนนั้นได้หรือเปล่าเจ้าคะ ข้า….อยากลองขี่หลังมังกรมาสักครั้งมาตั้งนานแล้ว”อาทู้พูดด้วยท่าทีตื่นเต้น ท่าทางนางจะชอบมังกรจริงๆสินะ ทั้งๆที่เมื่อครู่นางเกือบจะโดนมังกรโจมตีใส่แล้วแท้ๆ
“ข้าตั้งใจจะขี่มังกรกลับอยู่แล้ว ต่อให้เจ้าไม่อยากข้าก็จะให้เจ้าขึ้นไปขี่บนหลังมันอยู่ดี”หลินเฟยหัวเราะในลำคอก่อนจะหันไปเจรจากับราชามังกรเรื่องจะขอให้บุตรชายของมันไปช่วยเป็นอสูรของตน
“………..”ทางฝั่งเซี่ยจินเย่พอหลินเฟยบอกจะกลับนางก็มองไปที่การเคลื่อนไหวของหลินเฟยทันที ท่านกลับมาเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วไม่ติดขัดอะไรแล้ว แทบเมื่อครู่ยังมาช่วยพวกตนด้วยความเร็วสูงมากเลยทีเดียว หรือว่าก่อนหน้านี้อาจารย์จะเข้าไปเอาหญ้าเล็บมังกรมาแล้วและใช้รักษาตัวเองไปแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงนางก็โล่งอกไปที สำหรับนางแล้วเรื่องนั้นสำคัญกว่าเรื่องของบิดาที่ตนไม่รู้จักเสียอีก
“เรียบร้อย พวกเราจะนั่งหลังของมังกรตัวนี้กลับกัน”ไม่นานหลินเฟยก็เจรจากับราชามังกรสำเร็จ โดยบุตรชายของราชามังกรจะไปเดินทางร่วมกับหลินเฟยเป็นเวลา 10 ปีก่อนจะกลับเขตอสูรของตนเอง
“จริงหรือเจ้าคะ”อาทู้ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจมากทีเดียว ทันทีที่หลินเฟยขึ้นไปบนหลังมังกร นางก็แทบจะตามขึ้นไปทันทีด้วยท่าทางตื่นเต้น
“เซี่ยจินเย่ เจ้าเองก็มาสิ”หลินเฟยยื่นมือไปให้เซี่ยจินเย่ที่ยังยืนอยู่ข้างล่าง พอเห็นเช่นนั้นเซี่ยจินเย่ก็ยิ้มออกมาบางๆก่อนจะจับมือของหลินเฟยเอาไว้แล้วขึ้นไปนั่งบนส่วนหัวของบุตรชายราชามังกรในทันที
.
.
เปรี้ยง!! ตูม!!
ร่างของชายคนหนึ่งลอยลงไปตกกลางทะเลทรายจนพื้นทรายฟุ้งไปทั่ว แต่เมื่อมองดีๆแล้วจะเห็นได้ว่ารอบข้างของชายคนนั้นก็มีชายคนอื่นๆนอนอยู่เช่นเดียวกัน พวกมันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีน้ำตาลอ่อนกลมกลืนไปกับผืนทราย หากมองจากระยะไกลคงมองไม่เห็นว่าพวกมันนอนอยู่เลย
“พี่หลิงหนาน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”ฟงเป่าถามพลางใช้วิชากระบี่แสงอรุณแทงใส่ชายคนหนึ่งที่กำลังบุกเข้ามา เพียงปราณกระบี่เข้าไปกระแทกร่างชายคนนั้นก็ปลิวไปรวมกับคนอื่นๆแล้วนอนหมดสติไปในทันที
“ทรายเต็มไปหมดเลย ข้าอยากออกจากเขตทะเลทรายจะแย่แล้ว”หนี่หลิงหนานตอบพลางปัดชุดของตัวเองเบาๆ ยามนี้รอบกายของนางนั้นมีร่างของพวกโจรที่หวังเข้ามาปล้นพวกตนนอนอยู่เต็มพื้น พวกมันเห็นว่าทั้งสองพลังวิญญาณอ่อนแอเพราะปกปิดพลังวิญญาณเอาไว้ก็เลยจะเข้ามาปล้น สุดท้ายก็แพ้ยับเยินอย่างที่เห็น
“น่าจะอีกไม่กี่ชั่วโมงนะขอรับ”ฟงเป่าตอบพลางนำแผนที่ออกมาดู ก่อนจะเข้าไปในเขตอสูรฟงเป่าเป็นบุตรชายของตระกูลพ่อค้า เรื่องเดินทางได้รับการสั่งสอนมาจากบิดาด้วยเช่นกัน ทำให้สามารถอ่านแผนที่และนำทางได้ดีทีเดียว
“งั้นรีบไปกันเถอะ ไม่คิดเลยว่าจะเจอพายุทรายเข้าแบบนี้”หนี่หลิงหนานพูดจบก็กลับไปขึ้นหลังม้าก่อนจะออกเดินทางต่อพร้อมๆกับฟงเป่าที่อยู่บนหลังม้าอีกตัว แม้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจะไม่ได้รับผลกระทบจากความร้อนของทะเลทราย แต่เวลาที่ทรายเข้าไปอยู่ในเสื้อผ้านั้นย่อมไม่สบายตัวเป็นธรรมดา ยิ่งกับผู้หญิงอย่างหนี่หลิงหนานแล้วยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่
ตูม!!
ม้าของหนี่หลิงหนานยังวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าวอยู่ๆพื้นทรายที่อยู่ข้างๆนางก็ระเบิดออกพร้อมร่างของโจรคนที่กำลังตรงเข้าไปโจมตีหนี่หลิงหนาน
เปรี้ยง!!!
ปราณกระบี่ของฟงเป่ากระแทกร่างของโจรคนนั้นก่อนจะเข้าไปถึงหนี่หลิงหนานที่ยังไม่ทันชักกระบี่เสียด้วยซ้ำได้อย่างทันท่วงที ทำให้หนี่หลิงหนานถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“พี่หลิงหนาน ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ”ฟงเป่าถามพลางขี่ม้าของตนเข้าไปใกล้ๆหนี่หลิงหนาน
“ไม่เป็นไร…พวกมันซ่อนในดินใต้ร่างของพวกพ้องงั้นเหรอ”หนี่หลิงหนานถอนหายใจออกมาพลางมองไปบนพื้นที่ชายคนนั้นออกมา คนที่ลอบโจมตีหนี่หลิงหนานเมื่อครู่ซ่อนตัวใต้ร่างของโจรคนอื่นทำให้การตรวจจับพลังวิญญาณไม่เจออะไรผิดปกติ แล้วจึงอาศัยจังหวะที่หนี่หลิงหนานเผลอเข้าโจมตี พวกโจรเองก็มีวิธีการแยบยลเช่นกัน
“เจ้านี่ช่วยข้าอยู่เรื่อยเลย ขอบใจนะ”หนี่หลิงหนานว่าพลางหันมายิ้มให้ฟงเป่าด้วยท่าทีอ่อนหวาน ทุกครั้งเลยเวลาที่หนี่หลิงหนานพลาดท่าฟงเป่าก็เอาตัวเองมาขวางตลอด บางครั้งก็บาดเจ็บเสียด้วยซ้ำ ทำให้นางรู้สึกขอบคุณฟงเป่ามากทีเดียว
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ถ้าข้าช่วยได้ ข้าก็จะช่วยขอรับ”ฟงเป่าตอบด้วยใบหน้าแดงๆเพราะความเขิน เป็นแบบนี้อีกแล้ว พอเป็นจังหวะเป็นตายมันจะแสดงท่าทีเด็ดเดี่ยวเสมอ แต่พอพูดคุยกันปกติฟงเป่าก็มักจะทำตัวขี้อายเสมอ ทำเอาหนี่หลิงหนานหัวเราะออกมาน้อยๆเพราะคิดว่าฟงเป่าน่ารักดี
.
.
“ฮ้า…ออกมาจากทะเลทรายเสียที พอถึงเมืองแล้วข้าจะหาที่พักแล้วเข้าไปอาบน้ำก่อนเลย”หนี่หลิงหนานว่าพลางปัดทรายที่เกราะอยู่ตามตัวออก เพราะมีพายุทรายระหว่างทางก็เลยมีทรายเข้าไปติดตามตัวหนี่หลิงหนานเต็มไปหมด
“แต่เมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดต้องเดินทางไปอีก 2 วันนะขอรับ”ฟงเป่าว่าพลางมองเข้าไปในแผนที่ ต่อให้เร่งความเร็วม้าเต็มที่ก็ต้องใช้เวลาอีกวันกว่าๆถึงจะเจอเมืองเลย
“โกหกน่า ข้าต้องอยู่แบบนี้ไปอีก 2 วันเลยงั้นเหรอ”หนี่หลิงหนานทำหน้าเศร้าระหว่างกำลังบังคับม้าให้เดินขึ้นไปบนพื้นดินที่ไม่ได้เห็นเสียนาน หลังจากผ่านเขตทะเลทรายมาแล้วก็ต้องเจอภูเขาหิน ต้องเดินทางไปอีกพักใหญ่จนเกือบค่ำถึงจะเริ่มมีต้นไม้ตามทางบ้างทำให้อากาศเย็นลงมากทีเดียว แต่ระหว่างเดินทางอยู่นั้นหนี่หลิงหนานก็ได้ยินเสียงน้ำเข้าเสียก่อน
“ฟงเป่า เราหยุดพักกันแถวนี้ได้หรือเปล่า ข้าได้ยินเสียงน้ำคงมีแม่น้ำอยู่แถวนี้แน่ๆ”หนี่หลิงหนานเสนอด้วยท่าทีกระตือรือร้นอย่างมากทำให้ฟงเป่าได้แต่พยักหน้าช้าๆ
“ขอรับ..ม้าเองก็คงหมดแรงแล้ว”ฟงเป่าว่าพลางพาหนี่หลิงหนานไปหาที่พักแรมกลางป่า สำหรับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณแล้วการพักกลางป่าไม่ต้องมีอะไรมาก ผูกม้าเอาไว้กับต้นไม่ จุดไฟ แล้วนั่งลงพิงต้นไม้ก็พอแล้ว
“ฟงเป่า ข้าขอไปที่แม่น้ำก่อนนะ”หนี่หลิงหนานว่าพลางนำเสื้อผ้าออกมาจากมิติส่วนตัว ไม่ต้องบอกฟงเป่าก็ทราบว่านางจะไปล้างเนื้อล้างตัวนั่นเอง
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะอยู่เฝ้าไม่ให้ฟงเป่าไปแอบดูเจ้าเอง”หมิงมิ่งว่าพลางกระโดดลงมายืนบนพื้น ก่อนจะทำหน้าที่จุดไฟให้พวกฟงเป่าทันที
“ข้าไม่แอบดูหรอกขอรับ…….”ฟงเป่าได้ยินก็หน้าแดงก่ำรีบปฏิเสธทันที ทำเอาหนี่หลิงหนานหัวเราะออกมาด้วยท่าทีชอบใจ
“แล้วถ้าข้าบอกว่าถ้าเจ้าดูข้าก็ไม่ว่าเจ้าล่ะ”หนี่หลิงหนานถามพลางยิ้มด้วยท่าทีทะเล้น เป็นไปตามคาดพอได้ยินเช่นนั้นฟงเป่าก็นิ่งไปแถมหน้ายังแดงจัดยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก พอเห็นท่าทีเช่นนั้นหนี่หลิงหนานก็ยิ่งหัวเราะออกมามากขึ้น
“เจ้าเด็กลามก หน้าแดงเชียว คิดหรือว่าข้าจะยอมให้เจ้าทำแบบนั้น หากเจ้าแอบดูข้าจะทำให้ตาเจ้าบอดเอง”หนี่หลิงหนานพูดออกมาด้วยท่าทีชอบใจ ไม่คิดว่าฟงเป่าจะตกใจขนาดนั้นนี่นา แถมพอรู้ว่านางแค่ล้อเล่นฟงเป่ากลับยิ่งอายเข้าไปใหญ่อีก