บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 647 หนทางชนะ
ตอนที่ 647
หนทางชนะ
“………”ฟงเป่าเดินออกมาบนลานประลองตามที่เจ้าสำนักทั้งสองตกลงกันเอาไว้ท่ามกลางสายตาของคนจากสำนักต่างๆ แต่เดิมสำนักเหยี่ยวทะเลทรายนั้นมีชื่อเสียงในระดับหนึ่งอยู่แล้วเพราะเป็นสำนักอันดับ 9 แต่หลังจากมีข่าวรับศิษย์หญิงเข้าสำนักและข่าวเรื่องการแตกกันเองในสำนักเหยี่ยวทะเลทราย ทำให้สำนักเหยี่ยวทะเลทรายดูจะอ่อนแอลงมาก แต่เพราะการประลองที่สำนักเกราะทองทำให้สำนักเหยี่ยวทะเลทรายเริ่มกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง แต่ชื่อเสียงเหล่านั้นก็มาจากศิษย์สตรีทั้งนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรกของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายของหลินเฟยเลยก็ว่าได้ที่ส่งศิษย์ชายลงประลอง
“ศิษย์พี่เจ้าคะ ศิษย์พี่ฟงเป่าจะไหวหรือเปล่า”ระหว่างกำลังรอหยูเซินออกมาประลอง เหล่าศิษย์ในสำนักก็หันไปถามหนี่หลิงหนานด้วยท่าทีสงสัย ฟงเป่าไม่เคยแสดงฝีมือให้ศิษย์ในสำนักมาก่อน แม้จะทราบว่ามีฝีมือแต่ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นเป็นประจักษ์สายตาเลยสักครั้ง
“คู่ต่อสู้ไม่ใช่กระจอก แต่ฟงเป่าทั้งคนนี่นา”หนี่หลิงหนานยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายๆ แม้ศิษย์คนอื่นจะไม่เห็น แต่ฟงเป่าเป็นคนหนึ่งที่ฝึกอย่างหนักมาตลอด แถมยังมีพรสวรรค์มากอีกด้วย หากไม่ใช่เพราะหยูเซินระดับเหนือกว่าฟงเป่าเกินไป หนี่หลิงหนานคงมั่นใจอยู่หรอกว่าฟงเป่าจะชนะอย่างแน่นอน
“เจ้าหรือคือคู่ต่อสู้ของข้า”หยูเซินเดินออกมายืนตรงหน้าฟงเป่าด้วยท่าทีประหลาดใจ หยูเซินแม้จะเป็นพี่ชายของหยูต้านเจียนคู่แค้นของฟงเป่า แต่ก็ดูมีอายุมาก ท่าทางจะอายุ 50 หรือ 60 ปีเป็นแน่ เมื่อเอามาเทียบกับฟงเป่าที่ยังไม่ถึง 20 ปีนั้นเหมือนผู้ใหญ่มาประลองกับเด็กไม่มีผิด แถมระดับพลังก็ยังต่างชั้นกันเกินไปเสียด้วย
“ถูกแล้ว”ฟงเป่าตอบพลางจ้องมองร่างของหยูเซินด้วยดวงตาสีทอง ร่างกายของหยูเซินเปราะบางกว่าที่ฟงเป่าคิดเอาไว้ อาจจะเพราะมันไม่ใช่ผู้ฝึกฝนวิชาป้องกัน ขอเพียงผ่านพลังคุ้มกันของระดับเสินเซียนเข้าไปได้ฟงเป่าย่อมทำร้ายหยูเซินได้แน่ๆ
“ไปโทษที่เจ้าสำนักเจ้าปากเสียเองเถอะนะ ข้าไม่ได้อยากรังแกเด็กเลย”หยูเซินว่าพลางเรียกเอากระบี่ออกมาจากมิติของมัน พริบตานั้นฟงเป่าก็เพ่งมองกระบี่อย่างตั้งใจ กระบี่ของหยูเซินเป็นกระบี่ที่ทำจากแร่หายากชนิดหนึ่ง แม้จะบอกว่าเป็นแร่หายากแต่เมื่อเทียบกับทวนที่เจี่ยหุนสั่งทำหรือกระบี่ที่ฟงเป่าทำให้หนี่หลิงหนานมันแทบจะเทียบกันไม่ได้เลย
ทำลายได้แน่…. นั่นคือสิ่งที่ฟงเป่าคิดออกมาแวบแรกที่ได้เห็นกระบี่ของอีกฝ่าย แต่จะทำลายกระบี่เลยงั้นหรือ ไม่ใช่ว่าฟงเป่าต้องเรียนรู้วิชาของอีกฝ่ายก่อนงั้นหรือ
ฟุบ….
ร่างของหยูเซินตรงเข้ามาหาฟงเป่าอย่างรวดเร็วก่อนจะหมุนตัวครั้งหนึ่งพร้อมแทงกระบี่ออกมาจากทางด้านหลังของตนเอง วิชากระบี่ของสำนักวิญญาณกระบี่นั้นว่ากันว่าจับทางยากมาก แต่สำหรับฟงเป่าที่เจอวิชากระบี่ร้อยบุปผาของหนี่หลิงหนาน รวมถึงการฝึกสอนจากหลินเฟยแล้วท่าหลอกล่อเพียงเท่านี้ไม่อาจทำอะไรฟงเป่าได้หรอก
ฟุบ…. ฟุบ……
ฟงเป่าตั้งสมาธิไปที่ดวงตาเพื่ออ่านกระบวนท่าของอีกฝ่ายให้ทะลุปรุโปร่ง แต่ละกระบี่ที่พุ่งมาทางฟงเป่านั้นเฉียดร่างฟงเป่าไปเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ว่ากระบวนท่าที่หยูเซินใช้ออกมาจะซับซ้อนแค่ไหน ฟงเป่าก็ยังหลบเลี่ยงได้อย่างต่อเนื่องทำเอาเหล่าสำนักรอบๆอดแสดงสีหน้าตกใจออกมาไม่ได้ วิชากระบี่ของสำนักวิญญาณกระบี่ว่ากันว่าไม่มีใครอ่านทางได้ แม้แต่สำนักวิถีเซียนหากไม่ใช้ร่างกายาเหล็กไหลเข้าปะทะก็ไม่อาจต้านวิชากระบี่ของสำนักวิญญาณกระบี่ได้ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนเชื่อว่าเป็นแบบนั้น
ฟุบ….
ผ่านไปสิบ ยี่สิบ กระบวนท่าฟงเป่าก็ยังหลบการโจมตีของหยูเซินได้จนหมดอยู่ดี เห็นได้ชัดว่าฟงเป่าอ่านกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้แล้ว ทำเอาแม้แต่ตัวฟงเป่าเองก็ยังประหลาดใจ เมื่อเอาไปเทียบกับกระบี่ของอาจารย์อย่างหลินเฟยแล้วมันช่างต่างกันเหลือเกิน กระบี่ของสำนักวิญญาณกระบี่อาศัยโจมตีทีเผลอ มักออกกระบี่ในมุมอับสายตา หากตั้งสมาธิกับกล้ามเนื้อส่วนหัวไหล่และต้นแขน ฟงเป่าก็ทราบได้ไม่ยากว่าหยูเซินจะโจมตีออกมาตอนไหน แม้จะฟันมาจากมุมบอดแต่ก็คาดเดาได้ไม่ยาก ตรงกันข้ามวิชากระบี่ทองราชวงศ์ชินของหลินเฟยนั้นแม้จะฟันมาตรงๆก็ยังหลบเลี่ยงได้ยากเป็นกระบวนท่าซับซ้อนที่แม้แต่ผู้เนตรแมงมุมในตระกูลไป๋ยังรับมือได้ยาก เกรงว่าคนที่ปราบวิชากระบี่ทองราชวงศ์ชินลงได้จะมีเพียงไป๋จูล่งเพียงผู้เดียวเท่านั้น
“ไม่น่าเชื่อ เด็กคนนั้นหลบได้หมดเลย”ชิอิงเยี่ยเจ้าสำนักวิถีเซียนมองฟงเป่าด้วยท่าทีตกตะลึง มันทราบดีว่าอาจารย์ของมันอย่างหลินเฟยนั้นเก่งกาจมากจนไม่อาจเทียบ แต่เนตรจิตของมันก็มองเห็นพลังวิญญาณของฟงเป่าแล้วไม่คิดว่าฟงเป่าจะเก่งกาจโดดเด่นอะไร ประกอบกับท่าทีหวาดกลัวของฟงเป่าทำเอาชิอิงเยี่ยเป็นห่วงนิดหน่อยว่าฟงเป่าจะไหวหรือไม่ แต่ผลที่ออกมานั้นช่างตรงกันข้ามเสียเหลือเกิน ฟงเป่ายามต่อสู้นั้นจริงจังแน่วแน่และเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะอยู่ต่อหน้าคู่แค้นก็เข้าใจจุดยืนของตนเอง ไม่ใจร้อนหมายจะแก้แค้นให้ได้ตรงนี้ เพราะหากทำแบบนั้นก็มีแต่เปิดเผยตนเองให้หยูเจินเหอจัดการเสียเปล่าๆ
“เจ้าเด็กนี่”หยูเซินมองฟงเป่าด้วยท่าทีไม่พอใจ วิชาของมันแม้ไม่แข็งแกร่งสมบูรณ์เท่าหยูเจินเหอ แต่ก็นับได้ว่าสำเร็จไปแล้ว 7 8 ส่วน แต่กลับไม่สามารถโจมตีเจ้าเด็กนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
“……..”ฟงเป่ามองกระบวนท่าของอีกฝ่ายมาได้พักใหญ่แล้วก็เริ่มรู้สึกโล่งใจ วิชากระบี่อันโด่งดังของสำนักวิญญาณกระบี่ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่คิด ส่วนเจ้าหยูเซินนี้ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว แค่พลังเหนือกว่ามันเท่านั้น
เปรี้ยง!! เคร๊ง!!
ฟงเป่าใช้ปราณกระบี่ของกระบี่แสงอรุณโจมตีใส่กระบี่ของหยูเซินเข้าอย่างจัง ด้วยผลจากดวงตาสีทองที่สามารถหาจุดเปราะบางของกระบี่ได้ทำให้ฟงเป่าสามารถทำลายกระบี่ของหยูเซินได้ในครั้งเดียว
“…………”ทั้งหยูเซินและผู้คนรอบๆต่างมองภาพตรงหน้าตาค้าง เด็กอย่างฟงเป่าโจมตีจนกระบี่ของหยูเซินแตกกระจายได้ในครั้งเดียว แถมวิชาโจมตีของฟงเป่านั่นมันอะไร อาวุธขว้าง หรือว่าเป็นดัชนีกัน??
เปรี้ยง!!
เห็นหยูเซินกำลังตกใจ ฟงเป่าก็ไม่รอช้ารีบใช้วิชากระบี่แสงอรุณโจมตีเข้าไปที่กลางอกของหยูเซินทันที แต่…
“หนอย…”หยูเซินที่โดนกระบี่แสงอรุณเข้าไปบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแม้ฟงเป่าจะอัดพลังวิญญาณลงไปเต็มที่แล้ว
หมับ…
ระหว่างที่ฟงเป่ากำลังตกใจอยู่นั้นมือของหยูเซินก็จับเข้าที่ข้อมือของฟงเป่าเข้าพอดี แม้ฟงเป่าจะมีพลังเหนือกว่าปกตินับสิบเท่าเพราะแก่นอสูรมดทหารที่กินเข้าไป แต่พลังของฟงเป่ากับหยูเซินก็ห่างกันเกินไปจริงๆ แม้จะพยายามสะบัดให้หลุดหยูเซินก็ยังดึงแขนของฟงเป่าเอาไว้ได้ไม่ยอมปล่อย ก่อนจะ
ผลัก!
หยูเซินที่เดือดจัดเพราะโดนทำลายกระบี่ต่อหน้าต่อตาผู้อื่นดึงฟงเป่าเข้าหาตัวก่อนจะใช้กำลังกดฟงเป่าลงไปจนทั้งคู่ลงไปนอนกับพื้น เมื่อจับฟงเป่าเอาไว้ได้แล้วหยูเซินก็ขึ้นมาคร่อมร่างของฟงเป่าเอาไว้ก่อนจะง้างหมัดเตรียมจะต่อยฟงเป่าที่นอนกับพื้นด้วยหมัดเปล่าๆ
หมับ…
ก่อนที่จะต่อยลงไป แขนของหยูเซินก็โดนหลินเฟยจับเอาไว้เสียก่อนทำให้ฟงเป่าที่กำลังเสียท่าไม่ได้โดนโจมตีแต่อย่างไร
“คุณชาย การประลองครั้งนี้ทำเพื่อศึกษาวิชาเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องลงมืออย่างป่าเถื่อนก็ได้”หลินเฟยว่าพลางยิ้มออกมาบางๆ แม้สุดท้ายฟงเป่าจะแพ้ แต่ทุกคนก็มองเห็นเหมือนกันหมด วิชาของหยูเซินทำอะไรไม่ได้เลย แต่สาเหตุที่หยูเซินไม่แพ้นั้นก็เพราะพลังของตนเองเหนือกว่ามากเกินไปเท่านั้น หากเป็นการต่อสู้ปกติฟงเป่าก็คงไม่มีข้ออ้างอะไร และพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ แต่นี่คือการถกวรยุทธ ไม่ใช่การแข่งขันเอาชนะ ผู้เสียท่าจากวิชาของอีกฝ่ายนับว่าอ่อนเชิงกว่านั่นเอง
“ท่านเจ้าสำนักวิญญาณกระบี่มีศิษย์ที่เก่งกาจจริงๆ นับว่าหลินเฟยคนนี้ปากเสียเอง”หลินเฟยว่าพลางหันไปหาหยูเจินเหอด้วยท่าทียิ้มๆ แม้ปากจะกล่าวขอโทษแต่หยูเจินเหอกลับเหมือนโดนด่าเสียมากกว่า ในการประลองเพื่อดูวิชายุทธหลานตนเองกลับอาศัยกำลังผลักอีกฝ่ายล้มแล้วขึ้นคร่อมเหมือนพวกไร้วิชา มันยังจะมาชมอีก
“หยูเซิน กลับกันได้แล้ว”หยูเจินเหอพูดด้วยท่าทีไม่พอใจอย่างมาก แบบนี้ไม่เท่ากับว่ายิ่งแสดงให้เห็นชัดหรอกหรือว่าตนเองสั่งสอนศิษย์ได้ไม่ดีพอ
“อาจารย์….”ฟงเป่าที่พึ่งลุกขึ้นมาจากฟื้นมองไปที่ข้อมือของตนเองด้วยท่าทีเจ็บใจ แม้จะเป็นการแพ้ในการประลองที่ไม่มีผลได้ผลเสียอะไร แต่พอฟงเป่าคิดว่าเป็นตัวเองกำลังแก้แค้นตระกูลหยูคงโดนอีกฝ่ายฆ่าตายตรงนี้แล้ว แม้ฟงเป่าจะคิดว่าตนเองเก่งขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่ถึงเป้าหมายเสียทีสินะ
“รู้หรือยังว่ายังขาดอะไรไป”หลินเฟยถามพลางมองฟงเป่าด้วยท่าทีอ่อนโยน แน่นอนว่าหลินเฟยไม่คิดว่าฟงเป่าจะเอาชนะได้ง่ายๆหรอก
“ขอรับ…ข้ายังต้องเพลิงพลังวิญญาณและพลังอสูรขึ้นไปอีก”ฟงเป่าตอบพลางกำหมัดแน่น เห็นได้ชัดเลยว่าด้านวิชาฟงเป่าเหนือกว่า เหลือเพียงพลังวิญญาณเท่านั้น
“เจ้าคิดว่าอีก 1 ปีจะตามพวกมันทันหรือไม่”หลินเฟยถามพลางมองพวกสำนักวิญญาณกระบี่ที่กำลังจะออกจากค่ายทหารไป
“ข้าไม่มั่นใจขอรับ”ฟงเป่าตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย ในอาณาจักรซานระดับเสินเซียนขั้นที่ 10 ถือว่าสูงสุดแล้ว ปกติต้องฝึกกันเป็นสิบๆปีกว่าจะถึงระดับนั้น ไม่ต้องพูดถึงคนที่ข้ามไประดับเทียนเซียนเลย
“ถ้าข้าบอกว่าเจ้าสามารถทำได้ล่ะ”ได้ยินคำถามของหลินเฟย ฟงเป่าก็มีท่าทีงุนงงทันที ตอนนี้สำนักเหยี่ยวทะเลทรายได้เปรียบเรื่องสมุนไพรจากสำนักอื่นมากๆ สมุนไพรหายากที่สำนักอื่นหามาไม่ได้ แต่สำนักตนเองสามารถหาได้นั้นมีหลากหลายชนิด แต่ถึงจะมียาพวกนั้นก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าตนเองจะสามารถเข้าสู้ระดับเทียนเซียนในปีเดียวได้ บอกตามตรงฟงเป่าไม่ทราบเลยว่าหลินเฟยจะใช้หนทางไหน
“หลังจากจัดการเรื่องของสำนักให้เสร็จ ข้าจะพาพวกเจ้าไปสถานที่แห่งหนึ่ง ที่นั่นเหมาะกับการฝึกฝนมากกว่า สมุนไพรก็หาง่าย แถมยังมีคนมากฝีมือให้พวกเจ้าได้เรียนรู้ด้วย”หลินเฟยตอบพลางหันไปมองพวกหนี่หลิงหนาน หลินเฟยโดนขับออกจากตระกูลไป๋ก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าหลินเฟยจะโดนขับออกจากอาณาจักรไป๋เสียหน่อย ขอเพียงไม่เข้าไปในเขตอสูรผาไร้ก้น หรือไม่ไปขอความช่วยเหลือจากครอบครัวหลินเฟยก็ไม่ได้ทำผิดอะไร