บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 650 ไม่พอใช้
ตอนที่ 650
ไม่พอใช้
“เอาล่ะ ก่อนอื่นเราไปซื้อของกันก่อนดีกว่า”หลินเฟยลงมาจากหลังของจางจินหลังจากเดินทางมาถึงเมืองทางเหนือติดเขตอาณาจักรอู๋พอดี ที่นี่มีชีพจรวิญญาณที่รุนแรงจึงเหมาะกับการฝึกฝนพลังวิญญาณทำให้เห็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจากทุกสารทิศเข้ามาฝึกฝนกันมากมาย แน่นอนว่าเรื่องชีพจรวิญญาณก็สำคัญ แต่ที่หลินเฟยเลือกมาที่นี่เพราะหลินเฟยไม่เคยจีบสาวที่เมืองนี้มาก่อน เพราะเมืองนี้ส่วนใหญ่คนที่มามีแต่คนจะมาฝึกฝนพลังวิญญาณเท่านั้นหลินเฟยเลยไม่เคยพาใครมาเที่ยวเลย จะเรียกว่าบรรยากาศมันไม่เหมาะกับคู่รักก็คงได้ละนะ
“อาจารย์ ข้าไปด้วยขอรับ”ฟงเป่าพอได้ยินเรื่องซื้อของเข้าก็รีบตามหลินเฟยไปทันที คนที่สามารถแยกแยะสินค้าต่างๆได้ดีที่สุดก็ต้องเป็นฟงเป่าที่มีดวงตาสีทองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคนที่จะช่วยหลินเฟยเรื่องนี้ได้ดีก็ย่อมเป็นฟงเป่านั่นเอง
“เงินที่ได้มาจากอาณาจักรซานคงจะใช้ที่นี่ได้ไม่มาก คงต้องซื้อของราคาประหยัดหน่อยแล้วล่ะ”หลินเฟยถอนหายใจออกมาพลางมองพาฟงเป่าเข้าไปในร้านขายของขนาดกลางที่ตั้งอยู่ภายในเมือง น่าเสียดายแต่ค่าครองชีพของอาณาจักรซานนั้นถูกเกินไป เงินที่หลินเฟยใช้ได้เหลือเฟือที่อาณาจักรซานกลับเอามาใช้ที่อาณาจักรไป๋ได้อย่างจำกัดจำเขี่ยเสียเหลือเกิน แถมก่อนออกมาหลินเฟยยังทิ้งเงินทุนให้สำนักเหยี่ยวทะเลทรายอีกต่างหาก ทำให้เงินที่หลินเฟยมีไม่พอใช้อย่างแต่ก่อนเลยแม้แต่น้อย
“……เจ้านี่เอามาวางขายกันแบบนี้เลยงั้นเหรอ”ขณะเดินเข้าไปในร้าน ฟงเป่าก็สอดส่องสายตาไปทั่วร้านในทันที ร้านนี้มีเพียงชั้นเดียวเท่านั้น แต่ก็วางสินค้าหลายๆอย่างเอาไว้รอบๆร้านเพื่อให้ลูกค้าสามารถดูได้ตามต้องการ แต่แวบแรกที่ฟงเป่ามองเห็นของในร้าน ฟงเป่าก็มีท่าทีตกใจอย่างเห็นได้ชัดเพราะทั้งสมุนไพร แร่หายาก ต่างนำมาขายกันอย่างกับเรื่องปกติ แถมราคายังถูกกว่าที่อาณาจักรซานหลายเท่าเลย สมุนไพรที่สามารถหาซื้อได้ในอาณาจักรไป๋ในราคา 1 เหรียญทองนั้นกลับถูกวางขายด้วยเงินจำนวนหลายร้อยเหรียญทองในอาณาจักรซาน แถมไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะหามาได้ด้วยเพราะสมุนไพรราคาหลายร้อยเหรียญส่วนใหญ่หามาได้ยาก นานๆจะมีเข้าร้านมาสักครั้งนึงเลย
“เถ้าแก่ ขอสมุนไพรตามนี้”หลินเฟยว่าพลางนำรายการสมุนไพรที่ตนต้องการยื่นให้เถ้าแก่ของร้าน สมุนไพรของอาณาจักรไป๋นั้นมีหลากหลายชนิดกว่าของอาณาจักรซานมาก แม้หลินเฟยจะเข้าเขตอสูรไปหาด้วยตนเองได้ แต่สมุนไพรที่เกิดจากค่ายกลอสูรขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ทั้งอาณาจักรนั้นคงหาที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว ของพวกนี้ต่อให้ควานหาในอาณาจักรซานเท่าไหร่ก็ไม่มีทางหาเจอ
“……….”ฟงเป่ามองสมุนไพรที่เถ้าแก่เจ้าของร้านนำออกมาวางบนโต๊ะด้วยท่าทีอึ้งๆ ดวงตาสีทองทำให้มันทราบทันทีว่าสมุนไพรพวกนี้คืออะไร แต่มันก็ไม่เชื่อสายตาตัวเองอยู่ดี คุณสมบัติที่แสดงออกมานั้นทำเอาฟงเป่าแทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีของแบบนี้อยู่จริง
“ออกมาข้างนอกได้แบบนี้ไม่ชินเลยจริงๆ”หมิงมิ่งที่นั่งอยู่บนไหล่ของฟงเป่าบ่นพลางมองไปรอบๆด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนแปลกๆ แต่ก่อนมันต้องคอยซ่อนในเสื้อของฟงเป่าไม่ให้ผู้คนมองเห็น แต่ตอนนี้แทบไม่มีใครสนใจมันเสียด้วยซ้ำ แถมอสูรระดับเหนือกว่าตนเองยังเดินกันให้ขวักไขว่อย่างกับเป็นเรื่องปกติเสียอีก
“เงินไม่พอใช้จริงๆสินะ”หลินเฟยมองสมุนไพรที่ได้มาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ แม้จะซื้อสมุนไพรที่หาได้ยากมากในอาณาจักรซานมาในราคาถูก แต่ก็ไม่ได้สมุนไพรตามที่หลินเฟยต้องการอยู่ดี ท่าทางหลินเฟยคงต้องหาเงินเพิ่มเสียแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นให้พวกเราหางานทำดีหรือไม่ขอรับ”ฟงเป่าเสนอความคิดออกมาเพราะหากเงินไม่พอก็ซื้อสมุนไพรที่ต้องการไม่ได้ อาณาจักรไป๋ไม่เหมือนอาณาจักรซานที่สามารถเข้าไปล่าสมุนไพรเองได้ เพราะเขตอสูรทั้งหมดเปิดให้เข้าได้อยู่แล้ว การล่าสมุนไพรเลยไม่เหลือในอาณาจักรไป๋อีกเพราะหากอยากได้สมุนไพรในเขตอสูรไหนก็สามารถเดินทางไปตกลงกับราชาของเขตอสูรนั้นๆได้นั่นเอง
“ไม่ต้องหรอก คิดว่าอาจารย์ของพวกเจ้าเป็นใครกัน”หลินเฟยดีดหน้าผากฟงเป่าไปทีหนึ่ง ก่อนจะยืดอกด้วยท่าทีมั่นใจ แม้จะไม่มีอำนาจของตระกูลไป๋ก็ใช่ว่าหลินเฟยจะหาเงินไม่ได้เสียหน่อย
“แต่ว่าพวกเราจะปล่อยให้อาจารย์ทำงานอยู่คนเดียวได้อย่างไรกันเจ้าคะ…”อาทู้ถามออกมาด้วยท่าทีไม่เห็นด้วย จะปล่อยอาจารย์ทำงานหาเงินให้พวกตนได้อย่างไร ว่ากันตามตรงนางอายุมากกว่าอาจารย์เสียอีกนะ
“พวกเจ้าสัมผัสไม่ได้หรืออย่างไร ที่นี่คือสถานที่ที่มีชีพจรวิญญาณหนาแน่นมาก ที่อาณาจักรซานหาแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ หน้าที่ของพวกเจ้าคือตั้งใจฝึกฝนยังไงล่ะ”หลินเฟยว่าพลางชี้ไปที่บนยอดเขาที่อยู่เหนือเมืองขึ้นไป ที่นั่นคือสถานที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นมาก หากไม่นับในเขตอสูรผาไร้ก้นหรือเขตอสูรชั้นสูงที่ราชาของเขตอสูรนั้นๆไม่ยอมให้มนุษย์เข้าไปโดยไม่ขอ ที่นี่นับว่ามีพลังวิญญาณแรงที่สุดแล้ว
“พวกเจ้าขึ้นเขาไปแล้วตั้งใจฝึกฝนซะ อาจารย์จะไปทำธุระสักหน่อย”หลินเฟยว่าพลางพาจางจินออกมาจากกลุ่มของทั้งสี่ ความจริงแล้วต่อให้ตระกูลไป๋ยึดเงินทั้งหมดของหลินเฟยไป แต่ตัวหลินเฟยนั้นไม่ได้จนเลยแม้แต่น้อย ในอาณาจักรไชน์ที่อยู่อีกฟากของทะเลหลินเฟยลงทุนกับบริษัทต่างๆตามท่านน้าจูล่งไปไม่น้อย พูดง่ายๆก็คือหุ้นของหลินเฟยที่อยู่ในอาณาจักรไชน์ยังเหมือนเดิม และเงินที่เหลือของหลินเฟยก็อยู่ที่อาณาจักรไชน์นั่นเอง
“ขอรับ…”ฟงเป่านึกถึงสิ่งที่ตนต้องทำแล้วก็ได้แต่ยอมรับ ตนเองต้องฝึกให้เหนือกว่าหยูเจินเหอ เพราะฉะนั้นที่นี่จึงเป็นตัวช่วยชั้นดีของฟงเป่านั่นเอง ส่วนพวกหนี่หลิงหนาน อาทู้ และเซี่ยจินเย่เอง แม้จะไม่มีเป้าหมายอย่างการล้างแค้น แต่เพื่อชื่อเสียงของสำนักแล้วพวกนางก็ควรตั้งใจฝึกฝนเช่นกัน
“ดี ข้าจะรีบกลับมา ระหว่างนี้พวกเจ้าก็จับจองที่นั่งฝึกฝนวิชา ทบทวนวรยุทธเสีย”หลินเฟยพูดจบก็พาจางจินเปลี่ยนร่างเป็นมังกรแล้วบินหายไปในท้องฟ้าทันที
“งั้นพวกเราไปกันเถอะ”ฟงเป่าว่าพลางมองไปทางสามสาวที่มากับตนด้วย ที่นี่มีสถานที่ฝึกฝนพลังวิญญาณมากมาย ยิ่งขึ้นเขาไปผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณก็ยิ่งมากขึ้น มีทั้งคนที่มานั่งฝึกฝนพลังวิญญาณเฉยๆ รวมทั้งคนที่มาประลองไปด้วยฝึกฝนไปด้วยก็มี และภาพการประลองเหล่านี้เองทำให้พวกหนี่หลิงหนานได้ทราบเสียทีว่าวิชาของอาณาจักรซานนั้นอ่อนด้อยเพียงใด
“เจ้าหนู ไม่คุ้นหน้าเลย มาใหม่งั้นหรือ”ระหว่างกำลังเดินเข้าไปในหุบเขาเพื่อหาที่ฝึก อยู่ๆก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักฟงเป่าด้วยท่าทีใจดี
“ขะ ขอรับ”ฟงเป่าตอบพลางมองชายตรงหน้าด้วยท่าทีอึ้งๆ อีกฝ่ายมีพลังวิญญาณที่น่ากลัวมาก แม้จะไม่ทราบว่าระดับไหน แต่ต้องเหนือกว่าเจ้าสำนักวิญญาณกระบี่อย่างหยูเจินเหอแน่ๆ
“เดี๋ยวนี้หาเด็กที่ตั้งใจฝึกฝนพลังวิญญาณไม่ค่อยได้แล้ว มาสิข้าจะพาเจ้าไปหาที่ดีๆ”ชายคนนั้นยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ อาจจะเพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป แม้พลังวิญญาณจะสำคัญแต่ในยุคสมัยนี้การดำรงชีวิตหลายๆอย่างไม่จำเป็นต้องพึ่งพลังวิญญาณ ทุกคนจะมีหรือไม่มีพลังวิญญาณสามารถทำงานหาเงินได้ทั้งนั้น ทำให้ความนิยมในการฝึกฝนพลังวิญญาณในเด็กรุ่นใหม่ลดลง แถมสถานที่ฝึกฝนพลังวิญญาณแบบนี้ยังอยู่ในหุบเขาลึก การจะมาถึงก็ยากทำให้เด็กรุ่นใหม่ไม่เข้ามาที่นี่เท่าไหร่
“ยอดเลย รู้สึกเหมือนสามารถสูดหายใจเอาพลังวิญญาณเข้าไปในปอดได้เลย”ทันทีที่ชายแปลกหน้าพาฟงเป่ามาที่จุดฝึกฝนพลังวิญญาณ ฟงเป่าและคนอื่นๆต่างก็สัมผัสได้เหมือนกันนั่นคือชีพจรวิญญาณตรงนี้หนาแน่นมากจริงๆ สมแล้วที่หลินเฟยบอกว่าเป็นสถานที่ยอดนิยม
“พวกเจ้ามาจากสำนักไหนกันงั้นหรือ ข้าไม่คุ้นกับชุดของพวกเจ้าเลย”ชายแปลกหน้าถามพลางนั่งลงข้างๆพวกฟงเป่า มันไล่มองชุดของฟงเป่าและพวกหนี่หลิงหนานช้าๆ แต่ลวดลายและตราสัญลักษณ์ไม่เหมือนสำนักที่อยู่ในอาณาจักรไป๋เลย
“พวกข้ามาจากสำนักเหยี่ยวทะเลทรายขอรับ สำนักของพวกเราอยู่ไกลท่านอาจจะไม่เคยเห็น”ฟงเป่าตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ไม่รู้ว่าควรบอกอีกฝ่ายหรือไม่ว่าพวกตนมาจากอาณาจักรซาน
“งั้นหรือ ไหนพวกเจ้าลองเดินพลังให้ข้าดูสิ เผื่อข้าจะช่วยแนะนำอะไรให้ได้”ชายแปลกหน้าได้ยินก็พยักหน้าช้าๆก่อนจะเสนอการช่วยเหลือด้วยท่าทางใจดี
“ขอรับ….”ฟงเป่าได้ยินเช่นนั้นก็หลับตาลงช้าๆก่อนจะเดินพลังฝึกฝนตามที่หลินเฟยสอนมา เช่นเดียวกับหนี่หลิงหนาน เซี่ยจินเย่ และอาทู้ ที่เริ่มเดินพลังตามวิชาที่ตนได้รับมาเช่นกัน
“……….”ชายแปลกหน้าเห็นทั้งสี่เดินพลังฝึกฝนก็ตรวจสอบพลังของเด็กพวกนี้ทันที พลังของเด็กพวกนี้ถูกซ่อนเอาไว้บางส่วน คงฝึกฝนวิชาปกปิดพลังวิญญาณมา แต่ถึงอย่างนั้นพลังแท้จริงก็ไม่ได้สูงอะไร เทียบกับเด็กในอาณาจักรไป๋แล้วจะนับว่าพอมีความสามารถก็คงได้ แต่กลับมีบางอย่างที่ขัดออกไป
“วิชาหลอมนภา วิชากลั่นวิญญาณ วิชาอสูรวัฒนะฉบับดัดแปลง แล้วก็…..ลมปราณมังกร”อยู่ๆชายแปลกหน้าก็พูดชื่อวิชาของแต่ละคนออกมาเสียอย่างนั้นทั้งๆที่พวกฟงเป่าเองยังไม่ทราบเลยว่าวิชาฝึกฝนพลังวิญญาณของแต่ละคนนั้นชื่ออะไร โดยเฉพาะวิชาของเซี่ยจินเย่และอาทู้ที่พึ่งได้รับมาใหม่จากหลินเฟยก่อนออกเดินทางได้ไม่นาน
“พวกเจ้าดูไม่เหมือนตระกูลไป๋นี่นา…. ทำไมถึงมีวิชาของตระกูลไป๋ได้”ชายตรงหน้าถามพลางมองไปทางเซี่ยจินเย่และอาทู้ด้วยท่าทีสนใจ ฟงเป่ากับหนี่หลิงหนานนั้นไม่เท่าไหร่ เพราะวิชาที่ใช้ฝึกไม่ใช่ของตระกูลไป๋โดยตรง แต่เป็นวิชาที่ได้มาจากที่อื่นอีกที แต่วิชาอสูรวัฒนะฉบับดัดแปลงที่สามารถเอาวิชาฝึกฝนพลังอสูรโดยเฉพาะอย่างวิชาอสูรวัฒนะมาปรับใช้กับพลังวิญญาณนั้นเป็นวิชาเฉพาะที่สืบทอดมาจากมังกรธรณี และวิชาลมปราณมังกรก็เป็นวิชาของไป๋จูเหวิน แม้จะบอกว่าเป็นวิชาที่ได้มาจากคนอื่นแต่ตระกูลไป๋ไม่เคยรับศิษย์ คนนอกเลยไม่ได้สืบทอดวิชานี้ไปเลยแม้แต่คนเดียว
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ แล้วเอาวิชาเหล่านี้มาจากไหน”ทันทีที่ถามคำถามออกมา พลังวิญญาณของชายตรงหน้าก็แผ่พุ่งออกมาอย่างน่าหวาดกลัว ทำเอาผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณคนอื่นๆที่อยู่รอบๆต่างเสียสมาธิพากันถอยออกไปจากระยะของชายคนนั้นกันหมด พลังอะไรกัน ช่างน่ากลัวเหลือเกิน