บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 651 รีบไป รีบกลับ
ตอนที่ 651
รีบไป รีบกลับ
“ท่านอาวุโส ใจเย็นก่อน”ฟงเป่าเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้าไปขวางระหว่างชายแปลกหน้ากับสหายของตนในทันที แต่จะสู้ไปก็ทำอะไรไม่ได้ฟงเป่าเลยไม่มีทางเลือกนอกจากประสานมือให้อีกฝ่ายเพื่อขอให้ใจเย็น
“ข้าถามว่าพวกเจ้าไปเรียนวิชาเหล่านี้มาจากไหน”ชายแปลกหน้ายังคงถามคำถามเดิมโดยไม่มีท่าทีจะโจมตีเข้ามาแต่อย่างไร แม้จะโดนกดดันด้วยพลังวิญญาณของมันจนพวกฟงเป่าทำอะไรไม่ถูกก็ตาม
“พวกเราเรียนมาจากอาจารย์ของพวกเราขอรับ”ฟงเป่าตอบด้วยท่าทีสั่นๆ หากชายตรงหน้าต้องการคงสังหารพวกฟงเป่าได้โดยไม่ต้องขยับนิ้วเสียด้วยซ้ำ
“แล้วอาจารย์ของพวกเจ้าเป็นใคร”ชายแปลกหน้ายังคงถามต่อด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ เห็นได้ชัดเลยว่าชายผู้นี้ต้องรู้จักตระกูลไป๋แน่ๆ นอกจากจะทราบว่าวิชาฝึกฝนของพวกหนี่หลิงหนานคืออะไรแล้วยังรู้ทันทีเลยว่าวิชาพวกนี้คือวิชาที่คนตระกูลไป๋ใช้
“อาจารย์ของพวกเรามีนามว่าหลินเฟยขอรับ”ทันทีที่ชื่อหลินเฟยถูกพูดออกไป อยู่ๆแรงกดดันที่เกิดจากพลังวิญญาณของอีกฝ่ายก็เบาบางลงทันที ท่าทางการบอกชื่อหลินเฟยไปจะเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว
“หลินเฟย…สำนักเหยี่ยวทะเลทราย..”ชายแปลกหน้าพึมพำคำพูดที่ตนได้มาจากพวกฟงเป่าด้วยท่าทีครุ่นคิด สำนักแปลกๆที่ไม่เคยได้ยินชื่อกับการที่หลินเฟยกลายเป็นอาจารย์ของพวกมัน จะว่าไปตั้งแต่โดนลงโทษมันก็ไม่ได้พบหน้าหลินเฟยเลย หรือว่าหลินเฟยจะกลายเป็นอาจารย์ของเด็กพวกนี้จริงๆ
“ท่านอาวุโส ท่านรู้จักอาจารย์ของพวกเราหรือขอรับ”ฟงเป่าเห็นพลังของอีกฝ่ายลดลงแล้วก็เอ่ยถามออกไปช้าๆ
“ถูกแล้ว ข้าเป็นคนรู้จักของอาจารย์พวกเจ้า ตอนแรกที่เห็นพวกเจ้าใช้วิชาของคนตระกูลไป๋ก็นึกว่าพวกเจ้าแอบขโมยวิชามาเสียอีก ที่แท้ก็ได้รับการถ่ายทอดจากหลินเฟยนี่เอง”ชายแปลกหน้ายิ้มออกมาด้วยท่าทีใจดีเหมือนเช่นก่อนหน้านี้อีกครั้งทำให้พวกฟงเป่าโล่งใจอย่างมาก
“ขอโทษด้วยที่สงสัยในตัวพวกเจ้า จริงสิเอาอย่างนี้ดีไหมหากพวกเจ้าต้องการคำปรึกษาสามารถถามข้ามาได้ทุกเมื่อเลยเป็นไง ถือว่าให้ข้าไถ่โทษ”ชายแปลกหน้าเสนออย่างยินดี เห็นระดับพลังของอีกฝ่ายแล้วคำแนะนำของชายผู้นี้ต้องมีค่าแน่ๆแถมมันยังเป็นคนรู้จักของอาจารย์อีกด้วยการขอคำแนะนำก็คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
“เช่นนั้นท่านอาวุโส ข้าขอคำชี้แนะด้วยขอรับ”ฟงเป่ามาที่นี่เพื่อจะฝึกฝนให้แข็งแกร่งขึ้นอยู่แล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายยินดีฟงเป่าก็คว้าโอกาสเอาไว้อย่างรวดเร็ว
.
.
ฟุบ…
กิ่งไม้ในมือของชายแปลกหน้าจ่อไปที่คอของฟงเป่าในพริบตาเดียวขณะกำลังประลองเพื่อฝึกฝนวิชา กระบี่แสงอรุณของฟงเป่า กระจกภูตพรายของเซี่ยจินเย่ กระบี่เกลียวสมุทรของหนี่หลิงหนาน แม้แต่วิชาคว้าจับเมฆาของอาทู้เองก็ทำอะไรชายแปลกหน้าไม่ได้เลย
“หลินเฟยถึงจะเก่ง แต่ไม่ค่อยมีประสบการณ์เท่าไหร่ ท่าทางพอพ้นโทษแล้วคงต้องให้แม่ของมันเคี่ยวเข็ญเสียหน่อย”เมื่อได้รู้ความสามารถของเหล่าศิษย์ที่หลินเฟยสอน ชายแปลกหน้ากลับถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีไม่ค่อยพ่อใจเสียอย่างนั้น ที่หลินเฟยแข็งแกร่งเป็นเพราะเกิดในตระกูลไป๋ ทั้งสายเลือดของราชวงศ์ชิน ความสามารถดึงดูดเหล่าอสูร และสายเลือดของอสูรแมงมุม ทำให้หลินเฟยอยู่ระดับเจ้าสวรรค์ได้โดยไม่ลำบาก ตรงกันข้ามหลินเฟยทั้งเหลวไหลเอาแต่เที่ยวเล่นไม่ขยันฝึกฝนวิชา แม้อัจฉริยะในตัวเองจะทำให้หลินเฟยแข็งแกร่ง แต่การสั่งสอนศิษย์นั้นมีความละเอียดอ่อนหลายอย่างที่หลินเฟยยังเข้าไม่ถึงอยู่บ้าง
“ไม่ใช่ความผิดของอาจารย์หรอกขอรับ อาจารย์พึ่งรับพวกเราเป็นศิษย์ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง”ฟงเป่าได้ยินชายแปลกหน้าตำหนิหลินเฟยก็รีบแก้ตัวแทนอาจารย์ทันที ทำให้ชายแปลกหน้าอมยิ้มพลางส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่เป็นไร ระหว่างหลินเฟยยังไม่กลับมา ข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าแทนมันเอง”ชายแปลกหน้าว่าพลางใช้กิ่งไม้ตั้งท่ากระบี่เตรียมตัวสอนให้พวกฟงเป่าเต็มที่ แม้จะเกิดในอาณาจักรที่วรยุทธด้อยกว่า แต่พวกฟงเป่าก็มีความสามารถเรียนรู้อย่างยอดเยี่ยม หากเกิดที่อาณาจักรไป๋พวกฟงเป่าอาจจะกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ที่น่าสนใจก็เป็นได้
.
.
การฝึกนกับชายแปลกหน้าที่พวกฟงเป่าพากันเรียกว่าท่านอาวุโสหนักมากทีเดียว ท่านแข็งแกร่งมาก เผลอๆจะแข็งแกร่งกว่าหลินเฟยเสียอีก แถมยังช่วยแนะนำเพิ่มเติมแนวทางการใช้วิชาต่อสู้ให้พวกฟงเป่าอีกต่างหาก รวมถึงเคล็ดลับต่างๆที่ทำให้การฝึกฝนพลังวิญญาณนั้นง่ายขึ้น เรียกได้ว่าเวลาที่ผ่านไปพร้อมกับอาวุโสท่านนี้คุ้มค่ามากทีเดียว ท่านสามารถอุดช่องโหว่ที่หลินเฟยมองไม่เห็นได้อย่างดี แถมยังไม่ทำลายแนวทางสอนของหลินเฟยแต่เดิมด้วย
“วันนี้พวกเจ้าพักด้วยการนั่งฝึกฝนพลังวิญญาณซะ”ชายแปลกหน้าพูดด้วยท่าทีพึงพอใจ เด็กรุ่นใหม่ที่ตั้งใจฝึกฝนอย่างจริงจังแบบพวกฟงเป่าลดลงทุกที แบบนี้ค่อยน่าชื่นใจหน่อย
“ขอบพระคุณขอรับท่านอาวุโส”ฟงเป่าตอบพลางประสานมือด้วยท่าทีนอบน้อมก่อนที่ชายแปลกหน้าจะเดินกลับออกไปปล่อยให้พวกฟงเป่าได้นั่งสมาธิเพื่อฝึกฝนพลังวิญญาณอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรก
“ท่านอาวุโสเจ้าคะ”ระหว่างเดินลงมาจากเขา อยู่ๆเซี่ยจินเย่ก็ตามชายแปลกหน้าลงมาแล้วเรียกตัวชายแปลกหน้าเอาไว้ก่อนท่านจะจากไป
“มีอะไรงั้นหรือ”ชายแปลกหน้าถามพลางเลิกคิ้วสงสัย หรือว่าเซี่ยจินเย่จะมีเรื่องอะไรเกี่ยวกับการฝึกฝนที่ยังไม่เข้าใจอีก
“ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่านเจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่ตอบพลางมองไปทางชายแปลกหน้าด้วยท่าทีลังเล นางคิดว่าจะไม่สนใจเรื่องนี้แล้วแต่ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็สลักเรื่องนี้ออกจากหัวไม่ได้จริงๆ
“ถามมาสิ”ชายแปลกหน้าตอบพลางยิ้มด้วยท่าทางใจดี ตนเองรับปากแล้วว่าจะชี้แนะให้พวกนาง ในเมื่อพวกนางมีคำถามก็แค่ถามออกมาเท่านั้น
“อาจารย์หลินเฟย จริงๆแล้วเป็นคนตระกูลไป๋สินะเจ้าคะ”สิ่งที่เซี่ยจินเย่ถามทำให้ชายแปลกหน้ามีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย นึกว่านางจะสนใจเรื่องการฝึกฝนเสียอีกไม่คิดว่าจะมาถามเรื่องอาจารย์ของตน
“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว”ชายแปลกหน้าตอบพลางพยักหน้าช้าๆ แม้หลินเฟยจะโดนลงโทษห้ามใช้ชื่อตระกูลไป๋ แต่เรื่องที่หลินเฟยเป็นคนตระกูลไป๋ก็เป็นความจริงที่ทุกคนรู้กันดี ขอเพียงสุ่มถามใครสักคนในอาณาจักรไป๋ก็ย่อมหาคนตอบคำถามของเซี่ยจินเย่ได้ไม่ยาก
“เจ้าค่ะ ท่านอาวุโสขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่ได้รับคำตอบก็ประสานมือคารวะอีกฝ่ายด้วยท่าทีนอบน้อม
.
.
วูบ….
หลายวันผ่านไปในที่สุดหลินเฟยก็กลับมาพร้อมจางจินเสียที เพียงแต่ทันทีที่เข้าใกล้ภูเขาหลินเฟยก็สัมผัสได้ถึงพลังของคนรู้จักทันที
“ท่านตา ไม่ได้พบกันนานนะขอรับ”ทันทีที่เข้าไปหากลุ่มศิษย์ของตนที่กำลังฝึกฝนกันอยู่ หลินเฟยก็พบเข้ากับคนรู้จักเข้าพอดี เพียงแต่คนที่หลินเฟยเรียกท่านตานั้นหาใช่ไป๋จูเหวินไม่ แม้จะมีฐานะเป็นตาของหลินเฟยเช่นกันแต่ชายผู้นี้คืออู๋หมิงอดีตองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรอู๋นั่นเอง
“หลินเฟย เจ้ามาแล้วหรือ”ทันทีที่ได้ยินคำทักทายหลินเฟยก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทำไมท่านตาถึงมองมันด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ
“เจ้าอยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 มานานเท่าไหร่แล้วหลินเฟย”อู๋หมิงถามพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีตำหนิ
“เอ่อ….ราวๆ 3 ปีแล้วขอรับ”หลินเฟยกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ตัวมันไม่ได้สนใจเรื่องฝึกฝนเท่าไหร่ทำให้ระดับฝีมือขึ้นช้ามาก ไม่อย่างนั้นชิวซุยคงตามหลินเฟยไม่ทันง่ายๆหรอก
“ใช้ไม่ได้ มานั่งตรงนี้แล้วฝึกกับศิษย์ของเจ้าซะ”อู๋หมิงถือกิ่งไม้ในมืออย่างกับถือไม้เรียวก่อนจะเริ่มสั่งให้หลินเฟยมาฝึกฝนวิชาเสีย พวกตาๆอสูรรวมถึงน้าๆภรรยาของจูล่งตามใจหลินเฟยจนเคยตัว อู๋หมิงเลยกลายเป็นคนคอยบังคับให้หลินเฟยฝึกไปโดยปริยายแม้จะไม่ค่อยได้เจอหน้ากันก็ตาม เพราะถึงอย่างไรหลินเฟยและอู๋หมิงก็ใช้กระบี่เช่นเดียวกัน
“ท่านตา………ขะ ขอรับ”หลินเฟยกำลังจะเถียง แต่เห็นท่าทีจริงจังของอู๋หมิงก็ได้แต่ยอมนั่งลงฝึกฝนวิชาเช่นเดียวกับพวกฟงเป่าแต่โดยดี แบบนี้มันออกจะเสียหน้ากับพวกศิษย์หรือเปล่า แต่ว่ากันตามหลักความเป็นจริงแล้วอู๋หมิงก็เหมือนอาจารย์ปู่ของพวกฟงเป่าคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“ฟงเป่า แล้วเซี่ยจินเย่ล่ะหายไปไหน”หลังจากนั่งฝึกวิชาตามที่อู๋หมิงสั่งไปสักระยะ หลินเฟยก็สัมผัสได้ว่าเซี่ยจินเย่ไม่ได้อยู่บนยอดเขาด้วย แถมยังสัมผัสพลังของนางรอบๆนี้ไม่ได้เลย
“เมื่อวานนางยังอยู่เลยนะขอรับ”ฟงเป่าเลิกคิ้วด้วยท่าทีตกใจเช่นกัน เซี่ยจินเย่ก็ฝึกกับพวกตนมาตลอดหลายวัน พึ่งมีวันนี้เองที่นางหายไป แถมยังหายไปตอนพวกตนกำลังเพ่งสมาธิฝึกวิชาด้วยเลยไม่ทราบว่าไปไหน
“เห็นนางบอกว่ามีธุระจำเป็นก็เลยบอกว่าจะออกไปข้างนอก”อู๋หมิงตอบออกไปตามตรงเพราะเซี่ยจินเย่มาบอกมันก่อนจะไปแล้ว
“ธุระ….นางจะไปไหนหรือขอรับ”ได้ยินเช่นนั้นหลินเฟยก็มีท่าทีงุนงงทันที เซี่ยจินเย่พึ่งมาอาณาจักรไป๋เป็นครั้งแรก นางจะมีธุระที่ไหนกัน
“เห็นนางบอกจะไปหาญาติ ข้าก็เลยไม่ห้ามอะไร”อู๋หมิงตอบตามที่เซี่ยจินเย่บอก อู๋หมิงไม่ทราบว่าพวกเซี่ยจินเย่ไม่ได้มาจากดินแดนห่างไกลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกนางมาจากอาณาจักรซานที่ยังมองอาณาจักรไป๋เป็นดินแดนของเทพเซียนอยู่เลย ไม่มีทางที่เซี่ยจินเย่จะมีญาติแถวนี้ได้แน่
“ท่านตา นางออกเดินทางไปเมื่อไหร่ขอรับ”หลินเฟยถามพลางลุกขึ้นยืนอย่างเร่งรีบ นางเดินทางไปคนเดียวแบบนี้หลินเฟยกลัวจะเกิดอันตรายกับนางนะสิ แม้ในอาณาจักรไป๋จะปลอดภัยแต่ก็ไม่ได้ขาวสะอาดไปทั้งหมดเสียหน่อย
.
.
ตุบ….
ขาของเซี่ยจินเย่ก้าวลงมาจากรถไฟด้วยท่าทีประหม่า มีคนแนะนำให้นางเดินทางด้วยสิ่งที่เรียกว่ารถไฟก็จริง แต่นางไม่คิดเลยว่ามันจะไวขนาดนี้ หากไม่นับตอนบินบนหลังจางจินการเดินทางครั้งนี้ของเซี่ยจินเย่ก็นับว่ารวดเร็วที่สุดแล้วเลยก็ว่าได้ บ้านเกิดของอาจารย์มีแต่เรื่องประหลาดใจจริงๆ
“แม่หนู ตรงนี้ผ่านไม่ได้นะ”เซี่ยจินเย่ลงมาจากรถไฟก็มุ่งหน้าไปที่กำแพงสูงที่ถูกกั้นเอาไว้จนมองไม่เห็นว่าอีกฝั่งคืออะไร แถมป้ายที่เขียนอยู่ตามกำแพงก็มีแต่คำว่า ห้ามเข้า ทั้งนั้น
“ข้อร้องล่ะเจ้าค่ะ ให้ข้าผ่านไปเถอะ”เซี่ยจินเย่พูดพลางมองคนที่อยู่ด้านหน้าด้วยท่าทีขอร้อง แน่นอนว่าคนปกติย่อมไม่ยอมให้เซี่ยจินเย่ผ่านไปแน่ๆ เพียงแต่….
“ขอรับ ตามข้ามาทางนี้”แทนที่จะไล่เซี่ยจินเย่กลับไป ชายที่เข้ามาห้ามกลับตอบรับคำขอของเซี่ยจินเย่อย่างง่ายดาย ก่อนจะพาผ่านเข้าไปในประตูที่ปกติห้ามคนนอกเข้าเสียอย่างนั้น หากถามว่าทำไมก็เพราะชายที่เข้ามาห้ามนั้นเป็นอสูรนั่นเอง