บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 656 ใจจริง
ตอนที่ 656
ใจจริง
“อาจารย์ ขอบคุณนะเจ้าคะที่ทำตามพวกเราขอขนาดนี้”อาทู้ว่าพลางขยับเข้าไปหาหลินเฟยที่กำลังนั่งอยู่บนส่วนหัวของจางจินช้าๆ นางเอกก็นึกว่าหลินเฟยแค่จะปลอบใจพี่สาวหลู่เซียงเท่านั้นไม่นึกว่าจะลงทุนลงแรงเดินทางไปที่เมืองของนางเพื่อจัดการเรื่องให้เลย
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าเองก็อยากเข้าไปในเมืองสักหน่อยเหมือนกัน”หลินเฟยว่าพลางหัวเราะเจื่อนๆออกมา ที่หลินเฟยอาสามาช่วยเหลือหลู่เซียงนั้นนอกจากจะหนีซ้อมแล้วตัวมันยังมีของที่อยากจะซื้ออยู่แต่เพราะอู๋หมิงดึงตัวเอาไว้เลยไม่ได้ไปซื้อเสียทีทั้งๆที่ไปเอาเงินทุนมาจากอาณาจักรไชน์แล้วแท้ๆ
วูบ….
ร่างของจางจินทะยานลงมาที่ลานสำหรับลงจอดของอสูรบินภายในเมืองบ้านเกิดของหลู่เซียง ที่นี่อยู่ใกล้เขตแดนระหว่างอาณาจักรไป๋และชินมากทีเดียวทำให้มองเห็นคนของอาณาจักรชินเดินอยู่ในเมืองได้ไม่ยาก
“……..”ทันทีที่มาถึงเมืองของตนเอง หลู่เซียงก็มีสีหน้าลำบากใจออกมาทันที ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็มีความทรงจำของตนและคนรักเก่าเต็มไปหมด เพราะแบบนี้ไงนางถึงหนีไปสงบใจที่ยอดเขาฝึกฝนพลังวิญญาณ
“หลู่เซียง ท่านไหวหรือเปล่า”หลินเฟยถามพลางเดินเข้าไปหาหลู่เซียงด้วยท่าทีเป็นห่วง ก่อนจะลงมานางยังคุยเล่นกับพวกเซี่ยจินเย่อยู่เลย แต่ตอนนี้นางกลับเงียบไม่พูดไม่จาเสียอย่างนั้น
“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าแค่คิดถึงความหลังเท่านั้นเอง”หลู่เซียงตอบออกมาตามตรงว่าตนเองกำลังโดนความรู้สึกเก่าก่อนเล่นงานอยู่ ยิ่งได้เห็นสถานที่ที่ตนเคยไปร่วมกับคนรักเก่าก็ยิ่งตอกย้ำว่าตนเสียคนรักไปแล้ว
“เข้มแข็งเอาไว้นะขอรับ อย่าลืมสิว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร”หลินเฟยเห็นท่าทีหลู่เซียงไม่ดีเลยเดินเข้าไปหาพลางจับมือนางขึ้นมากุมเอาไว้เพื่อเป็นการให้กำลังใจ
“นั่นสินะเจ้าคะ….ข้าต้องไปถามปากุนว่าเกิดอะไรขึ้น”หลู่เซียงหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าออกมาช้าๆ สีหน้าให้กำลังใจของหลินเฟยนั้นช่างน่ากลัวจริงๆ
“พี่หลู่เซียง แล้วผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหนหรือเจ้าคะ”อาทู้ถามด้วยท่าทีสงสัย ตอนนี้พวกนางสมควรจะตรงไปที่บ้านของมันแล้วถามให้รู้ไปเลยใช่หรือไม่
“ข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน”หลู่เซียงตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมาเสียอย่างนั้นทำเอาอาทู้ที่เป็นคนถามเบิกตากว้างด้วยความสับสนทันที
“นี่ท่านไม่รู้จักบ้านของคนรักท่านงั้นหรือ”หลินเฟยเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เท่าที่ฟังมานางกับปากุนรักกันมานานมาแล้ว ทำไมนางยังไม่ทราบอีกว่าบ้านของปากุนอยู่ที่ไหน
“มันบอกว่ามันมาจากเมืองอื่น ตอนนี้ก็เลยต้องอาศัยตามโรงเตี๊ยมไปก่อนเจ้าค่ะ ข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าตอนนี้ปากุนอยู่ที่โรงเตี๊ยมไหนกันแน่”หลู่เซียงตอบด้วยท่าทีอายๆ นางเป็นคนรักของปากุนแท้ๆแต่ตอนนี้กลับไม่ทราบว่าปากุนอยู่ที่ไหน
“เวลาตั้งนาน ยังอาศัยอยู่ที่โรงเตี๊ยมอีกหรือขอรับ แบบนั้นคงเปลืองเงินน่าดู”หลินเฟยได้ยินก็มีท่าทีประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด หากเป็นหลินเฟยละก็หากต้องมาอยู่เมืองอื่นนานๆเป็นปีๆแบบนี้คงเลือกที่จะซื้อบ้านหรือสร้างบ้านใหม่มากกว่า เพราะเงินค่าโรงเตี๊ยมที่คิดเป็นรายวันนั้นพอทบกันหลายปีก็แพงกว่าราคาบ้านเสียอีก
“นั่นสินะเจ้าคะ เดือนๆนึงต้องจ่ายค่าที่พักตั้ง 40 เหรียญทอง น่าจะซื้อบ้านไปเลยแท้ๆ”หลู่เซียงเองก็มีความเห็นไม่ต่างกัน แต่ทำไมนางถึงทราบราคาค่าที่พักของปากุนได้กัน?
“หลู่เซียง หรือว่าท่านจะเป็นคนจ่ายค่าโรงเตี๊ยมให้ปากุนหรือขอรับ”หลินเฟยอดสงสัยตรงจุดนี้ไม่ได้เลยถามออกไปตรงๆเพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่ปากุนจะบอกราคาค่าที่พักของตนเองให้คนอื่นรู้หากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆทองๆ
“เจ้าค่ะ ข้าออกค่าที่พักให้ปากุนเองเจ้าค่ะ แต่ไม่ได้ให้ไปเลยนะเจ้าคะ มันบอกว่าหากกลับไปที่เมืองของตนแล้วจะเอาเงินมาคืน”หลู่เซียงตอบด้วยท่าทีสบายๆดูไม่เดือดร้อนอะไรเลยทำเอาหลินเฟยอดตงิดใจไม่ได้
“บ้านที่อยู่อีกเมืองของปากุนนี่มีฐานะมากเลยหรือขอรับ”หลินเฟยถามออกมาเพื่อความแน่ใจ เท่าที่จำได้ตอนที่หลู่เซียงเล่าถึงปากุนจะบอกว่ามันร่ำรวยมาก เหมือนจะมาจากตระกูลผู้ดีอะไรสักอย่างนี่ล่ะ
“เจ้าค่ะ มันบอกว่าตระกูลของมันเป็นตระกูลย่อยที่แยกออกมาจากตระกูลชิงเจ้าค่ะ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าครอบครัวของปากุนจะเปิดโรงงานขนาดใหญ่อยู่ที่เมืองหลวงเก่าด้วยเจ้าค่ะ”ได้ยินที่หลู่เซียงเล่า หลินเฟยก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีเย็นยะเยียบทันที เจ้าปากุนอะไรนั้นเป็นญาติฝั่งพ่อของมันงั้นหรือ จำไม่เห็นได้เลยว่าลูกหลานของท่านอาชิงจื่อที่เป็นน้องชายของชิงชิวบิดาของหลินเฟยจะมีลูกหลานตระกูลปาอยู่ด้วย
“เอ่อ…..หลู่เซียงข้าขอเสียมารยาทถามนิดหน่อยนะขอรับ ปากุนคนนั้นได้คืนเงินท่านหรือยัง แล้วเงินที่ติดเอาไว้นี่เท่าไหร่หรือขอรับ”หลินเฟยเหงื่อตกพลางมองหลู่เซียงด้วยท่าทีสงสัย
“ยังไม่ได้ใช้เจ้าค่ะเพราะปากุนยังไม่มีเวลากลับบ้านของตัวเองเลย ส่วนเงินที่ติดข้าเอาไว้ก็ประมาณ 7,000 เหรียญทองเจ้าค่ะ”หลู่เซียงตอบด้วยท่าทีเฉยๆอย่างมาก แน่นอนสำหรับบุตรสาวเจ้าของร้านขายรถยนต์แล้วเงินประมาณนี้ไม่ใช่เงินที่หามาได้ยากเย็นอะไร แต่เท่าที่ฟังค่าที่พักก่อนหน้านี้แล้วไม่มีทางที่ปากุนจะขอยืมเงินจากหลู่เซียงเพียงแค่ค่าที่พักได้หรอก ท่าทางเจ้าหมอนี่จะให้หลู่เซียงออกเงินให้ทั้งหมดเลยไม่ใช่หรือไง
“พี่หลู่เซียง แบบนั้นมัน….”แม้แต่อาทู้และเซี่ยจินเย่เองยังคิดว่ามันแปลกๆ แต่ท่าทีของหลู่เซียงกลับไม่คิดว่ามันแปลกตรงไหนเสียอย่างนั้น นี่สินะที่เรียกความรักบังตา แต่หลินเฟยก็คงว่าอะไรนางไม่ได้หรอก เพราะตัวหลินเฟยเองยังเคยทำอะไรโง่ๆอย่างการช่วยคนที่ตัวเองหลงรักให้กลับไปคืนดีกับสามีเลยนี่นา
“แล้วท่านพอจะทราบหรือไม่ขอรับว่าจะเจอตัวปากุนได้ที่ไหน”หลินเฟยถามแทรกอาทู้ก่อนที่นางจะออกปากด่าปากุนให้หลู่เซียงได้ยิน ไม่เห็นหรืออย่างไรว่านางรักปากุนแค่ไหน ตอนนี้ต่อว่าปากุนไปก็จะมีแต่ทำให้นางไม่พอใจเท่านั้น
“พอทราบเจ้าค่ะ ถ้าเป็นตอนนี้ปากุนน่าจะอยู่ที่บ่อนนะเจ้าคะ”ได้ยินคอตอบของหลู่เซียงหลินเฟยก็ปวดหัวขึ้นมาทันที ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเงินที่ยืมหลู่เซียงถึงได้มีมากมายขนาดนี้
“งั้นพวกเราไปหามันกันเถอะ”หลินเฟยว่าพลางปล่อยให้หลู่เซียงนำทางไป ตอนนี้ในใจของหลินเฟยเห็นได้ชัดเลยว่าปากุนเป็นพวกหลอกลวงแน่ๆ สาเหตุที่คบหากับหลู่เซียงเกรงว่าจะเป็นเพราะเงิน และการที่เลิกกับนางทั้งๆที่นางยังยินดีจะมอบเงินให้มันอยู่นั้นก็มีไม่มาก หนึ่งคือมันพบคนที่รักด้วยใจแล้ว หรือไม่ก็ได้เจอคนที่รวยกว่าหลู่เซียงแล้วนั่นเอง
.
.
“ตรงนั้นเจ้าค่ะ”หลู่เซียงพาหลินเฟยมาที่บ่อนพนันของเมืองไม่ทันไรก็พบปากุนที่นั่งอยู่บนโต๊ะสำหรับเล่นไพ่แล้ว ตอนนี้ข้างตัวมันมีสหายอยู่ 3 คนและผู้หญิงอยู่อีก 2 คนแถมที่ตรงหน้ามันยังมีเงินเหรียญทองกองเอาไว้ไม่น้อยเลย
“ฮ้าๆวันนี้ด้วยดีจริงๆ”ปากุนหัวเราะพลางดันเงินตรงหน้าตนเองลงไปกลางโต๊ะ สมแล้วที่ทำให้หลู่เซียงหลงรักหัวปักหัวปำได้ ภายนอกปากุนเป็นชายหนุ่มรูปงามจริงๆ แถมท่าทียังสง่าผ่าเผยไม่เหมือนคนหลอกเงินจากคนอื่นเลย แถมการแต่งตัวยังหรูหราดูดีอีกต่างหาก หากไม่เอาหลินเฟยเป็นตัววัดก็คงจัดปากุนเป็นหนุ่มหล่อระดับต้นๆได้ไม่ยากเลย
“พี่ปากุน ข้า…”หลู่เซียงเห็นปากุนอยู่ตรงหน้าก็เข้าไปหาด้วยท่าทีลังเล นางมาที่นี่เพื่อจะถามเรื่องเลิกรากันให้ชัดเจนว่าทำไมถึงได้ทิ้งนางไป แต่พอเจอหน้ากันจริงๆแล้วหลู่เซียงกลับมีท่าทีกลัวๆเสียอย่างนั้น
“อะไรกัน เจ้าเองงั้นหรือ”ปากุนว่าพลางมองมาทางหลู่เซียงด้วยท่าทีไม่พอใจ ท่าทีของมันไม่เหมือนกับผู้ชายที่หลู่เซียงเคยรักกันมาก่อนเลย
“ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือไงว่าข้าไม่ได้รักเจ้าแล้ว รีบออกไปให้พ้นหน้าข้าเสียที”ปากุนพูดจบก็หันหลังกลับไปเล่นไพ่ต่อทำเอาหลู่เซียงอึ้งจนแทบพูดอะไรไม่ออก
“พยายามเข้า”หลินเฟยว่าพลางเดินมาอยู่ด้านหลังหลู่เซียง ดูเหมือนเจ้าหมอนี่จะไม่เหลือเยื่อใยให้หลู่เซียงเลย แถมยังอารมณ์เสียใส่ด้วย หากจี้ถามไปอีกหน่อยคงเผยธาตุแท้ให้เห็นแน่ๆ แบบนั้นหลู่เซียงจะได้ทราบเสียทีว่าแท้จริงแล้วปากุนผู้นี้เป็นคนเช่นไร
“พี่ปากุน ข้าอยากทราบเจ้าค่ะว่าทำไมท่านถึงทิ้งข้า อย่างน้อยก็ให้ข้าได้ทราบด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลู่เซียงถามพลางเดินเข้าไปหาปากุนอีกครั้ง
“ทำไมงั้นหรือ….เจ้านี่มันเซ้าซี้จริงๆ ก็ได้ข้าจะบอกให้”ปากุนว่าพลางลุกขึ้นมายืนต่อหน้าหลู่เซียง
“ที่ข้าคบกับเข้าก็เพราะเจ้ามีเงินไงล่ะ ส่วนที่ข้าเลิกกับเจ้าก็เพราะข้าเจอคนที่รวยกว่าเจ้า สวยกว่าเจ้า แถมยังดีกว่าเจ้าแล้วไงล่ะ”ปากุนตอบพลางหัวเราะออกมา มันไม่ต้องแกล้งทำเป็นรักหลู่เซียงอีกแล้วเพราะตอนนี้มันมีผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งร่ำรวยและมีอำนาจมากกว่าหลู่เซียงแล้วนั่นเอง
“แล้วที่ท่านบอกว่ารักข้าล่ะเจ้าคะ”หลู่เซียงใจหล่นลงไปอยู่ตาตุ่มทันทีเมื่อได้ยินปากุนพูดเช่นนั้น แต่นางก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าปากุนจะพูดแบบนั้นออกมาจริงๆ
“ข้าก็โกหกเจ้าไง”ปากุนตอบด้วยท่าทีเฉยชาก่อนจะหันหลังกลับไปเล่นไพ่ต่อด้วยท่าทีไม่สนใจว่าหลู่เซียงจะรู้สึกเช่นไร
“เจ้า….”อาทู้ที่อยู่ด้านหลังเห็นภาพเช่นนั้นก็อารมณ์ขึ้นทันที แต่….
โครม!!
อาทู้ยังไม่ทันขยับตัว ร่างของหลินเฟยก็เข้าไปอยู่ข้างหลังของปากุนก่อนจะกดหน้าของมันกระแทกกับโต๊ะอย่างแรงจนกองเหรียญที่วางเอาไว้กลางโต๊ะล้มลงมากองอยู่ด้านล่าง
“เจ้า ทำอะไรของเจ้า”ปากุนว่าพลางพยายามดิ้นให้หลุดออกจากมือของหลินเฟย
“เจ้านี่มันเลวกว่าที่คิดจริงๆ”ตอนแรกหลินเฟยคิดว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ไปต่อว่าปากันเพราะตัวหลินเฟยเองก็ทำเรื่องประมาณนี้เหมือนกัน แต่การกระทำของปากุนก็ทำให้หลินเฟยโมโหไม่น้อยเลย
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย เจ้ารู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ข้าคบกับใครอยู่”ปากุนว่าพลางพยายามดิ้นให้หลุดออกจากมือของหลินเฟย
“เรื่องที่เจ้าทำกับหลู่เซียงไม่เกี่ยวกับข้าหรอก แต่ข้าได้ยินว่าเจ้าแอบอ้างชื่อของตระกูลชิงงั้นหรือ”หลินเฟยยกเรื่องของตระกูลชิงขึ้นมาอ้างก่อนจะกดน้ำหนักมือให้แรงกว่าเดิมแม้จะอ้างชื่อตระกูลไป๋ไม่ได้ แต่หลินเฟยไม่ได้โดนห้ามบอกว่าตนเองมาจากตระกูลชิงเช่นเดียวกันเสียหน่อย