บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 662 ตั้งใจฟัง
ตอนที่ 662
ตั้งใจฟัง
“นายท่าน”ระหว่างพักอยู่ในห้องที่หยูจ้านเตรียมเอาไว้ให้ หญิงสาวนางหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องของจูล่งด้วยท่าทีนอบน้อมพร้อมกาน้ำชาที่เตรียมมาให้ไป๋จูล่งโดยเฉพาะ ไม่ใช่แค่นั้นยามนี้รอบๆห้องของจูล่งยังเต็มไปด้วยคนของตระกูลหยูอีกต่างหาก แม้จะไม่ได้ระดับสูงมากแต่ทุกคนก็อยู่ระดับเสินเซียนกันทั้งนั้น หากจูล่งโดนว่างยาแล้วโดนคนกลุ่มนี้รุมเล่นงานต่อให้มีพลังระดับเดียวกับหยูเจินเหอก็คงรอดยาก
“นี่เป็นน้ำชาที่ท่านเจ้าบ้านสั่งให้ข้าเตรียมมาให้เจ้าค่ะ”หญิงสาวที่เข้ามาในห้องของจูล่งจัดเตรียมน้ำชาที่โต๊ะกลางห้องอย่างรวดเร็ว ตัวนางนั้นเป็นหญิงงามที่ถูกเรียกตัวมาเพื่อให้จูล่งประมาทโดยเฉพาะ แต่น่าเสียดายที่นางงามได้ไม่ถึงครึ่งของเหล่าภรรยาจูล่งเลย คิดว่าแผนใช้นารีทำให้ประมาทคงไม่ได้ผล เพียงแต่…
“ขอบคุณขอรับ”จูล่งไม่จำเป็นต้องใช้แผนอะไรเข้าล่อเสียด้วยซ้ำ ปกติก็มีคนพยายามต้อนรับจูล่งอยู่ตลอด บริการอย่างอาหารมื้อค่ำหรือน้ำชาก่อนนอนหาได้ไม่ยากนัก และหากเกิดมามีร่างกายที่ทนทานต่อพิษได้จะระแวงพิษได้อย่างไรกัน
“คืนนี้คนคุ้มกันเยอะเหมือนกันนะขอรับ ท่าทางตระกูลหยูจะใหญ่โตไม่น้อยเลย”จูล่งยิ้มพลางดื่มชาลงไปช้าๆต่อหน้าท่าทีแตกตื่นของหญิงสาวตรงหน้า นี่มันสัมผัสได้งั้นหรือว่ามีคนล้อมห้องนี้เอาไว้ แต่นับว่าโชคดีที่มันคิดว่าเป็นผู้คุ้มกันแถมยังดื่มชาลงไปโดยไม่สงสัยอะไรอีก
“เจ้าค่ะ…..ขะ ข้าขอตัวเจ้าค่ะ”หญิงสาวตอบพลางลุกออกไปจากห้องด้วยท่าทีลนลาน นางส่งสัญญาณบอกคนรอบๆแล้วว่าจูล่งดื่มชาเข้าไปแล้วก่อนจะหนีหายไปทันทีเพราะงานของนางจบลงแล้ว
“ง่ายจริงๆ ท่าทางมันจะไม่ค่อยมีประสบการณ์นักเลยดื่มพิษเข้าไปโดยไม่ระแวงเลย”หยูจ้านพูดพลางมองสัญญาณจากหญิงสาวด้วยท่าทีพึงพอใจ พิษนั่นอันตรายมากแม้แต่บิดาของมันยังระวังทุกครั้งที่เตะต้องสมุนไพรนั่นเลย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในของหายากที่ชิงมาจากตระกูลฟงเลย
“ทำไมถึงเงียบนัก มันตายแล้วหรือเปล่า”ชายคนหนึ่งถามพลางชักดาบออกมา ปกติคนโดนพิษจะมีอาการไม่กี่อย่าง หนึ่งคือทุรนทุรายเจ็บปวดทรมานหรืออาจจะถึงขั้นดิ้นพล่านไปทั่วห้อง ไม่ก็ตายคาที่โดยไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
“หรือว่ามันตายแล้ว”หยูต้านเจียนขมวดคิ้วพลางเดินลงไปหมายจะเข้าไปดูในห้องของจูล่ง
“คุณชาย ข้าเองขอรับ”บ่าวรับใช้เห็นหยูต้านเจียนจะเข้าไปในห้องของจูล่งก็เข้ามาขวางเอาไว้ก่อน หากมันยังไม่ตายหรือพิษส่งผลช้าก็อาจจะเป็นอันตรายกับคุณชายของมันได้
กึก…..
บ่าวรับใช้พร้อมอาวุธในมือเปิดประตูห้องเข้าไปช้าๆ เพียงแต่ภาพที่ได้เห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกมันกำลังหวังเอาไว้แม้แต่น้อย
“ท่านหยูต้านเจียน ไม่ทราบมีธุระอะไรหรือขอรับ”ไป๋จูล่งนอกจากจะยังไม่ตายหรือกำลังทรมานแล้ว มันยังรินน้ำชาผสมสมุนไพรพิษดื่มต่อหน้าตาเฉย แถมยังยิ้มกล่าวต้อนรับหยูต้านเจียนอีกต่างหาก
“ท่าน….”หยูต้านเจียนอึ้งไปทันทีเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า ก่อนหน้านี้พวกมันเคยทดลองสมุนไพรพิษตัวนี้กับสุนัขข้างทางมาแล้ว สุนัขที่กินเข้าไปตายแทบจะทันทีด้วยความทรมาน แต่ไป๋จูล่งกลับดื่มยาพิษต่อหน้าตาเฉยโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
“ข้า….ข้ามาถามว่าน้ำชาที่เตรียมให้ถูกปากท่านหรือเปล่าขอรับ”หยูต้านเจียนเห็นจูล่งมีท่าทีสบายๆก็รีบเปลี่ยนท่าทางเป็นสุภาพเรียบร้อยทันที ก่อนจะเอ่ยปากถามเรื่องน้ำชาเท่าที่คิดได้เสียอย่างนั้น
“ไม่เลวขอรับ…”จูล่งตอบพลางรินน้ำชาอีกจอก ท่าทีของมันเหมือนจะยังไม่ทราบว่าในน้ำชามีพิษอยู่
“น่าเสียดายที่พิษทำอะไรข้าไม่ได้ แต่ถึงจะได้ข้าก็ไม่คิดว่าคนของท่านจะทำอะไรข้าได้หรอกขอรับ”ไป๋จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยน ก่อนจูล่งจะโดนเชิญมาที่บ้านตระกูลหยู จูล่งได้ทราบจากการถามชาวเมืองมาแล้วว่าแท้จริงนั้นคนที่จูล่งตามหากับคนในข่าวลือไม่ใช่คนเดียวกัน ตระกูลฟงมีเพียงดวงตาสีทองเท่านั้นที่เป็นความสามารถแปลกประหลาด แถมข่าวที่บอกว่าเกี่ยวข้องกับอสูรก็เป็นเพียงโดนตระกูลหยูใส่ร้ายว่าเป็นอสูรปลอมตัวมาเท่านั้น เพียงแต่ได้ยินเรื่องตระกูลฟงแล้วจูล่งก็อดสงสารไม่ได้ พวกมันมีดวงตาสีทองเลยโดนปรักปรำ ทั้งๆที่คนเช่นนั้นควรจะเป็นคนเหมือนหลี่เย่ภรรยาของมันเสียมากกว่า
“เอาเลย”เมื่อเห็นว่าจูล่งรู้เรื่องยาพิษเข้าแล้วพวกตระกูลหยูก็ไม่รอช้ารีบสั่งให้คนเข้ามาโจมตีจูล่งในทันที แต่ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ผลได้ไม่ยาก คนระดับยังไม่ถึงเทียนเซียน ต่อให้มาเป็นหมื่นก็คงทำอะไรจูล่งไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
เปรี้ยง!!
สายฟ้าจำนวนมากพุ่งลงมาจากท้องฟ้าลั่นตรงจุดของคนที่บุกเข้ามาหมายจะโจมตีจูล่งในพริบตา
“……..”ไม่ถึงพริบตาเสียด้วยซ้ำ ระดับความเร็วของสายฟ้าที่ผ่าลงมานั้นส่งร่างของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเสินเซียนลงไปนอนกับพื้นได้ก่อนที่พวกหยูจ้านจะรู้ตัวเสียอีก ทันทีที่แสงจากสายฟ้าหายไปคนของมันที่เรียกมาล้อมจูล่งก็ล้มลงนอนกับพื้นพร้อมหลังคาบ้านที่แหลกละเอียดไม้เหลือชิ้นดี
“อยู่กลางเมืองแบบนี้ทำเสียหายมากก็ไม่ได้ด้วยสิ”จูล่งพูดพลางเดินออกมาจากควันดำที่เกิดจากสายฟ้าเมื่อครู่ จูล่งไม่ได้ฆ่าคนพวกนี้ แต่กว่าจะรักษาหายก็คงใช้เวลาเป็นปีๆ แถมคนส่วนใหญ่ยังเสียพลังวิญญาณไปแล้วเสียด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าเสียหายหนักมากสำหรับคนตระกูลหยู และก็อย่างที่จูล่งบอกหากบ้านตระกูลหยูไม่ได้อยู่ในเมืองที่มีบ้านเรือนผู้อื่นอยู่รอบๆ จูล่งคงจัดการเป่าบ้านทั้งหลังหายไปต่อหน้าต่อตาไปแล้ว
“ถือเสียว่าเป็นราคาที่คิดจะวางยาข้าก็แล้วกัน ตอนแรกข้าแค่จะมาสั่งสอนพวกเจ้าเรื่องดวงตาสีทองแท้ๆ”จูล่งเดินเข้ามาตรงหน้าหยูต้านเจียนที่ไม่ได้โดนสายฟ้าแต่อย่างไร พวกมันสองพ่อลูกไม่ได้มีพลังวิญญาณสูงส่งอะไรนักไม่ได้มีอันตรายอะไรกับจูล่งอยู่แล้ว
“เอาล่ะ พวกเจ้ามานั่งตรงนี้”จูล่งพูดพลางลากเก้าอี้สองตัวมาวางเอาไว้ตรงหน้าหยูต้านเจียนก่อนจะเรียกให้หยูจ้านมานั่งร่วมกับบุตรชาย ที่จูล่งขัดใจกับเรื่องนี้เพราะแค่อีกฝ่ายมีดวงตาสีทองถึงกับต้องปั้นเรื่องมาสังหารตระกูล แบบนี้หากมีผู้ได้รับพลังดวงตาบางอย่างเกิดขึ้นมาเด็กคนนั้นจะไม่แย่เอาหรือ
“ฟังนะ ดวงตาสีทองที่พวกเจ้าเข้าใจเกิดได้หลายวิธี อย่างเช่นการสืบผ่านทางสายเลือดหรือรับพลังจากแก่นอสูรเข้าไปในตัว นอกจากนี้หากฝึกฝนมาอย่างยาวนานก็มีโอกาสจะได้รับพลังดวงตาเช่นนี้ได้ แต่จะต้องฝึกฝนมาอย่างยาวนานมากจริงๆ ส่วนใหญ่ก็เลยพบดวงตาแบบนี้ในอสูรมากกว่ามนุษย์เท่านั้น”จูล่งเริ่มอธิบายอย่างกับคุณครูในห้องเรียนโดยไม่สนใจเลยว่าสองพ่อลูกกำลังตกใจแค่ไหน
“นี่พวกเจ้าฟังอยู่หรือเปล่า”จูล่งถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ก่อนจะเรียกสายฟ้าออกมาจากมือของมันเล็กน้อยเป็นการเตือน
“ฟะ ฟังอยู่ขอรับ”หยูจ้านตอบพลางยืนตัวตรงด้วยท่าทีหวาดกลัว ตอนนี้ไม่ใช่เวลามามัวอึ้งแล้ว หากไม่ทำตามที่จูล่งบอกมันได้ฆ่าตนเองแน่ๆ
“เอาล่ะ งั้นฟังต่อ”จูล่งเริ่มอธิบายหลักการเกิดดวงตาชนิดต่างๆตามที่เรียนรู้มาจากเหล่าอสูรอย่างละเอียด โดยมีนักเรียนดีเด่น 2 คนนั่งฟังตัวตรงไม่กล้าหลับแม้แต่น้อย
“นายท่าน ไฟไหม้คลังสมบัติขอรับ”ระหว่างกำลังสั่งสอนพ่อลูกตระกูลหยู อยู่ๆบ่าวรับใช้คนหนึ่งก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาหยูจ้านอย่างรีบร้อน สายฟ้าเมื่อครู่มาแล้วไม่ได้ดับไปเลยแต่กลับสร้างประกายไฟเผาอาคารตระกูลหยูไปทั่ว หากเป็นยามปกติหยูจ้านคงรีบไปดับไฟไปแล้ว แต่ตอนนี้มันจะกล้างั้นหรือ
“……..”จูล่งที่โดนขัดระหว่างการสอนมองไปทางบ่าวรับใช้คนนั้นด้วยท่าทียิ้มๆเหมือนไม่ได้โกรธอะไร แต่เมื่อครู่อีกฝ่ายก็ขัดการพูดของจูล่งจริงๆทำเอาหยูต้านเจียนใจหายวาบ
“พวกเจ้าก็ไปดับกันเอาเองสิ ตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญต้องทำ”หยูต้านเจียนสั่งพลางมองไปทางจูล่งด้วยท่าทีหวาดๆ นี่มันกำลังทำบ้าอะไร มานั่งเรียนเรื่องวิชาเนตรในขณะที่บ้านตัวเองกำลังไฟไหม้งั้นเหรอ
“ขอรับ…”บ่าวรับใช้ตอบรับพลางถอยออกห่างด้วยท่าทีงุนงง แต่น่าเสียดายผู้มีพลังวิญญาณของตระกูลหยูโดนสายฟ้าของจูล่งเล่นงานจนขยับตัวไม่ได้กันหมดแล้ว คนที่เหลือมีกำลังไม่พอจะดับไฟด้วยตนเอง ส่วนชาวเมืองคนอื่นบ้างก็ไม่อยากช่วย บ้างก็คิดว่าตระกูลหยูมีคนมากมายทำไมต้องช่วยด้วยกันส่วนใหญ่ จนไฟลามไปทั่วแล้วผู้คนถึงออกมามองกันด้วยท่าทีประหลาดใจ
“พวกเจ้าเหมือนไม่มีสมาธิกันเลยนะ”จูล่งถามพลางมองสองพ่อลูกที่กำลังมองไฟที่เริ่มลามเข้ามาหาตนเองด้วยท่าทีหวาดกลัว ไฟแรงขนาดนี้ท่าทางจะดับไม่ได้เสียแล้ว
“บ้านข้า…..”หยูจ้านมองบ้านตนเองด้วยท่าทีหมดอาลัยตายอยาก เพราะตัวมันมีระดับพลังวิญญาณไม่สูงมาก ทำให้ใช้มิติส่วนตัวได้ไม่คล่อง แม้ของมีค่าจะใส่เอาไว้ในแหวนมิติแล้วแต่ก็มีเพียงของส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ยังรักษาเอาไว้ได้ ตอนนี้สมบัติของมันคงโดนเผาวอดหมดแล้วแน่ๆ หากไม่ใช่เพราะจูล่งอยู่ตรงหน้ามันคงรีบเข้าไปพักประตูคลังสมบัติรีบเอาของออกมาไปแล้ว
“เพราะไฟพวกนี้สินะพวกเจ้าถึงไม่ตั้งใจฟัง”จูล่งถอนหายใจออกมาก่อนจะชูมือขึ้นฟ้า แม้จูล่งจะไม่ได้มีพลังธาตุน้ำ แต่ก็ใช้พลังของตนควบคุมธาตุน้ำได้เหมือนกัน เพียงยื่นมือขึ้นไปบนท้องฟ้าก้อนเมฆก็รวมตัวกันเข้ามาหาจุดที่จูล่งอยู่ ก่อนจะเทฝนลงมาดับไฟเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
“………..”มันเป็นเรื่องน่ายินดีไม่ใช่หรือที่ไฟดับแล้ว แต่หยูจ้านและหยูต้านเจียนต่างไม่มีท่าทีดีใจแม้แต่น้อย นอกจากจะเรียกสายฟ้าลงมาได้ ชายตรงหน้ายังเรียกลมเรียกฝนได้อีกต่างหาก สำหรับคนอาณาจักรซานแล้วมนุษย์ไม่มีทางทำแบบนั้นได้แน่ๆ
“เอาล่ะ พวกเจ้าตั้งใจฟังแล้วจำให้ขึ้นใจ”เมื่อดับไฟเสร็จจูล่งก็เริ่มสอนต่อ แต่ไม่ทราบเพราะความตกใจหรือความกลัวกันแน่สองพ่อลูกหยูจ้านกับหยูต้านเจียนกลับตั้งใจฟังเต็มที่แถมยังท่องสิ่งที่จูล่งสอนอย่างตั้งใจอีกต่างหาก
.
.
ในเมื่อข่าวลือของตระกูลฟงไม่ใช่สิ่งที่จูล่งตามหา สุดท้ายแล้วจูล่งก็ต้องเดินทางต่อไปเพื่อตามหาบิดาของเซี่ยจินเย่ แต่สิ่งที่จูล่งทิ้งไปเบื้องหลังนั้นคือภาพที่ทำให้ชาวเมืองต่างพาตีแต่งเรื่องราวกันไปต่างๆนาๆ และเรื่องที่ชาวเมืองต่างลงความเห็นตรงกันก็คือ ตระกูลหยูได้รับบทลงโทษที่ทำเรื่องเลวร้ายกับตระกูลฟงแล้ว ว่ากันว่าอัสนีบาตรนั้นคือทัณฑ์สวรรค์ที่ท่านเซียนบันดาลลงมาเพื่อลงโทษตระกูลหยูโดยเฉพาะ คนตระกูลหยูที่มีส่วนร่วมในการฆ่าล้างตระกูลฟงไม่พิการก็บาดเจ็บหนักกันถ้วนหน้า แต่ที่หนักที่สุดคงเป็นพ่อลูกตระกูลหยูที่เหมือนจะเป็นบ้านั่งท่องเรื่องดวงตาสีต่างๆอยู่หลายวัน