บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 664 เค้นความลับ
ตอนที่ 664
เค้นความลับ
“เวลาผ่านไปไวจริงๆเลยนะ เผลอนิดเดียวก็ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้ว”หนี่หลิงหนานที่นั่งอยู่บนหลังของจางจินพูดพลางมองลงไปยังพื้นเบื้องล่างด้วยท่าทีตื่นเต้น เพราะเวลาทั้งหมดของหนี่หลิงหนานและฟงเป่าผ่านไปกับการฝึกฝนเพียงอย่างเดียวเท่านั้นทำเอาเหมือนเวลาพึ่งผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ ไม่เหมือนกับเซี่ยจินเย่กับอาทู้ที่ไปเจอเรื่องในอาณาจักรไป๋มาไม่น้อย ทำเอาพวกนางคิดว่าเวลาผ่านไปนานแล้วเสียอีก
“หวังว่าผานซูจะดูแลสำนักได้นะ”หลินเฟยถอนหายใจออกมาพลางบังคับให้จางจินมุ่งหน้าลงไปเบื้องล่าง แต่ทันทีที่เงาของเมืองหลวงปรากฏสู่สายตา ทั้งหลินเฟยและลูกศิษย์คนอื่นๆต่างก็มีสีหน้าตกใจไม่ต่างกัน เพราะยามนี้กลับมีกลุ่มควันสีดำลอยขึ้นมาจากภายในกำแพงเมือง แถมหากดูดีๆที่มาของควันก็อยู่ทิศทางเดียวกับสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเสียด้วย
“อาจารย์ นี่มันอะไรกัน”อาทู้ถามพลางพยายามมองเข้าไปในตัวเมือง แต่ควันกลับหนามากไม่สามารถมองลงไปได้เลยทำให้คนเดียวที่จะมองผ่านลงไปได้มีเพียงหลินเฟยคนเดียวเท่านั้น
“สงครามกลางเมืองหรือยังไง”หลินเฟยขมวดคิ้วสงสัย เพราะกำแพงเมืองไม่มีตรงไหนเสียหาย แสดงว่าไม่ได้มีกองทัพฝ่ายศัตรูบุกมาแน่ๆ แต่ยามนี้สำนักเหยี่ยวทะเลทรายกลับโดนโอบล้อมเอาไว้ด้วยกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง แถมกลุ่มคนเหล่านั้นยังมีแต่ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเสียด้วย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”หลินเฟยบังคับจางจินให้ลงไปที่สำนักเหยี่ยวทะเลทรายทันที แต่สภาพสำนักตอนนี้แทบไม่ต่างจากค่ายทหารเลย มีการลาดตระเวนรอบๆกำแพงสำนัก มีเหล่าศิษย์คอยประจำการอยู่ทุกที่ แถมยังมีทหารของเมืองหลวงรวมทั้งคนของสำนักอื่นเข้ามาผสมด้วยอีกต่างหาก
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านกลับมาแล้ว”ผานซูที่ทำหน้าที่ควบคุมเหล่าศิษย์ของสำนักเห็นหลินเฟยเข้าก็มีสีหน้าโล่งใจทันที ในที่สุดหลินเฟยก็กลับมาแล้ว
“มันเกิดอะไรขึ้นรายงานข้ามาเดี๋ยวนี้”หลินเฟยถามพลางมองไปทางประตูสำนัก ตอนนี้ประตูสำนักพังยับเยิน แถมตรงหน้าประตูยังมีร่องรอยการต่อสู้ที่รุนแรงมากอีกต่างหาก
“เจ้าสำนักวิญญาณกระบี่บุกมาขอรับ มันบอกให้ส่งตัวฟงเป่าไปให้พวกมัน”ได้ยินที่ผานซูเล่าหลินเฟยก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ไม่ทราบว่าทำไมอยู่ๆหยูเจินเหอถึงนึกออกว่าฟงเป่าเป็นคนของตระกูลฟงที่พวกมันเคยฆ่าล้างตระกูล แต่หากมันทราบแล้วก็ไม่แปลกที่จะบุกมาเอาตัวฟงเป่า แต่นี่มันรุนแรงไปหรือเปล่า หรือว่ามันเกิดอะไรมากกว่านี้กันแน่
“แล้วพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง สู้พวกมันไหวหรือเปล่า”หลินเฟยถามพลางใช้ดวงตาสีม่วงมองไปรอบๆ ผานซูได้รับวิชาที่หลินเฟยมอบให้ก็จริง แต่น่าจะยังไม่ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นระดับเสินเซียนขั้นที่ 10 ผานซูจึงยังไม่น่าจะสู้กับหยูเจินเหอได้ แต่เมื่อมองไปรอบๆหลินเฟยกลับพบว่าภายในสำนักเหยี่ยวทะเลทรายตอนนี้มียอดฝีมือระดับเสินเซียนขั้นที่ 10 อยู่หลายคนเลยทีเดียว หรือว่า..
“พวกเราได้รับความช่วยเหลือขอรับ พวกท่านเจ้าสำนักวิถีเซียน เจ้าสำนักกิ่งจันทร์ ท่านแม่ทัพเจี่ยหุน ช่วยกันต้านหยูเจินเหอเอาไว้ได้ ตอนนี้บาดเจ็บหนักทั้งสองฝ่ายกำลังพักฟื้นอยู่ขอรับ”ผานซูรายงานพลางพาหลินเฟยเข้าไปในห้องพักแห่งหนึ่งในสำนัก ไม่นึกเลยว่า 3 คนนี้จะยื่นมือเข้ามาช่วย เจ้าสำนักกิ่งจันทร์ไม่เท่าไหร่เพราะมันบุตรสาวอยู่ในสำนัก แต่เจี่ยหุนแม่ทัพใหญ่แห่งอาณาจักรซานกับเจ้าสำนักวิถีเซียนนี่สิทำไมถึงมาช่วยพวกตน
“ท่านหลินเฟย ท่านกลับมาเสียที”เจ้าสำนักวิถีเซียนที่มีเนตรจิตพูดออกมาทันทีที่หลินเฟยเข้าไปในห้อง แต่สภาพทั้ง 3 นั้นไม่ได้หนักหนาอะไรมาก ตามตัวพวกมันมีผ้าพันแผลก็จริง แต่ไม่มีบาดแผลร้ายแรงหรือบาดเจ็บภายในถึงขั้นอันตรายต่อชีวิต ท่าทางทั้ง 3 จะช่วยกันสู้กับหยูเจินเหอได้ดีทีเดียว
“อาทู้ เจ้าช่วยรักษาเจ้าสำนักทั้งสองและท่านแม่ทัพเร็วเข้า”เมื่อพูดถึงเรื่องรักษาแล้วอาทู้ที่ตั้งใจฝึกฝนวิชาเยียวยานั้นย่อมเหมาะสมที่สุด หลินเฟยไม่รอช้าบอกให้นางเข้าไปรักษาทันที
“ไม่นึกเลยว่าระดับเทียนเซียนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ โชคดีที่ศิษย์ของท่านแข็งแกร่งกันทั้งนั้นเลยไล่ศิษย์สำนักวิญญาณกระบี่ออกไปได้”เจ้าสำนักวิถีเซียนพูดพลางลุกขึ้นมานั่งช้าๆ แม้พวกตนจะยันหยูเจินเหอเอาไว้ได้ แต่หากศิษย์สำนักวิญญาณกระบี่เข้าไปเล่นงานคนของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายได้คงจะลำบากไม่น้อย แต่ไม่นึกเลยว่านอกจากจะต้านเอาไว้ได้ ศิษย์สำนักเหยี่ยวทะเลทรายยังเหนือกว่าศิษย์ของสำนักวิญญาณกระบี่เสียอีก กว่าพวกตนจะหยุดหยูเจินเหอเอาไว้ได้ศิษย์สำนักวิญญาณกระบี่ก็โดนตีโต้จนต้องถอยไปตั้งหลักนอกสำนักแล้ว
“ท่านเจี่ยหุน ทำไมท่านถึงมาร่วมสู้ด้วยล่ะขอรับ เรื่องนี้เป็นเรื่องของสำนักไม่ใช่หรือขอรับ”หลินเฟยถามพลางหันไปมองเจี่ยหุนด้วยท่าทีสงสัย เจ้าสำนักวิถีเซียนมีความชื่นชมหลินเฟยอยู่แล้ว เมื่อทราบว่าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายโดนบุกมันคงเข้ามาช่วยอย่างเต็มใจ เช่นนั้นก็เหลือเพียงเจี่ยหุนเท่านั้นที่ไม่ทราบสาเหตุ
“ก่อนจะบุกสำนักเหยี่ยวทะเลทราย หยูเจินเหอบุกเข้าไปที่ร้านตระกูลชุนเพื่อจับตัวไป๋ฟาน ตอนนั้นท่านจิ๋นจี้หลงอยู่ที่ร้านพอดี พยายามห้ามหยูเจินเหอ แต่มันก็ไม่ฟังต่อให้ท่านจิ๋นจี้หลงเรียกทหารมาจับกุมหยูเจินเหอก็ยังจะจับตัวไป๋ฟานไปอยู่ดี การกระทำของมันเท่ากับขัดขืนคำสั่งขุนนางแถมยังก่ออาชญากรรมองค์จักรพรรดิเลยส่งทหารไปเจรจากับหยูเจินเหอที่สำนัก แต่ทหารพวกนั้นโดนไล่โจมตีจนต้องหนีออกมา องค์จักรพรรดิเลยตั้งข้อหากบฏกับหยูเจินเหอ แต่มันกลับไม่สนใจยกคนมาล้อมสำนักเหยี่ยวทะเลทรายต่ออีกต่างหาก”เจี่ยหุนเล่าพลางถอนหายใจออกมา พอเข้าระดับเทียนเซียนก็ไม่มีใครสู้หยูเจินเหอได้ ทำให้มันหยิ่งผยองถึงขั้นไม่ฟังคำสั่งองค์จักรพรรดิ แถมยังต่อต้านอีกต่างหากเกรงว่าคราวนี้จะไม่ใช่ภัยของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเท่านั้นเสียแล้ว
“ไป๋ฟาน…..ทำไมหยูเจินเหอต้องจับพี่ไป๋ฟานไปด้วย”หลินเฟยแสดงสีหน้างุนงงหนักกว่าเดิมเสียอีกเมื่อทราบเรื่องนี้ ไป๋ฟานเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย นางเป็นแค่สาวชาวบ้านธรรมดาที่ทำงานในร้านตระกูลชุนเท่านั้น หลินเฟยที่ทำงานด้วยกันมาทราบเรื่องนี้ดี
“ได้ยินว่ามีคนตระกูลไป๋บุกไปแก้แค้นให้ตระกูลฟงที่บ้านเกิดของหยูเจินเหอ มันเลยมาจับตัวไป๋ฟานไปเพื่อเค้นความลับ”เจี่ยหุนตอบออกมาตามข้อมูลที่ได้ทราบมา ตอนนี้ต่อให้หยูเจินเหอเค้นความลับจากไป๋ฟานเท่าไหร่ก็คงไม่ได้อะไร เพราะนางไม่รู้เรื่อง แถมจะมาจับฟงเป่ามันก็ไม่อยู่ในอาณาจักรเสียด้วยซ้ำ สุดท้ายเลยก่อสงครามกลางเมืองแบบนี้สินะ
“เจ้า….สารเลวนั่น”หลินเฟยพอได้ยินว่าไป๋ฟานโดนจับไปก็ปล่อยพลังวิญญาณออกมาด้วยความโกรธ ตอนนี้หยูเจินเหอพักฟื้นอยู่ตรงข้ามสำนักนี่เอง ขอเพียงหลินเฟยเดินไปไม่กี่นาทีก็สังหารมันได้ทันทีแล้ว คราวนี้นับว่าหยูเจินเหอหาเรื่องเอง….
“อาจารย์…..”ฟงเป่าเห็นหลินเฟยมีท่าทีดุดันเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าหลินเฟยจะทำอะไร ระดับพลังของหยูเจินเหอสร้างความหวาดผวาให้กับคนอาณาจักรซานก็จริง แต่สำหรับหลินเฟยและคนอื่นๆที่ได้ไปอาณาจักรไป๋มาแล้วนั้นทราบดีว่าขอเพียงหลินเฟยโจมตีจริงๆจังๆสักครั้งก็คงฆ่าหยูเจินเหอได้ทันที เพียงแต่เรื่องนี้ฟงเป่าไม่อาจอยู่เฉยๆได้
“หยูเจินเหอเป็นเหยื่อของข้าขอรับ….”ฟงเป่าพูดพลางเดินเข้ามาขวางหลินเฟยเอาไว้ แม้ตอนนี้จะไม่มั่นใจว่าจะสู้กับหยูเจินเหอได้หรือไม่ แต่หากหลินเฟยจัดการเสียตอนนี้ฟงเป่าคงหมดโอกาสไปทั้งชีวิตแน่ๆ ฟงเป่าจึงตัดสินใจเข้าไปขวางเพื่อจะขอรับโอกาสครั้งนี้เอาไว้เอง
“………….”หลินเฟยที่กำลังโกรธเพราะเรื่องของไป๋ฟานมองฟงเป่าตรงหน้าด้วยดวงตาสีม่วงก่อนจะมองข้ามไปยังอีกฝั่งของสำนัก ตอนนี้ฟงเป่ามีพลังวิญญาณและพลังอสูรในระดับที่น่าจะต่อกรกับหยูเจินเหอได้แล้ว แถมวิชาก็ยังเหนือกว่าแน่ๆ โอกาสที่ฟงเป่าจะชนะก็ใช่ว่าจะไม่มี
“ได้….แต่เจ้าต้องรับปากอาจารย์อย่างหนึ่ง”หลินเฟยว่าพลางกำหมัดแน่น
“เมื่อเจ้าชนะแล้ว จงสังหารมันทันที”หลินเฟยพูดจบก็เรียกจางจินมาหาตน ในกลุ่มสำนักวิญญาณกระบี่ที่ล้อมสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเอาไว้ไม่มีไป๋ฟานอยู่ งั้นก็หมายความว่าไป๋ฟานโดนจับตัวไปที่สำนักวิญญาณกระบี่แน่ๆ เช่นนั้นตรงนี้หลินเฟยจะมอบโอกาสให้ฟงเป่า แล้วตนเองจะรีบไปช่วยไป๋ฟานเสีย
“ขอบพระคุณขอรับอาจารย์”ไม่ต้องให้หลินเฟยกำชับ ฟงเป่าก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่เหล่าเจ้าสำนักทั้ง 2 ที่อยู่ในห้องต่างมีสีหน้างุนงงทันที นี่หลินเฟยจะปล่อยให้ศิษย์เอกอย่างฟงเป่าไปสู้แทนเนี่ยนะ แม้ระดับพลังจะเพิ่มขึ้นมาแล้ว แต่เจ้าสำนักวิถีเซียนก็ยังไม่คิดว่าฟงเป่าจะสู้กับหยูเจินเหอได้อยู่ดี
“อาทู้ เจ้าตามอาจารย์มา เซี่ยจินเย่ หนี่หลิงหนาน พวกเจ้าอยู่ช่วยฟงเป่า”หลินเฟยพูดจบก็ขึ้นไปบนหลังของจางจินที่รออยู่ ก่อนที่อาทู้จะรีบตามหลินเฟยไปทั้งๆที่ยังรักษาเจ้าสำนักคนอื่นๆไม่เสร็จ การจับคนๆหนึ่งไปเค้นความลับโอกาสที่พวกมันจะเค้นถามด้วยคำพูดเฉยๆมีน้อยมาก กับไป๋ฟานที่ไม่ได้ฝึกฝนพลังวิญญาณแล้วคงเป็นเรื่องหนักมาก นางจึงต้องการการรักษาของอาทู้มากกว่าเจ้าสำนักที่มีพลังฟื้นฟูตนเองได้เป็นแน่
“พี่หลิงหนาน เซี่ยจินเย่ ฝากข้างหลังด้วยนะขอรับ”ฟงเป่ายิ้มออกมาก่อนจะเดินไปที่ประตูสำนัก ทั้งสามคนยามนี้นอกจากพลังวิญญาณและพลังอสูรที่เพิ่มขึ้นแล้ว ระดับฝีมือยังสูงกว่าเดิมมากราวกับเป็นคนละคน ยามนี้ฟงเป่าถึงกับมีความมั่นใจส่วนหนึ่งเลยว่าจะสามารถสังหารหยูเจินเหอตรงนี้ได้
“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราไม่ปล่อยให้ใครเข้าไปขัดขวางเจ้าแน่ๆ”หนี่หลิงหนานรับปากอย่างมั่นใจ ตอนนี้วิชากระบี่เกลียวสมุทรของหนี่หลิงหนานสามารถใช้งานได้ทุกท่าแล้ว แถมยังเชี่ยวชาญพอจะเอาไปต่อกรกับอู๋หมิงอีกต่างหาก แม้จะทำอะไรอู๋หมิงไม่ได้เลยก็ตาม
“หยูเจินเหอ ข้าฟงเป่ามาตามคำเรียกร้องของเจ้าแล้ว”ฟงเป่าตะโกนออกไปทันทีเมื่อเดินพ้นประตูสำนักออกมาตรงจุดที่พวกสำนักวิญญาณกระบี่ยึดอาคารเพื่อทำเป็นฐานที่มั่น
“ฟงเป่า……”หยูเจินเหอเดินออกมาจากอาคารพลางมองฟงเป่าด้วยท่าทีดุดัน แต่ทางด้านฟงเป่านั้นพอเห็นหยูเจินเหอเดินมามันก็รีบใช้ดวงตาสีทองออกมาทันทีเพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บของหยูเจินเหอ แต่ทันทีที่ฟงเป่าใช้ดวงตาสีทองออกมา หยูเจินเหอก็ปล่อยพลังวิญญาณระดับเทียนเซียนของมันสวนกลับมาทันที
“ตระกูลฟงยังเหลืออยู่จริงๆ”หยูเจินเหอคำรามออกมาพลางเรียกกระบี่มาถือเอาไว้ในมือ ดวงตาสีทองนั่นต้องเป็นพวกมันแน่ๆ เท่านี้ก็จับฟงเป่ามาแล้วเค้นความลับให้มันบอกตนเองเสียว่าเจ้า ไป๋จูล่ง นั่นเป็นใครกันแน่