บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 666 ทางสะดวก
ตอนที่ 666
ทางสะดวก
“อัก….”ฟงเป่าโดนหยูเจินเหอกระชากลำคอขึ้นมาบีบเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยทำเอาฟงเป่าที่กำลังน้อยกว่าดิ้นไปไหนไม่ได้เลย แม้จะพยายามง้างมือของหยูเจินเหอออก แต่หยูเจินเหอก็เหมือนจะรู้ดีว่าหากปล่อยไปตนเองต้องเป็นฝ่ายลำบากแน่ๆทำให้มือที่เกาะกุมลำคอของฟงเป่าเอาไว้บีบคั้นด้วยกำลังทั้งหมดที่มีและหวังว่าจะบีบรัดให้ตายไปเสียตรงนี้เสียด้วยซ้ำ
ผั๊ว!!
ฟงเป่าพยายามใช้เท้าเตะเข้าที่อกของหยูเจินเหอที่เป็นแผลที่มันพึ่งสร้างไปหมาดๆ แต่หยูเจินเหอก็ยกแขนขึ้นมาปกป้องอกของตนเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่นทำให้ฟงเป่าที่เริ่มขาดอากาศกัดฟันอย่างเจ็บใจ
เปรี้ยง!
ขณะอยู่ในห้วงความเป็นความตายฟงเป่าใช้ดวงตาสีทองมองไปที่บาดแผลของหยูเจินเหอ ที่เข่าและที่ไหล่อาการบาดเจ็บร้ายแรงทีเดียว แถมตรงไหล่ยังเป็นข้างที่ใช้บีบคอฟงเป่าเอาไว้ด้วยทำให้ฟงเป่าเลือกที่จะใช้ปราณกระบี่แทงไปที่แผลตรงหัวไหล่อย่างรวดเร็ว
“อากกก”แผลที่ไหล่ลึกอย่างที่ฟงเป่าคิดเอาไว้เลย ทันทีที่ปราณกระบี่ของฟงเป่าทิ่มลงไปบนไหล่ของหยูเจินเหอมันก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแถมยังปล่อยตัวฟงเป่าออกมาจนได้
วูบ….
ฟงเป่าพึ่งจะลงถึงพื้นที่ด้านหลังของมันก็ปรากฏหมอกสีขาวลอยผ่านตัวฟงเป่าเข้าไปปกปิดสายตาของหยูเจินเหออย่างรวดเร็ว สำหรับคนธรรมดาแล้วหากโดนหมอกเช่นนี้บดบังย่อมเสียสมาธิจนพลาดได้ แต่หยูเจินเหอไม่ใช่คนธรรมดา เหล่าผู้ใช้วิชาธาตุน้ำที่เคยสู้มาก่อนหน้านี้ก็มีคนที่ใช้วิชาคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน ทำให้ทันทีที่หมอกสีขาวบดบังร่างของฟงเป่าจนมิดหยูเจินเหอก็ใช้สัมผัสพลังวิญญาณในการตามหาตัวฟงเป่าในทันที
“……….”น่าเสียดาย แม้หยูเจินเหอจะเคยผ่านศึกมาแล้วนักต่อนัก แต่การเจอกับหมอกประหลาดที่แม้แต่หลินเฟยที่เกิดและโตในอาณาจักรไป๋ยังพึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกนั้นสุดจะคาดเดาได้จริงๆ พริบตาที่หยูเจินเหอเลือกที่จะใช้สัมผัสวิญญาณตรวจหาตัวฟงเป่ามันก็พลาดไปเสียแล้ว
เปรี้ยงๆๆๆ
ฟงเป่านั้นไม่เหมือนหยูเจินเหอ มันทราบความสามารถหมอกประหลาดของหนี่หลิงหนานเป็นอย่างดี ทันทีที่หมอกของนางเข้าปกคลุมการสัมผัสพลังวิญญาณฟงเป่าก็ไม่รอช้าอาศัยหมอกเข้าไปโจมตีหยูเจินเหอจากข้างหน้าตรงๆ เพราะตอนนี้มันน่าจะกำลังงุนงงอยู่ และคราวนี้ฟงเป่าไม่คิดจะพลาดแบบเดิมอีก มันไม่เล็งตรงส่วนอกอีกแล้ว แต่กลับเล็งไปตรงหัวเข่าแทน
“อัก….”หยูเจินเหอโดนโจมตีเข้าที่เข่าอย่างจังถึงกับทรุดลงกับพื้น การหาตัวศัตรูผ่านหมอกที่สกัดกั้นสัมผัสวิญญาณจำเป็นต้องใช้ประสาทสัมผัสอื่น และดวงตาสีทองของฟงเป่าก็เหมาะกับสถานการณ์นี้มากกว่าหยูเจินเหออย่างเห็นได้ชัด แม้แต่เข่าตัวเองโดนโจมตีแล้วหยูเจินเหอยังมองไม่เห็นเลยว่าฟงเป่าโจมตีมาจากไหน
เปรี้ยง!!
เป็นการจับคู่ที่เลวร้ายมากสำหรับหยูเจินเหอ ปราณกระบี่นั้นแต่เดิมไร้สีไร้สัมผัส แต่ยอดฝีมือสามารถสัมผัสปราณกระบี่ได้ด้วยสัมผัสวิญญาณ แต่อยู่ในหมอกของหนี่หลิงหนานเช่นนี้เกรงว่าคนที่สัมผัสปราณกระบี่ก่อนเข้าถึงตัวได้จะมีเพียงผู้ใช้ดวงตาสีม่วงเท่านั้น
เปรี้ยง!!
ปราณกระบี่ของฟงเป่าแทงผ่านหมอกเข้ามาเล่มแล้วเล่มเล่าทำเอาร่างของหยูเจินเหอแทบจะยืนไม่ไหว แถมฟงเป่ายังซ้ำแผลของมันได้หนักมากอีกด้วย ตอนนี้หยูเจินเหอทำได้แค่ยกแขนสองข้างขึ้นมาปกป้องร่างกายตนเองเท่านั้น
.
.
“แฮก…..แฮก…..”ฟงเป่าหอบหายใจออกมาอย่างหนักหลังจากใช้ปราณกระบี่ออกไปจำนวนมาก แต่ทันทีที่หมอกของหนี่หลิงหนานจางลงภาพที่ทั้งคนของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายและคนของสำนักวิญญาณกระบี่ได้เห็นก็สร้างความแตกตื่นใจกันถ้วนหน้า หยูเจินเหอ ชายผู้ทะลุข้ามขีดจำกัดระดับเทียนเซียนเป็นคนแรกของอาณาจักรซานยามนี้นอนอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเด็กรุ่นใหม่ที่พึ่งเข้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายได้ไม่นาน แถมสภาพของหยูเจินเหอยามนี้ยังย่ำแย่มากอีกด้วย ก่อนหมอกจะหายไปฟงเป่าใช้ปราณกระบี่ไปกี่ครั้งแล้วตนเองก็จำไม่ได้ แต่แขนทั้งสองข้างของหยูเจินเหอนั้นกระดูกแตกละเอียดจนไม่สามารถยกขึ้นมาได้ บาดแผลที่เข่าและไหล่ฉีกขาดจนเลือดไหลนอง แถมที่อกยังมีแผลเก่าที่ฟงเป่าทำไว้ก่อนหน้านี้อีกต่างหาก ตอนนี้แค่ยืนหยูเจินเหอยังทำไม่ได้แล้วเสียด้วยซ้ำ
“เหลือเชื่อ”ไม่ใช่แค่คนของสำนักทั้งสองเท่านั้นที่ตกใจกับภาพตรงหน้า แม้แต่เจ้าสำนักวิถีเซียน เจ้าสำนักกิ่งจันทร์ที่พึ่งตามออกมาก็อดไม่ได้ที่จะไม่เชื่อภาพตรงหน้า พวกตนรุมเล่นงานหยูเจินเหอนับชั่วโมงนับวันกลับทำได้แค่ให้มันบาดเจ็บ แต่ฟงเป่ากลับล้มมันได้เนี่ยนะ
“สังหารมันซะ”แม่ทัพเจี่ยหุนพูดพลางเดินออกมาจากสำนักเหยี่ยวทะเลทรายด้วยท่าทำลำบากลำบนไม่น้อย หยูเจินเหอก่อนหน้านี้เหิมเกริมจนไม่ฟังคำสั่งราชสำนัก หากปล่อยมันไปแล้วไม่ได้โอกาสสังหารเช่นนี้อีกเกรงว่าชีวิตของจักรพรรดิจะไม่ปลอดภัย ในฐานะทหารมันยอมไม่ได้
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องบอกข้าหรอกขอรับ”ฟงเป่าว่าพลางชี้นิ้วไปที่อกของหยูเจินเหอ แม้หยูเจินเหอจะไม่ได้เป็นคนบุกเข้าไปสังหารครอบครัวของฟงเป่าแต่ที่ครอบครัวตระกูลหยูสามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้ก็เป็นเพราะมีหยูเจินเหออยู่ ไหนจะเรื่องที่ฟงเป่าไม่ทราบอย่างเรื่องที่หยูเจินเหอเองก็เห็นด้วยกับการสังหารตระกูลฟงเพื่อนำสมุนไพรที่พวกมันรวบรวมเอาไว้มาใช้งานอีกไม่มีเหตุผลอะไรที่ฟงเป่าจะปล่อยมันให้มีชีวิตอยู่เลย
เปรี้ยง!!
ฟงเป่าปล่อยปราณกระบี่ลงไปที่อกของมันอย่างจังสร้างความเจ็บปวดให้หยูเจินเหออย่างมาก น่าเสียดายที่ฟงเป่าไม่สามารถสังหารมันด้วยความสามารถของตนเอง มันต้องอาศัยอาการบาดเจ็บที่พวกเจ้าสำนักและแม่ทัพเจี่ยหุนทำไว้ แถมยังต้องพึ่งพาหมอกของหนี่หลิงหนานอีกด้วย แต่หากกำจัดหยูเจินเหอได้ตระกูลหยูก็จะอ่อนแอพอให้ฟงเป่าจัดการเสียที
เปรี้ยง!! เปรี้ยง!! เปรี้ยง!!
ปราณกระบี่ของฟงเป่ากระแทกซ้ำลงไปบนอกของหยูเจินเหออีกครั้ง อีกครั้ง และ อีกครั้งทำให้แผลที่อกของหยูเจินเหอหนักขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพลังของหยูเจินเหอรวยรินมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งรับการโจมตีของฟงเป่าไม่ได้เท่านั้น
เปรี้ยง!
“ฟงเป่า…..”ทันทีที่ฟงเป่าปล่อยปราณกระบี่ออกไปอีกครั้ง หนี่หลิงหนานก็เดินเข้ามาหาฟงเป่าทันที นางตั้งใจจะมาห้ามฟงเป่าแต่ไม่ใช่ว่านางจะมาห้ามไม่ให้มันสังหารหยูเจินเหอหรอก
“มันตายแล้ว”หนี่หลิงหนานพูดก่อนจะจับแขนของฟงเป่าเอาไว้ ตอนนี้พลังวิญญาณและพลังอสูรของฟงเป่าอ่อนแรงมาก แทงปราณกระบี่ใส่ศพไปก็เปลืองแรงเปล่าๆ
“ขอรับ…..มันตายแล้ว”ฟงเป่าหายใจเข้าออกช้าๆก่อนจะถอยออกมาจากศพของหยูเจินเหอ เท่านี้ผู้ค้ำจุนตระกูลหยูก็หมดไปแล้ว แถมมันยังฆ่าตัวตายด้วยการตัดสัมพันธ์กับราชสำนักก่อนตายอีกต่างหาก ตอนนี้ไม่มีตระกูลไหนกล้ายื่นมือช่วยตระกูลหยูแน่ๆ ลำพังจะโดนสั่งประหารทั้งตระกูลหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
.
.
“พี่ไป๋ฟาน”ทางด้านหลินเฟย หลังจากขี่หลังจางจินมาถึงสำนักวิญญาณกระบี่มันก็ตรงเข้าไปหาไป๋ฟานที่ถูกจับไว้ในสำนักทันที คนของสำนักส่วนใหญ่อยู่ที่หน้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายหมดแล้ว หลินเฟยเลยเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
“หลินเฟย นั่นงั้นหรือ”ไป๋ฟานถามพลางลุกขึ้นมาจากพื้น สภาพของนางยามนี้จะบอกว่าดีก็ไม่ได้ แต่จะบอกว่าเลวร้ายก็ไม่ถึงขนาดนั้น แก้มสองข้างของนางโดนตีจนมีรอบช้ำ ขาของนางเหมือนจะโดนรัดจนมีเลือดออก ตามลำตัวมีรอยฟกช้ำ แต่บาดแผลพวกนี้ก็ไม่ถึงชีวิต ให้อาทู้รักษาเพียงครู่เดียวก็หาย
“เจ้า…เจ้าคิดจะบุกชิงตัวประกันงั้นเหรอ”หยูเซินที่อยู่เฝ้าสำนักเห็นหลินเฟยเข้ามาก็รีบเข้ามาขวางทันที เพียงแต่ท่าทีของมันดูไม่ค่อยจะกล้าเสียเท่าไหร่เลย
“ขาขอโทษ”หลินเฟยพูดพลางบอกให้อาทู้รีบรักษาไป๋ฟานเสีย
“ขอโทษ ขอโทษอะไร……”หยูเซินมีท่าทีงุนงงที่อยู่ดีๆหลินเฟยก็ขอโทษออกมา จะขอโทษไป๋ฟานก็ไม่ใช่เพราะมันหันมาทางตนเองถึงจะขอโทษ
“ขอโทษด้วย เหยื่อรายนี้คงไม่ถึงมือเจ้าแล้วฟงเป่า”หลินเฟยง้างฝ่ามือไปข้างหลังก่อนจะรวบรวมพลังวิญญาณเอาไว้สุดแรง ระดับพลังที่พึ่งเลื่อนขึ้นมาเป็นระดับ 2 นั้นแรงกว่าเดิมมากทีเดียว และผู้โชคดีได้รับฝ่ามือนี้ก็คือหยูเซินนั่นเอง
ตูม!!
แม้ใช้กระบี่จะฆ่าได้ง่ายและรวดเร็วกว่า แต่หากเพื่อระบายอารมณ์แล้วหลินเฟยย่อมเลือกฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกเสียมากกว่า เพียงพริบตาเดียวร่างของหยูเซินและสำนักส่วนหน้าก็ถูกทำลายยับเยินไม่เหลือชิ้นดี ก่อนที่หลินเฟยจะพาไป๋ฟานขึ้นหลังจางจินแล้วกลับไปที่สำนักเหยี่ยวทะเลทราย
“พี่ไป๋ฟาน พวกมันจับท่านมาทำไมหรือขอรับ”หลินเฟยถามพลางมองไป๋ฟานด้วยท่าทีเป็นห่วง แต่มันก็ยังไม่ทราบเลยว่าไป๋ฟานทำไมถึงเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
“พวกมันเค้นถามเรื่องบ้านเกิดของข้า กับคนในตระกูลของข้า”ไป๋ฟานตอบด้วยท่าทีเหนื่อยๆ แม้จะรักษาบาดแผลหมดแล้วแต่ร่างกายของนางก็บอบช้ำไม่น้อยเลย
“ตระกูลของท่าน…”หลินเฟยแสดงสีหน้างุนงงออกมา ช่วงที่อยู่กับไป๋ฟานนั้นหลินเฟยก็ทราบแล้วว่าครอบครัวของไป๋ฟานอยู่ที่ไหนและทำอะไร ตระกูลไป๋ของไป๋ฟานนั้นเป็นเพียงครอบครัวคนขายสมุนไพรธรรมดาเท่านั้น
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรเหมือนกัน แต่มันพยายามถามข้าเกี่ยวกับคนที่ชื่อไป๋จูล่ง”ไป๋ฟานตอบออกมาเท่าที่จำได้ สิ่งที่นางโดนเค้นถามตลอดคือเรื่องของไป๋จูล่งผู้ทำลายบ้านตระกูลหยูนั่นเอง แต่น่าเสียดายต่อให้เค้นเท่าไหร่ไป๋ฟานก็ไม่อาจตอบได้หรอกว่าไป๋จูล่งคือใคร
“ไป๋จูล่ง….”หลินเฟยอึ้งไปอึดใจหนึ่งไม่ทราบว่าจะทำเช่นไร หรือว่าจะเป็นคนชื่อเหมือนกัน? ตอนนี้ท่านตากำลังทำเรื่องใหญ่ ท่านน้าน่าจะอยู่ช่วยไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้
“ข้าขอโทษด้วยพี่ไป๋ฟาน ดูเหมือนคราวนี้พี่จะเดือดร้อนเพราะข้าแล้ว”หลินเฟยกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่ทราบหรอกว่าไป๋จูล่งที่ว่าเป็นท่านน้าหรือเปล่า แต่หากเป็นท่านน้าจริงเท่ากับท่านน้าพาภัยร้ายมาให้ไป๋ฟานเข้าแล้ว แบบนี้มันควรเรียกร้องให้ท่านน้ารับผิดชอบดีหรือไม่ แต่ตอนนี้ท่านน้าอยู่ไหนนี่สิ….