บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 669 ผลผลิต
ตอนที่ 669
ผลผลิต
“พี่ไป๋ฟาน ท่านไม่เป็นอะไรแล้วนะขอรับ”หลินเฟยถามพลางเดินเข้ามาในห้องพักของไป๋ฟานที่จัดเอาไว้ในสำนักเหยี่ยวทะเลทราย ตอนนี้คงยังให้นางกลับไปทำงานที่ร้านตระกูลชุนไม่ได้เพราะคนของสำนักวิญญาณกระบี่ที่หนีไปยังแอบซ่อนตัวอยู่ตามเมือง หากกองทัพยังจัดการได้ไม่หมดก็คงต้องให้ไป๋ฟานพักอยู่ที่นี่ไปก่อนเท่านั้น
“เจ้าเป็นห่วงข้าเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้เจ็บหนักขนาดนั้นสักหน่อย”ไป๋ฟานว่าพลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเบื่อๆ นางรักษาหายมาหลายวันแล้วแต่กลับออกไปไหนไม่ได้เพราะพวกสำนักวิญญาณกระบี่อะไรนั่น ทำเอานางแทบจะตายด้วยความเบื่ออยู่แล้ว
“ท่านทนสักหน่อยนะขอรับ อีกไม่กี่วันก็คงปลอดภัยแล้ว”หลินเฟยว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ตอนนี้คนที่ตามล่าคนของสำนักวิญญาณกระบี่มีหลายฝ่ายมาก ทั้งคนของทางการ ศิษย์สำนักเหยี่ยวทะเลทราย ศิษย์สำนักกิ่งจันทร์ ศิษย์ของสำนักวิถีเซียน รวมทั้งคนไร้สังกัดอีกหลายคนที่หวังเงินรางวัล คิดว่าพวกมันคงหลบซ่อนต่อไปได้ไม่นานนักหรอก
“ข้ารู้แล้วน่า”ไป๋ฟานตอบด้วยท่าทีเบื่อๆก่อนจะไล่หลินเฟยออกจากห้องไป เพราะหลินเฟยคิดว่าเรื่องที่นางโดนจับเป็นความผิดของไป๋จูล่งหลินเฟยเลยพยายามรักษาไป๋ฟานเต็มที่ด้วยความรู้ที่มี ซึ่งมันก็ได้ผลเกินพอแล้ว เรียกได้ว่ายาที่นางกินหรูหรากว่าขององค์จักรพรรดิเสียอีก
“อาจารย์ ฟงเป่ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่เห็นหลินเฟยออกมาจากห้องของไป๋ฟานก็เข้าไปพบทันทีก่อนจะรายงานเรื่องของฟงเป่าให้หลินเฟยทราบ
“เร็วกว่าที่คิดเสียอีก”หลินเฟยเลิกคิ้วพลางเดินตามเซี่ยจินเย่กลับไปยังห้องประชุม ตอนนี้ฟงเป่าคงมารอที่ห้องประชุมเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วแน่ๆ
“อาจารย์….”ทันทีที่หลินเฟยเดินเข้ามา เหล่าศิษย์เอกอย่างฟงเป่า หนี่หลิงหนาน อาทู้ และเซี่ยจินเย่ ต่างเดินไปประจำตำแหน่งของตนเองแล้วก้มคารวะตามพิธี พร้อมๆกับศิษย์คนอื่นๆที่ประจำอยู่ในห้องประชุม ก่อนที่เหล่าอาวุโสและรองเจ้าสำนักจะลุกขึ้นแล้วประสานมือคารวะในท่ายืนตามๆกัน
“ฟงเป่า เจ้าเดินทางกลับบ้านเกิดจัดการเรียบร้อยหรือไม่”หลินเฟยถามพลางมองไปทางฟงเป่าที่พึ่งกลับมาถึง ร่างกายของฟงเป่าไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ ไม่มีท่าทีเสียพลังวิญญาณมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ ท่าทางจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกระมัง
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับ ข้าคลี่คลายปัญหาของตระกูลได้หมดแล้ว”ฟงเป่ารายงานด้วยท่าทีนอบน้อม ไม่ใช่แค่ตระกูลหยู แม้แต่ตระกูลติงฟงเป่าก็จัดการเสียเรียบร้อยไม่น่าจะมีอะไรตามมาอีกในภายหลัง
“ดีมาก หลังจากนี้เจ้าจะเอาอย่างไร จะกลับไปที่บ้านเกิดหรือไม่”หลินเฟยถามด้วยท่าทีสงสัย ฟงเป่าเข้าสำนักมาเพื่อเป้าหมายนี้ ในเมื่อมันสำเร็จไปแล้วฟงเป่าจะคงอยู่ต่อไปหรือกลับไปสร้างตระกูลฟงขึ้นใหม่ก็แล้วแต่ตัวฟงเป่าเอง
“ไม่ขอรับ ข้าไม่อยากอยู่ที่นั่นอีกแล้ว ข้าจะอยู่ที่สำนักเป็นคนของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายต่อไปขอรับ”ฟงเป่าตอบด้วยท่าทีหนังแน่นทำให้เหล่าศิษย์คนอื่นๆ อาวุโส และ รองเจ้าสำนักอย่างผานซูดีใจอย่างมาก เพราะฟงเป่าเป็นผู้ล้มหยูเจินเหอได้ อย่างน้อยๆมันก็ต้องแข็งแกร่งพอๆกับเจ้าสำนักวิถีเซียน ศิษย์เอกฝีมือล้ำเลิศเช่นนี้ไม่ว่าสำนักไหนก็ต้องการ
“จริงสิ ข้ามีสิ่งหนึ่งอยากจะมอบให้อาจารย์ขอรับ”ฟงเป่าว่าพลางนำหยดน้ำตาแก้วผลึกออกมาจากมิติของตน
“นั่นมัน..”หลินเฟยเมื่อได้เห็นของในมือฟงเป่าก็เปลี่ยนดวงตาตนเองเป็นสีทองเพื่อตรวจสอบทันที
“นี่คือสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นกับตระกูลข้าขอรับ มันเป็นสมบัติที่ตระกูลข้าเก็บเอาไว้มาหลายชั่วอายุคน”ฟงเป่าตอบพลางเดินเข้าไปหาหลินเฟยเพื่อส่งมอบหยดน้ำตาแก้วผลึกให้กับอาจารย์ของตน
“น้ำตาของซารางั้นเหรอ เป็นแบบนี้นี่เอง”หลินเฟยรำพึงออกมาด้วยท่าทีประหลาดใจ แน่นอนว่าหลินเฟยย่อมทราบว่ามันคืออะไร และทราบด้วยว่าซาราคือตัวตนแบบไหน แต่หลินเฟยไม่เคยเห็นหยดน้ำตาจริงๆสักครั้ง
“อาจารย์รู้จักหรือขอรับ”ฟงเป่าถามด้วยท่าทีสนใจ ตัวมันทราบจากดวงตาสีทองว่ามันคือน้ำตาของซารา แต่ไม่เคยเห็นตัวซารานี่สิ
“มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษ จะบอกว่าเป็นมนุษย์ อสูร สัตว์ป่า หรือสัตว์มายาก็คงก้ำกึ่ง”หลินเฟยว่าพลางรับหยกน้ำตามาก่อนจะเก็บเข้ามิติตนเองไป
หลังจากตรวจสอบซาราอย่างตงฟางมานานหลายปี ไป๋จูเหวิน ก็ได้ข้อสรุปหลายๆอย่างของซารามาไม่น้อย และความรู้นี้ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร คนในตระกูลไป๋ก็ทราบเรื่องนี้กันบ้าง ซารา เป็นสัตว์แปลกประหลาดที่อาศัยการสืบพันธุ์แบบกาฝาก พวกมันแต่เดิมน่าจะอ่อนแอ แต่พวกมันจะสร้างน้ำตาแก้วผลึกขึ้นมา 1 ครั้งเพื่อสืบทอดสายพันธุ์ เหมือนผลไม้ที่ทำให้ตนเองหอมหวานเพื่อหลอกล่อนกและแมลง ซาราสร้างน้ำตาของตนให้มีคุณสมบัติของยาวิเศษเพิ่มพูนได้ทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูรล่อตาล่อใจอสูรหรือมนุษย์ที่แข็งแกร่งมากิน เมื่อมนุษย์ที่ได้กินน้ำตาแก้วผลึกเข้าไปจับคู่กันสร้างทายาท เมื่อนั้นทายาทที่เกิดออกมาคนแรกจะเป็นซารารุ่นต่อไปและสืบทอดความแข็งแกร่งของสายเลือดนั้นๆมาอย่างเต็มที่
หากพูดให้ชัดเจนก็คือ ไป๋จูล่ง คือซาราที่เกิดมาจากมนุษย์ เพราะน้ำตาของตงฟางที่ไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินกินเข้าไปเองก็คือน้ำตาแก้วผลึกเหมือนกับอันที่ฟงเป่านำมานั่นเอง แต่เพราะในสายเลือดของไป๋จูเหวินนั้นมีพลังของอสูรแมงมุมอยู่ ทำให้ไป๋จูล่งที่เกิดมาครอบครองพลังของต้นตระกูลอย่างเหลือล้นจนกลายเป็นอย่างที่เห็น
“เอ๊ะ…งั้นข้าก็ถือเป็นซาราหรือขอรับ”ฟงเป่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจหลังจากหลินเฟยเล่ารายละเอียดให้ฟัง เท่าที่ได้ยินมาตระกูลฟงก็กินเจ้าหยดน้ำตาแก้วผลึกลงไปเช่นกัน ตระกูลฟงถึงได้มีดวงตาสีทองกันเช่นนี้
“ไม่หรอก น้ำตาของซาราจะออกมา 2 เม็ดเสมอ หากกินแค่เม็ดเดียวมันไม่สามารถสร้างซาราขึ้นมาได้หรอก”หลินเฟยตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ หากต้องการสร้างซาราก็คงต้องให้ผู้หญิงสักคนกินน้ำตาแก้วผลึกอีกเม็ดเข้าไปแล้วให้มีลูกกับฟงเป่าถึงจะให้กำเนิดซาราออกมา แถมยังได้แค่ลูกคนแรกคนเดียวเสียด้วย อย่างท่านตาไป๋จูเหวินกับท่านยายเหม่ยหลินเองหากมีลูกกันอีกก็ไม่ได้เป็นอย่างไป๋จูล่งแล้ว
“งั้น…ถ้าข้าไม่ทำอะไรกับน้ำตาเม็ดนั้น ตระกูลของข้าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่ขอรับ”ฟงเป่าถามด้วยท่าทีหวั่นๆ ขืนลูกของมันเกิดมาเป็นซารามีหวังได้ยุ่งแน่ๆ เพราะไม่ใช่แค่น้ำตา แม้แต่เลือดของซารายังมีผลเพิ่มพูนพลัง หากซาราเกิดในตระกูลของฟงเป่าคงไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนไป๋จูล่ง แบบนั้นลูกของฟงเป่ามีหวังโดนล่าแน่ๆ
“ถูกแล้ว ต่อให้เจ้ามีลูกก็คงได้รับแค่ดวงตาสีทองเหมือนที่เจ้ามีก็เท่านั้น”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมา หยดน้ำตาแก้วผลึกชิ้นนี้หลินเฟยคงต้องเก็บรักษาเอาไว้ไม่ให้ใครได้ไป เพื่อความสงบสุขของตระกูลฟงหลังจากนี้ด้วย
.
.
ตุบ…..
ร่างของตงฟางที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าร่อนลงมาบนผืนดินกลางป่าลึกแห่งหนึ่งที่ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหนของแผ่นที่กันแน่ แต่หากให้เดามันคงออกจากอาณาจักรซานมานานมากแล้ว
“พี่ตงฟาง มีอะไรหรือขอรับ”จูล่งถามพลางมองตงฟางด้วยท่าทีประหลาดใจ อยู่ๆพี่ตงฟางก็เปลี่ยนทิศทางการบินแล้วมุ่งตรงมายังสถานที่แห่งนี้เสียอย่างนั้น พวกตนกำลังตามหาบิดาของเซี่ยจินเย่สมควรจะเที่ยวหาตามเมืองต่างๆสิไม่ใช่เข้ามาในป่าแบบนี้
“ยอดเยี่ยม…….”เสียงแหบพร่าเสียงหนึ่งดังออกมาจากในป่าทำให้ไป๋จูล่งขมวดคิ้วด้วยสีหน้างุนงงทันที ทั้งๆที่มันน่าสงสัยมากแท้ๆแต่พี่ตงฟางกลับเดินเข้าไปในป่าอย่างกับไม่รู้สึกอะไรเลยเสียอย่างนั้นทำเอาแม้แต่จูล่งเองยังรู้สึกแปลกๆ
“พี่ตงฟาง….”จูล่งพยายามเรียกตงฟางแต่ตงฟางกลับไม่ตอบอะไรมันเลย ยามนี้ตงฟางเดินเข้าไปในป่าลึกไม่มีท่าทีจะหันหลังกลับหรือระแวดระวังเลยแม้แต่น้อย
“เป็นผลงานชั้นเลิศเลยนี่นา”เสียงเดิมก่อนหน้านี้ดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ร่างของงูใหญ่ตัวสีขาวจะค่อยๆเลื้อยผ่านต้นไม้ข้างๆตัวไป๋จูล่งจากกิ่งหนึ่งไปยังอีกกิ่งราวกับตัวของมันพาดไปทั่วป่าไม่มีผิด
“………”ไป๋จูล่งเห็นเช่นนั้นก็กะพริบตาปริบๆ งูตรงหน้ามีพลังอสูรระดับหยก เป็นอสูรระดับกลางๆค่อนไปทางต่ำ แต่ทำไมไป๋จูล่งกลับรู้สึกถูกคุกคามอย่างน่าประหลาด แถมสีขาวทั่วลำตัวของมันยังชวนให้รู้สึกคุ้นเคยอีกต่างหาก
“สมแล้วที่ท่านปู่รอคอยมานาน ไม่ใช่แค่ระดับบรรพกาลขั้นต้น แต่ยังมีระดับบรรพกาลขั้นสูงอีกด้วย”เสียงของนกฮูกสีขาวอีกตัวหนึ่งดังขึ้นพร้อมร่างของมันที่บินเข้ามาอยู่ไม่ห่างจากตัวไป๋จูล่งนัก เจ้านกฮูกตนนั้นมีพลังระดับทองเท่านั้น แต่ก็เหมือนกับงูขาวตนข้างๆ จูล่งรู้สึกกดดันอย่างประหลาดเมื่อได้พบพวกมัน ทั้งๆที่ระดับอย่างจูล่งควรเป็นฝ่ายกดดันอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ
“เข้ามาสิเจ้าหนู ไปพบท่านปู่กัน”นกฮูกสีขาวพูดพลางบินนำไป๋จูล่งเข้าไปในป่าลึกกว่าเดิม
“มาแล้วหรือ เผ่าพันธุ์ของข้า”ทันทีที่เดินเข้าไปในป่าลึกเข้าไปทุกที ไป๋จูล่งก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกกดดันมหาศาลอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน อย่างกับมีมือของใครบางคนกำลังพยายามดึงร่างของตนให้ลงไปนอนกับพื้นไม่มีผิด
“ท่านปู่…”นกฮูกสีขาวและงูขาวต่างเข้าไปก้มหัวลงต่อหน้าอีกาสีขาวตนหนึ่งที่ยืนอยู่บนกิ่งไม้กลางป่า ที่ใต้ต้นไม้นั้นมีหยดน้ำตาแก้วผลึกหล่นอยู่นับร้อยลูก ทำให้เข้าใจได้ทันทีว่าอสูรและสิ่งมีชีวิตรอบๆนี้คือซารานั่นเอง
“ก้มหัว”อีกาขาวพูดพลางจ้องมองไป๋จูล่งและตงฟางนิ่ง ความรู้สึกกดดันรุนแรงนี้คืออำนาจเหนือสายเลือดซาราของต้นกำเนิด ไม่มีซาราตนใดอยู่เหนือต้นกำเนิดได้ ต่อให้อีกาตนนี้จะมีระดับเพียงระดับเงินเท่านั้นแต่เมื่อเป็นคำสั่งของมันจิตใต้สำนึกของจูล่งก็สั่งให้ก้มหัวตามคำสั่งอยู่ดี
“…………”ทั้งจูล่ง ทั้งตงฟางก้มหัวลงช้าๆตามคำสั่งของอีกาตนนั้นท่ามกลางความยินดีของเหล่าซาราในป่าแห่งนี้ ลำพังแค่ตงฟางที่สืบทอดพลังระดับบรรพกาลมาได้ก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว แต่กลับได้ไป๋จูล่งที่พลังเหนือกว่านั้นไปหลายเท่าอีก ไม่มีอะไรน่ายินดีกับซาราไปมากกว่านี้อีกแล้ว