บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 673 ไม่ไหว
ตอนที่ 673
ไม่ไหว
แม้ภาพตรงหน้าจะชัดเจนและไม่มีอะไรมาโต้แย้งได้ แต่หลินเฟยก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าท่านน้าจูล่งจะมาทำเรื่องแบบนี้ ปกติท่านน้าไม่ยุ่งเรื่องสงครามของชาวบ้านอยู่แล้ว แม้แต่สงครามของอาณาจักรไชน์ถ้าไม่จำเป็นจริงๆท่านน้าก็จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านตาเพราะตัวท่านตามีความสัมพันธ์กับคนของอาณาจักรไชน์มากกว่า หลินเฟยจึงไม่เคยเห็นท่านน้าออกหน้าในสงครามเลย
“หึหึ เจ้าพวกมนุษย์”ขณะหลินเฟยกำลังประหลาดใจอยู่นั้นเสียงหัวเราะเสียงหนึ่งก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า เมื่อมองดีๆก็พบว่าเสียงนั้นดังมาจากอีกาสีขาวตนหนึ่งที่บินอยู่เหนือกองทัพของจูล่งนั่นเอง
“ยอมจำนนแต่โดยดี นับแต่นี้ไปพวกเราซาราจะปกครองแผ่นดินเอง”อีกาสีขาวประกาศกร้าวราวกับเป็นจอมราชาผู้ยิ่งใหญ่ แถมเสียงของมันก็ดูแก่มากอีกด้วย
“ซารา….”หลินเฟยมองเหล่าอสูรที่อยู่ในกองทัพก่อนจะเปลี่ยนดวงตาตนเองเป็นสีม่วงอีกครั้ง เจ้าอีกานั่นระดับพลังอ่อนมาก แต่มันกลับทำตัวเหมือนหัวหน้า แถมซาราตัวอื่นๆยังไม่มีท่าทีจะต่อว่าอะไรมันทั้งๆที่มีหลายตนที่แข็งแกร่งกว่ามากแท้ๆ แต่จากเรื่องที่ท่านตาศึกษามา ซาราจะแข็งแกร่งขึ้นตามร่างที่มันมอบหยดน้ำตาแก้วผลึกให้ ยิ่งซาราพวกนี้อ่อนแอเท่าไหร่ก็หมายความว่าเป็นตัวแรกเริ่มมากขึ้นเท่านั้น บางทีเจ้าอีกานั่นอาจจะเป็นซาราตัวแรกๆเลยก็เป็นได้
“นี่คือคำเตือนของข้า จงคุกเข่าและน้อมรับข้าเป็นราชาของพวกเจ้าเสีย”อีกาสีขาวพูดจบไป๋จูล่งก็ลงมาจากหลังของตงฟางก่อนจะชี้ทวนมาทางกองทัพของ 5 อาณาจักร แม้ทหารด้านหลังที่ยังสัมผัสพลังของจูล่งไม่ได้จะมีท่าทีงุนงง แต่เหล่าทหารด้านหน้าที่ต่างเป็นยอดฝีมือพอเห็นเช่นนั้นก็พากันใจหายวาบทันที
“ก้ม”หลินเฟยเห็นปลายทวนของท่านน้ามีประกายไฟฟ้าปรากฏออกมาก็รีบสั่งให้คนรอบๆก้มหัวลงทันที น่าเสียดายที่ยามนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะดึงสติกลับมาได้
ตูม!!
กระสุนอัสนีขนาดใหญ่ราวกับปล่อยออกมาจากปากของมังกรอัสนีพุ่งเข้าใส่กองทัพของ 5 อาณาจักรทันที เพียงแต่ก่อนจะปล่อยออกมาไป๋จูล่งบิดปลายทวนเล็กน้อยทำให้กระสุนอัสนีเปลี่ยนวิถีจากกลางกองทัพไปกระแทกใส่ภูเขาด้านหลังแทน และผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือการทำลายภูเขาทิ้งไปทั้งลูก
“………..”ไม่ใช่แค่เหล่าแนวหน้าอีกแล้ว แม้แต่ทหารแนวหลังหรือแม้แต่องค์จักรพรรดิทั้ง 5 ที่อยู่ด้านหลังสุดยังเห็นได้ชัดเจนว่าหากขัดขืนจะเกิดอะไรขึ้น อย่างที่เจ้าอีกาบอก นี่เป็นเพียงคำขู่เท่านั้น
“มิน่าล่ะอาณาจักรซ้งถึงโดนยึดง่ายดายนัก”จักรพรรดิของอาณาจักรเซินมือสั่นไม่หยุดกับภาพที่พึ่งเห็นไป หากกระสุนอัสนีลูกเมื่อครู่เล็งมายังตำแหน่งที่พวกมันอยู่ ไม่ใช่แค่กองทัพจะเสียคนบัญชาการไปทันที แต่ระหว่างเส้นทางเหล่าทหารและเหล่ายอดฝีมือคงหายไป 2 ใน 3 ก่อนแล้วด้วยซ้ำ แถมเจ้าคนที่ยิงกระสุนวายุออกมายังทำท่าเหมือนกับสามารถยิงออกมาได้เรื่อยๆอีกต่างหาก
“ทำไมท่านน้าต้องทำตามเจ้าอีกานั่นด้วยนะ”หลินเฟยจ้องมองไปยังอีกาที่บินอยู่เหนือท้องฟ้า ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วหลินเฟยพยายามคิดสาเหตุที่ท่านน้าทำเรื่องแบบนี้ และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องที่ท่านน้าจริงๆแล้วเป็นซาราเหมือนกัน หากเรื่องที่เจ้าอีกานั่นเป็นซาราตนแรกๆ บางทีซาราอาจจะมีพลังเหมือนฝูงอสูรบางประเภท อย่างนางพญาแมงมุมที่สามารถควบคุมอสูรที่ระดับต่ำกว่าตนได้ แต่ซาราอาจจะไม่เกี่ยวกับความแข็งแกร่ง แต่ขอเป็นเพียงตัวต้นกำเนิดก็สามารถสั่งซาราตนอื่นๆได้แล้วก็เป็นได้
“งั้นก็ต้องเจ้าอีกาตัวนั้น”หลินเฟยวิเคราะห์ความเป็นไปได้ออกมาและเชื่อว่าที่ท่านน้าทำเช่นนี้เพราะโดนเจ้าอีกานั่นบงการ มันไม่ต้องเอาชนะท่านน้าเสียหน่อย แค่จัดการเจ้าอีกานั่นก็พอ หากต้องทำแค่นั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลย ขอเพียงเป็นจังหวะดีๆก็สามารถฆ่าตัวตนที่มีพลังอสูรต่ำต้อยอย่างมันได้ไม่ยาก
“คุกเข่าลงซะ เจ้าพวกมนุษย์”เจ้าอีกาสีขาวบินเข้ามาในกลุ่มมนุษย์อย่างย่ามใจ พร้อมบอกคำสั่งตนเองอย่างยิ่งใหญ่ คนอื่นๆสัมผัสพลังของมันไม่ได้เลยไม่ทราบว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหนทำให้มีหลายคนที่ยอมก้มหัวให้แต่โดยดีเพราะเห็นพลังของจูล่งเข้า
“ไม่….”ขณะกำลังบินไปมาอยู่นั้นกลับมีคนผู้หนึ่งกล่าวปฏิเสธคำสั่งให้ก้มหัวของเจ้าอีกาตนนั้นออกมา นางยืนนิ่งจ้องมองเจ้าอีกาตนนั้นอย่างจริงจังก่อนจะเดินเข้าไปหามันอย่างกล้าหาญ นางก็คือหวังกุ้ยฉินนั่นเอง
“หยุดเถอะ มากับข้า”หวังกุ้ยฉินเดินเข้าไปหาอีกาตนนั้นพลางยื่นมือไปให้ช้าๆ หรือว่านางตั้งใจจะใช้พลังดึงดูดเหล่าอสูรกับเจ้าอีกานั่น แน่นอนมันย่อมได้ผลหากกองทัพทั้งหมดเป็นอสูร ขอเพียงนางเอ่ยปากขอเหล่าอสูรคงปล่อยท่านน้าเป็นอิสระแล้วยกเลิกการรุกรานครั้งนี้ แต่….
“หึหึ หมายความว่ายังไง นี่เจ้าคิดว่าเจ้าของ่ายๆแบบนี้แล้วข้าจะยอมงั้นหรือ”เจ้าอีกาสีขาวหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปมองทางด้านหลัง
“ฆ่านางซะ”ทันทีที่มันสั่งออกมาร่างของตงฟางก็กระโดดเข้ามาหานางทันที พลังของพี่ตงฟางยามนี้สูงเกือบจะแตะระดับบรรพกาลขั้นที่ 5 อยู่แล้ว ลำพังหวังกุ้ยฉินหากโดนเตะครั้งเดียวคงตายคาที่แน่ๆทำให้หลินเฟยไม่มีทางเลือก
“ออกมา พลังของเจ้าใช้กับเจ้าพวกนี้ไม่ได้”หลินเฟยพุ่งเข้าไปกระชากร่างของหวังกุ้ยฉินออกมา แต่พี่ตงฟางก็เร็วกว่าที่หลินเฟยเคยจำได้เสียอีก
เปรี้ยง!! หลินเฟยใช้แขนของตนเองรับกีบเท้าของพี่ตงฟางเข้าอย่างจัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลินเฟยโดนพี่ตงฟางโจมตี แต่ก็เป็นครั้งแรกที่พี่ตงฟางเอาจริงขนาดนี้ แม้หลินเฟยจะมีทั้งพลังอสูรและพลังวิญญาณเกื้อหนุน แถมร่างกายยังทนทานเหนือกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า แต่การโจมตีของพี่ตงฟางไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ผิวหนังที่มีเกราะแมงมุมคอยคุ้มกันถึงกับมีรอยแตกร้าวแถมยังทำให้หลินเฟยเสียเลือดเป็นครั้งแรกอีกต่างหาก
“หนี่หลิงหนาน”หลินเฟยถอยออกมาก่อนจะเรียกหนี่หลิงหนานที่อยู่ห่างจากจุดที่ตนเคยอยู่ไม่มาก ก่อนหน้านี้หลินเฟยได้กำชับหนี่หลิงหนานเอาไว้แล้วว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะให้นางใช้หมอกของนางเพื่ออำพรางตัว แม้จะใช้กับท่านน้าไม่ได้ แต่กับพี่ตงฟางหรือซาราตัวอื่นๆแล้ว….
หลินเฟยเปลี่ยนดวงตาเป็นสีม่วงก่อนที่หมอกจะเข้าถึงตัวเสียอีก มันเรียกกระบี่ออกมาถือแล้วจดจ้องไปทางเจ้าอีกาที่เป็นผู้สั่งการ แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปโจมตีหลินเฟยก็สัมผัสได้ถึงแรงขุมหนึ่งที่เข้ามากดคอของตนเองเอาไว้
ผลัก!!
ไป๋จูล่งกดคอของหลินเฟยลงนอนกับพื้นในพริบตา หมอกของหนี่หลิงหนานไม่สามารถปิดบังความสามารถของดวงตาสีม่วงได้ ทำให้ไป๋จูล่งเองก็ไม่ได้รับผลจากหมอกสีขาวพวกนี้เช่นกัน แต่ทว่าแผนในครั้งนี้ก็ทำให้หลินเฟยยิ้มออกมาได้
ฟุบ!!
แม้จะเพียงเสี้ยววินาที แต่หมอกของหนี่หลิงหนานก็ทำให้ท่านน้าจูล่งเสียการตรวจจับไปได้ ระหว่างที่น้าจูล่งกดหลินเฟยลงกับพื้นกระบี่ในมือของหลินเฟยก็ถูกปาออกไปแทงร่างของเจ้าอีกาที่บินอยู่บนท้องฟ้าจนร่วงลงมากระแทกพื้นขอเพียงฆ่ามันได้ท่านน้าก็คงได้สติ
“เจ็บ…”เสียงของเจ้าอีกาที่โดนเสียบทะลุร่างพูดออกมาก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ มีสิ่งหนึ่งที่หลินเฟยไม่ทราบเกี่ยวกับซารา เพราะพี่ตงฟางและน้าจูล่งไม่เคยได้รับบาดเจ็บให้เห็น และท่านตาก็ไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ออกมา ซารานั้นมีร่างกายเป็นอมตะ ต่อให้โดนเชือดคอก็สามารถฟื้นกลับมาได้ในทันที การต่อกรกับซารานั้นยากลำบากไม่ใช่เพียงความแข็งแกร่ง แต่เพราะการฆ่าพวกมันนั้นแทบเป็นไปไม่ได้อีกต่างหาก
“เอามันออกไป”เจ้าอีกาสั่งพลางหันไปมองงูสีขาวตัวข้างๆ เจ้างูตนนั้นจึงรีบใช้ปากคาบเอากระบี่ของหลินเฟยออกมาจากร่างของอีกาก่อนที่บาดแผลของเจ้าอีกาสีขาวจะหายไปในพริบตาเดียวราวกับไม่เคยโดนแทงมาก่อน บาดแผลภายนอก อวัยวะภายในที่โดนผ่าออกจากกัน ไม่มีผลอะไรกับซาราเลย
“ทำได้แสบมาก ฆ่าเจ้าหนูนั่นซะ”อีกาสีขาวบินขึ้นมาเกาะบนไหล่ของจูล่ง มันไม่ได้ระวังตัวอยู่แล้วเพราะต่อให้โดนฟันหรือโดนแทงมันก็ไม่ตาย การฆ่าซาราแม้แต่ตัวมันยังไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร
“ท่านน้า….”หลินเฟยได้ยินที่เจ้านกนั่นสั่งถึงกับใจหายวาบ แค่รับการโจมตีของพี่ตงฟางก็ทำหลินเฟยบาดเจ็บแล้ว แต่หากเป็นการโจมตีของท่านน้าละก็
“ไม่ไหวๆ ถึงจะต้องทำเป็นไม่รู้จักกัน แต่ข้าฆ่าหลานตัวเองไม่ลงหรอก”อยู่ๆไป๋จูล่งก็ส่ายหน้าช้าๆก่อนจะถอยออกจากหลินเฟยทันที
“เอ๊ะ…..”หลินเฟยได้ยินเช่นนั้นก็กะพริบตาปริบๆมองไปทางท่านน้าจูล่งด้วยท่าทีงุนงง
“หรือว่าท่าน…..พยายามทำเป็นไม่รู้จักข้าอยู่”หลินเฟยถามพลางมองไปทางท่านน้าด้วยท่าทีงุนงง อย่าบอกนะว่าที่ท่านน้าทำนิ่งไม่พูดไม่จาก่อนหน้านี้เพราะจะทำตามบทลงโทษของหลินเฟย
“ก็ก่อนหน้านี้ข้าไปทักเจ้าในเมือง ข้าก็เลยโดนพวกพี่ต้าหวานต่อว่ามานะสิ แต่ทำเป็นคนไม่รู้จักกันเนี่ยยากจริงๆนะ ข้าคงไม่ไหวหรอก”ไป๋จูล่งส่ายหน้าเหมือนจะบอกว่าตนเองนี่ไม่ได้เรื่องเลย
“เจ้า….ข้าสั่งให้ฆ่ามันไง”ดูเหมือนเจ้าอีกาเองก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รีบเข้ามาสั่งจูล่งให้ทำตามคำสั่งตัวเองอีกครั้ง แต่ทว่า…
“เอ๋ ก็บอกว่าไม่ได้ไงขอรับ ถึงจะเป็นคำสั่งของท่านต้นกำเนิดข้าก็ทำให้ไม่ได้หรอก”จูล่งตอบปฏิเสธหน้ามึนเสียอย่างนั้น ทำเอาเจ้าอีกาถึงกับไปไม่ถูก ความจริงแล้วจิตใต้สำนึกของจูล่งก็ยังคงสั่งให้เชื่อฟังซาราต้นกำเนิดหรอกไม่อย่างนั้นคงไม่ช่วยยึดอาณาจักรตั้งแต่แรก
“ข้าสั่งให้เจ้าฆ่า เจ้าก็ต้องฆ่า”ดูเหมือนเจ้าอีกายังไม่เข้าใจว่าจูล่งไม่ได้เชื่อฟังตามคำสั่งของสายเลือดซารานัก อาจจะเพราะพลังของอสูรแมงมุมอยู่เหนือกว่าซาราทำให้จูล่งมีอำนาจต่อกรได้ในระดับหนึ่ง
“ไม่ขอรับ”จูล่งยิ้มพลางปฏิเสธหน้าตาเฉย แม้จะตกอยู่ใต้คำบงการของเจ้าอีกา แต่จูล่งยังมีจิตสำนึกที่ถูกท่านพ่อท่านแม่รวมถึงพวกน้าๆปลูกฝังมาอย่างหนักอีกด้วย เพื่อไม่ให้จูล่งผู้มีพลังสูงส่งกลายเป็นภัยอันตราย ทำให้จูล่งไม่อาจลงมือกระทำสิ่งเลวร้ายอย่างการสังหารคนในครอบครัวได้