บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 686 ฝึกฝนตามปกติ
ตอนที่ 686
ฝึกฝนตามปกติ
“เริ่มได้”ในที่สุดสำนักเหยี่ยวทะเลทรายก็กลับมามีสภาพเหมือนเดิมเสียทีหลังจากต้องจัดการปัญหาที่สำนักวิญญาณกระบี่ได้ก่อเอาไว้ รวมถึงศึกสงครามที่ลามมาถึงอาณาจักรข้างเคียง ทำเอาภาพการฝึกฝนธรรมดาๆของเหล่าศิษย์ในสำนักกลายเป็นภาพที่ไม่ได้เห็นมาเสียนานไปจนได้
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”เหล่าศิษย์ในสำนักต่างรับคำก่อนจะเริ่มฝึกฝนกันอย่างจริงจัง ไม่ทราบเพราะพวกตนมีเรื่องกับสำนักหมู่ดาวต่อด้วยสำนักวิญญาณกระบี่แถมยังต้องไปเข้าสงครามอีกหรือไม่ ศิษย์สำนักเหยี่ยวทะเลทรายเลยดูเก่งกันขึ้นมาก ระดับโดยเฉลี่ยของสำนักเกรงว่าจะสูงขึ้นกว่าที่หลินเฟยคาดไว้เสียอีก
“อาจารย์ แบบนี้ถูกหรือเปล่าเจ้าคะ”ทางฝั่งของเหล่าศิษย์เอกเองนอกจากจะได้หลินเฟยกลับมาสอนเหมือนเดิมแล้ว ภายในลานฝึกยังมีชิวซุยและหลานฮวาช่วยฝึกฝนอีกแรง ซึ่งการได้คนช่วยเช่นนี้ทำให้การฝึกของพวกหนี่หลิงหนานพัฒนาขึ้นรวดเร็วมาก
“ผ่อนไหล่อีกหน่อย เวลาอีกฝ่ายโจมตีมาเจ้าต้องผ่านแรงเหมือนมันทะลุตัวเจ้าไปก่อนจะโน้มนำมันกลับมาหาศัตรูเอง หากยังเกร็งไหล่แบบนั้นจะขัดเอาได้”หลินเฟยพูดสอนตามที่เคยทำมาอย่างเช่นทุกครั้ง แต่ที่แปลกไปก็คือตัวเซี่ยจินเย่ที่เหมือนจะพยายามถามหลินเฟยมากขึ้นทั้งๆที่ปกตินางจะฝึกฝนด้วยตัวเองไม่ค่อยถามเท่าไหร่แท้ๆ
“รับ…”หลินเฟยกำหมัดต่อยไปทางเซี่ยจินเย่อย่างที่เคยทำ วิชากระจกภูตพรายของนางต้องมีคนโจมตีเข้ามาถึงจะเห็นผล ยิ่งคนโจมตีเก่งกว่าเท่าไหร่นางก็ยิ่งได้ฝึกฝนเท่านั้นเพียงแต่…
หมับ..
ทันทีที่มือของเซี่ยจินเย่จับมือหมัดของหลินเฟยเอาไว้เพื่อป้องกันกระบวนท่าของมัน ใบหน้าของหลินเฟยก็ชะงักค้างก่อนจะสัมผัสความนุ่มของมืออีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน มือของเซี่ยจินเย่แม้จะหยาบเพราะฝึกฝนวิชาต่อสู้ ไม่นุ่มนิ่มเหมือนมือคุณหนูที่ไม่เคยแตะต้องงานหนัก แต่มือนางก็ยังเป็นมือสตรี ทั้งเล็กและบอบบางกว่าที่คิดมาก นี่มือของนางเป็นแบบนี้มาตลอดเลยงั้นหรือ
เปรี้ยง!!!
เพราะหลินเฟยมัวแต่เหม่อเลยโดนวิชาของเซี่ยจินเย่ซัดกลับมาเสียเต็มแรงทำเอาร่างของมันล้มลงกระแทกพื้นเลยทีเดียว ภาพเหตุการณ์ครั้งนี้ทำเอาทุกคนหันมามองด้วยความตกใจเลยทีเดียว
“อาจารย์ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า”เซี่ยจินเย่ถามด้วยท่าทีตกใจ ปกตินางไม่เคยสะท้อนกระบวนท่าของหลินเฟยได้เลยทำให้นางลงมือเต็มแรงตลอดเพื่อรับมือหลินเฟย แต่คราวนี้เหมือนมีอะไรผิดพลาดหลินเฟยที่แก้ทางได้ตลอดกลับยอมโดนกระบวนท่าของนางเสียอย่างนั้น
“ดีมาก ถ้าศัตรูเผลอก็จะเป็นแบบนี้เข้าใจหรือยัง”หลินเฟยแกล้งทำเป็นแสดงตัวอย่างให้ดูก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความเป็นห่วงเซี่ยจินเย่เลยเข้ามาจับที่แขนของหลินเฟยเพื่อดูว่ามีอาการบาดเจ็บหรือไม่ ทำเอาหลินเฟยชะงักไปทันที
ก่อนหน้านี้หลินเฟยขีดเส้นพวกนางว่าเป็นศิษย์เสมอ ไม่เคยมองว่าเป็นหญิงมาก่อน พอโดนพี่หลานฮวาพูดเข้าก็เลยมองพวกนางเปลี่ยนไป พอมาคิดดูดีๆแล้วพวกนางเป็นหญิงงามที่ใกล้ชิดกับหลินเฟยมากทีเดียวเลยไม่ใช่หรือไง
“ไม่เป็นไร เจ้าไปฝึกการใช้รากไม้ดำต่อก็แล้วกัน”หลินเฟยว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ ไม่ว่าจะอย่างไรคำว่าศิษย์อาจารย์ก็ยังค้ำคอหลินเฟยอยู่ดีจะคิดแบบนั้นกับพวกนางไม่ได้
“ท่านพี่ ท่านช่วยเป็นคู่ซ้อมให้อาทู้หน่อยได้หรือเปล่าเจ้าคะ”พอเห็นว่าหลินเฟยปล่อยเซี่ยจินเย่ไปฝึกอย่างอื่นแล้ว ชิวซุยที่ช่วยอาทู้ฝึกการใช้พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์อยู่ก็เรียกหาหลินเฟยทันที
“ดะ ได้….”หลินเฟยพึ่งเลี่ยงเซี่ยจินเย่มาหมาดๆกลับต้องมาช่วยอาทู้ฝึกซ้อมเสียอย่างนั้น แถมเมื่อวานพี่หลานฮวายังพูดเรื่องของนางเอาไว้เยอะอีกต่างหากทำเอาหลินเฟยเกร็งไม่น้อยที่ต้องฝึกฝนกับนาง
“อย่าลืมนะ วิชาคว้าจับมังกรต้องจับให้แน่น กระชากให้อีกฝ่ายหนีไม่ได้”ชิวซุยพูดพลางทำท่าให้กำลังใจอาทู้ วิชาคว้าจับมังกรที่อาทู้ได้รับนั้นเป็นวิชากรงเล็บที่เน้นการจับกุมศัตรูที่มีทั้งการใช้ปราณจับศัตรูที่อยู่ห่างออกไปให้เข้ามาใกล้ และท่าล็อกต่างๆที่ทำให้ศัตรูไม่สามารถขยับได้ ถือเป็นยอดวิชาสำหรับจับกุมเลยทีเดียว
วูบ…
ทันทีที่เริ่มฝึก หลินเฟยก็สัมผัสได้ถึงแรงดึงจากปราณที่อาทู้ส่งออกมา สมแล้วที่เป็นปราณจากวิชาลมปราณมังกร พลังรุนแรงจริงๆ
หมับ!!
ทันทีที่ร่างของหลินเฟยโดนดึงเข้ามาอาทู้ นางก็จับแขนทั้งสองข้างของหลินเฟยเอาไว้แน่น นิ้วของนางจิกเข้าที่เส้นเอ็นทำให้การขยับแขนยากขึ้น
“………..”แน่นอนว่าเกราะแมงมุมนั้นหนาเกินกว่าที่อาทู้จะกดเส้นเอ็นของหลินเฟยเอาไว้ได้ ทำให้หลินเฟยสามารถขยับแขนได้ตามปกติ แต่ยามนี้หลินเฟยกลับไม่ได้สนใจเรื่องจะหลุดออกมาจากการจับกุมของนางเลย ยามนี้ดวงตาของหลินเฟยเผลอมองไปที่ใบหน้าของอาทู้อย่างตั้งใจ ก่อนหน้านี้อาทู้แต่งกายเป็นชายได้เพราะใบหน้าของนางทั้งสวยทั้งคม พอแต่งกายเป็นชายก็เลยพอจะหลอกสายตาคนทั่วไปได้ แต่พอกลับมาแต่งหน้าตามประสาหญิงสาวแล้วก็ดูสวยมากอย่างไม่ต้องสงสัย แถมดูเหมือนตอนแต่งเป็นผู้ชายนางจะจงใจปิดบังรูปร่างของตนเองตลอด พอกลับมาใส่ชุดผู้หญิงแล้วถึงได้เห็นว่าทรวดทรงของอาทู้สมกับเป็นผู้หญิงมากที่สุดในกลุ่มศิษย์เอกเลยก็ว่าได้
กึด….
อาทู้บิดข้อมือของหลินเฟยก่อนจะจับหลินเฟยกดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว แถมเพราะหลินเฟยไม่ต่อต้านอะไรการจับกุมของนางเลยทำได้อย่างง่ายดาย
“อาจารย์ ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ”อาทู้ถามด้วยท่าทีกังวล ปกติหลินเฟยไม่ยอมให้จับกุมได้ง่ายๆเช่นนี้นี่นา หรือว่าวันนี้ท่านจะไม่สบาย?
“ยังใช้ไม่ได้ เจ้ากระชากไม่เด็ดขาด แบบนี้ศัตรูต้องดิ้นหลุดก่อนแน่ๆ”หลินเฟยแกล้งทำเป็นยอมโดนอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปเป็นการชี้แนะให้อาทู้แทน แต่เพราะตัวมันที่เผลอมองศิษย์ตนเองจนพลาดท่าทำเอาแม้แต่ตัวหลินเฟยเองยังตกใจ ทั้งอาทู้ ทั้งเซี่ยจินเย่มันก็มองพวกนางในทางไม่ซื่องั้นหรือ บางทีมันอาจจะเป็นสัตว์ป่าหื่นกระหายที่มองผู้หญิงทุกคนแบบนั้นก็ได้
“อาจารย์ ต่อไปตาข้านะ”พอลุกขึ้นมาจากท่าจับกุมของอาทู้ หนี่หลิงหนานที่ฝึกกระบี่กับหลานฮวาก็เข้ามาขอร่วมฝึกฝนทันที ตอนนี้นางฝึกกระบี่เกลียวสมุทรจนครบทุกท่าแล้ว เหลือแต่ขัดเกลาให้สมบูรณ์แบบเท่านั้น
“…ได้สิ”หลินเฟยว่าพลางเรียกเอากระบี่ของตนออกมา คราวนี้เป็นหนี่หลิงหนานงั้นหรือ…..
“รบกวนด้วยเจ้าค่ะ”หนี่หลิงหนานว่าพลางพุ่งกระบี่เข้ามาหาหลินเฟยอย่างรวดเร็ว กระบี่เกลียวสมุทรยิ่งมายิ่งแรงราวกับคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าหาอีกฝ่าย แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าความแรงของกระบวนท่านั้นก็คือความต่อเนื่อง ยิ่งร้อยเรียงกระบวนท่าเข้าด้วยกันก็ยิ่งเหมือนทะเลคลั่งที่ซัดเหยื่ออย่างไม่ปราณี ไม่มีการหยุดพัก ซัดสาดร่างของคู่ต่อสู้จนกว่าจะโดนกลืนลงใต้สมุทร
เปรี้ยงๆๆๆๆ!!!
วิชานี้เหมาะกับหนี่หลิงหนานอย่างน่าประหลาด นางแม้จะเป็นหญิงงามแต่ก็ไม่เก็บท่าทีให้สมหญิงแม้แต่น้อย พอซัดกระบวนท่าได้ก็สาดเอาๆเป็นชุดไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายโจมตีกลับ ดูแล้วเหมือนปลากระดี่ได้น้ำไม่มีผิดทำเอาหลินเฟยที่มองอยู่เกิดอาการหมั่นไส้เล็กๆ
เพี้ย!!
หลินเฟยตีกระบี่ใส่มือของหนี่หลิงหนานจนกระบี่ของนางหลุดมือทำเอากระบวนท่าของนางชะงักไปทันที
“เจ้านี่นะ หัดทำตัวให้สมเป็นผู้หญิงซะบ้าง”หลินเฟยถอนหายใจออกมาพลางฟาดกระบี่ตีหนี่หลิงหนานอีกครั้ง แม้กระบี่เกลียวสมุทรจะไม่เน้นความอ่อนช้อยของกระบวนท่า แต่ไม่มีเลยก็ไม่ได้ทำให้ทางกระบี่เดาง่ายเกินไป ต่อให้โถมเข้ามาเท่าไหร่หากอ่านทางออกก็มีโอกาสโต้อยู่ดี
“เอ๊ะ ทำไมมีแต่ข้าล่ะที่โดนท่านสวนคืน”หนี่หลิงหนานว่าพลางกุมมือตัวเองด้วยท่าทีเจ็บเหมือนเด็กโดนคุณครูตีมือ
“ก็เจ้ามันอ่านทางง่ายนี่นา หลังจากนี้ไปฝึกกระบี่ร้อยบุปผากับพี่หลานฮวาซะ จะได้ช่วยเพิ่มความอ่อนช้อยของกระบวนท่าได้บ้าง”หลินเฟยว่าพลางไล่หนี่หลิงหนานไปฝึกกับหลานฮวาต่อ
“ถึงจะเป็นหญิงเหมือนกัน แต่ก็ต่างกันใช่ไหมล่ะ”หลานฮวาว่าพลางมองมาทางหลินเฟยด้วยท่าทีรู้ทัน ท่าทีก่อนหน้านี้ของหลินเฟยอยู่ในสายตาหลานฮวาตลอดทำเอาหลินเฟยที่โดนแซวหน้าแดงหนีไปทางอื่นทันที เมื่อก่อนหลินเฟยจีบผู้หญิงไปทั่วไม่เคยคิดมาก แต่วันนี้กลับสะดุ้งเพราะแตะเนื้อต้องตัวศิษย์ของตนเอง นี่มันแปลกเกินไปแล้ว
“ไม่นึกเลยว่าท่านพี่จะเป็นคนความรู้สึกช้าขนาดนี้ สุดท้ายท่านก็เป็นคนตระกูลไป๋จริงๆสินะ”ชิวซุยหัวเราะเบาๆออกมาพลางเดินแอบเข้ามาด้านหลังหลินเฟยตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
“ชิวซุย เจ้าเองก็เอากับเขาด้วยงั้นเหรอ”หลินเฟยว่าพลางมองไปทางชิวซุยด้วยท่าทีจับผิด จะว่าไปก่อนหน้านี้อยู่ๆนางก็บอกให้หลินเฟยไปช่วยอาทู้ฝึกนี่นา หรือว่านางเล็งเอาไว้แล้ว
“นั่นสิ เด็กน้อยที่เข้าหาสาวๆโดยไม่รู้เรื่องอะไรคนนั้นใกล้จะหายไปแล้วจริงๆสินะ”หลานฮวาว่าพลางแกล้งทำท่าเช็ดน้ำตาเหมือนแม่กำลังเสียน้ำตาที่ได้เห็นการเจริญเติบโตของลูก
“พอเลย ข้าไปฝึกให้ฟงเป่าแล้ว”หลินเฟยค้อนขวับสองสาวเข้าให้ก่อนจะเดินไปเรียกฟงเป่ามาซ้อมกับตนเองทันที ทำเอาฟงเป่ากลายเป็นผู้รับเคราะห์โดนฝึกหนังเสียอย่างนั้น
“เอาไงดีนะ”หลานฮวายิ้มออกมาพลางมองหลินเฟยที่แยกออกไปฝึกกับฟงเป่าลับหลัง ช่วงนี้จูล่งกำลังหาคนที่จะมารับหยดน้ำตาแก้วผลึกไปด้วย บางทีถ้าคนๆนั้นเป็นหลินเฟยกับภรรยาของหลินเฟยก็คงยอดเยี่ยมไปเลยแท้ๆ แต่หลินเฟยกลับเจอปัญหาความรักอย่างกับเด็กพึ่งเคยมีความรักเสียอย่างนั้น
“บางที ท่านพี่คงต้องมีอะไรมากระตุ้นอีกหน่อยละมั้ง”ชิวซุยพูดด้วยท่าทีสบายๆทั้งๆที่อุ้มเหมาเหมาอยู่ในอ้อมแขน มันก็มีไม่ใช่หรือไงสถานการณ์ที่จะทำให้คนโลเลรู้เสียทีว่าตนเองคิดอย่างไรกันแน่