บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 690 จ่ายเงินเพื่อผ่านทาง
ตอนที่ 690
จ่ายเงินเพื่อผ่านทาง
“น้องสาวเจ้าเองก็ขนสินค้าด้วยงั้นเหรอ”ระหว่างชิวซุยกำลังแบกกระเป๋าเดินเลาะป่าอยู่นั้นอยู่ๆที่ด้านหลังของนางก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหา เพียงแต่คนกลุ่มนี้ไม่ใช่พวกโจรที่ชิวซุยมาตามหา แต่กลับเป็นกลุ่มพ่อค้าหนีภาษีที่ชิวซุยกำลังปลอมตัวตามอยู่นั่นเอง
“เจ้าค่ะ….”ชิวซุยตอบพลางพยักหน้าช้าๆ นางพยายามปิดหน้าเอาไว้ภายใต้หมวกเพราะไม่มีอะไรรับประกันว่าจะไม่มีคนรู้จักไป๋ชิวซุยแห่งตระกูลไป๋ ถึงแม้รูปของนางจะโดนสั่งทำลายไปหมดแล้วก็ตาม
“พอดีเลย พวกเราพึ่งลองมาเส้นทางนี้ครั้งแรก เราขอเดินทางไปด้วยได้หรือเปล่า”ชายที่อยู่หน้าสุดว่าพลางยิ้มออกมา
“ได้เจ้าค่ะ”ชิวซุยพยักหน้าช้าๆ ถ้าเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่แบบนี้อาจจะดึงดูดความสนใจพวกโจรได้มากกว่าก็เป็นได้
“งั้นไปกันเถอะ พอข้ามชายแดนไปได้ของพวกนี้ก็จะขายได้ราคาสองหรือสามเท่าเลย”ชายคนเดิมพูดพลางมองไปที่กระเป๋าของตัวเอง สินค้าจากอาณาจักรไป๋เป็นที่ต้องการมากในอาณาจักรรอบนอก แต่การนำเข้าก็ต้องเสียภาษีประกอบกับอาณาจักรอื่นหาสินค้าแบบนี้ไม่ได้ ทำให้ราคาขายแพงกว่าที่ขายในอาณาจักรไป๋หลายเท่าตัว ของที่พ่อค้าแต่ละคนแบกมาสามารถขายได้กำไรงามทันทีที่ข้ามชายแดนไปเลยก็ว่าได้
“เฮ้อ ถ้าไม่ต้องเสียค่าผ่านทางตั้งสิบเหรียญทองก็ดีหรอก”ชายที่อยู่ในกลุ่มอีกคนหนึ่งบ่นออกมาด้วยท่าทีเสียดาย แต่สิ่งที่มันพูดออกมากลับทำให้ชิวซุยเอะใจขึ้นมาเสียก่อน
“ค่าผ่านทางอะไรหรือเจ้าคะ”ชิวซุยถามพลางเลิกคิ้วสงสัย แต่ท่าทีสงสัยของนางกลับทำให้พ่อค้ารอบๆถึงกับหยุดเดินทันที
“นี่เจ้า…ไม่ได้จ่ายค่าผ่านทางงั้นเหรอ”ชายคนแรกถามด้วยท่าทีอึ้งๆ มันขยับตัวออกห่างชิวซุยทีละน้อยอย่างกับจะแสดงความรังเกียจออกมา
“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้ว่ามีค่าผ่านทางด้วย”ชิวซุยตอบพลางเอียงคอสงสัย ก็นางไม่ได้ตั้งใจจะข้ามชายแดนจริงๆนี่นาเลยไม่ได้หาข้อมูลว่าต้องทำอย่างไร
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง ถ้าไม่จ่ายค่าผ่านทางให้พวกโจรเจ้าได้โดนพวกมันปล้นแน่”พ่อค้าในกลุ่มพูดขณะมองชิวซุยด้วยท่าทีเหมือนมองตัวประหลาด เรื่องธุรกิจนั้นมีอยู่ทุกที่ พวกโจรดักปล้นแถบนี้สามารถเอาตัวรอดจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้ ก็หมายความว่าแถวนี้ทหารไม่สามารถเข้ามาได้ตามอำเภอใจ ขอเพียงจ่ายเงินให้พวกโจรเพื่อผ่านทางก็จะสามารถผ่านทางได้ง่ายกว่าเส้นทางอื่นที่ต้องคอยหลบทหารเป็นไหนๆ แต่หากไม่จ่ายพวกมันก็คงโดนปล้นแทนนะสิ
“งั้นก็ดีเลยเจ้าค่ะ”แทนที่จะตกใจกลัวชิวซุยกลับยิ้มหวานออกมาเสียอย่างนั้นทำเอาพวกพ่อค้ามองหน้ากันราวกับจะถามกันเองว่าแม่นางคนนี้บ้าหรือเปล่า
“ข้าไม่ยุ่งด้วยแล้ว เราแยกกันตรงนี้ดีกว่า”เหล่าพ่อค้าพอทราบว่าชิวซุยไม่ได้จ่ายค่าผ่านทางก็ตัดสินใจทิ้งนางเอาไว้ทันที พวกมันไม่มีพลังวิญญาณขืนเจอพวกโจรเข้ามีหวังตายสถานเดียว
“พวกเจ้าจะไปไหนกัน”ยังไม่ทันได้ออกไปไหนไกล อยู่ๆร่างของชายคนหนึ่งก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าราวกับมีปีกบินไม่มีผิด แถมไม่ใช่แค่พ่อค้าเท่านั้นที่ตกใจแม้แต่ชิวซุยเองก็ยังตกใจเช่นกันเพราะชายคนนั้นไม่มีสัมผัสพลังวิญญาณเลย
“……….”เมื่อสัมผัสพลังวิญญาณไม่ได้ชิวซุยก็เปลี่ยนดวงตาตนเองเป็นสีม่วงทันที และเพราะแบบนั้นชิวซุยจึงสามารถมองเห็นได้ว่าตอนนี้บนยอดไม้มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังจ้องมองพวกตนอยู่ พวกมันซ่อนพลังวิญญาณได้แนบเนียนมาก แถมยังซ่อนตัวตนได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย หากไม่ใช้เนตรแมงมุมตรวจสอบก็แทบสัมผัสถึงตัวตนของพวกมันไม่ได้เลย
“วันนี้มีกันเยอะเลยนี่นา ขนของมากันเพียบทุกคนด้วย”ชายคนนั้นพูดพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทียินดี มันไล่มองสินค้าที่อยู่บนหลังของพวกพ่อค้าไม่เว้นแม้แต่ของชิวซุย
“เดี๋ยวก่อน พวกเราจ่ายค่าผ่านทางแล้วนะขอรับ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดด้วยท่าทีหวาดกลัว ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าคนที่ลงมาขวางเอาไว้คือโจรนั่นเอง
“ใช่ๆ คนที่ไม่ได้จ่ายมีแค่แม่นางคนนั้นคนเดียว พวกเราทุกคนจ่ายกันหมดแล้วจริงๆนะขอรับ”ชายอีกคนว่าพลางชี้ไปทางชิวซุยที่ไม่ได้จ่ายค่าผ่านทางอยู่คนเดียว
“อ๋อ นั่นน่ะเป็นค่าโง่ต่างหาก”ชายหนุ่มหัวเราะพลางนำมีดเล่นหนึ่งออกมาจากมิติของตนเอง แค่ทำเช่นนั้นเหล่าพ่อค้าก็ถอยหนีด้วยความหวาดกลัวแล้วเพราะการใช้มิติส่วนตัวได้ก็หมายความว่าต้องเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับสูงแน่ๆ
“นี่เจ้าหลอกพวกเรางั้นเหรอ”ชายคนหนึ่งในกลุ่มพ่อค้าถามพลางนำมีดของตนออกมาจากกระเป๋าเช่นกัน หากสินค้าโดนปล้นพวกมันก็ไม่เหลืออะไรเลย บางคนเลยเลือกที่จะสู้สินะ
“ถูกแล้ว”ชายหนุ่มที่ถือมีดว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีร่าเริง
ตูม!!
ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไร ชายร่างใหญ่คนหนึ่งก็พุ่งลงมาจากบนท้องฟ้าอีกคน ก่อนจะใช้ดาบขนาดใหญ่แทงลงไปที่พื้นข้างๆพ่อค้าที่ชักมีดออกมา ลำพังแค่แรงลมจากการแทงดาบลงพื้นก็ทำเอาพ่อค้าเซล้มไปนอนกับพื้นแล้ว
“อย่าต่อต้าน”ชายร่างใหญ่พูดด้วยท่าทีดุดันพลางจ้องมองพ่อค้าคนนั้นอย่างเอาเรื่อง ไม่แปลกเลยที่พ่อค้าคนนั้นจะกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
“จับพวกมันมัดตาเอาไว้แล้วพากลับหมู่บ้าน”ชายที่ใช้มีดพูดจบ พวกโจรที่รออยู่บนยอดไม้ก็พุ่งตัวลงมาหากลุ่มพ่อค้าก่อนจะจับพวกมันมัดดวงตาเอาไว้ไม่ให้มองเห็นก่อนจะจับพ่อค้าแบกขึ้นหลังพร้อมๆสินค้าของพวกมันอย่างกับกำลังขนของชิ้นหนึ่งไม่มีผิด
“หืม…มีผู้หญิงอยู่ด้วยงั้นเหรอ”ระหว่างกำลังจัดการกับพ่อค้า อยู่ๆชายที่ใช้มีดก็หันมามองทางชิวซุยก่อนจะยิ้มออกมาด้วยท่าทีมีเลศนัย มันเดินเข้าไปหาชิวซุยก่อนจะดึงหมวกของนางออกเพื่อดูใบหน้าของนางให้ชัดๆ
“สวยซะด้วยว่ะ”ชายคนนั้นยิ้มกว้างพร้อมมองชิวซุยด้วยใบหน้าหลงใหล แม้รูปร่างจะยังเด็กไปบ้าง แต่ความงามของชิวซุยก็ทำให้ชายหนุ่มต่างต้องหันมามอง ยิ่งอยู่ต่อหน้าโจรแล้วพวกมันคงไม่คิดจะปล่อยนางไปแน่ๆ
“……….”ชิวซุยไม่ได้ตอบอะไรชายตรงหน้าเพราะมัวแต่มองการทำงานของพวกโจรด้านหลังอยู่ พวกมันทำงานกันเร็วมาก ทันทีที่ลงมาก็นำผ้าที่เตรียมมาผูกบริเวณดวงตาของพ่อค้าทันทีแล้วแบกขึ้นหลังก่อนจะกระโดดขึ้นไปที่เดิม เพียงอึดใจเดียวพวกพ่อค้าก็หายไปหมดเหลือแต่พวกโจรที่ไม่ได้จับตัวพ่อค้าไปเท่านั้น
“อะไรกัน กลัวงั้นเหรอ”ชายที่ใช้มีดถามพลางนำมีดมาเล่นตรงหน้าชิวซุย หากถามว่าต้องกลัวหรือไม่ ชิวซุยก็บอกได้เลยว่าไม่ พวกโจรส่วนใหญ่อยู่ระดับเสินเซียน และ เทียนเซียน คนที่เก่งที่สุดในกลุ่มคนพวกนี้น่าจะเป็นชายร่างใหญ่ที่แบกดาบที่สามารถตัดคอม้าได้ในดาบเดียวเอาไว้กับเจ้าคนใช้มีดที่อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 หรือระดับยอดฝีมือกันทั้งคู่ แต่ต่อให้ชิวซุยอยู่ระดับเทียนเซียนขั้น 10 เหมือนกันกับทั้งสองชิวซุยก็สามารถจัดการได้อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ชิวซุยข้ามมาระดับเจ้าสวรรค์แล้วด้วยเลย
“ขะ ข้ากลัว…”พอดูการทำงานของพวกโจรแล้วชิวซุยก็เริ่มสนใจทันที ถ้าเป็นพวกนี้ละก็ต้องลักพาตัวเซี่ยจินเย่กับอาทู้ได้แน่ๆ แต่เพราะพวกมันผิดคำพูดกับพวกพ่อค้าทำให้ชิวซุยยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะจ้างพวกมันดีหรือไม่ เกิดพวกมันผิดคำพูดคงเสียแผนหมด งั้นก็ต้องดูไปอีกสักพักทำให้ชิวซุยแกล้งทำเป็นกลัวก่อนจะถอยออกห่างชายที่ใช้มีดทันที
“หึหึ…..”พอเห็นชิวซุยแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา ชายที่ใช้มีดก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจราวกับชื่นชอบเวลาหญิงสาวหวาดกลัวตนเองไม่มีผิด
“ไม่ต้องกลัว หลังจากจับตัวเจ้าไปแล้วข้าจะเล่นสนุกกับเจ้าจนกว่าจะถึงตอนที่เอาเจ้าไปขายเลย”ชายที่ใช้มีดว่าพลางนำผ้ามาปิดตาชิวซุยเอาไว้ แน่นอนว่าผ้าไม่สามารถปิดการมองเห็นของเนตรแมงมุมได้ แต่ชิวซุยก็ต้องแกล้งทำเป็นหวาดกลัวไปก่อน
“อย่าทำอะไรข้าเลยนะเจ้าคะ ปล่อยข้าไปเถอะ”ชิวซุยว่าพลางยกแขนขึ้นมาป้องกันตัวเองเอาไว้ แต่ยิ่งทำแบบนั้นเจ้าคนใช้มีดก็ยิ่งเหมือนได้ใจ
หมับ…..
อยู่ๆมือหนาๆของชายร่างใหญ่ก็พุ่งเข้ามาจับที่กระเป๋าที่ชิวซุยแบกมา ก่อนจะยกนางขึ้นอย่างกับยกลูกแมวเสียอย่างนั้น
“อย่ามัวเสียเวลา ไปได้แล้ว”ชายร่างใหญ่พูดจบก็กระโดดขึ้นไปบนยอดไม้ก่อนจะกระโจนตามกลุ่มโจรคนอื่นๆ ชายร่างใหญ่ผู้นี้มีความเร็วสูงไม่น้อยเลยทั้งๆที่แบกทั้งดาบเล่มใหญ่และชิวซุยไปด้วยก็ยังสามารถกระโดดข้ามกิ่งไม้ได้อย่าง่ายดาย!!
“………..” พอวิ่งเลาะเขามาได้พักใหญ่ พวกโจรก็พากันปีนขึ้นต้นไม่สูง ก่อนจะกระโดดจากยอดไม้ที่สูงที่สุดลงไปในหน้าผาที่มีแต่หมอก
พรึบ!!
โจรร่างใหญ่ที่แบกชิวซุยมาเก็บดาบเข้ามิติของตนเอง ก่อนจะนำอุปกรณ์บางอย่างออกมา มันเหมือนปีกจำลองที่สร้างจากหนังไม่มีผิด แม้จะทำให้บินไม่ได้แต่ทันทีที่กางมันออก ร่างของพวกโจรก็ลอยไปกับฟ้าทะลุผ่านหมอกเข้าไปในหุบเขาลึกอย่างกับกำลังแล่นเรือเข้าไปในความมืดมิดไม่มีผิด
“ยอดเลย”ชิวซุยมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทีอึ้งๆ มิน่าล่ะทหารธรรมดาเลยจับคนพวกนี้ไม่ได้สักที พวกมันแอบซ่อนอยู่ในหุบเขาที่มีแต่หมอก หากมีการไล่ตามกันเกิดขึ้นคนที่ไล่ตามมาก็คงเห็นแค่ว่าพวกโจรกระโดดหายเข้าไปในหมอกเท่านั้น พอกระโดดตามเข้าไปพวกทหารก็คงลงไปอยู่ที่ผาด้านล่างส่วนพวกโจรก็ลอยด้วยเครื่องร่อนหน้าตาประหลาดพวกนี้เข้าไปในหุบเขานี่เอง
“เจ้าว่าอะไรนะ”ชายร่างใหญ่ถามพลางมองชิวซุยที่ตนแบกมาด้วย หูมันแว่วหรืออะไรก็ไม่ทราบทำไมถึงได้ยินคนที่มันจับมาพูดเหมือนกำลังสนุกอยู่เลยล่ะ
“ขะ ข้ากลัว ท่านจะพาข้าไปที่ไหน”ชิวซุยรีบเปลี่ยนคำพูดก่อนจะหันไปมองทางอื่นทันทีทั้งๆที่ตนเองโดนปิดตาเอาไว้ ช่วยไม่ได้นี่นาก็นางแปลกใจเลยหลุดปากออกไป แต่นางก็พยายามเล่นให้เนียนที่สุดแล้วนะ