บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 696 ไม่ไป
ตอนที่ 696
ไม่ไป
“คุณหนู จะกลับเลยหรือเปล่าเจ้าคะ”เหมาเหมาในร่างแมวสีขาวถามออกมาขณะนอนเล่นอยู่บนตักของชิวซุย ตอนนี้เรื่องโจรก็ไม่จำเป็นแล้ว แถมเรื่องของหลินเฟยยังเข้าที่เข้าทางแล้วอีกต่างหาก เรียกได้ว่าตอนนี้ชิวซุยควรจะกลับไปหาหลินเฟยได้แล้วเสียด้วยซ้ำ
“กลับงั้นเหรอ”ชิวซุยพึมพำออกมาเบาๆพลางมองไปรอบๆค่ายทหารช้าๆ ตอนนี้นางเป็นคนส่งข่าวของหลี่เซียนเลยได้พักอยู่ในค่ายชั่วคราว แน่นอนว่าชิวซุยไม่ได้โดนกักขังอีกแล้ว นางจะไปตอนนี้ก็ได้ไม่มีใครห้าม เพียงแต่ไม่ทราบทำไมชิวซุยถึงยังไม่อยากกลับเสียอย่างนั้น
“ข้าวใหม่ปลามันแบบนั้นเราควรปล่อยให้ท่านพี่ได้ใช้เวลากับพวกเซี่ยจินเย่นะ”ชิวซุยตอบพลางนำถุงเงินที่หลี่เซียนมอบให้ตอนมาถึงเมืองออกมาช้าๆ นางก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นโจรปล้นพ่อค้าหนีภาษีรายได้ดีหรือเปล่า แต่เงินที่หลี่เซียนให้นางมามีทั้งหมด 8 เหรียญทอง เงินจำนวนนี้นับว่าเยอะมากสำหรับการมอบให้ใครสักคน แถมหลี่เซียนยังคิดเผื่อว่านางอาจจะไม่มีที่ไปเลยหาที่พักให้อีกต่างหาก…..
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้ชายพยายามทำอะไรให้ชิวซุยแบบนี้ ตรงกันข้ามชิวซุยเจอเรื่องแบบนี้บ่อยครั้งเลยก็ว่าได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการให้โดยไม่จริงใจเสียเท่าไหร่ หากไม่หวังอำนาจของตระกูลไป๋ก็หวังจะจีบตัวนางทั้งนั้น แต่หลี่เซียนกลับต่างออกไป แววตาของมันตอนพาชิวซุยหนีมานั้นรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงอย่างจริงใจ นานมากแล้วที่ไม่มีคนเป็นห่วงตนเองแบบนี้
.
.
“ให้ตายสิ เละเทะแบบนั้นมันฝีมือของตัวอะไรกันแน่”ทางฝั่งหลี่เซียนที่กำลังกลับมาจากหมู่บ้านของพวกโจร เหล่าทหารและตัวหลี่เซียนเองไม่มีอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อยเพราะพวกมันไม่ได้ต่อสู้อะไรเลยเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ใบหน้าของพวกมันไม่ค่อยจะดีใจนักเพราะกลุ่มโจรที่พวกมันว่างแผนจัดการมาเป็นปีๆกลับโดนเล่นงานจนหมดไปเองเหมือนพวกตนเสียเวลาเปล่าไม่มีผิด
“คงเป็นอสูรที่น่ากลัวมากแน่ๆขอรับ”ชายหนุ่มคนหนึ่งตอบพลางส่ายหน้าออกมา ร่องรอยการทำลายหุบเขาต้องเป็นอสูรขนาดใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย แถมในหมู่บ้านยังมีร่องรอยของใยแมงมุมอีกต่างหาก ท่าทางพวกโจรจะเจออสูรเจ้าถิ่นเข้ามาเล่นงานตอนพวกมันจะบุกไปพอดี บางทีอาจจะโดนฆ่าหรือจับไปกินจนหมดแล้วก็ได้
“แต่ก็ถือว่าพวกเราจัดการพวกมันได้แล้วนะขอรับ หัวหน้าจะดีใจหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกขอรับ”ทหารคนหนึ่งพูดพลางมองหลี่เซียนด้วยท่าทีเห็นใจ ก็นะหลี่เซียนปลอมตัวไปอยู่กับพวกโจรตั้ง 3 ปี หาทางบุกและเอาชนะหัวหน้ากลุ่มโจรอย่างละเอียดถึงขั้นมั่นใจว่าหากบุกไปอย่างน้อยก็ต้องจัดการหัวหน้ากลุ่มโจรได้แน่ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเหลือเพียง ซีเฉิน และลูกน้องอีก 4 คนเท่านั้นที่จับมาได้
“ข้าคงต้องไปรายงานที่กรมต่อ พรุ่งนี้คงต้องเดินทางเลย”หลี่เซียนว่าพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แม้จะน่าผิดหวังที่แผนของตนไม่สำเร็จ แต่ก็กำจัดโจรให้อาณาจักรของตนเองได้ แถมชิวซุยก็ปลอดภัยดีด้วย ผลลัพธ์เช่นนี้นับว่าดีมากแล้ว
“หัวหน้า แล้วผู้หญิงที่มาแจ้งข่าวจะให้ทำอย่างไรต่อขอรับ”ทหารคนหนึ่งถามพลางชี้ไปที่ห้องพักของชิวซุยที่อยู่มุมสุดของค่ายทหาร ตอนนี้นางเป็นแขกของหลี่เซียนเลยพักอาศัยที่นั่นได้ แต่หากหลี่เซียนกลับไปที่กรมบัญชาการพวกมันก็ต้องขอให้หลี่เซียนตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับนางต่อไป จะให้พักไปเรื่อยๆหรือให้นางออกไปดี
“ข้า..จะไปคุยกับนางหน่อย”หลี่เซียนว่าพลางเดินเข้าไปในที่พักของชิวซุยช้าๆ แต่เดิมหลี่เซียนไม่ใช่คนของเมืองนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ได้รับคำสั่งให้มาปราบปรามโจรกลุ่มนี้จากเมืองหลวงเลยต้องมาอยู่ที่นี่เท่านั้น เมื่องานเสร็จหลี่เซียนก็ต้องกลับไปที่เมืองหลวงและคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกนาน
“นายท่าน…กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”ชิวซุยยิ้มหวานเมื่อเห็นหลี่เซียนเดินเข้ามา นางไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไรที่หลี่เซียนไม่บาดเจ็บ เพราะนางจัดการเรื่องไปก่อนแล้วนั่นเอง
“เจ้าไม่ได้ถูกข้าจับตัวไว้แล้วนะ ไม่ต้องเรียกข้าแบบนั้นก็ได้”หลี่เซียนยิ้มเจื่อนๆออกมากับคำที่ชิวซุยใช้เรียกตัวเอง ตอนนั้นนางอาจจะเรียกเพราะกลัว แต่ตอนนี้นางน่าจะทราบแล้วว่าตนเองไม่ใช่พวกโจรและไม่ต้องกลัวอะไรมันอีก
“ก็…ข้ายังไม่ทราบชื่อของนายท่านเลยนี่เจ้าคะ ข้าเลยไม่รู้ว่าจะเรียกท่านว่าอะไร”ชิวซุยตอบด้วยท่าทีอายๆ จริงๆแล้วนางทราบชื่อหลี่เซียนเพราะพวกลูกน้องเรียกมันแบบนั้น แต่นางก็ไม่เคยได้ยินจากปากหลี่เซียนเลยนี่นา
“นั่นสิ….ข้าชื่อหลี่เซียน แล้วเจ้าล่ะ”หลี่เซียนตอบพลางถามชิวซุยกลับมาเช่นกัน ตัวมันเองก็ไม่เคยถามชื่อของชิวซุยมาก่อนเสียด้วย
“ข้าชื่อ….ชิวซุยเจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบด้วยท่าทีลังเลนิดหน่อย นางไม่ได้บอกชื่อสกุลออกไป แต่ลำพังแค่ชื่อชิวซุยก็อาจจะถูกจำได้เสียด้วยซ้ำ แต่หลี่เซียนกลับไม่มีท่าทีแบบนั้นเลย
“งั้นหรือ เจ้าชื่อชิวซุยนี่เอง”หลี่เซียนตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทียินดี ดูเหมือนมันจะไม่รู้ว่าคนตระกูลไป๋มีใครบ้างสินะ นับว่าไม่มีปัญหาอะไร
“จริงๆแล้วข้ามีข่าวดีกับข่าวร้ายมาบอกเจ้า เจ้าอยากฟังข่าวไหนก่อนล่ะ”หลี่เซียนถามพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“ข่าวดีก่อนเจ้าค่ะ ข้าชอบฟังเรื่องดีๆมากกว่า”ชิวซุยตอบด้วยท่าทีสนอกสนใจอย่างมาก แต่หลี่เซียนนี่สิไม่ทราบจะพูดออกไปดีหรือไม่
“ข่าวดีคือพวกโจรที่จับตัวเจ้าไปโดนจัดการหมดแล้ว”พวกมันเป็นโจรที่จับตัวชิวซุยไป ถึงจะหนีมาได้ก็ไม่แน่ว่าจะโดนตามล่าหรือไม่ แต่เมื่อทราบว่าพวกมันโดนจัดการหมดแล้วชิวซุยก็สมควรจะสบายใจขึ้นมาก ซึ่งนั่นก็เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัย
“แล้ว….ข่าวร้ายล่ะเจ้าคะ”ชิวซุยถามพลางมองหลี่เซียนด้วยท่าทีน่าสงสารเหมือนหลี่เซียนกำลังจะทำร้ายชิวซุยเสียอย่างนั้น ทำเอาหลี่เซียนชะงักไม่กล้าพูดไปพักหนึ่งเลย
“จริงๆแล้ว..”หลี่เซียนว่าพลางนำกระเป๋าของชิวซุยออกมาจากมิติของตนเอง กระเป๋าใบนี้คือกระเป๋าที่ใส่ของที่ชิวซุยจะนำไปขายเอาไว้ สำหรับแม่ค้าแล้วมันคือทุกอย่างที่ชิวซุยมี เพียงแต่สภาพของมันนั้นแทบไม่เหลือชิ้นดีเลย
“นี่มัน……”ชิวซุยมองกระเป๋าตนเองด้วยท่าทีเสียใจ กระเป๋าของนางโดนเผาจนเหลือแค่ครึ่งเดียวแถมของข้างในก็ไม่เหลือแล้วด้วย
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่โกดังเก็บของที่เจ้าพวกโจรใช้โดนเผาวอดวายหมดเลย ข้าเกรงว่าสินค้าของเจ้าจะไม่เหลือแล้ว”หลี่เซียนตอบพลางถอนหายใจออกมา มีบ้านหลายหลังที่ถูกใยแมงมุมปกคลุมไปทั้งบ้าน แต่ก็มีบางหลังที่ถูกเผาหรือถูกทำลายเช่นกัน และบ้านที่เก็บสินค้าที่ยึดมาก็เป็นหนึ่งในหลังที่ไหม้จนหมด แบบนี้ก็เท่ากับว่าทุกสิ่งที่ชิวซุยมีโดนเผาวอดวายหมดแล้วนั่นเอง
“ข้า…..”ชิวซุยมองกระเป๋าตนเองด้วยใบหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็แค่เหมือนเท่านั้นเพราะนางทราบอยู่แล้วว่าสินค้าพวกนั้นโดนเผาไปหมด นั่นเพราะชิวซุยเป็นคนเผาเองกับมือนี่นา สินค้าชิ้นอื่นนอกจากของที่ชิวซุยเอามาใช้ปลอมตัวต่างเป็นของหนีภาษีทั้งนั้น ชิวซุยเลยเก็บพวกมันไปส่งทางการของอาณาจักรไป๋และเผาบางส่วนทิ้งให้ดูเหมือนของพวกนั้นโดนทำลายไปหมดแล้ว จริงๆจะว่าข่าวนี้เป็นข่าวร้ายก็ไม่ใช่หรอก แต่เห็นท่าทีเป็นห่วงของหลี่เซียนแล้วนางก็อดจะแกล้งเศร้าเพราะอยากเห็นท่าทีเป็นห่วงของหลี่เซียนไม่ได้นี่นา
“นายท่าน ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้วเจ้าคะ”ชิวซุยร้องไห้ออกมาต่อหน้าหลี่เซียนเสียอย่างนั้น ยิ่งพอเห็นน้ำตาของชิวซุยหลี่เซียนก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก มันจะปลอบใจก็ไม่รู้ต้องทำไง สุดท้ายเลยได้แต่หาผ้ามาส่งให้ชิวซุยซับน้ำตาเท่านั้น
“ข้า….พอจะมีคนรู้จักอยู่บ้าง ข้าพอจะหางานให้เจ้าได้……ส่วนที่พักเจ้าใช้ที่นี่ไปก่อนก็ได้ข้าจะขอร้องหัวหน้าค่ายให้”หลี่เซียนว่าพลางพยายามหาทางช่วยเหลือชิวซุยอย่างจริงใจ มันเห็นนางร้องไห้ออกมาแล้วก็อดสงสารไม่ได้ มันพยายามปลอบใจชิวซุยโดยไม่ทราบเลยว่าขณะกำลังร้องไห้ชิวซุยแอบลอบมองมาที่ตนเองหลายครั้ง แถมกำลังมองใบหน้าเป็นห่วงของมันอย่างเพลิดเพลินอีกต่างหาก
“นายท่าน ให้ข้าติดตามท่านไปด้วยได้หรือเปล่าเจ้าคะ”ชิวซุยถามพลางมองหลี่เซียนด้วยท่าทีขอร้อง นางรู้สึกชอบใบหน้าเห็นใจและเขินอายของหลี่เซียนมาก อยากจะอยู่กับหลี่เซียนต่ออีกสักพักเลยตัดสินใจลองขอเช่นนี้ดู แต่ว่า….
“…………………..”ในมุมมองของหลี่เซียนนั้นชิวซุยยามนี้อ่อนแอและเปราะบางจนน่าใจหาย คำขอขอนางดูน่าสงสารเสียจนไม่สามารถปฏิเสธได้ ในฐานะบุรุษแล้วการปล่อยเด็กสาวเช่นนี้ให้เผชิญชีวิตข้างหน้าอันยากลำบากคงเหมือนตราบาปติดใจไปทั้งชีวิตเป็นแน่
“ได้…ข้าจะให้เจ้าไปกับข้าด้วย”หลี่เซียนตอบพลางพยักหน้าช้าๆ เจอแบบนี้ใครจะปฏิเสธได้ลงกัน
“จริงหรือเจ้าคะ ขอบคุณนายท่านมากเจ้าค่ะ”ชิวซุยได้ยินก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีโล่งอก รอยยิ้มที่ยังเปื้อนน้ำตาของนางนั้นทำให้หลี่เซียนรู้สึกว่าไม่อยากให้รอยยิ้มนี้หายไปเลย มันจะต้องปกป้องรอยยิ้มนี้เอาไว้ให้ได้
.
.
“คุณหนู ไม่เล่นแรงไปหน่อยหรือเจ้าคะ”หลังจากหลี่เซียนขอตัวออกไปจัดการเรื่องในค่าย เหมาเหมาที่นั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดมาตลอดก็ถอนหายใจออกมาพลางมองเจ้านายของตนด้วยท่าทีกังวล
“แฮะๆ ก็หน้าตาตอนสงสารข้าของท่านหลี่เซียนน่ารักมากเลยนี่นาข้าก็เลยเผลอไป”ชิวซุยยิ้มหวานพลางอุ้มเหมาเหมาขึ้นมาจ้องหน้าตนเอง อย่างที่บอกช่วงนี้นางยังไม่อยากกลับไปเป็นก้างขวางคอของพี่ชาย นางเลยอยากจะอยู่หยอกล้อหลี่เซียนอีกสักหน่อย