บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 697 งานยากสำเร็จ
ตอนที่ 697
งานยากสำเร็จ
“ได้ยินหรือเปล่า ได้ข่าวว่าหลี่เซียนมันทำงานสำเร็จแล้วนี่”ขณะหลี่เซียนแหละชิวซุยกำลังเดินทางมายังเมืองหลวง ดูเหมือนว่าข่าวของหลี่เซียนจะมาถึงเมืองหลวงก่อนเจ้าตัวเสียอีก พวกกลุ่มโจรที่หลี่เซียนไปจับตัวนั้นว่ากันว่าเป็นกลุ่มโจรที่จับตัวยากที่สุดก็ว่าได้ การที่หลี่เซียนทำผลงานในครั้นนี้สมควรเป็นความดีความชอบใหญ่หลวงเลยทีเดียว
“หลี่เซียน เจ้ายักษ์นั่นเนี่ยนะ”ชายคนหนึ่งพูดด้วยท่าทีประหลาดใจ การจับกลุ่มโจรที่พูดถึงอยู่นั้นไม่ใช่แค่เป็นคนระดับยอดฝีมือแล้วจะจัดการได้เพราะเรื่องที่ซ่อนของพวกมันเป็นเรื่องลับสุดยอดที่แม่ทัพหลายๆคนปวดหัวกับเรื่องนี้ การส่งหลี่เซียนไปทำงานนี้จริงๆก็แค่เอาไว้อ้างกับประชาชนและอาณาจักรไป๋เท่านั้นว่าราชสำนักกำลังพยายามทำอะไรกับกลุ่มโจรเหล่านั้นอยู่ ไม่ได้คาดหวังว่าจะสำเร็จแต่แรกแล้ว
“ท่านอวิ๋นฉาง แบบนี้เจ้านั่นก็ได้คะแนนเลยไม่ใช่หรือขอรับ”ชายท่าทางผอมแห้งคนหนึ่งพูดพลางมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังฝึกทวนอยู่ในสวน ชายผู้นี้คืออวิ๋นฉางหนึ่งในรองแม่ทัพสังกัดกองทัพราชสีห์คลั่งแห่งอาณาจักรจินเป่ย
“ก็แค่งานสำเร็จงานเดียว ไม่ทำให้มันได้คะแนนอะไรนักหนาหรอก”อวิ๋นฉางว่าพลางแทงทวนของตนออกไปข้างหน้าอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นยอดฝีมือระดับเทียนเซียนขั้น 10 เช่นเดียวกันกับหลี่เซียน
“อย่ากังวลไปเลย ตำแหน่งแม่ทัพที่กำลังจะว่างไม่ตกไปในมือของเจ้าโคถึกนั่นหรอก”ชายหนุ่มรูปงามที่นั่งอยู่ข้างๆชายร่างผอมพูดพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจ ทั้งอวิ๋นฉาง ทั้งหลี่เซียนต่างมีฐานะเป็นรองแม่ทัพของกองทัพราชสีห์คลั่งเช่นกัน แน่นอนว่าการจะเลื่อนขึ้นไปในตำแหน่งถัดไปก็ต้องเลื่อนจากรองแม่ทัพเป็นแม่ทัพเท่านั้น แถมท่านแม่ทัพคนเก่ายังแก่ชรามากแล้ว รวมถึงร่างกายยังเริ่มถดถอยอีกต่างหาก ไม่นานแม่ทัพราชสีห์คลั่งแห่งจินเป่ยก็จะปลดระวาง และรองแม่ทัพทั้งหลายก็รอโอกาสนี้อยู่ทั้งนั้น แต่เรื่องของหลี่เซียนกลับเข้ามากระทบจังหวะนี้พอดีทำเอาเหล่ารองแม่ทัพอดที่จะหวั่นใจไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นหลี่เซียนก็เป็นพวกซื่อไม่สนใจยศตำแหน่งพวกมันจึงไม่คิดว่าหลี่เซียนจะทำเพื่อชิงตำแหน่งแต่อย่างไร
เปรี้ยง!!
อวิ๋นฉางแทงทวนใส่เป้าซ้อมอย่างแรงจนหุ่นที่ทำจากไม้แตกกระจาย หลังจากโจมตีออกไปแล้วมันก็ค่อยๆรวบรวมพลังคืนมาอีกครั้งก่อนจะสูดหายใจเข้าและออกอย่างสงบเพื่อปรับพลังให้เข้าที่
“คงต้องไปเยี่ยมเจ้าถึกนั่นซะหน่อย”อวิ๋นฉางว่าพลางเก็บทวนของตนเข้ามิติส่วนตัวไป ยามนี้ดวงตาของอวิ๋นฉางคนที่ว่ากันว่าจะได้เป็นแม่ทัพคนต่อไปของกองทัพราชสีห์คลั่งเต็มไปด้วยท่าทีดุดันราวกับจะเอาเรื่องให้ได้
.
.
“นายท่าน….รอข้าด้วยเจ้าค่ะ”ขณะเดียวกันชิวซุยที่กำลังลงมาจากรถไฟตามหลังหลี่เซียนมาติดๆพูดพลางเกาะชายเสื้อของหลี่เซียนเอาไว้ หลี่เซียนเป็นคนตัวใหญ่มาก ก้าวขาแต่ละทีเดินไปไกลกว่าชิวซุยก้าวขา 2 – 3 ครั้งเสียอีกทำเอาหลี่เซียนเดินนำชิวซุยโดยไม่รู้ตัวเสียอย่างนั้น ซึ่งในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้คนแล้วโอกาสที่ชิวซุยจะหลงทางมีมากเหลือเกิน ถ้า..นางเป็นคนธรรมดาละนะ
“ขอโทษที ว่าแต่เจ้า..ต้องปิดหน้าแบบนั้นด้วยงั้นหรือ”หลี่เซียนหยุดรอชิวซุยครู่หนึ่งก่อนจะมองไปยังใบหน้าของชิวซุยที่มีผ้าบางๆปิดใบหน้าตั้งแต่ช่วงจมูกลงมาเหมือนเครื่องแต่งกายของสำนักหญิงบางสำนักที่ไม่ยินยอมให้ศิษย์ของสำนักตนเปิดเผยหน้าตาต่อผู้คนภายนอก
“ช่วยไม่ได้นี่เจ้าคะ พอเข้าเมืองมาก็มีแต่คนมองข้าตลอดเลยมันน่าอายนี่นา”ชิวซุยตอบด้วยท่าทีเขินอาย แม้จริงๆแล้วนางจะทำไปเพราะกลัวว่าจะมีคนจำตนเองได้ก็ตาม
“งั้นหรือ….ข้าก็พอเข้าใจนะ”หลี่เซียนตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา มันไม่ค่อยได้พบเจอผู้หญิงเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าชิวซุยเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่มันเคยเห็นมา ไม่แปลกเลยที่นางจะโดนมองจนรู้สึกเขินอายได้
“แล้ว….เราจะไปไหนกันก่อนหรือเจ้าคะ”ชิวซุยถามพลางมองไปรอบๆ ดูเหมือนตอนนี้หลี่เซียนจะไม่ได้มุ่งหน้าไปกรมทหารอย่างที่บอก แต่กำลังมุ่งหน้าไปยังทางตะวันตกของเมืองเสียมากกว่า
“ข้ามีที่ต้องแวะไปก่อน หรือว่าเจ้าจะเหนื่อยแล้ว”หลี่เซียนถามพลางมองชิวซุยด้วยท่าทีเป็นห่วง การเดินทางจากเมืองที่ชายแดนมาถึงเมืองหลวงค่อนข้างใช้เวลาต่อให้เดินทางด้วยรถไฟก็ตาม ไม่แปลกที่นางจะเหนื่อยเลย
“เปล่าเจ้าค่ะข้าแค่กลัวว่าถ้าท่านปล่อยข้าให้หลงทางแล้วข้าจะไปเจอท่านได้ที่ไหนเท่านั้นเอง”ชิวซุยทำหน้ามุ่ยก่อนจะประชดหลี่เซียนนิดหน่อย ก็ใครใช้อีกฝ่ายเดินไม่รอนางล่ะ
“ก็บอกว่าข้าขอโทษไง เอางี้ข้าจะเดินช้าๆเจ้าจะได้ตามมาทัน”หลี่เซียนยิ้มเจื่อนๆออกเหมือนทำตัวไม่ถูก ก็มันไม่เคยเดินร่วมกับเด็กสาวตัวเล็กเช่นนี้นี่นา ปกติข้างกายมันมีแต่พวกทหารที่ต่อให้วิ่งก็ยังตามมาทันเสียด้วยซ้ำ
“เอาแบบนี้ดีกว่าเจ้าค่ะ ท่านจะได้ไม่เผลอทิ้งข้าเอาไว้”ชิวซุยยิ้มหวานก่อนจะยื่นมือไปจับมือของหลี่เซียนเอาไว้ แน่นอนว่ามันแสดงท่าทีเขินอายออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่พอคิดว่าชิวซุยไม่อยากหลงทางกับมันหลี่เซียนก็กลั้นใจแล้วยอมจับมือชิวซุยเอาไว้แต่โดยดี ส่วนชิวซุยนั้นก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของหลี่เซียนสลับไปมาอย่างน่าสนใจเช่นนี้เอง
“ท่านรอง มาเยี่ยมท่านแม่ทัพหรือขอรับ”หลังจากเดินมุ่งหน้าไปทางตะวันตกพักใหญ่ ในที่สุดหลี่เซียนก็มาถึงเป้าหมาย สถานที่ที่หลี่เซียนมาคือบ้านพักขนาดใหญ่ของแม่ทัพแห่งกองทัพราชสีห์คลั่งนั่นเอง
“ใช่”หลี่เซียนพยักหน้าพลางมองเข้าไปในตัวบ้าน 3 ปีแล้วที่มันไม่ได้กลับมาไม่ทราบว่าอาการของท่านแม่ทัพจะยังแข็งแรงอยู่หรือเปล่า
“ข้าจะแจ้งท่านแม่ทัพนะขอรับ”ทหารที่รับใช้อยู่ด้านหน้าตอบพลางเหล่มองชิวซุยที่จับมือหลี่เซียนเอาไว้แน่นด้วยท่าทีอึ้งๆ แม้ไม่ทราบว่าหญิงสาวที่จับมือหลี่เซียนเอาไว้หน้าตาเป็นอย่างไร แต่รองแม่ทัพหลี่เซียนผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องความซื่อและบื้อเรื่องผู้หญิงอย่างมาก ว่ากันว่าทั้งชีวิตอยู่แต่ในค่ายทหารไม่เคยออกไปเที่ยวเล่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว คราวนี้กลับจูงมือหญิงสาวมาหน้าตาเฉยนี่มันหายไปตั้ง 3 ปีมีเรื่องอะไรกันแน่
“หลี่เซียน เจ้ากลับมาแล้วจริงๆด้วย”ทหารรับใช้ยังไม่ทันเข้าไปในตัวบ้านดี อยู่ๆที่ด้านหลังหลี่เซียนก็มีชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาด้วยท่าทีตึงๆ มันคืออวิ๋นฉางรองแม่ทัพเช่นเดียวกับหลี่เซียนนั่นเอง
“อวิ๋นฉาง ไม่ได้พบกันนานเจ้ายังทำหน้าบึ้งตึงเหมือนเดิมเลยนะ”หลี่เซียนพอได้พบเพื่อนร่วมรุ่นก็ตรงเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร พอเดินเข้าไปใกล้แล้วร่างของหลี่เซียนที่สูงใหญ่อย่างกับหมีก็แทบจะกลบเงาร่างของอวิ๋นฉางจนมิดทำเอาอวิ๋นฉางแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา
“ได้ข่าวว่าเจ้าทำงานใหญ่สำเร็จ หวังว่าเจ้าคงไม่คิดจะสร้างผลงานเอาตอนนี้หรอกนะ”อวิ๋นฉางว่าพลางมองหลี่เซียนด้วยท่าทีไม่พอใจนัก แต่เมื่อไล่สายตาลงมาที่มือของหลี่เซียนอวิ๋นฉางก็เห็นว่าตอนนี้มันกำลังจับมือหญิงสาวนางหนึ่งอยู่ แม้จะมองใบหน้าทั้งหมดไม่เห็นแต่เพียงผิวพรรณและดวงตาที่โผล่พ้นผ้าออกมาแล้วก็ดูเข้าทีไม่น้อย เรียกได้ว่าคาดเดาได้ว่าเป็นหญิงงามเป็นแน่
“พูดอะไรกัน ข้าแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นเอง”หลี่เซียนหัวเราะพลางตบบ่าอวิ๋นฉางอย่างกับอวิ๋นฉางกำลังเล่นมุกตลกไม่มีผิด
“ขอให้จริงเถอะ”อวิ๋นฉางว่าพลางจับมือของหลี่เซียนที่จับบ่ามันออก แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรชายชราในชุดสีขาวโพลนก็ออกมาพร้อมกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่เดินตามมันมาข้างหลัง
“หลี่เซียนเจ้ากลับมาแล้วหรือ….อวิ๋นฉางหายากนะที่เจ้าจะมาเยี่ยมข้าแบบนี้”ชายชราว่าพลางเดินเข้ามาหาทั้งสองด้วยท่าทีแข็งแรงแทบไม่ต่างจากคนหนุ่ม แต่ชิวซุยที่อยู่ด้านหลังกลับสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังของชายชราผู้นี้ไม่คงที่ เกรงว่ายามใช้พลังวิญญาณจะติดขัดแน่ๆ
“ท่านแม่ทัพ”ทั้งหลี่เซียนทั้งอวิ๋นฉางต่างประสานมือคารวะชายชราตรงหน้าทันที ที่แท้ชายชราผู้นี้ก็คือแม่ทัพของหลี่เซียนนั่นเอง
“เจียนหู่ เจ้าก็มาด้วยงั้นเหรอ”อวิ๋นฉางพูดพลางมองไปทางชายหนุ่มใบหน้านิ่งเรียบด้านหลังท่านแม่ทัพ มันคือเจียนหู่ รองแม่ทัพคนที่ 3 ของกองทัพราชสีห์คลั่งโดยตำแหน่งรองแม่ทัพของกองทัพราชสีห์คลั่งนั้นมีกันทั้งสิ้น 4 คนโดยประกอบด้วย หลี่เซียน อวิ๋นฉาง เจียนหู่ และ สือหลง ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่กับอวิ๋นฉางตอนฝึกวิชานั่นเอง
“ท่านแม่ทัพอาการไม่ค่อยดีข้าก็เลยหายาบำรุงมาให้”เจียนหู่ตอบด้วยใบหน้าเฉยชาอย่างกับสวมหน้ากากเอาไว้ แต่พอได้ยินที่มันพูดหลี่เซียนก็มีท่าทีกังวลทันที
“ท่านแม่ทัพ อาการท่านแย่ลงอีกแล้วหรือขอรับ ไหนท่านบอกว่าช่วงนี้สบายดีไงขอรับ”หลี่เซียนถามด้วยท่าทีเป็นห่วงก่อนจะเดินเข้าไปหาท่านแม่ทัพอย่างรีบร้อน แต่…
ผลัก!!
อยู่ๆท่านแม่ทัพก็ซัดหมัดเข้ากลางท้องหลี่เซียนเสียอย่างนั้น ทำเอาหลี่เซียนจุกจนต้องล้มลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น
“ไอ้พวกเด็กน้อย คิดว่าข้าแก่ขนาดนั้นเลยหรือไง”แม่ทัพแห่งกองทัพราชสีห์คลั่งตอบด้วยใบหน้าดุๆ แต่แทนที่หลี่เซียนจะโกรธหรือร้องขอความเมตตามันกลับจับไปที่แขนของท่านแม่ทัพเสียอย่างนั้น
“แรงต่อยท่านลดลงไปตั้งเยอะ ท่านต้องอาการแย่ลงแน่ๆ”หลี่เซียนพูดด้วยท่าทีกังวล ปกติเวลาโดนท่านแม่ทัพต่อยเข้ามันต้องเจ็บกว่านี้นี่นา
“หา นี่เจ้าหาเรื่องข้างั้นเหรอ”แม่ทัพได้ยินเช่นนั้นก็ซัดหมัดใส่หลี่เซียนไปอีกหลายหมัดทำเอามันล้มลงไปนอนกับพื้น แต่เพราะหลี่เซียนล้มลงไปข้างหลังทำให้ท่านแม่ทัพและเจียนหู่ที่พึ่งมาได้เห็นแขกของหลี่เซียนเสียที
“นี่เจ้าเป็นใคร”แม่ทัพถามพลางมองชิวซุยด้วยท่าทีประหลาดใจ ทั้งหลี่เซียน ทั้งอวิ๋นฉางไม่เคยพาสตรีมาด้วย นี่มันข่าวแปลกใหม่เสียยิ่งกว่าหลี่เซียนทำงานสำเร็จอีกไม่ใช่หรือไง