บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 702 เป็นที่วางใจ
ตอนที่ 702
เป็นที่วางใจ
“มีเรื่องอะไรดีๆหรือเจ้าคะ”ชิวซุยถามหลังจากหลี่เซียนกลับมาที่บ้านของตนเสียที ตอนมันเดินเข้ามาใบหน้าของมันยิ้มแย้มอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งชิวซุยเองก็ทราบดีว่าทำไมมันถึงยิ้มแบบนั้น
“ก็นิดหน่อย”หลี่เซียนตอบด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ วันนี้นับว่าเป็นวันดำสำหรับมันเลยก็ว่าได้ แถมท่าทีของสือหลงยังทำให้มันโล่งใจไม่น้อย เจ้านั่นรักพวกพ้องอย่างตนเองกว่าที่คิดเยอะเลย
“เล่าให้ข้าฟังบ้างสิเจ้าคะ ท่าทางจะเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ”ชิวซุยถามพลางเดินเข้าไปหาหลี่เซียนด้วยท่าทีสนใจ
“ไม่ได้หรอก แบบนั้นเจ้านั่นคงอายน่าดู”หลี่เซียนหัวเราะพลางปฏิเสธคำขอของชิวซุย ขืนมันเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาเล่าให้คนนอกฟัง นอกจากจะทำให้ความลับเกี่ยวกับตำแหน่งแม่ทัพอันดับ 3 คนใหม่ถูกเผยแพร่แล้วยังเหมือนเล่าเรื่องน่าอายของสือหลงออกไปด้วย แบบนั้นมันต้องโมโหแน่ๆ
“แบบนั้นขี้โกงนี่นา ข้าเองก็อยากรู้นะเจ้าคะ”ชิวซุยทำหน้ามุ่ยด้วยท่าทีไม่พอใจ แต่นางก็ทราบแต่แรกแล้วว่าหลี่เซียนไม่มีทางบอกหรอกเพราะนี่เป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพอั้งจินเป่า แต่ทำไมนางต้องถามคำถามที่รู้อยู่แล้วว่าไม่ได้คำตอบงั้นหรือ
“เรื่องนี้ข้าบอกไม่ได้จริงๆ เอาเป็นเรื่องอื่นก็แล้วกัน”หลี่เซียนว่าพลางเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับชิวซุย และนั่นก็ทำให้ชิวซุยยิ้มหวานออกมาราวกับทุกอย่างเป็นไปตามแผนไม่มีผิด
“งั้นข้าอยากจะไปที่ๆท่านฝึก”ชิวซุยตอบพลางจ้องมองหลี่เซียนด้วยท่าทีอยากไปสุดๆ
“ที่ค่ายทหารเหรอ…ที่นั่นไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”หลี่เซียนว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ที่นั่นมีแต่เพื่อนๆทหารที่ต้องฝึกทั้งวันเพื่อพัฒนาพลังฝีมือและความสามัคคี เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเหงื่อและฝุ่น ไม่คิดว่าจะเป็นสถานที่ที่ผู้หญิงจะอยากไปนัก
“แต่ข้าไม่เคยเข้าไปในค่ายทหารมาก่อนเลยนี่นา ข้าอยากจะเข้าไปดูว่าพวกทหารฝึกกันยังไง”ชิวซุยตอบพลางส่งสายตาขอร้องไปให้หลี่เซียน เจอแบบนี้เข้าไปผู้ชายที่ไหนจะกล้าปฏิเสธลง
“ก็ได้ แต่ถ้าเข้าไปแล้วข้าอาจจะไม่ได้ออกมาเร็วนักนะ บางทีอาจจะใช้เวลาทั้งวันเลย”หลี่เซียนว่าพลางทำสีหน้าลำบากใจออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าคะ ข้าไม่ได้รีบไปไหนนี่นา”ชิวซุยตอบพลางยิ้มหวานออกมาด้วยท่าทียินดี ในที่สุดหลี่เซียนก็ยอมใจอ่อนพานางไปเที่ยวชมค่ายทหารแล้ว
.
.
“ท่านรองหลี่เซียน ท่านพึ่งกลับมาจากทำภารกิจไม่ใช่หรือขอรับ ทำไมกลับมาที่ค่ายเร็วนัก”ทันทีที่นั่งรถเข้าไปที่ค่ายทหาร นายทหารเฝ้าประตูก็ถามหลี่เซียนด้วยท่าทีสงสัยเพราะได้ข่าวมาว่าหลี่เซียนพึ่งกลับมาถึง ปกติมันควรจะพักผ่อนก่อนแล้วจะทำอะไรก็ว่ากันไม่ใช่หรือ
“ข้ามีธุระนิดหน่อย ให้พวกเราเข้าไปข้างในเถอะ”หลี่เซียนตอบพลางเหล่มองไปที่ชิวซุยซึ่งนั่งอยู่ตรงเบาะหลัง ที่นี่คือค่ายฝึกซ้อมของกองทัพราชสีห์คลั่ง ฐานะของหลี่เซียนมีมากพอจะพาแขกสักคนมาเยี่ยมชมได้สบายอยู่แล้ว
“ขะ….ขอรับ”นายทหารตอบพลางมองชิวซุยด้วยท่าทีอึ้งๆ ค่ายทหารของกองทัพราชสีห์คลั่งว่ากันว่าเป็นค่ายทหารที่ฝึกกันดุเดือดที่สุด ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงอยากเข้ามาดูแบบนี้ แถมยังเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ไม่มีพลังวิญญาณอีกต่างหาก
“อยากตายหรือไง แทงทวนให้มันแข็งขันกว่านี้”ทันทีที่ขับรถเข้าไปในส่วนของค่ายฝึก สิ่งที่ชิวซุยได้ยินก็คือเสียงสั่งการของหัวหน้าหมวดที่กำลังสั่งทหารของตนให้ฝึกวิชาทวนอย่างขันแข็ง ยามนี้ภาพที่ชิวซุยเห็นก็คือภาพกลุ่มชายหนุ่มกำลังวาดเพลงทวนอย่างพร้อมเพรียง แต่ทว่า…..สภาพของเหล่าทหารนั้นไม่ได้เหมือนพึ่งฝึกในตอนเช้าเลย ทั้งเหงื่อที่อาบเสื้อผ้าจนชุ่มเศษดินที่ติดอยู่ตามร่างกาย อย่างกับว่าพวกมันฝึกฝนมาหลายต่อหลายวันติดต่อกันไม่มีผิด
“ฝึกกันหนักมากเลยนะเจ้าคะ”ชิวซุยใช้ดวงตาสีม่วง เขียว ตรวจสอบสภาพร่างกายของเหล่าทหาร พวกมันฝึกหนักกว่าพวกศิษย์ในสำนักของพี่ชายนางเสียอีก จะเรียกว่ามันจริงจังและหนักแน่นกว่าการฝึกตามสำนักก็ได้ สมกับที่เป็นค่ายฝึกของเหล่าทหารตามที่บอกเลย
“ทุกคนพยายามกันมาก เพราะถ้าเกิดสงครามขึ้นมาแล้วไม่พร้อมบ้านเมืองของพวกเราก็คงไม่เหลือ”หลี่เซียนตอบด้วยใบหน้าจริงจังไม่น้อย หากเป็นอาณาจักรใกล้เคียงฝั่งอื่นๆการปะทะกันคงหนักหน่วงน่าดู แต่หากเป็นการปะทะจากอาณาจักรไป๋คงเลวร้ายอย่างมาก โชคดีจริงๆที่อาณาจักรไป๋ไม่ใช่อาณาจักรที่จะโจมตีฝ่ายอื่นๆ
“ท่านรอง โชคดีจริงๆที่ได้เจอท่านวันนี้”ทันทีที่รถของหลี่เซียนเข้าไปจอดที่จอดรถ ร่างของชายคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาหลี่เซียนทันทีด้วยท่าทีรีบร้อน
“มีอะไรงั้นเหรอ”หลี่เซียนถามพลางเดินเข้าไปหาชายคนนั้นด้วยท่าทีสงสัย
“คนฝึกทหารนะสิขอรับมีไม่พอ ท่านกลับมาแบบนี้ช่วยได้เยอะเลย”ชายคนนั้นตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทียินดี
“ข้าก็อยากจะช่วยนะแต่ว่า…”หลี่เซียนสามารถช่วยได้อยู่แล้ว แต่ทว่าตอนนี้มันพาชิวซุยมาชมในค่ายทหารนี่สิ
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากเห็นท่านช่วยฝึกเหมือนกัน”ชิวซุยตอบด้วยรอยยิ้มยินดี นี่ล่ะคือสิ่งที่นางอยากเห็น นางอยากรู้ว่าชีวิตประจำวันของหลี่เซียนนั้นเป็นอย่างไร และคนรอบข้างของหลี่เซียนนั้นเป็นอย่างไร
“ท่านรอง ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน มีแต่ท่านเท่านั้นที่ช่วยข้าได้”ยังไม่ทันได้เดินทางไปสนามฝึก นายทหารอีกคนหนึ่งก็เข้ามาเกาะขาหลี่เซียนเอาไว้แน่นเหมือนจะขอร้องอะไรบางอย่าง
“ท่านรอง ท่านมาแล้ว..”อีกคนยังไม่ทันบอกว่าจะขอร้องอะไร ทหารอีกคนก็เข้ามาหาหลี่เซียนทันทีที่เห็นหน้า ท่าทางพอเห็นรถของหลี่เซียนขับเข้ามาพวกมันก็แทบจะตามมารอหลี่เซียนเลยกระมัง
“………”หลี่เซียนได้ยินเหล่าลูกน้องเข้ามาขอความช่วยเหลือแบบนั้นก็หันไปทางชิวซุยเหมือนจะถามว่าเอาอย่างไรดี หากวันนี้หลี่เซียนมาคนเดียวก็คงช่วยเหลือพวกมันทันทีเพราะหลี่เซียนทำแบบนั้นประจำอยู่แล้ว แต่วันนี้หลี่เซียนพาชิวซุยมาเป็นแขกก็เลยมีท่าทีลังเลอย่างที่เห็น
“พยายามเข้านะเจ้าคะ”ชิวซุยเห็นสายตาคำถามของหลี่เซียนก็ยิ้มด้วยท่าทีขำๆก่อนจะบอกให้กำลังใจหลี่เซียนเสียอย่างนั้น
“งั้น…..ทีละคนนะ”หลี่เซียนยิ้มออกมาด้วยท่าทีโล่งอกก่อนจะเริ่มรับฟังคำขอร้องที่ลูกน้องของมันต้องการทีละคน เรื่องที่พวกมันเอามาขอร้องนั้นมีทั้งเรื่องเล็กน้อยอย่างเรื่องการฝึกหรือเรื่องปัญหาในค่ายที่ตัวมันแก้ไขไม่ได้รวมถึงเรื่องนอกค่ายอย่างการเข้ามาปรึกษาปัญหาชีวิตกับหลี่เซียนอย่างกับมันเป็นญาติผู้ใหญ่เสียอย่างนั้น
ตลอดวันที่อยู่ในค่ายทหาร หลี่เซียนมีคนเข้ามาปรึกษาตลอดเวลา แถมหลี่เซียนยังให้คำปรึกษาได้ดีไม่น้อยแถมยังช่วยงานต่างๆจนตัวเองแทบไม่ได้พักเลย
“ขอโทษทีนะ ข้าไม่ได้พาเจ้าชมรอบค่ายเลย”หลังจากช่วยเหลือคนสุดท้ายเสร็จ หลี่เซียนก็พาชิวซุยไปนั่งพักที่ข้างๆลานฝึกที่อยู่ภายในตัวค่าย แต่คนที่อยากพักที่สุดก็คงจะเป็นหลี่เซียนนี่ล่ะ
“พูดอะไรกันเจ้าคะ ท่านพาข้าเดินรอบค่ายได้สามรอบแล้วมั้ง”ชิวซุยหัวเราะออกมาด้วยท่าทีขำขัน เพราะมีคนมากมายมาขอร้องหลี่เซียน มันก็เลยต้องเดินไปทั่วค่ายตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะแบบนั้นชิวซุยเลยได้เดินไปทั่วค่ายเสียยิ่งกว่าการพาเที่ยวชมรอบๆเสียอีก
“งะ… งั้นเหรอ”หลี่เซียนยิ้มเจื่อนๆออกมาด้วยท่าทีรู้สึกผิด วันนี้มันน่าจะพาชิวซุยมาชมค่ายแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าตัวเองมัวแต่รับเรื่องขอร้องเสียอย่างนั้น
“วันนี้ข้าสนุกมากเลยเจ้าค่ะ ไม่นึกเลยว่าพวกทหารจะมีความกังวลเรื่องต้นไม้ด้วย”ชิวซุยหัวเราะออกมาพลางขยับเข้าไปใกล้หลี่เซียนอีกนิดหน่อย เพราะหลี่เซียนเป็นคนดีก็เลยมีคนมาขอร้องเยอะ แม้กระทั่งเรื่องควรปลูกต้นไม้อะไรไว้หน้าบ้านก็ยังมาขอคำปรึกษา แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ชิวซุยอยากเห็นตั้งแต่แรกที่ขอมาเที่ยวชมค่ายทหาร นางไม่ได้อยากดูความยิ่งใหญ่ของค่ายหรือการฝึกนรกอะไรเลย นางเพียงอยากเห็นว่าหลี่เซียนยามอยู่กับคนรู้จักแล้วเป็นอย่างไรเท่านั้นเอง และวันนี้ทั้งวันนางก็ได้เห็นแล้วว่าหลี่เซียนเป็นที่รักของเหล่าลูกน้องแค่ไหน พอได้เห็นด้านนี้ของหลี่เซียนชิวซุยก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมมันขึ้นไปอีก
“หายากนะเนี่ยที่จะมีคนพาผู้หญิงเข้ามาในค่าย แถมยังเป็นเจ้าด้วย”ระหว่างกำลังนั่งพัก ชายผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาหาหลี่เซียนและชิวซุยด้วยท่าทีประหลาดใจอย่างที่มันบอก แถมมันยังเรียกหลี่เซียนด้วยฐานะเท่าเทียมกันเพราะฉะนั้นมันต้องมีตำแหน่งรองแม่ทัพขึ้นไปแน่ๆ
“สือหลง เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่”หลี่เซียนถามพลางมองไปทางสือหลงด้วยท่าทีประหลาดใจ เพราะเรื่องวันก่อนสือหลงก็เลยอายไม่ยอมมาพบเจอรองแม่ทัพคนอื่นๆเลย ไม่ทราบลมอะไรหอบมันมาเจอหลี่เซียนได้
“ก็นะ ข้าไม่ได้ว่างจะพาสาวมาเที่ยวได้เหมือนเจ้านี่นา ข้าก็ต้องทำงานของข้า”สือหลงตอบพลางเอาม้วนกระดาษใบหนึ่งมาให้หลี่เซียน
“นี่มัน..”หลี่เซียนมองกระดาษที่หรูหรากว่าปกติด้วยท่าทีประหลาดใจ แถมเหรียญตราที่ติดมากับเชือกมัดยังเป็นตราราชวงศ์อีกต่างหาก
“ราชโองการไง องค์จักรพรรดิจะมอบรางวัลให้เจ้าในวันมะรืน ไปหาเสื้อผ้าหล่อๆใส่ซะเจ้าจะได้เข้าวังอย่างสง่าผ่าเผย”สือหลงว่าพลางตบบ่าหลี่เซียนเบาๆ
“ถึงขั้นจักรพรรดิต้องมอบรางวัลให้ข้าเลยงั้นหรือ ไม่ใช่ว่ามันก็แค่กลุ่มโจรหรือไง”หลี่เซียนถามด้วยท่าทีไม่เข้าใจ สิ่งที่มันทำก็แค่กำจัดกลุ่มโจร แถมยังใช้เวลานานเกินไปเสียด้วยซ้ำ
“พูดอะไรของเจ้า กลุ่มโจรที่ว่าอยู่รอดมาได้เกือบร้อยปีโดยไม่โดนจับ ไม่ว่าจะส่งกำลังทหารไปเท่าไหร่ก็คว้าน้ำเหลว แถมมันยังลงมือใส่อาณาจักรไป๋แล้วมาซ่อนในบ้านเรา กำจัดพวกมันได้เท่ากับว่ากำจัดความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรเราและอาณาจักรไป๋ไปอีกเรื่อง ลำพังสองอย่างนี้ก็มากพอจะเรียกตัวเจ้าไปมอบรางวัลให้แล้ว”สือหลงตอบพลางยักไหล่ด้วยท่าทีช่วยไม่ได้ ตัวมันเองก็ไม่คิดว่าหลี่เซียนจะใช้วิธีแกล้งทำเป็นโจรเพื่อเข้าไปสืบความลับในหมู่บ้านโจรเลย นับว่างานนี้หลี่เซียนทำได้ดีทีเดียว
“จริงสิ ถ้าเจ้าได้ความดีความชอบในครั้งนี้ องค์จักรพรรดิอาจจะแต่งตั้งเจ้าเป็นแม่ทัพแทนตาแก่นั่นก็ได้ แบบนี้ข้าก็สบายนะสิ”สือหลงทำท่าทีครุ่นคิดก่อนจะสรุปเรื่องราวออกมาข้าหนึ่ง แน่นอนมันยังไม่ได้ตอบตกลงกับแม่ทัพอั้งจินเป่า แถมมันยังเคืองเรื่องวางยาอยู่เลยไม่อยากรับตำแหน่งสุดๆเลย
“แบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะข้าอยากให้เจ้าเป็นแม่ทัพนี่นา”หลี่เซียนยิ้มด้วยท่าทียินดี พอเห็นเรื่องเมื่อวานมันเองก็อยากให้สือหลงเป็นแม่ทัพเหมือนกัน แต่พอเห็นหลี่เซียนยิ้มด้วยท่าทีแปลกๆออกมาสือหลงก็เหมือนเดาได้ว่าหลี่เซียนยิ้มเพราะนึกถึงเรื่องอะไร ทำเอามันหน้าแดงออกมาก่อนจะรีบโวยวายกลบเกลื่อนทันที