บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 708 เจ้าถิ่น
ตอนที่ 708
เจ้าถิ่น
“เฮ้เจ้ายักษ์ เจ้าไปกับรถคันนี้”อวิ๋นฉางตะโกนออกมาพลางโบกมือเรียกหลี่เซียนที่พึ่งมาถึงขบวนเสด็จของจักรพรรดิจินเป่ย โดยรถขบวนนั้นประกอบไปด้วยรถคันหรูที่ติดตั้งกระจกพิเศษทำให้ไม่สามารถมองเห็นภายในได้ร่วม 20 คัน โดยองค์จักรพรรดิและเหล่าองค์ชายองค์หญิงจะประทับอยู่คันไหนนั้นมีแต่คนในขบวนเท่านั้นที่ทราบ
“จะไปไหน”หลี่เซียนเตรียมจะขึ้นรถคันที่อวิ๋นฉางบอก ชิวซุยก็เลยจะตามไปด้วย แต่ยังไม่ทันไปถึงรถสือหลงก็เข้ามาขวางเอาไว้ก่อน น่าเสียดายที่สือหลงต้องไปประจำรถอีกคันทำให้จับตาดูชิวซุยไม่ได้ มันเลยจะแอบเนียนบอกให้ชิวซุยไปนั่งรถที่ตนเองต้องนั่งไปด้วยเสียเลย
“เจ้าต้องไปกับข้า”สือหลงว่าพลางชี้ไปที่รถคันหน้าสุด มันกำลังจะอ้างว่านางเป็นคนนำทางต้องนั่งรถคันหน้าเพื่อดูว่าการเดินทางมาถูกเส้นทางหรือไม่ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร
ผั๊ว!!
กำปั้นของอั้งจินเป่าแม่ทัพ 3 คนปัจจุบันหวดเข้าที่ศีรษะของสือหลงเข้าอย่างจังทำเอาเจ้าตัวแทบจะล้มไปทั้งๆแบบนั้น แต่ที่หนักกว่าความเจ็บปวดหรืออาการเสียหลักก็คงเป็นความงุนงงเสียมากกว่า
“อะไรกันตาแก่ มาทุบหัวข้าทำไม”สือหลงว่าพลางหันไปจ้องอั้งจินเป่าอย่างเอาเรื่อง แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่ออั้งจินเป่าก็คว้าคอของสือหลงมากอดเอาไว้แล้วลากออกไปทันที
“มีอะไรกันงั้นเหรอ”หลี่เซียนถามพลางมองไปทางสือหลงที่โดนลากออกไป ที่นี่มีเพียงอั้งจินเป่าเท่านั้นที่ทราบฐานะที่แท้จริงของชิวซุย มันไม่มีทางปล่อยให้ลูกน้องของมันไปรบกวนนางเด็ดขาด
“ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบด้วยใบหน้าสงสัยเช่นกัน แต่ระหว่างที่สือหลงโดนลากตัวออกไปนั้นมันก็หันมาสบตากับชิวซุยครู่หนึ่งทำให้มันเห็นว่าชิวซุยกำลังยิ้มด้วยท่าทีสะใจไม่น้อยเลย
“เจ้านั่งข้างหลังนะ ข้าจะนั่งที่นั่งข้างคนขับเอง”หลี่เซียนเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็เปิดประตูรถให้ชิวซุยนั่งก่อนจะเดินไปนั่งข้างคนขับอย่างที่มันบอกโดยที่คนขับนั้นจะมีพลขับประจำตำแหน่งอยู่แล้วเพราะหน้าที่ของเหล่าแม่ทัพและรองแม่ทัพที่นั่งไปด้วยนั้นต้องพร้อมรับการโจมตีเสมอ หากมัวพวงกับการขับรถคงคุ้มกันได้ไม่เต็มที่กันพอดี
“งั้นข้านั่งคันนี้ไปแล้วกัน”หลี่เซียนพึ่งปิดประตูรถ อยู่ๆประตูฝั่งตรงข้ามกับชิวซุยก็เปิดออกพร้อมร่างของชายคนหนึ่งที่แทรกตัวเข้ามานั่งด้วยท่าทีสบายๆเสียอย่างนั้น
“หืม…..นี่เจ้าเป็นใครกัน”พอเข้ามานั่งในรถแล้ว ชายหนุ่มผู้นั้นก็พึ่งจะสังเกตว่าที่นั่งข้างๆคนเองนั้นไม่ได้ว่างเปล่าแต่อย่างไร แถมคนที่นั่งอยู่ยังไม่ใช่คนในกองทัพอีกต่างหาก
“องค์ชาย นางเป็นคนนำทางของพวกเราขอรับ”หลี่เซียนตอบด้วยท่าทีสุภาพ ส่วนชิวซุยนั้นเห็นอีกฝ่ายเข้ามาก็ทราบแต่แรกแล้วว่าเป็นใคร นางจึงประสานมือคารวะอีกฝ่ายก่อนทันที
“คนนำทาง ข้าไม่เห็นได้ยินเลยว่าจะมีคนนำทางด้วย”องค์ชายหนุ่มพูดพลางมองชิวซุยด้วยท่าทีสงสัย
“นางเป็นคนนำทางที่ท่านแม่ทัพสามแนะนำมาขอรับ นางจะช่วยอยู่ที่ค่ายของกองทัพสามเท่านั้นขอรับเลยไม่ได้แจ้งทั่วกัน”หลี่เซียนตอบด้วยท่าทีสุภาพ
“นั่นสินะ งานฉลองคงใช้เวลาหลายวัน ระหว่างนั้นพวกเจ้าก็ต้องมีเวลาว่างกันบ้าง แต่ไม่นึกเลยว่าคนนำทางของพวกเจ้าจะเป็นสาวงามเช่นนี้”องค์ชายว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีชื่นชม
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะที่องค์ชายทรงกล่าวชม แต่ข้าน้อยคงงามได้ไม่ได้ครึ่งของสาวในวังหรอกเจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ต่อให้นางคลุมผ้าปิดหน้าเอาไว้คนก็ยังมองออกอยู่ดีว่านางเป็นสาวงาม
“เจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ว จริงสิช่วงอยู่ที่อาณาจักรหลิวเจ้าพาข้าเที่ยวชมเมืองบ้างดีหรือไม่”องค์ชายว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอารมณ์ดี รอยยิ้มเช่นนี้ชิวซุยเห็นบ่อยตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เจ้าองค์ชายนี้จะจีบนางเหมือนพวกลูกคุณหนูในเมืองต่างๆแน่ๆเลย
“ขออภัยขอรับองค์ชาย นางน่าจะติดงานของกองทัพที่สาม เกรงว่าจะไปกับองค์ชายไม่ได้ขอรับ”หลี่เซียนได้ยินเช่นนั้นก็รีบหาข้ออ้างให้ชิวซุยทันที ไม่ทราบทำไมเหมือนกันมันไม่อยากให้องค์ชายพาตัวชิวซุยไปเท่าไหร่
“อะไรกัน กองทัพที่สามสำคัญกว่าข้างั้นหรือ แม่นางเจ้ามากับข้าเถอะข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวสนุกให้เต็มที่เลย”องค์ชายเสนอพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีมั่นใจอย่างมาก มันเป็นองค์ชายเชียวนะมีสาวที่ไหนกันจะไม่สนใจ
“องค์ชาย ข้ารับหน้าที่เป็นคนนำทางของกองทัพสามแล้วเจ้าค่ะ การรับงานแล้วไม่ทำตามข้อตกลงคงเป็นชะงักติดหลังข้าน้อยไปทั้งชีวิต”ชิวซุยเห็นท่าทีของอีกฝ่ายก็ยิ่งเกรงใจหนักข้อเข้าไปใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงการอยู่กับองค์ชายของอาณาจักรจินเป่ยอย่างจินเป่ยซวนนั้นจะทำให้นางเจอกลุ่มคนที่ไม่สมควรเจอตั้งเท่าไหร่
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ท่านรองแม่ทัพหลี่เซียนคงไม่ว่าอะไรข้าหรอกจริงไหม”องค์ชายจินเป่ยซวนมองไปทางหลี่เซียนที่นั่งอยู่ด้านหน้า คนที่สมควรรู้ว่าไม่ควรขัดใจเชื้อพระวงศ์ดีที่สุดก็คือเหล่าทหารนั่นเอง
“องค์ชาย เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของท่านแม่ทัพสามขอรับ เกรงว่าตัวข้าจะไม้มีอำนาจตัดสินใจ จนกว่าท่านแม่ทัพสามจะเปลี่ยนคำสั่งนางยังคงมีหน้าที่เดิมขอรับ”หลี่เซียนที่ควรจะตามใจองค์ชายกลับปฏิเสธเสียอย่างนั้น แม้จะอ้อมค้อมไปหน่อยแต่ก็แสดงท่าทีขัดขืนอย่างชัดเจน
“ก็ได้ ข้าแค่ต้องบอกท่านแม่ทัพสินะ”องค์ชายจินเป่ยซวนยิ้มด้วยท่าทีไม่ถือสา อาจจะเพราะหลี่เซียนอ้อมค้อมเกินไปมันเลยเข้าใจว่าหลี่เซียนไม่มีอำนาจจริงๆกระมัง
.
.
“ท่านแม่ทัพ ท่านว่าอะไรนะ”หลังจากเดินทางออกมาจากเมืองหลวงอาณาจักรจินเป่ย จนกระทั่งเข้าเมืองย่อยเพื่อพักก่อนเดินทางต่อ องค์ชายจินเป่ยซวนก็ตรงเข้าไปหาแม่ทัพสามเพื่อบอกเรื่องของชิวซุยทันที แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้เข้าอาณาจักรหลิวเสียด้วยซ้ำ แต่องค์ชายก็ยังอยากจะให้แม่สาวงามชิวซุยช่วยนำทางท่องเที่ยวขณะกำลังพักเหนื่อยอยู่ดี เพียงแต่คำตอบที่ได้รับนั้นกลับไม่เหมือนอย่างที่คิดเอาไว้เท่าไหร่นัก
“องค์ชาย ข้าเกรงว่าคำขอของท่านจะเป็นไปไม่ได้…..”แม่ทัพสามอั้งจินเป่าเมื่อได้ยินคำขอขององค์ชายก็เข้าใจทันทีว่าท่านต้องการอะไร แต่จะให้ท่านไปรบกวนคุณหนูตระกูลไป๋ได้อย่างไร แม่จะโดนล้มล้างอำนาจแต่ภายในก็ยังทราบกันดีว่าตระกูลไป๋ไม่ใช่ตระกูลที่องค์ชายจากอาณาจักรเล็กๆจะไปรบกวนอยู่ดี
“นี่เข้ากล้าขัดข้างั้นหรือ กับอีแค่ผู้หญิงคนเดียว”องค์ชายจินเป่ยซานใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ อาจจะด้วยความเป็นอาณาจักรขนาดเล็กและมีบิดานิสัยเก็บตัว ทำให้องค์ชายจินเป่ยซานไม่ได้ออกไปนอกอาณาจักรเสียเท่าไหร่ บางทีอาจจะเรียกได้ว่าเสียคนก็ไม่ผิด
“องค์ชาย เรื่องนี้ข้าขอคัดค้านจริงๆขอรับ”แม่ทัพสามก้มหัวลงด้วยท่าทีจริงจัง อีกฝ่ายก็องค์ชายของอาณาจักรตนเอง อีกฝ่ายก็คุณหนูตระกูลไป๋ แต่เมื่อองค์ชายของตนกำลังจะแกว่งเท้าหาเสี้ยนมันเป็นแม่ทัพก็มีหน้าที่ต้องหยุดเอาไว้อย่างเต็มที่ ขืนมันทำอะไรล่วงเกินไป๋ชิวซุยเข้าต่อให้เป็นองค์ชายของอาณาจักรจินเป่ยก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัย ในอดีตแม้แต่องค์ชายของอาณาจักรชูยังโดนเนรเทศมาแล้วเลย
“……….”ฝั่งสือหลงที่อยู่ไม่ห่างกันนัก เห็นท่านแม่ทัพออกหน้าช่วยเหลือแม้อีกฝ่ายจะเป็นองค์ชายก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ว่าแท้จริงแล้วชิวซุยเป็นใครกันแน่ ถ้าทำให้ตาแก่ถึงกับปฏิเสธคำขอขององค์ชายได้อย่างน้อยๆนางก็สมควรเป็นบุตรสาวของขุนนางอาณาจักรหลิวแน่ๆ
“องค์ชาย แม่นางชิวซุยเป็นหญิงสาวธรรมดาไร้พลังวิญญาณ การเดินทางตลอดวันเช่นนี้ย่อมทำให้นางเหน็ดเหนื่อยนะขอรับ เกรงว่าจะทำหน้าที่นำทางไม่ไหว”สือหลงว่าพลางเข้ามารับหน้าองค์ชายด้วยตนเอง รู้อยู่แก่ใจว่านางไม่ใช่คนธรรมดาแต่เห็นตาแก่กำลังลำบากใจมันจะไม่ช่วยก็ไม่ได้
“ก็ไปกับข้านี่ไง นางจะได้พักผ่อนให้สบายใจ”องค์ชายยังคงดื้อดึงอยากจะพาชิวซุยไปเที่ยวเล่นกับมันให้ได้เล่นเอาสือหลงได้แต่ถอนหายใจ
“องค์ชาย จริงๆแล้วเมืองนี้เป็นบ้านเกิดของรองแม่ทัพเจียนหู่ขอรับ”อยู่ๆสือหลงก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มมีลับลมคมใน
“ข้าเนี่ยนะ………..”แต่ฝั่งเจียนหู่ที่โตมาในค่ายทหารเหมือนกับรองแม่ทัพคนอื่นๆได้ยินเข้าก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ มันเนี่ยนะเกิดที่เมืองนี้ ไม่ใช่ว่าพวกมันต่างเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกท่านแม่ทัพรับมาอุปการะหรือยังไง
“แล้วทำไมงั้นหรือ”องค์ชายจินเป่ยซวนถามพลางเลิกคิ้วสงสัย ที่นี่จะเป็นบ้านเกิดของรองแม่ทัพเจียนหู่แล้วมันทำไมงั้นหรือ
“เห็นเรียบร้อยแบบนี้ แต่จริงๆแล้วแม่ทัพเจียนหู่เป็นเสือซ่อนเล็บขอรับ มันรู้จักทุกซอกทุกมุมในเมืองนี้ดีอย่างกับมองฝ่ามือตนเองเลย”สือหลงว่าพลางยิ้มกว้างด้วยท่าทีร่าเริง
“……….”ส่วนเจียนหู่ที่ได้ฟังกลับทำหน้างงไม่ทราบมันไปรู้จักเมืองนี้ได้อย่างไร อย่างมากก็แค่จำทางที่เข้ามาและรู้ว่าต้องออกจากประตูเมืองทางไหนเท่านั้นเอง
“แล้ว….”องค์ชายยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่สือหลงพยายามจะสื่อ แต่ได้ยินองค์ชายพูดแบบนั้นสือหลงก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีก
“สถานเริงรมย์ชื่อดังของเมืองนี้ เจียนหู่เข้าออกราวกับบ้านหลังที่สอง ข้าคิดว่าวันนี้องค์ชายปล่อยแม่นางชิวซุยพักไปก่อนแล้วไปเที่ยวกับเจ้าถิ่นไม่ดีกว่าหรือขอรับ”ได้ยินสือหลงพูดเจียนหู่ก็ค้อนขวับเข้าหน้ามันทันที เจียนหู่เป็นชายหนุ่มมาดนิ่ง ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยสักนิด
“เจ้าพูดมาก็เข้าท่า รองแม่ทัพเจียนหู่ข้าขอสั่งให้เจ้าเป็นคนนำทางพาข้าเที่ยวชมบ้านเมืองในวันนี้ก็แล้วกัน”องค์ชายได้ยินที่สือหลงบอกก็มีท่าทีสนใจไม่น้อย ก่อนจะแต่งตั้งหน้าที่?ให้เจียนหู่อย่างรวดเร็ว
“แล้วข้าจะทำยังไงล่ะเจ้าบ้า ข้ารู้จักเมืองนี้ที่ไหน”เจียนหู่ได้ยินก็เดินเข้ามาลากคอสือหลงไปคุยทันที นี่มันโยนปัญหาให้มันชัดๆ แถมถ้ามันไม่ทำปัญหาก็จะไปตกที่ตาแก่อีกต่างหาก
“เจ้าสืบข่าวเก่งไม่ใช่หรือไง แค่เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวเจ้าหาได้สบายน่า”สือหลงยิ้มพลางตบหลังเจียนหู่เหมือนจะให้กำลังใจ แน่นอนว่าสือหลงโดนเจียนหู่คาดโทษไปเป็นที่เรียบร้อย