บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 710 คำขอ
ตอนที่ 710
คำขอ
“……………”ในวันสุดท้ายของการเดินทาง ในที่สุดชิวซุยก็ได้กลับมานั่งที่รถคันเดียวกับหลี่เซียนเสียที เพียงแต่คราวนี้องค์ชายไม่มีท่าทีจะหยอกล้อชิวซุยหรือตามตื๊อนางให้ไปทำเที่ยวเช่นเดิมอีกเลย แถมยังนั่งด้วยท่าทีเกร็งๆและเว้นระยะอีกต่างหากทำให้การเดินทางตลอดเส้นทางที่เหลือชิวซุยสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจขึ้นมาก แต่การเดินทางก็ต้องจบลงในวันนี้แล้วเพราะขบวนรถของอาณาจักรจินเป่ยเดินทางเข้ามาในเมืองหลวงของอาณาจักรหลิวแล้วนั่นเอง
การมาครั้งนี้ต้องใช้เวลาในเมืองหลวงอาณาจักรหลิว 3 วันโดยผู้ที่ติดตามองค์จักรพรรดิ องค์ชาย และองค์หญิงบุตรสาวอีกคนของจักรพรรดิจินเป่ยเข้าไปได้มีเพียงแม่ทัพทั้ง 3 เท่านั้นโดยจะตามเข้าไปเป็นผู้ติดตามและผู้คุ้มกันของทั้ง 3 พระองค์นั่นเอง ส่วนทหารคนอื่นๆนั้นมีเพียงหน้าที่คุ้มกันระหว่างขาไปและกลับเท่านั้น ระหว่างนี้พวกมันจึงต้องไปพักที่ค่ายทหารกันไปก่อน เพราะแบบนี้นี่เองพวกสือหลงถึงเสนอให้ชิวซุยมาเป็นคนนำทางได้ เพราะในช่วงนี้พวกทหารคนอื่นๆจะมีเวลาว่างมากทีเดียว
“ถึงเวลาแล้วสินะ”สือหลงว่าพลางมองไปทางชิวซุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากจัดการเรื่องที่พักในค่ายทหารเสร็จ พวกมันก็พากันนัดแนะจะเดินทางไปเที่ยวชมรอบๆเมืองหลวงอาณาจักรหลิวกันทันที ในกองทัพราชสีห์คลั่งคนที่เคยเข้ามาในอาณาจักรหลิวมีนับคนได้ ไม่ต้องพูดถึงการเข้ามาในเมืองหลวงเลย และแน่นอนพวกมันรอที่จะเดินเที่ยวครั้งนี้ไม่ใช่เพราะอยากรู้จักความสวยงามของเมืองหลวง แต่อยากจะจับตาดูชิวซุยต่างหาก
“พวกเจ้า….”แต่ยังไม่ทันเข้าไปหาชิวซุย อยู่ๆร่างของหลี่เซียนก็เดินเข้ามาหาสหายทั้ง 3 คนของมันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นปกติ ตอนนี้ชิวซุยเองก็รอรับมือพวกมันอยู่ด้านหลังห่างจากกลุ่มพวกมันไปไกลพอสมควร ดูท่าทางนางจะแอบคิดแผนรับมือเอาไว้ระหว่างเดินเที่ยวในตัวเมืองก่อนแล้ว
“มีอะไรหรือเจ้ายักษ์”สือหลงถามพลางมองหลี่เซียนด้วยท่าทีงุนงง หลี่เซียนเดินมาทักพวกมันกลางทางเช่นนี้เหมือนจะมีเรื่องอยากคุยก่อนเลย
“พวกเจ้าช่วยเลิกรักแกนางได้หรือเปล่า”หลี่เซียนไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมกับสหาย มันเอ่ยปากบอกออกไปตามตรงเพราะมันเองก็เห็นอยู่แล้วว่าสหายทั้ง 3 ของมันมีท่าทีระแวงชิวซุยอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าบ้านี่ คิดว่าพวกข้ารังแกนางหรือไง พวกข้าก็แค่….”สือหลงได้ยินก็มีท่าทีร้อนตัวเล็กน้อย แต่หลายวันมานี้พวกมันก็รุมจับผิดชิวซุยจริงๆเสียด้วย จะบอกว่าไม่ได้รังแกเลยก็คงไม่ได้
“ข้ารู้พวกเจ้าเป็นห่วงข้า แต่นางเป็นคนดีและข้าก็ไว้ใจนาง มันอาจจะมีเรื่องน่าสงสัยบ้างแต่พวกเจ้าปล่อยผ่านมันไปเพื่อข้าได้หรือเปล่า”หลี่เซียนพูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีจริงจัง มันทราบดีว่าทำไมเพื่อนถึงทำแบบนี้ และตัวมันเองก็เข้าใจว่าทำไมเพื่อนๆถึงสงสัยชิวซุย แต่มันคงยอมให้เรื่องเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
“เจ้าแน่ใจนะ”เจียนหู่เห็นท่าทีของหลี่เซียนก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แม้หลี่เซียนจะไม่ใช่คนที่คุ้นเคยกับผู้หญิงนัก แต่พวกมันก็ไม่คิดว่าหลี่เซียนจะซื่อพอจะโดนคนโกหกไม่เป็นอย่างชิวซุยหลอกเอา บางทีเจ้ายักษ์นี่อาจจะรู้ตัวตั้งแต่แรกเสียด้วยซ้ำว่าชิวซุยไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรลงไป
“ข้าแน่ใจ”หลี่เซียนพยักหน้าช้าๆก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าจริงจังเป็นยิ้มน้อยๆเช่นเดิม
“ก็ได้ พวกข้าจะปล่อยนางไป แต่อย่ามาหาว่าข้าไม่เตือนเจ้านะ”สือหลงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะยอมตกลงตามที่สหายขอ ในเมื่อเจ้าตัวยอมรับความเสี่ยงเอง เช่นนั้นพวกมันก็ไม่ต้องห่วงจนมากเกินไป
“งั้นข้าจะไปฝึกในค่ายทหาร คนของอาณาจักรหลิวต้องมีคนเก่งเยอะแน่ๆ”อวิ๋นฉางไม่ได้มีท่าทีอะไร แต่กลับเป็นคนออกตัวจากไปเป็นคนแรก แน่นอนว่าพวกสือหลง และ เจียนหู่ ต่างขอตัวไปทำธุระของตัวเองโดยปล่อยให้หลี่เซียนไปเดินเที่ยวชมในเมืองกับชิวซุยตามลำพัง
“แล้วพวกสือหลงล่ะเจ้าคะ”หลังจากขอร้องพวกสือหลงเสร็จ หลี่เซียนก็เดินกลับมาหาชิวซุยเพียงคนเดียวเท่านั้น ทำให้ชิวซุยที่เตรียมตัวรับแผนของพวกสือหลงอดประหลาดใจไม่ได้
“พวกมันมีธุระนิดหน่อย วันนี้เจ้าไปเดินเที่ยวในเมืองกับข้าก็แล้วกัน”หลี่เซียนยิ้มออกมาพลางเดินเข้าไปเปิดประตูหน้าค่ายช้าๆ แน่นอนว่าชิวซุยย่อมยินดีมากกว่าหากได้ไปเดินเที่ยวอย่างสบายใจเช่นนี้
“ว่าแต่….เจ้าใส่หมวกทำไมหรือ”หลี่เซียนถามพลางมองหมวกที่ชิวซุยเอามาสวม มันเป็นหมวกฟางที่มีผ้าติดรอบหมวกห้อยลงมาจนปิดร่างของชิวซุยไปครึ่งหนึ่ง เรียกได้ว่าเดินแบบนี้ไม่มีใครมองเห็นแน่ๆเป็นใครมาจากไหน
“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ ข้ามีที่ที่อยากให้ท่านไปพอดี พวกเราไปกันเถอะ”ชิวซุยเหงื่อตกเล็กน้อยก่อนจะจับมือของหลี่เซียนแล้วลากมันเดินไปด้วยกัน พอโดนชิวซุยจับมือแบบนี้หลี่เซียนก็มีท่าทีเขินอายออกมาให้เห็นเสียไม่ได้ ก่อนจะยอมตามนางไปแต่โดยดี
ตอนนี้ชิวซุยใช้ทั้งไม้หอมปิดบังพลังดึงดูดเหล่าอสูรใช้ทั้งหมวกปิดร่างกายราวกับมุ้งเดินได้ แม้จะเด่นสะดุดตาไปนิดแต่ก็ช่วยให้คนผ่านไปผ่านมาจำไม่ได้ แถมช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่คนของอาณาจักรต่างๆเดินทางมาแสดงความยินดีกับหลิวซีที่สถาปนาอาณาจักรหลิวขึ้นมาอีกครั้งได้สำเร็จ ทำให้ผู้คนต่างเข้าใจว่าการแต่งกายของชิวซุยเป็นของสตรีต่างแดนทั้งสิ้น งานนี้ชิวซุยเลยสามารถเดินเที่ยวเล่นกับหลี่เซียนได้อย่างสบายใจ แต่ทว่า
“…………..”ชิวซุยสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง แน่นอนว่าการปิดบังตัวตนของชิวซุยตอนนี้ต่อให้เป็นคนรู้จักในอาณาจักรหลิวตอนนี้ก็คงจำไม่ได้ แต่หากเป็นดวงตาสีม่วงที่ตรวจสอบพลังได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ร่วมถึงดวงตาสีเขียวที่มองทะลุผ้าที่ชิวซุยใช้ปิดบังตนเองได้อย่างง่ายดายละก็ย่อมสามารถจำชิวซุยได้ในทันที แถมคนที่มายังเป็นคนที่ชิวซุยไม่อยากเจอตอนนี้ที่สุดเลย
“ท่านหลี่เซียน ข้อต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ มีที่หนึ่งที่ข้าต้องไปตามลำพัง แล้วข้าจะรีบกลับมานะเจ้าคะ”ชิวซุยว่าพลางขอตัววิ่งออกไปทันทีทำเอาหลี่เซียนได้แต่มองตามนางไปด้วยใบหน้างุนงง แต่นางรู้จักเมืองหลวงอาณาจักรหลิวดีกว่าตน นางคงไม่หลงแน่ๆ แต่ทำไมนางต้องรีบร้อนขนาดนั้นกันนะ….
ฟุบ..
ทันทีที่พ้นสายตาของหลี่เซียน ชิวซุยก็ทะยานวาบมุ่งตรงไปทางเหนือของเมืองหลวงอาณาจักรหลิวทันที เพียงแต่อีกฝ่ายที่ชิวซุยสัมผัสได้กลับเร็วกว่ามาก พริบตาเดียวร่างของนางก็โผล่ออกมาเบื้องหน้าชิวซุยเสียแล้ว
“ท่านแม่…..”ชิวซุยชะงักฝีเท้าก่อนจะมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาขวางชิวซุยเอาไว้ นางคือไป๋หลินมารดาของนางนั่นเอง
“ซุยเอ๋อ ทำไมเจ้าต้องหนีแม่ด้วยล่ะ”ไป๋หลินถามพลางมองชิวซุยด้วยท่าทีสงสัย แต่ชิวซุยยังไม่ทันได้ตอบ ร่างของไป๋ไป่ก็เดินเข้ามาที่ด้านหลังชิวซุยเสียแล้ว แบบนี้นางก็หมดทางหนีแล้วสิ
“นึกว่าเจ้าอยู่กับหลินเฟยเสียอีก กลับมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”ไป๋ไป่ถามพลางมองชิวซุยด้วยท่าทีสงสัยเช่นกัน
“ขะ ข้ามาหาซื้อของนิดหน่อยเจ้าค่ะ อีกสักพักก็กลับแล้ว”ชิวซุยตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา หวังว่าท่านแม่จะไม่เห็นตอนนางอยู่กับหลี่เซียนนะ
“งั้นหรือ แต่ช่วงเวลานี้เจ้าไม่ควรอยู่ในเมืองหลวงนะ ตระกูลไป๋พึ่งจะโดนล้มล้างไป ขืนมีคนเห็นว่าคนตระกูลไป๋มาเดินเล่นในเมืองคงไม่ดีแน่”ไป๋หลินตักเตือนบุตรสาวเล็กน้อย แน่ละชิวซุยรู้ดีถึงได้ห่อตัวเองเป็นมุ้งเดินได้อย่างนี้ไง
“แล้วท่านแม่มาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ แบบว่า…ท่านแม่น่าจะโดนเห็นตัวง่ายกว่าข้า”ชิวซุยเปลี่ยนเรื่องพลางหันไปถามมารดาตัวเองแทน นางยังมีความสามารถล่องหนหายตัว แต่มารดากลับมาอยู่ในตลาดเฉยๆเนี่ยสิ
“แม่มาส่งพ่อของเจ้านะสิ ตระกูลหลิวอยากให้พ่อของเจ้ามาช่วยเรื่องดูแลความเรียบร้อย”ไป๋หลินตอบด้วยท่าทีสบายๆ ตอนนี้ชิงชิวนับเป็นคนเดียวที่สามารถเข้ามาดูแลความเรียบร้อยได้โดยไม่ถูกพบตัวและมีพลังพอจะจัดการเรื่องต่างๆหากมีอะไรเกิดขึ้น
“งั้นหรือเจ้าคะ งั้นข้าจะระวังไม่ให้คนอื่นมองเห็นเจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ไม่นึกเลยว่าท่านแม่จะมาส่งท่านพ่อตอนนี้พอดี เพราะนางนึกว่าอย่างน้อยก็ไม่เจอคนตระกูลไป๋ตอนนี้เสียอีก
“จริงสิ ไหนๆเจ้าก็มาแล้วไปทำธุระกับแม่ก่อนก็แล้วกัน”ไป๋หลินทำท่าเหมือนพึ่งนึกอะไรออก อยู่ๆนางก็ชวนบุตรสาวไปทำธุระด้วย ซึ่งหากเป็นเวลาปกติละก็ชิวซุยคงไปด้วยทันทีอยู่หรอก แต่นางปล่อยให้หลี่เซียนรออยู่นี่สิ
“ท่านแม่ ข้า…..”ชิวซุยไม่ทราบจะหาอะไรมาเป็นข้อแก้ตัวดีจะบอกเรื่องหลี่เซียนก็ไม่ได้ หากท่านแม่รู้เข้านางอาจจะโดนดุได้นี่นา
“มีอะไรงั้นหรือ”ไป๋หลินถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ท่าทีของชิวซุยแปลกไปไม่น้อย ทำเอามารดาอย่างนางอดสงสัยไม่ได้
“เปล่าเจ้าค่ะ เรารีบไปรีบกลับเถอะ”ชิวซุยว่าพลางเดินตามมารดาไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มารดาของนางไม่สะดวกจะอยู่ในเมืองคงใช้เวลาทำธุระไม่นาน เช่นนั้นก็รีบทำให้เสร็จแล้วกลับมาหาหลี่เซียนก็น่าจะทัน
“งั้นไปกันเถอะ”ไป๋ไป่ว่าพลางเปลี่ยนร่างตนเองเป็นมังกรทันที เพียงแต่ปีกทั้ง 6 ข้างของนางประกบกันแน่นเหมือนมีเพียง 2 ข้างตามปกติเท่านั้น ท่านป้าไป๋ไป่ใช้วิธีนี้หลบเลี่ยงสายตาผู้อื่นงั้นหรือ
“เอ๊ะ ธุระเนี่ยที่อื่นหรือเจ้าคะ”ชิวซุยเหงื่อตกทันทีที่เห็นท่านป้าไป๋ไป่เปลี่ยนร่างเป็นมังกร ลงแบบนี้ก็หมายความว่าท่านแม่จะไปที่เมืองอื่นไม่ใช่หรือ
“แม่จะไปเยี่ยมท่านตาหยงเวยของเจ้าหน่อย ไม่ต้องห่วงเจ้ากลับก่อนมืดแน่นอน”ไป๋หลินยิ้มก่อนจะขึ้นไปบนหลังของไป๋ไป่ก่อนเป็นคนแรก ปล่อยให้ชิวซุยยืนเหงื่อตกอยู่ด้านล่าง นี่มันอะไรกันเนี่ยทำไมอยู่ๆนางก็เหมือนถูกท่านแม่ลักพาตัวได้ล่ะ