บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 711 ของขวัญ
ตอนที่ 711
ของขวัญ
การเดินทางด้วยมังกร 6 ปีกอย่างไป๋ไป่นั้นรวดเร็วเสียยิ่งกว่ารถไฟหรืออสูรบินหลายๆตนเสียอีก เพียงพริบตาเดียวร่างของไป๋ไป่ก็มาถึงยังวัดบนเนินเขาที่ยามนี้กลับมาเป็นวัดหยกอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ทั้งนี้ต้องขอบคุณหยงเวยที่ฝึกฝนวิชาธาตุดินจนสามารถสร้างหยกได้ตามใจนึกไม่อย่างนั้นวัดที่โดนตัวกินหยกมาเยี่ยมเยือนอยู่ประจำคงไม่เหลือหยกแม้แต่ชิ้นเดียวเป็นแน่
“ท่านแม่มาหาท่านตาหยงเวยทำไมหรือเจ้าคะ”ชิวซุยถามพลางลงจากหลังของไป๋ไป่มายืนบนพื้น วัดหยกแห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปเสมอ ไม่ว่าจะรูปปั้นหรือกำแพง ไม่ได้มาปีเดียวก็เปลี่ยนไปมากอยู่ดี
“แม่มีเรื่องจะมาคุยกับตาหยงเวยเสียหน่อย”ไป๋หลินตอบพลางเดินเข้าไปในวัดด้วยท่าทีคุ้นเคย นางกับลุงหยงเวยนั้นเดินทางร่วมกันเพื่อกำจัดพลังมารในร่างทำให้ไป๋หลินนับได้ว่าสนิทสนมกับหยงเวยมากกว่าบิดาตนเองเสียอีก
“ท่านแม่ นั่น…”ระหว่างเดินผ่านตัววัดชิวซุยก็สังเกตเห็นฐานรูปปั้นที่แตกหักเข้าพอดีนางจึงชี้ให้มารดาดูเพราะการที่มีรูปปั้นหรือเครื่องประดับจากหยกในวัดนี้ถูกทำลายเสียหายก็มีคนร้ายอยู่คนเดียวเท่านั้น
“พอดีเลย น้าหลินหลินอยู่พอดี”ไป๋หลินยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ หยงเวยสามารถซ่อมแซมของพวกนี้ได้ในพริบตา หากมันยังพังอยู่แสดงว่าหลินหลินยังอยู่ในวัดแห่งนี้เท่านั้น
“คุยกับท่านยายหลินหลินด้วยหรือเจ้าคะ มันเรื่องอะไรกันแน่”ชิวซุยอดสงสัยไม่ได้ หากเป็นเรื่องกลุ่มนักล่าอสูรก็ควรคุยกับท่านยายหลินหลินแค่คนเดียวสิ
“เดี๋ยวลูกก็รู้เอง”ไป๋หลินตอบพลางเดินเข้าไปในกำแพงวัดชั้นสุดท้าย สมัยก่อนที่นี่มีศิษย์ที่มีพลังอสูรมากมาย แต่น่าเสียดายที่เด็กๆเหล่านั้นไม่โชคดีเหมือนไป๋หลินและหยงเวยที่สามารถกำจัดพลังมารออกจากร่างไปได้ ยามนี้พวกเด็กๆคงจะนอนพักผ่อนอยู่ที่หลังวัดเป็นแน่
“ไป๋หลิน…..เจ้ามีธุระอะไรงั้นหรือ”หยงเวยเอ่ยปากถามก่อนที่ไป๋หลินจะเดินผ่านเข้ามาในสวนไม่กี่วินาทีเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าเพียงสัมผัสพลังได้หยงเวยก็แยกออกทันทีว่าเป็นใคร
“หลินเอ๋อ มาได้ยังไงกัน”หลินหลินเห็นไป๋หลินเข้ามาพร้อมกับชิวซุยก็วิ่งเข้าไปหาทันที แม้นางจะมีศักดิ์เป็นน้าของไป๋หลินและเป็นยายของชิวซุย แต่ท่าทีของนางก็ยังเหมือนเด็กเสียยิ่งกว่าชิวซุยเสียอีก
“ข้ามีเรื่องต้องคุยกับพวกท่านเจ้าค่ะ”ไป๋หลินยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้กลางสวนฝั่งตรงข้ามกับหยงเวยทันที
“ทำท่าจริงจังเชียว ตั้งแต่จูล่งซัดจอมมารอะไรนั่นตายเจ้าก็แทบไม่ทำหน้าแบบนั้นเลยนะ”หยงเวยถามพลางเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังเช่นกัน
“ท่านลุง ท่านเชื่อหรือเปล่าว่าจะมีคนแข็งแกร่งกว่าจูล่งอยู่อีก”ไป๋หลินถามพลางมองหยงเวยนิ่ง คำพูดล้อเล่นเช่นนี้อาจฟังดูไม่มีอะไร แต่สำหรับคนที่ทราบความแข็งแกร่งของไป๋จูล่งดีนั้นมันไม่ตลกเลยสักนิด
“พูดเป็นเล่น ไม่มีคนแบบนั้นอยู่หรอก”หยงเวยตอบด้วยดวงตาที่ตื่นตระหนกไม่น้อย ผู้แข็งแกร่งกว่าไป๋จูล่งคนนั้นจะไปมีอยู่จริงได้อย่างไร ลำพังเพียงไป๋จูล่งคนเดียวก็ไม่ทราบจะหาทางรับมืออย่างไรแล้ว
“ตอนนี้ยังไม่มีหรอกเจ้าค่ะ แต่บางทีมันอาจจะเกิดขึ้นก็ได้”ไป๋หลินตอบพลางถอนหายใจออกมา
“อาจจะเกิด…..หมายความว่าตอนนี้คนที่เจ้าว่ายังไม่มีตัวตนอยู่จริงสินะ”หยงเวยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ตระกูลไป๋กำลังจะยอมให้ไป๋จูล่งมีบุตรคนแรก ข้าก็บอกไม่ได้ว่าเด็กที่เกิดออกมานั้นจะมีพลังขนาดไหนติดตัวมา”ไป๋หลินเล่าออกมาช้าๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ตระกูลไป๋บอกเรื่องนี้กับคนนอกตระกูล
“ลูกของไป๋จูล่ง…..แต่จูล่งเป็นซาราไม่ใช่หรือ”หยงเวยถามพลางขมวดคิ้วมุ่น เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่หรือไง บุตรของไป๋จูล่งก็ต้องสร้างด้วยวิธีของซารา ตามที่ไป๋จูเหวินศึกษามาตัวอ่อนของซาราจะดึงจุดเด่นของพ่อแม่ออกมากลายเป็นตัวอ่อนที่แข็งแกร่งกว่าผู้ให้กำเนิด หากเป็นตัวอ่อนที่เกิดจากน้ำตาของไป๋จูล่งผสมกับเลือดของผู้ให้กำเนิดที่เป็นตระกูลไป๋แล้วมัน…..
“มันเป็นเรื่องที่ทำใจยาก”หยงเวยว่าพลางกำหมัดแน่น สิ่งแรกที่มันคิดออกเลยคือห้ามไม่ให้จูล่งมีบุตรเสีย แต่คนอย่างไป๋จูเหวินต้องคิดดีแล้วแน่ๆถึงยอมให้จูล่งมีบุตรได้ แบบนี้นี่เองการสถาปนาอาณาจักรหลิวขึ้นมาใหม่ก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง
“เรื่องนั้นมันสำคัญมากข้าเข้าใจ แต่หลินเอ๋อเจ้าเอาเรื่องนี้มาบอกพวกเราทำไมกัน”หลินหลินถามพลางมองไป๋หลินด้วยท่าทีสงสัย หากตระกูลไป๋จะเก็บตัวเลี้ยงดูเด็กคนนั้นจริงก็ไม่ควรเอาเรื่องนี้มาบอกหยงเวยไม่ใช่หรือ
“ข้าอยากจะให้พวกท่านเป็นพ่อแม่ของเด็กคนนั้น”ไป๋หลินตอบพลางมองทั้งสองคนอย่างจริงจัง ตอนแรกนางจะให้หลินเฟยเป็นคนรับหน้าที่นี้ แต่หากยังให้ตระกูลไป๋ที่มีสายเลือดของอสูรแมงมุมเป็นผู้ให้กำเนิดอีกนางกลัวว่าจะเกิดเรื่องเหนือการควบคุมเข้าไปอีก
“เอ๊ะ….”พอได้ยินไป๋หลินบอกเช่นนั้นหลินหลินก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ไม่ใช่ว่าเรื่องของนางกับพี่เวยนั้นเป็นความลับหรอกหรือ
“อ๋อ เรื่องพวกท่านทุกคนเขารู้กันหมดแล้วเจ้าค่ะ”ไป๋หลินตอบออกมาอย่างไร้เยื่อใย เรื่องที่หลินหลินกับหยงเวยมีความรู้สึกรักใคร่ต่อกันนั้นรู้กันมานานแล้ว ตั้งแต่หยงเวยเปิดใจเรื่องมารดาที่เป็นอสูรมันก็เปิดใจให้อสูรมากขึ้น ส่วนหลินหลินเองนอกจากไป๋จูเหวินแล้วก็ติดหยงเวยแจ แถมพักหลังนางยังเลือกอยู่กับหยงเวยมากกว่าไป๋จูเหวินเสียอีก เรียกได้ว่าเห็นชัดเสียยิ่งกว่าชัดเลยก็ว่าได้
“ท่านตาไม่เห็นต้องปิดเลย สมัยนี้คู่รักระหว่างอสูรกับมนุษย์ก็มีให้เห็นอยู่บ้าง ถึงจะสร้างทายาทไม่ได้แต่ก็เป็นที่ยอมรับแล้วนะเจ้าคะ”ชิวซุยตอบออกมาตามที่นางได้เห็น เพราะอาณาจักรหลิวยามนี้อสูรและมนุษย์อยู่ร่วมกันราวกับเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ทำให้เรื่องความรักระหว่างทั้งสองเผ่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย
“ระ เรื่องนั้น……”หยงเวยกระแอมกระไอออกมาพลางหันไปมองหลินหลิน มันโดนหลินหลินตามกวนใจอยู่นาน ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันหลงรักแมงมุมตนนี้ แถมนางยังดูเหมือนเด็กมากอีกต่างหาก
“แต่ มนุษย์กับอสูรมีลูกด้วยกันไม่ได้ไม่ใช่หรือ”หลินหลินถามด้วยท่าทีสงสัย เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็รู้ดี อสูรและมนุษย์ไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้
“มีโอกาสเป็นไปได้มากเลยเจ้าค่ะ….”ไป๋หลินตอบพลางมองไปทางหยงเวยนิ่ง อุปสรรคใหญ่หลวงของความรักต่างเผ่าพันธุ์ของอสูรและมนุษย์นั้นคือไม่อาจมีบุตรร่วมกันได้ แต่ทว่า…..
“เจ้าจะบอกว่า ซาราสามารถเกิดจากอสูรและมนุษย์ได้งั้นหรือ”หยงเวยเบิกตากว้างด้วยท่าทีตกใจ หากลองคิดดูการเกิดขึ้นของซาราเกิดจากการที่เพศหญิงและชายกินผลึกน้ำตาของซาราเข้าไป บางทีสิ่งนั้นอาจจะช่วยให้มนุษย์และอสูรมีลูกด้วยกันก็เป็นได้…..
“เจ้าค่ะ มีโอกาสอยู่เจ้าค่ะ”ไป๋หลินพยักหน้าช้าๆด้วยท่าทีคาดหวัง แม้จะยังไม่แน่ใจแต่โอกาสก็ใช่ว่าจะไม่มี
“ดีแล้วหรือที่เป็นพวกข้า”หยงเวยถามพลางมองไป๋หลินด้วยท่าทีกังวล หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คู่อสูรและมนุษย์ก็คงให้กำเนิดบุตรออกมาได้แน่ๆ จะมาเสี่ยงกับพวกมันจริงๆงั้นหรือ
“ข้าคิดว่า….ถ้าพวกท่านมีบุตรด้วยกันได้ก็คงดีเจ้าค่ะ”ไป๋หลินตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าจริงใจ สำหรับนางแล้วลุงหยงเวยเป็นคนที่ช่วยเหลือนางอยู่เสมอ และเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมของพลังมารร่วมกัน สิ่งนี้จึงเป็นเหมือนของขวัญให้กับทั้งสองนั่นเอง
“มีลูกกับพี่เวยงั้นเหรอ”หลินหลินได้ยินเรื่องทั้งหมดก็ก้มหน้าลงเอามือกุมไปที่ท้องของตนเอง ตั้งแต่ตกลงใจคบหากัน นางก็คิดเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่ทุกครั้งก็ตัดใจเพราะนางไม่สามารถมีลูกให้หยงเวยได้
“มาลองกันเถอะเจ้าค่ะ”หลินหลินว่าพลางยิ้มกว้างออกมา ดีเลยไม่ใช่หรือไง ทั้งพวกนางทั้งจูล่งต่างอยากมีลูกเหมือนกัน หากสำเร็จก็เท่ากับสมหวังทุกฝ่ายเลยไม่ใช่หรือ
“นั่นสิ ข้ากำลังจะมีลูกงั้นเหรอ”หยงเวยยิ้มออกมาพลางกุมมือของหลินหลินเอาไว้แน่น พริบตานั้นน้ำตาของหยงเวยก็ไหลออกมาเสียอย่างนั้นทำเอาคนรอบๆถึงกับเบิกตากว้างมองหยงเวยด้วยท่าทีตกใจ ตลอดมาหยงเวยเป็นชายผู้แข็งแกร่งแทบไม่เคยได้เห็นน้ำตาของมัน แต่ยามนี้มันกลับหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่อายสายตาใครทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันดีใจแค่ไหน
“ท่านยาย….”ชิวซุยที่อยู่ด้านหลังไม่ทราบจะทำเช่นไร นางเลยเรียกหลินหลินที่นั่งอยู่ข้างๆหยงเวยเบาๆ
“มีอะไรเหรอ”หลินหลินถามพลางละสายตาจากหยงเวยครู่หนึ่ง
“ท่านเป็นแมงมุมสินะเจ้าคะ เวลามีลูกไม่ใช่ว่าท่านต้องกินอีกฝ่ายด้วยหรอกหรือ”ชิวซุยถามพลางมองไปทางหยงเวยครู่หนึ่ง ตามธรรมชาติของแมงมุมแล้วมันจะฆ่าตัวผู้เพื่อเป็นอาหารหลังวางไข่นั่นเอง และเพราะคำพูดของชิวซุยนี่เองทำเอาหยงเวยชะงักไปทันทีก่อนจะหันมามองหลินหลินนิ่งด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ ยัยตะกละนี่กินแหลกเสมอ ฟันของนางเคี้ยวได้แม้แต่อาวุธวิเศษเชียวนะ……
“เอาเป็นว่าข้าจะกัดพี่เวยเบาๆแล้วกัน”หลินหลินว่าพลางหัวเราะออกมาหน้าตาเฉย แต่ทั้งสามที่ได้ยินกลับหน้าซีดเผือด
“อะไรกัน อย่าทำหน้าจริงจังขนาดนั้นสิข้าล้อเล่นต่างหาก อสูรไม่จำเป็นต้องทำเหมือนสัตว์ป่าสักหน่อย แต่ถึงตอนนั้นพี่เวยต้องสร้างหยกให้ข้าเยอะๆเท่านั้นเอง”หลินหลินเห็นมุกตัวเองไม่ขำก็รีบสารภาพความจริงออกมาทันที
“เจ้าแน่ใจนะ”หยงเวยว่าพลางมองหลินหลินด้วยท่าทีไม่เชื่อสุดๆ
“แน่สิ ข้าไม่เคยกัดท่านสักหน่อ……เอ๋หรือเคยนะ”หลินหลินพยายามนึกย้อนไปสมัยก่อน เหมือนนางจะเคยกัดหยงเวยหรือเปล่านะ แต่นางไม่ได้มีความทรงจำเหมือนตระกูลไป๋เสียด้วย
“ไป๋หลิน เรื่องนั้นลุงขอตัดสินใจสักพักนะ จนกว่าจะไว้ใจหลินหลินได้”หยงเวยว่าพลางถอนหายใจเฮือกออกมา
“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ”ไป๋หลินตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา เป็นนางเองก็ไม่อยากเสี่ยงนี่นา
“พวกเจ้า ไม่ได้ยินเหรอข้าบอกว่าล้อเล่นไง”หลินหลินโวยวายออกมาทันทีเมื่อเห็นทั้งหลานของตนและคนรักของตนไม่เชื่อใจตนเองสุดๆ นางไม่ได้ตะกละขนาดนั้นสักหน่อย