บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 84 แก่นอสูรกิเลนดำ
ตอนที่ 84
แก่นอสูรกิเลนดำ
หลังจากซื้อขายกันเรียบร้อยแล้ว ไป๋จูเหวินก็ขอซื้อสมุนไพรอีกนิดหน่อยจากหน่วย 10 เพียงแต่พอรู้ว่าไป๋จูเหวินจะซื้อสมุนไพรพวกมันก็แถมให้โดยไม่คิดเงินเสียอย่างนั้น แต่แน่นอนว่าสมุนไพรเหล่านั้นไม่ได้เกินเงินที่ไป๋จูเหวินยอมให้เป็นกำไรของท่านรองอาวุโสเลย
“คุณชาย ท่านซื้อแก่นอสูรมามากมายขนาดนี้จะทำอะไรหรือเจ้าคะ”หงเยว่ถามพลางกลายร่างเป็นแมงมุมเพื่อพาไป๋จูเหวินกลัยไปที่เขต 7
“ก็ให้หลินหลินกินนั่นล่ะ นางกินพวกแร่ธาตุเป็นอาหารข้ากลัวว่าอาหารที่พกมาด้วยจะไม่พอ”ไป๋จูเหวินตอบพลางลูบหัวหลินหลินเบาๆ อย่างไรนางก็เป็นอสูรเลี้ยงของไป๋จูเหวินหน้าที่ดูแลนางก็ต้องเป็นของไป๋จูเหวินนั่นเอง
“ไม่นึกว่าคุณชายจะร่ำรวยขนาดนี้ ถ้าท่านไม่รังเกียจละก็…ข้าขอแก่นอสูรบางส่วนด้วยได้หรือเปล่าเจ้าคะ”หงเยว่ถามพลางปีนขึ้นไปบนกำแพงระหว่างเขต เมื่อก่อนนางก็ได้กินแก่นอสูรอยู่บ้าง แต่ก็ได้กินแต่แก่นอสูรที่เจ้านายล่าได้เท่านั้น แถมพักหลังเจ้านายเก่าของนางก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน นางเลยไม่ได้เพิ่มพลังจากแก่นอสูรนัก
“ได้สิ ข้าซื้อมาเยอะกว่าที่คิดเสียด้วย”ไป๋จูเหวินตอบพลางนำแก่นอสูรออกมาใส่ถุงเอาไว้แล้วเอามันให้หลินหลินกินเป็นของว่างแทนหยก แม้หลินหลินจะชอบหยกมากกว่าแต่นางก็ยินดีจะกินแก่นอสูรเพื่อเพิ่มพลังของนางมากกว่ากินยาที่ไป๋จูเหวินทำให้เสียอีก
ตุบ…ใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบนาทีร่างของหงเยว่ก็กลับมาที่หน้าอาคารของหน่วย 7 เป็นที่เรียบร้อย ไป๋จูเหวินรีบลงจากหลังของนางพลางกลับเข้าไปในห้องของตนเองแล้วบอกให้หลินหลินไปตามพวกต้าชิงต้าเฉินมาที่ห้องของมันในทันที
“คุณชาย ท่านจะทำอะไรเหรอเจ้าคะ”หงเยว่ถามพลางมองไป๋จูเหวินที่เริ่มจัดเรียงสมุนไพรอย่างช้าๆ
“จริงสิหงเยว่ เจ้ากินยาสมุนไพรได้หรือเปล่า”ไป๋จูเหวินถามพลางหยิบสมุนไพรตัวหนึ่งมาฉีกเป็นชิ้นๆ
“ได้เจ้าค่ะ ตัวข้าเป็นแมงมุมพิษ ยิ่งกินสมุนไพรมีพิษเข้าไปยิ่งช่วยเพิ่มความรุนแรงของพิษเจ้าค่ะ”หงเยว่ว่าพลางลูบไปที่ปากของตน ตัวนางเป็นแมงมุมแม่ม่ายดำย่อมมีพิษเป็นธรรมดา
“เหรอ เอาไว้ข้าจะหลอมยาให้เจ้าบ้างแล้วกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางจุดไฟขึ้นมาบนฝ่ามือพลางคิดขึ้นมาว่า ขนาดตัวมันที่ซึมซับวิชาของน้ามังกรน้าราชสีมาจนหมดยังสามารถหลอมยาที่ทำให้กลืนแก่นอสูรระดับทองอย่างปรอดภัยเท่านั้น นึกถึงวันที่ตนบ้าดีเดือดกลืนแก่นอสูรของมารดาที่ระดับสูงกว่าพวกท่านน้าเข้าไปแล้วตัวมันอดนึกขอโทษพวกท่านน้าอีกครั้งไม่ได้จริงๆ
พรึบ! เปลวเพลิงสีแดงส้มก่อตัวเป็นทรงกลมตรงหน้าไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ไป๋จูเหวินจะค่อยๆส่งยาเข้าไปในหองไฟอย่างรวดเร็ว ยาที่กลุ่มนักล่าอสูรให้มามีผลช่วยข่มพลังอสูรทำให้พลังอสูรของแก่นอสูรระดับต่ำไม่ถึงกับคร่าชีวิตของผู้กิน เพียงแต่ยาที่ไป๋จูเหวินกำลังหลอมไม่ได้ทำงานเช่นนั้น มันจะปรับสมดุลระหว่างร่างกายของผู้กินให้เข้ากับแก่นอสูรที่คนๆนั้นจะกิน แล้วค่อยๆทำให้คนๆนั้นหลอมรวมกับแก่นอสูรได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
“นายน้อย”ต้าชิงและต้าเฉินที่หลินหลินตามเข้ามาส่งเสียงเรียกเล็กน้อย แต่พอเห็นว่ายนายน้อยของพวกมันกำลังหลอมยาอยู่ พวกมันก็เดินมานั่งข้างๆหงเยว่อย่างรู้งานเพื่อรอให้นายน้อยหลอมยาจนเสร็จก่อน
“ไม่ยากอย่างที่คิดนะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางรับเม็ดยาจากกองไฟ 2 เม็ดมาไว้ในฝ่ามือ ก่อนที่มันจะเลือกแก่นอสูรออกมาจากแหวนมิติของหน่วย 10 แล้วยื่นมันให้พวกต้าชิงต้าเฉินในทันที
“นี่มัน..”ต้าชิงว่าพลางมองยาและแก่นอสูรในมือไป๋จูเหวิน
“พวกท่านกินยาก่อนแล้วค่อยกินแก่นอสูรตามในทันทีนะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางดับไฟตรงหน้าไปช้าๆ
“ขอรับนายน้อย”ต้าชิงและต้าเฉินกินยาของไป๋จูเหวินมาหลายต่อหลายรอบแล้ว เรียกได้ว่าพวกมันเชื่อในความสามารถด้านการหลอมยาของนายน้อยอย่างมาก เพียงฟังคำแนะนำต้าชิงก็นำยาเข้าปากในทันทีก่อนกลืนแก่นอสูรตามลงไปอย่างไม่ลังเล หากนายน้อยบอกว่ามันปรอดภัยต้าชิงก็จะทำว่าผลลับจะออกมาเช่นไรก็ตาม
“…..”พวกต้าชิงและต้าเฉินเริ่มนั่งสมาธิในทันทีเมื่อกลืนแก่นอสูรลงไป แก่นอสูรที่พวกมันกินล้วนเป็นแก่นอสูรระดับทอง ทำให้ใช้เวลาในการหลอมรวมกับร่างกายนานพอสมควร เพียงแต่ไป๋จูเหวินเริ่มครุ่นคิดถึงสิ่งที่มันเจอมาในเมืองตอนออกไปซื้อแก่นอสูรอยู่เล็กน้อย
ที่ชั้นบนของอาคารหน่วยที่ 10 ไป๋จูเหวินสัมผัมได้ถึงพลังมหาศาลของคนๆหนึ่ง นั่นย่อมเป็นอาวุโสหน่วย 10 อย่างไม่ต้องสงสัย และพลังที่อยู่ในอาคารเดียวกับพวกไป๋จูเหวิน พลังของอาวุโส 7 เองก็เป็นพลังที่น่าตื่นตระหนกเช่นกัน เรียกได้ว่าเหล่าอาวุโสทุกคนต้องเป็นขุมกำลังมี่น่ากลัวของนครร้อยแกดอสูรอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่… พวกมันทุกคนไม่มีใครมีพลังอสูรเกินระดับ เงิน เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งๆที่พลังวิญญาณของพวกมันต่างอยู่ระดับเหนือคนกันทั้งนั้น
“ทำไมมีแค่เหม่ยหลินที่…”ไป๋จูเหวินว่าพลางสัมผัสที่อกของตน ตั้งแต่เข้าสำนักเขี้ยวมังกรจนกระทั่งเข้าร่วมกลุ่มนักล่าอสูรมา ไป๋จูเหวินพบเพียงเหม่ยหลินเท่านั้นที่มีพลังอสูรมากกว่าระดับเงิน ทั้งนี้น่าจะเป็นผลมาจากการกลืนแก่นอสูรระดับต่ำตั้งแต่แรก ทำให้ไม่สามารถฝึกฝนเกินกว่าระดับเงินได้ นั่นหมายความว่านักล่าอสูรทุกคนย่อมไม่ได้กลืนแก่นอสูรระดับสูงอย่างที่เหม่ยหลินกินเข้าไป
“เจ้าเองก็ผ่านมันมาเหมือนกันสินะ”ไป๋จูเหวินพูดพลางย้อนความหลังนึกถึงตอนที่พวกท่านน้าพูดขึ้นมา นางกลืนแก่นอสูรของ กิเลนดำ อสูรระดับเดียวกับพวกท่านน้า เช่นนั้นนางไม่ได้เพียงกลืนแก่นอสูรระดับทอง แต่นางกลับกลืนแก่นอสูรระดับมายาลงไปเลยไม่ใช่หรือไง แถมความรู้ที่น้าของไป๋จูเหวินมียังไม่สามารถหลอมยาที่รับประกันความปรอดภัยให้กับผู้กลืนแก่นอสูรระดับสูงกว่าทองได้ มีหรือที่กลุ่มนักล่าอสูรจะสามารถคิดค้นได้
“มีอะไรหรือเจ้าคะ คุณชาย”หงเยว่ถามพลางมองไป๋จูเหวินที่เริ่มพึมพำอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
“ไม่มีอะไร…จริงสิหงเยว่ เจ้ารู้จักคุณหนูเหม่ยหลินหรือเปล่า”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปทางหยงเยว่
“เจ้าค่ะ ทุกคนในกลุ่มนักล่าอสูรรู้จักนางกันทั้งนั้น”หงเยว่ตอบพลางพยักหน้าช้าๆ
“ทำไมนางถึงกลืนแก่นอสูรของกิเลนดำเข้าไปล่ะ”ไป๋จูเหวินถามออกไปนิดหน่อยเพราะเห็นว่าหงเยว่อยู่ที่นี่มานาน
“เรื่องนั้น…”หงเยว่ว่าพลางหลบสายตาไป๋จูเหวิน ความจริงเรื่องนี้ถูกห้าแพร่งพรายมานานแล้ว แต่อีกฝ่ายเป็นเจ้านายของนางนี่สิ
“คุณหนูเหม่ยหลินเป็นคนน่าสงสารเจ้าค่ะ”หงเยว่ว่าพลางถอนหายใจออกมา ในเมืองร้อยแปดอสูรมีเรื่องเล่ามากมาย แม้แต่เรื่องของตัวนางเองยังถือเป็นเรื่องเศร้าเรื่องหนึ่งของเมืองร้อยแปดอสูรเลย แทบไม่ต้องพูดถึงเรื่องของเหม่ยหลิน เพราะเหล่อาวุโสและสมาชิกที่อยู่มานานหน่อยต่างทราบเรื่องนี้กันทั้งนั้น และทุกคนต่างก็สงสารคุณหนูเหม่ยหลินกันจากใจที่ต้องเจอชะตากรรมเช่นนี้
“เรื่องนี้คงต้องเท้าความถึงความฝันของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูร บิดาของคุณหนูเหม่ยหลินเจ้าค่ะ”หงเยว่เริ่มเล่าโดยไม่สนใจว่าเรื่องนี้จะถูกสั่งห้ามไปแล้วก็ตาม
“หวงหลง เป็นหัวหน้ากลุ่มคนที่ 8 หลังจากก่อตั้งกลุ่มนักล่าอสูรขึ้นมา ตัวท่านเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างมาก ท่านวาดหวังถึงพลังที่เหนือกว่าระดับเทียนเซียน และพยายามไปให้ถึง เพียงแต่ท่านก็ได้ทราบว่าพลังอสูรของแก่นอสูรที่ท่านกลืนลงไปไม่สามารถต้านทานพลังระดับเทียนเซียนได้ หากวันได้ท่านก้าวขึ้นระดับเทียนเซียนพลังอสูรจะโดนพลังเซียนกำจัดจนหมด ท่านจึงพยายามหาทางเพิ่มพลังของแก่นอสูรในร่าง แต่ก็ทำไม่ได้ สุกท้ายท่านก็ได้แต่ยอมแพ้กับแผนการนั้นไปจนกระทั้งวันหนึ่ง ท่านได้ทราบว่าในคลังของกลุ่มนักล่าอสูรมีแก่นอสูรระดับสูงมากๆอยู่ก้อนหนึ่ง มันเป็นแก่นอสูรของกิเลนดำที่มีพลังระดับเทียนเซียนเลยทีเดียว เพียงแต่ตัวท่านไม่สามารถหลอมรวมกับแก่นอสูรใหม่ได้”พูดถึงตรงนี้หงเยว่ก็ถอนหายใจออกมา
“ท่านก็เลยเอาแก่นอสูรนั่นให้ลูกของตัวเองกลืนลงไปสินะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางนึกภาพของเหม่ยหลิน
“เจ้าค่ะ..ตั้งแต่ท่านได้รับแก่นอสูรของกิเลนดำมา ท่านก็รับภรรยามานับสิบคนทั้งๆที่แต่เดิมไม่เคยสนใจเรื่องอิสตรี ไม่นานท่านก็ทำให้เหล่าภรรยาท้องทีละคนๆ เมื่อเด็กเกิดมามันก็ให้ทั้งสมุนไพรและของหายากมากมายเพื่อฟูมฟักเหล่าเด็กๆจนกลายเป็นอัจฉริยะที่เหล่าคนในกลุ่มภูมิใจ แต่พอวันหนึ่งเมื่อเหล่าเด็กๆระดับพลังถึงขั้นหลอมรวมปฐพี ท่านหัวหน้ากลุ่มก็ให้เด็กที่โตที่สุดกลืนแก่นอสุรกิเลนดำลงไป”พูดถึงแค่นั้นสีหน้าของหงเยว่ก็หมองคล้ำลงในทันที แม้แต่ไป๋จูเหวินเองยังไม่ทราบจะพูดอะไร หากจำไม่ผิดเหม่ยหลินไม่เคยบอกเลยว่าตนมีพี่น้อง…
“เด็กทุกคน ตายเพราะไม่สามารถหลอมรวมกับแก่นอสูรกิเลนดำได้ จนเหลือแต่คุณหนูเหม่ยหลินที่อายุน้อยที่สุด หลังจากนางกลืนแก่นอสูรกิเลนดำลงไปและหลอมรวมกับมันได้สำเร็จ หัวหน้ากลุ่มก็ตั้งใจฝึกฝนนางและหาทางเพิ่มพลังของนางให้ได้ไวที่สุด แถมยังส่งนางไปสู้กับเหล่าอสูรราวกับนางเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น
“……”ไป๋จูเหวินเองยังไม่คาดคิดว่าเรื่องจะหนักถึงเพียงนี้ นี่เหม่ยหลินเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนงั้นเหรอ สำหรับคนที่ได้รับความรักจากพวกท่านน้าและมารดามาตลอดอย่างไป๋จูเหวินแล้ว เรื่องเช่นนี้ทำเอาหัวใจของมันรู้สึกเย็นวูบขึ้นมาเลย
พอนึกถึงรอยยิ้มของนางแล้ว ไป๋จูเหวินก็อดหม่นหมองลงไม่ได้ หากได้พบนางอีกครั้ง มันจะพานางไปเที่ยวเขตอสูรอีกทีจะดีหรือไม่