บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 98 สลาย
ตอนที่ 98
สลาย
“นายหญิงงง”อสูรแมงมุมน้ำแข็งพยายามเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวิน แต่เพราะน้ำแข็งรอบๆตัวมันราวกับกำลังแช่แข็งตัวเองเอาไว้ทำให้มันไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้
“ท่านมาแล้ว นายหญิง”อสูรแมงมุมน้ำแข็งยังคงตะเกียดตะกายโดยไม่หยุดหย่อน ทำให้ไป๋จูเหวินมองมันด้วยสีหน้าสงสาร
“ตาของนางบอกแล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินเข้าไปหาอสูรแมงมุมน้ำแข็งด้วยตัวเอง
“นายหญิง”ทันทีที่ไป๋จูเหวินเดินเข้ามาถึงตัว อสูรแมงมุมน้ำแข็งก็สงบลง ท่าทางมันจะมองไม่เห็นแล้วว่าใครกำลังเข้ามา มันเพียงสัมผัสพลังของมารดาของไป๋จูเหวินได้เท่านั้น
แปะ.. ไป๋จูเหวินสัมผัสศีรษะของแมงมุมน้ำแข็งอย่างเบามือทำให้อสูรแมงมุมน้ำแข็งค่อยๆนอนลงช้าๆ วินาทีนั้นไป๋จูเหวินเริ่มสำรวจร่างกายของแมงมุมน้ำแข็ง มันมีร่องรอยบาดเจ็บอยู่มาก ขาเองก็ขาดไป 2 ช้าง ดวงตาก็บอดสนิท ตามตัวยังมีบาดแผลอีกมากมายท่าทางจะสาหัส
“นายหญิง ในที่สุดก็ได้พบท่าน”อสูรแมงมุมน้ำแข็งพูดพลางนอนราบลงกับพื้น เขตอสูรแห่งนี้ไม่มีอสูรระดับสูงเลยแม้แต่ตัวเดียว อาจจะเพราะพลังของอสูรแมงมุมน้ำแข็งกำลังอ่อนลงอย่างช้าๆ ทำเอาหัวใจของไป๋จูเหวินหนักอึ้งขึ้นมาทันทีเพราะสถานการณ์เช่นนี้แทบไม่ต่างจากตอนที่มารดามันสิ้นใจเลย
“……”ภายในถ้ำน้ำแข็งยามนั้นเงียบสนิทราวกับเวลาถูกหยุดเอาไว้ ไป๋จูเหวินไม่ได้ทำอะไรต่อจากนั้นนอกจากนั่งลงข้างๆอสูรแมงมุมน้ำแข็งเงียบๆโดยปล่อยให้นางนอนหลับไปช้าๆเท่านั้น มันไม่ทราบว่าอสูรแมงมุมน้ำแข็งเป็นอะไรกับมารดา หรือรู้จักมารดาได้อย่างไร แต่เห็นมันเรียกมารดาของมันเหมือนที่พวกท่านน้าเรียกไป๋จูเหวินก็อดสงสารไม่ได้
แกร๊ก…อยู่ๆร่างของอสูรแมงมุมน้ำแข็งก็ค่อยๆแตกออกช้าๆ
คลืนนนน….ร่างของอสูรแมงมุมน้ำแข็งสลายหายไปทีละน้อยจนตรงหน้าไป๋จูเหวินเหลือเพียงแก่นอสูรของแมงมุมน้ำแข็งเท่านั้น นั่นหมายความว่ามันตายไปแล้วนั่นเอง
“คุณชาย…”หงเยว่มองฝุ่นผงที่แต่เดิมคือร่างของอสูรแมงมุมน้ำแข็งพลางเดินเข้าไปหยิบแก่นอสูรของมันมาช้าๆ นางเองก็ไม่ทราบว่าทำไมไป๋จูเหวินถึงถูกอสูรแมงมุมน้ำแข็งเรียกว่านายหญิง แต่นางเห็นได้ชัดว่าอสูรแมงมุมน้ำแข็งผ่อนคลายลงหลังจากที่ไป๋จูเหวินมาถึง
“ไปกันเถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางลุกขึ้นยืน ไม่คิดเลยว่าการเดินทางมาเขตอสูรถ้ำกระจกเงาในครั้งนี้จะทำให้มันเจอเรื่องน่าเศร้าเช่นนี้
“คุณชาย นี่มัน…”หงเยว่ที่เข้าไปเก็บแก่นอสูรมามองไปที่ภายในถ้ำน้ำแข็งทำให้นางเห็นเงาสีฟ้าใสเงาหนึ่งจากภายในถ้ำที่อสูรแมงมุมเคยอยู่ ทำให้นางลองเดินไปตรวจสอบดูก่อนที่จะออกจากถ้ำน้ำแข็งไป
“มีอะไรงั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองหงเยว่ที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่ภายในถ้ำ
“ไข่เจ้าค่ะ”หงเยว่ว่าพลางอุ้มลูกบอลน้ำแข็งขนาดเต็มโอบมาทางไป๋จูเหวิน
“ไข่ของอสูรแมงมุมน้ำแข็งงั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วพลางมองไข่น้ำแข็งในมือของหงเยว่อย่างประหลาดใจ
“น่าจะใช่นะเจ้าคะ นางคนไข่เอาไว้ก่อนตาย”หงเยว่ตอบพลางมองไปรอบๆ น่าเสียดายที่เวลาอสูรตายแล้วจะไม่เหลือร่องรอยอะไรเลยนอกจากแก่นอสูร เพราะถ้ามีร่องรอยของตัวผู้ที่ผสมพันธุ์กับนางก็คงยืนยันได้ทันทีว่าไข่ฟองนี้เป็นของนาง เพราะการให้กำเนิดบุตรแต่ละครั้งของอสูรแมงมุมจำเป็นต้องใช้แก่นอสูรของอสูรแมงมุมตัวผู้เพื่อที่จะสร้างไข่ของอสูรแมงมุมได้ พูดง่ายๆก็คือพวกนางต้องฆ่าคนรักเพื่อนำแก่นอสูรมากินเพื่อออกไข่นั่นเอง แม้จะฟังดูน่าเศร้าแต่มันกึคือชะตากรรมของอสูรแมงมุม
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ ตัวแม่ก็ตายไปแล้วด้วย”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไข่ในมือของหงเยว่
“ข้าฟักได้เจ้าค่ะ ถึงจะเป็นคนละสายพันธุ์ แต่หากอยู่ในมิติของข้าก็สามารถฟักได้”หงเยว่ว่าพลางมองไข่ในมือ แม้จะแทบมั่นใจได้เลยว่าเป็นไข่ของอสูรแมงมุมน้ำแข็ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไข่ของอสูรน้ำแข็งชนิดอื่นไม่ได้เลย
“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากด้วยแล้วกัน”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางมองไข่ในมือของหงเยว่ แม้จะพบกันเพียงพริบตาเดียวแต่ก็รู้สึกผูกพันกับอสูรแมงมุมน้ำแข็งไปแล้ว อาจจเพราะมันเรียกตนว่านายหญิงก็เป็นได้ จะปล่อยให้มันลูกของมันตายก็คงไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้ว
“เจ้าค่ะ”หงเยว่ตอบรับพลางนำไข่เข้าไปในมิติของนางก่อนจะยื่นแก่นอสูรของแมงมุมน้ำแข็งให้กับไป๋จูเหวิน
คลืนนน..เสาน้ำแข็งเมื่อไร้พลังของอสูรแมงมุมน้ำแข็งก็เริ่มสูญเสียพลังของเขตอสูรไปอย่างรวดเร็ว อากาศที่แต่เดิมหนาวเหน็บเริ่มเปลี่ยนเป็นอุ่นขึ้นอย่างมาก กว่าไป๋จูเหวินจะเดินทางออกมาจากถ้ำป่าน้ำแข็งก็เริ่มละลายกันหมดจนไม่สามารถสะท้อนเงาเช่นขามาได้อีกแล้ว
ตูม!! ไป๋จูเหวินซัดฝ่ามือทำลายก้อนน้ำแข็งที่เริ่มตกลงมาอย่างรวดเร็ว ท่าทางการอยู่ที่นี่ต่อไปจะไม่ใช่เรื่องดีอีกแล้ว ไป๋จูเหวินมองไปข้างบนพลางใช้ฝ่ามือเพลิงพิโรธทำลายเสาน้ำแข็งที่เริ่มละลายแล้วอย่างง่ายดาย
“หงเยว่ พาพวกเราออกไป”ไป๋จูเหวินสั่งพลางชี้ไปทางเพดานที่มันพึ่งพังไป ทำให้หงเยว่รีบกลายร่างเป็นแมงมุมแล้วพาไป๋จูเหวินและหลินหลินขึ้นไปเหนือป่าน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ด้วยขาทั้ง 8 ข้างของนางทำให้สามารถเดินทางลงมาจากเขาได้อย่างรวดเร็วก่อนที่น้ำแข็งจะละลายจนหมด
ซ่า… กว่าไป๋จูเหวินจะออกมาพ้นจากเขตอสูร เสาน้ำแข็งจำนวนมากก็ละลายจนทำให้เกิดหิมะถล่มกวาดเอาเสาน้ำแข็งลงมาที่ตีนเขาจนหมด เท่านี้ก็เหลือแต่ปล่อยให้มันละลายเท่านั้นเขตอสูรถ้ำกระจกเงาก็จะหายไป
“กลับไปที่นครร้อยแปดอสูรกันเถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบแผ่นหลังของหงเยว่เบาๆ ทำให้นางพยักหน้าช้าๆก่อนจะเริ่มเดินทางในทันที
.
.
ฟุบ! ในขณะนั้นบนยอดเขาหิมะที่อยู่ห่างจากเขตอสูรถ้ำกระจกเงาไปหลายพันหลายหมื่นกิโลกลับปรากฏร่างของชายคนหนึ่งกำลังทะยานผ่านพายุหิมะราวกับวิ่งเล่นบนทุ่งหญ้าไม่มีผิด ร่างของมันทะยานผ่านชั้นหิมะหนาโดยไม่มีแม้แต่รอยเท้าด้วยซ้ำ
ร่างของชายหนุ่มหยุดลงที่หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางพายุหิมะพอดิบพอดี เพียงแต่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ได้จุดกองไฟกันหนาวเลยแม้แต่น้อยเพราะมันคือหมู่บ้านร้างนั่นเอง สภาพของหมู่บ้านที่ชายหนุ่มมาถึงนั้นมีเพียงเศษศากบ้านที่ไม่มีใครอยู่มานานแล้ว แถมกว่าครึ่งหลังยังจมลงไปในหิมะกันหมดอีกต่างหาก
ครืดดด ชายหนุ่มดันประตูไม้เก่าๆของบ้านหลังหนึ่งเข้าไปอย่างช้าๆ พลางมองดูภายในบ้านด้วยดวงตาหม่นหมอง
“…..”ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างพลางมองภาพตรงหน้า ทั้งๆที่ภายนอกสภาพบ้านดูแทบไม่ได้เลยแท้ๆ แต่ภายในบ้านกลับสะอาดเอี่ยมราวกับพึ่งมีคนมาทำความสะอาดไป แน่นอนว่าไม่ใช่ฝีมือของชายหนุ่มแน่ๆเพราะมันพึ่งมาถึงไม่นานนี้เอง
“มันกลับมา”หยงเวยว่าพลางกำหมัดแน่น ตลอดหลายปีในวัยเด็กของหยงเวยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ โดยมีอสูรจิ้งจอกเข้ามาแฝงตัวเป็นแม่ของมัน
กึก…อยู่ๆที่ด้านหลังของหยงเวยก็ปรากฏเงาร่างของหญิงสาวรูปโฉมงดงามคนหนึ่ง นางเดินผ่านพายุหิมะด้วยเสื้อผ้าธรรมดาๆและนางเองก็แทบไม่ได้ทิ้งรอยเท้าเอาไว้บนหิมะเลย
“หยงเวย…”หญิงสาวคนนั้นพูดพลางเบิกตากว้าง นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นหยงเวยอีกในชีวิตของนาง
“ฆ่า…”ในหัวของหยงเวยปรากฏเสียงของมารอีกครั้ง แต่คราวนี้หยกเวยไม่ได้โจมตีอย่างบ้าคลั่งอีกแล้ว
“ไม่คิดเลยว่าพอกลับมาจะเจอเลย”หยงเวยว่าพลางชักดาบออกมาช้าๆ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามันใช้ชีวิตอยู่กับมารมาเป็นเวลานาน เรียกได้ว่าพอจะคุ้นเคยบ้างแล้วก็ได้
“หยงเวย เจ้าฟังแม่ก่อน”อสูรจิ้งจอกว่าพลางพยายามห้ามเพราะเห็นหยงเวยชักดาบออกมาจากฝัก
“เจ้าไม่ใช่แม่ของข้า”หยงเวยคำรามพลางพุ่งเข้าใส่อสูรจิ้งจอกอย่างรวดเร็ว
ฟุบ!! อสูรจิ้งจอกกลายร่างเป็นจิ้งจอกสีขาวในทันทีก่อนจะหันหลังวิ่งหนีอย่างรวดเร็วทำเอาแม้แต่หยงเวยยังต้องตะลึง ด้วยพลังมารของมันในยามนี้หากเทียบกับมนุษย์แล้วมันแทบจะก้าวขึ้นมาอยู่ระดับก่อกำเนิดพลังเซียนในพริบตาเดียวเลยก็ว่าได้ แต่อสูรจิ้งจอกที่เคยหลอกว่าเป็นมารดาของมันกลับยังไวกว่ามันเสียอีก
“อย่าหนีนะ”หยงเวยคำรามพลางกำด้ามดาบแน่น มันทะยานตามร่างของอสูรจิ้งจอกไปอย่างรวดเร็ว
ฟุบ!!! ผลัก!! ขณะกำลังตามล่าอสูรจิ้งจอกอยู่นั้นอยู่ๆก็มีอสูรอีกตนพุ่งออกมาจากเงาของต้นไม้
“แก กล้าทำร้ายนายหญิง”เสียงคำรามของกวางป่าขนาดใหญ่ทำเอาหยงเวยเบิกตากว้าง เมื่อครู่มันโดนกระแทกใส่จนร่วงลงไปกองกับพื้นเลย เจ้ากวางนั่นเร็วมาก
“ตายซะ”หยงเวยคำรามพลางหวดดาบในมือใส่อสูรกวางตรงหน้า พริบตานั้นร่างกายของมันก็ปรากฏเกราะมรกตเช่นเดียวกับที่เคยทำตอนสู้กับพวกไป๋จูเหวินขึ้นมา
ตูม.. เขาของกวางอสูรกระแทกจนเกราะมรกตของหยงเวยพังเละไม่มีชิ้นดี ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเพิ่มพลังขึ้นมาระดับนี้แล้วมันยังไม่สามารถตามล้างแค้นอสูรจิ้งจอกตนนี้ได้เลย
“หยุด”ขณะที่อสูรกวางกำลังจะซ้ำหยงเวยให้ตาย อยู่ๆอสูรจิ้งจอกที่หนีไปก็กลับมาพร้อมห้ามกวางอสูรเอาไว้
“อย่าทำร้ายเขา”อสูรจิ้งจอกว่าพลางกลายร่างเป็นมนุษย์ มันยังใช้ใบหน้าที่เคยหลอกว่าเป็นมารดาของหยงเวยไม่มีผิด นางอุ้มร่างของหยงเวยขึ้นพลางขึ้นไปนั่งบนหลังของกวางอสูร
“หยงเวยลูกแม่”อสูรจิ้งจอกว่าพลางมองหยงเวยด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย แรงกระแทกเมื่อครู่ทำเอาหยงเวยสลบไปในทีเดียวนั่นเพราะอสูรกวางเป็นเป็นอสูรที่แข๋งแกร่งที่สุดในภูเขาแห่งนี้รองจากนางเท่านั้น มันมีพลังระดับอสูรขั้นตำนานเลยทีเดียว แม้หยงเวยจะมีพลังมากขึ้นเพราะพลังมารแล้วแต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกวางอสูรอยู่ดี