บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 216 เจ้าบอกข้าว่านี่คือระดับสร้างฐานหรือ
บทที่ 216 เจ้าบอกข้าว่านี่คือระดับสร้างฐานหรือ
ช่วงที่เสิ่นเทียนจนปัญญาอยู่ในใจนั้น ข่งเมิ่งที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นมา “ทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วง”
ข่งเมิ่งยิ้ม “ด้วยศักยภาพของสหายเสิ่น แม้จะเจอศัตรูแข็งแกร่งระดับดวงจิตดรุณหลายคนจริงๆ ก็ยังมีความมั่นใจที่จะถอยหนีมาได้ กลับกัน หากทุกท่านตามสหายเสิ่นไป ตอนนั้นก็อาจจะทำให้สหายเสิ่นต้องเบนความสนใจมาดูแล หากทุกท่านเป็นห่วงสหายเสิ่นจริงๆ ก็ทำตามที่สหายเสิ่นบอกเถอะ!”
คำพูดของข่งเมิ่งทำให้เสิ่นเทียนกดถูกใจอยู่ข้างใน เป็นนกเครื่องมือดีจริงๆ!
พูดความในใจเขาออกมาหมดทั้งใจข้าเลย!
แม้คำพูดของข่งเมิ่งจะรุนแรงไปบ้าง แต่ก็เป็นความจริง ทุกคนครุ่นคิดสักครู่แล้วก็ใจเย็นลง
กุ้ยกงกงถอนหายใจ “เฮ้อ บ่าวแก่แล้ว เป็นที่บังลมบังฝนให้องค์ชายอีกไม่ได้จริงๆ ขอให้องค์ชายไปทำภารกิจนี้อย่างระมัดระวังด้วย ให้ความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก อย่าเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด บ่าวจะสวดขอพรพระสนมหลานจากในหุบเขามังกรศักดิ์สิทธิ์ หวังว่าดวงวิญญาณพระสนมจะปกป้ององค์ชาย”
ข่งเมิ่งยิ้ม “เป็นบ่าวที่มีใจภักดี หาได้ยากจริงๆ เจ้าวางใจเถอะ! ข้าจะตามองค์ชายของเจ้าไปด้วย”
เจ้า…จะตามข้าไปด้วยหรือ
เสิ่นเทียนเบนสายตามองข่งเมิ่ง เหม่อลอยนิดๆ
ข่งเมิ่งยิ้ม “มีอะไรรึ สหายเสิ่นสงสัยในศักยภาพของข้าหรือ”
แสงเทพห้าสีขยับประกาย พัดแสงเทพปรากฏขึ้นในมือนาง “ถ้าเป็นเพียงวิญญาณมรณะระดับดวงจิตดรุณก็ทำอะไรข้าไม่ได้”
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนจากตัวข่งเมิ่งแล้ว เสิ่นเทียนแอบพยักหน้า
ต้องบอกว่าศักยภาพของข่งเมิ่งตอนนี้เรียกได้ว่าแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เป็นกำลังเสริมที่ดี
“ช่างเถอะ ในเมื่อเช่นนั้น แซ่เสิ่นก็ขอขอบคุณท่านเซียนแทนศิษย์น้องฝ่ายข้าด้วย!”
เสิ่นเทียนส่งสายตาซาบซึ้งใจให้ข่งเมิ่ง จากนั้นพูดกับฉินอวิ๋นตี๋ต่อ “ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ จำที่ข้ากำชับเอาไว้นะ หากในสิบสองชั่วยามข้ายังไม่ติดต่อมา ให้แจ้งคนที่ติดต่อได้ทั้งหมดให้ออกจากสนามรบทันที!”
ฉินอวิ๋นตี๋พยักหน้าด้วยความจำใจ “อวิ๋นตี๋เข้าใจ ขอให้ศิษย์พี่รักษาตัวด้วย!”
ตอนนี้ทุกคนมองเสิ่นเทียน แอบแค้นที่ตัวเองมีศักยภาพที่ไม่แข็งแกร่งพอ หากมีกำลังแข็งแกร่งพอก็จะได้สู้เคียงบ่าเคียงไหล่เสิ่นเทียน!
ไม่ใช่มองเผ่านกยูงจากดินแดนทักษิณไปร่วมรบกับเสิ่นเทียน
โดยเฉพาะเซียวหลิง ตอนนี้ความคิดที่จะแข็งแกร่งขึ้นหยั่งลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ปลุกตื่นขึ้นมาทั้งหมด
มีเพียงแข็งแกร่งพอถึงจะได้ร่วมรบเคียงข้างเสิ่นเทียน!
ส่วนหลี่เหลียนเอ๋อร์ไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไร เพียงแค่กอดกระถางดอกไม้ ยืนพูดงึมงำอยู่ข้างๆ อย่างว่าง่าย
นางกำลังสวดภาวนาให้เสิ่นเทียน
นางเชื่อว่าพี่เสิ่นจะต้องเอาชนะศัตรูในหุบเขามารโลหิตได้อย่างแน่นอน
ถึงอย่างไรในใจหลี่เหลียนเอ๋อร์ เสิ่นเทียนก็เป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่แทบจะไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้แล้ว!
…………
ทุกคนในถ้ำมังกรศักดิ์สิทธิ์ปิดพลังจิตสื่อสาร ก่อนจะเริ่มฝึกฝนอย่างสุดชีวิตยิ่งกว่าเดิม
ทางด้านเสิ่นเทียนกับข่งเมิ่งมองตากันและเริ่มมุ่งหน้าไปยังหุบเขามารโลหิตด้วยความเร็วสูงสุด ความเร็วเพิ่มถึงขีดจำกัด
การเร่งเดินทางตามอำเภอใจบนสนามรบเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ถึงอย่างไรที่นี่ก็มีกฎเกณฑ์ที่ปั่นป่วน ทุกที่มีแต่ศัตรูที่แข็งแกร่ง
แม้ตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาพิเศษ วิญญาณมรณะระดับดวงจิตดรุณขึ้นไปแทบจะมุ่งหน้าไปยังใจกลางสนามรบ แต่วิญญาณมรณะระดับแก่นพลังทองก็มีอยู่มากมาย
เสิ่นเทียนกับข่งเมิ่งบุกไปตลอดทาง สังหารวิญญาณโหดเหี้ยมที่ขวางทางไปไม่ต่ำกว่าร้อยตัว
ส่วนใหญ่ในนั้นเป็นวิญญาณมรณะหัวกะทิเทียบเท่าแก่นพลังทอง เพราะถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ขวางทางสองคนได้เลย
ทว่าแม้แต่วิญญาณมรณะระดับแก่นพลังทอง เมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเทียนกับข่งเมิ่งก็ยังอ่อนแอราวกับกระดาษ
ข่งเมิ่งสาดแสงเทพห้าสีไปจะปราบวิญญาณมรณะแก่นพลังทองได้หลายตัว
เสิ่นเทียนทุบค้อนม่วงทองไปทีหนึ่ง จะบดวิญญาณมรณะแหลกเป็นเสี่ยงๆ ได้
สองคนบุกทะลวงไปอย่างบ้าคลั่ง เหมือนใส่ชุดในตำนาน ‘หนึ่งดาบดาเมจ999’ บนสนามรบบรรพกาลที่มีอันตรายอย่างยิ่ง
จนสุดท้ายสองคนผ่านไปที่ใด วิญญาณมรณะก็ไม่กล้าโจมตีแล้ว
เจ้าสองคนนี้โหดกว่าวิญญาณเหี้ยมโหดอีก!
…..
ภายใต้การนำทางของข่งเมิ่ง เสิ่นเทียนมาถึงหุบเขามารโลหิตอย่างราบรื่น
นี่เป็นเทือกเขาสูงเสียดเมฆ บนยอดเขาปักเข้าไปกลางเมฆนภาสีโลหิตนั้น
เล่าลือว่าในเมฆนภาสีโลหิตนั้นแฝงไว้ด้วยสิ่งประหลาด หากปนเปื้อนจะธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่ายมาก
ดังนั้นผู้ฝึกฝนในสนามรบบรรพกาล ปกติจะเลือกข้ามผ่านหุบเขาตรงกลางเทือกเขาไป
“นี่คือหุบเขามารโลหิต!”
ข่งเมิ่งมองหุบเขาไกลๆ พลางพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ตอนเราผ่านหุบเขานี้ก็เจอมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณตัวหนึ่ง เพียงแต่ว่าเราห้าคนร่วมมือกัน มารโลหิตนั้นเลยถูกฆ่า ไม่นึกเลยว่าจะยังมีอีก!”
เสิ่นเทียนครุ่นคิด “เรื่องผิดปกติจะต้องมีคนบงการอย่างแน่นอน แซ่เสิ่นมีอุบายเอาตัวรอด จะเข้าไปสำรวจทางก่อน รบกวนท่านเซียนซ่อนในเงามืดคอยคุมสถานการณ์ให้แซ่เสิ่น จะต้องดูความปลอดภัยของตัวเองด้วย ถ้าเรื่องไม่เป็นอย่างที่คิด เจ้าก็หนีทันทีเลย อย่าบุ่มบ่ามออกมือช่วยข้าเด็ดขาด”
เสิ่นเทียนพูดจริงใจมาก ถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งเคยพบผู้มีมหาดวงชะตาวงรัศมีที่มีสีม่วงเป็นครั้งแรก
ผักกุยช่ายระดับสุดยอดเช่นนี้ไม่อาจประเมินค่าได้ เสิ่นเทียนย่อมรักษาไว้ดีๆ ไม่ยอมให้เกิดเหตุไม่คาดคิด
นี่สหายกำลัง…เป็นห่วงข้าหรือ
ดวงตาข่งเมิ่งเปล่งประกายผิดปกติ ใบหน้าเผยรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว
รู้ทั้งรู้ว่าหุบเขามารโลหิตอาจจะมีอันตราย ตนก็ยังบุกเข้าไปเสี่ยงอันตรายคนเดียว
โอรสสวรรค์ผู้กล้าหาญและอ่อนโยนเช่นนี้สิถึงจะมีสิทธิ์เป็นพันธมิตรของเผ่าเทพนกยูงข้า!
สหายเสิ่นวางใจเถอะ ถ้าเจ้าเจออันตราย ข่งจะไม่นิ่งดูดายเด็ดขาด!
ข่งเมิ่งแอบตัดสินใจเงียบๆ ก่อนจะพยักหน้า “สหายวางใจ ข้าดูแลตัวเองได้”
เสิ่นเทียนพยักหน้าและสวมหน้ากากขนหงส์เพื่อเก็บกลิ่นอายพลังทั้งหมด จากนั้นบินไปในหุบเขามารโลหิตช้าๆ
…..
ต้องบอกว่าหุบเขามารโลหิตนี้เป็นดินแดนอันตรายจริงๆ สองข้างทางเป็นหุบเหวหมื่นจั้ง นกบินยังผ่านไปยาก
มีเพียงสองข้างเส้นทางที่เชื่อมสนามรบจากข้างในและนอกที่ผ่านไปได้ หากโดนคนปิดล้อมกลางหุบเขา ก็แทบจะไม่มีโอกาสรอดเลย
เสิ่นเทียนคลำเข้าไปในหุบเขาอย่างระมัดระวัง ที่นี่ไม่ได้เป็นแดนรกร้างเหมือนที่อื่นๆ ในสนามรบ แต่มีวัชพืชพุ่มไม้สีดำขึ้นเต็มไปหมด
เขาเดินทางไปในหุบเขาอย่างเร็วไว ทั้งซ่อนตัวและค้นหาเป้าหมายอย่างละเอียด
ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ไม่นานเสิ่นเทียนก็มาอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งกลางหุบเขา พบมารโลหิตกำลังสัปหงก
มารโลหิตนี้มีความสูงสิบกว่าจั้ง เสียงกรนดั่งฟ้าผ่า สั่นสะเทือนหินแตกข้างๆ สั่นไหว
ร่างมันออกเป็นสีแดงกึ่งโปร่งแสง จะเห็นร่างคนในท้องรางๆ…กับร่างเงานก
เพียงแต่ว่าทุกร่างเงาถูกเชือกสีแดงมัดไว้ให้ตกอยู่ในสภาวะหมดสติ เห็นได้ชัดว่าสิ้นแรงต่อต้านไปแล้ว
‘นี่คือมารโลหิตหรือ’
เสิ่นเทียนครุ่นคิด ‘สัตว์ประหลาดระดับดวงจิตดรุณไม่ได้ฆ่าง่ายๆ จริงๆ’
ถึงอย่างไรสัตว์ประหลาดที่แกร่งที่สุดที่ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนอาศัยกำลังรบตัวเองสังหารได้ก็มีเพียงเถาจองจำเซียนระดับแก่นพลังทองเท่านั้น
ระดับดวงจิตดรุณที่แข็งแกร่งกว่า ปกติจะใช้วิญญาณกระบี่ในป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่โจมตี แต่ในสนามรบนี่ใช้ไม่ได้
ไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ที่มากพอมาวิเคราะห์ จะรับมือกับมารโลหิตนี่ได้หรือไม่ เสิ่นเทียนไม่มีความมั่นใจจริงๆ
และที่สำคัญที่สุดคือเสิ่นเทียนมักจะรู้สึกว่าหุบเขามารโลหิตนี่ไม่ธรรมดา อาจจะไม่ได้มีแค่มารโลหิตตัวเดียว ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือจัดการมารโลหิตนี่ให้เร็วที่สุด จากนั้นพาทุกคนออกไป
ยิ่งอยู่นานเท่าไรก็อาจจะอันตรายมากเท่านั้น!
…….
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็เก็บกลิ่นอายพลังเงียบๆ และอ้อมมาข้างหลังมารโลหิต
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย คัมภีร์คบเพลิงรวมกับหน้ากากขนหงส์ ทำให้ประสิทธิภาพการเก็บกลิ่นอายพลังไร้พ่ายจริงๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับมารโลหิตที่กำลังสัปหงก เสิ่นเทียนก็ชักสมบัติวิญญาณกระบี่วารีครามออกมาช้าๆ
‘ดูวิชาออกกระบี่ตัดฟ้าของข้า!’
เสิ่นเทียนตะโกนในใจ ทั่วร่างแผ่พลังที่จูนิเบียว…แค่กๆ พลังที่รุนแรงอย่างยิ่งออกมา พุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้า
เส้นผมเขาปลิวไสวแม้ไร้สายลม ถูกไอกระบี่ซัดสาดโบกสะบัด
ไอกระบี่สีโลหิตส่องแสงพร่างพราวยาวสิบกว่าจั้งพุ่งออกมาจากกระบี่วารีคราม ก่อนจะฟันเข้าที่ศีรษะของมารโลหิต
อู้~
มารโลหิตพลันลืมตาขึ้น
มันรู้สึกถึงอำนาจคุกคามมาจากข้างหลังก้น
บัดซบ ไม่อยากเชื่อว่าจะมีศัตรูลอบมาข้างหลังก้นข้า เจ้าเล่ห์!
มารโลหิตรีบหมุนตัวกลับมา เตรียมจะจับผู้ลอบจู่โจมกล้าหาญนี่ยัดเข้าไปในท้อง!
น่าเสียดายก็แต่กระบี่ของเสิ่นเทียนรวดเร็วยิ่ง เมื่อมารโลหิตหันกลับมา ไอกระบี่สีโลหิตส่องแสงนั้นก็ฟันเข้าที่คอมันแล้ว
พรวด~!
แรงต่อต้านแข็งแกร่งส่งมาจากกระบี่วารีคราม
คอมารโลหิตดูเหมือนกับของเหลวสีโลหิต แต่กลับมีกำลังป้องกันค่อนข้างน่ากลัวเลย
ทันทีที่กระบี่วารีครามฟันเข้าที่คอมารโลหิตก็เหมือนถูกติดหนึบ ทั้งเล่มกระบี่ถูกของเหลวโลหิตดูดเอาไว้
“ในที่สุดก็มาแล้วรึ”
มีดวงตาภายใต้ชุดคลุมดำสว่างขึ้นตรงเงามืด
เขามองเสิ่นเทียนเชิงหยอกล้อก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ไม่อยากเชื่อว่าจะเล่นลอบกัด น่าเสียดาย ถึงมารโลหิตจะดูสร้างมาจากน้ำเลือด แต่การป้องกันไม่ได้โจมตีง่ายขนาดนั้น…”
เฮยหยวนยังเอ่ยไม่จบ ก็พบว่าไอกระบี่สีโลหิตในมือเสิ่นเทียนสว่างขึ้นอย่างมาก ก่อนจะฟันคอมารโลหิตขาดเป็นสองท่อน
ศีรษะสีโลหิตใหญ่ร่วงลงมาจากร่างมารโลหิต ทำให้พื้นสั่นสะเทือนสามครั้ง
หลังจากเสิ่นเทียนฟันร่างมารโลหิตขาดแล้วก็ยังไม่หยุด แต่เปลี่ยนเป็นกระบี่วารีครามไอกระบี่สี่สิบเมตรคว้านท้องมารโลหิต
ซวก~!
ศีรษะถูกฟันขาดร่วง การป้องกันของมารโลหิตเหมือนจะลดลงไม่น้อย
กระบี่ของเสิ่นเทียนคว้านท้องมันได้ง่ายมาก ผ่าออกเป็นรูใหญ่ยาวสิบกว่าเมตร
“หมื่นกระบี่หวนคืน!”
เสิ่นเทียนเผยอมุมปากนิดๆ เกิดปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาขึ้นข้างหลังรางๆ
เขาใช้นิ้วเป็นกระบี่ อัสนีเทพธาตุทองลำดับเจ็ดเป็นร้อยเป็นพันสายกลายเป็นไอกระบี่พุ่งไปในท้องของมารโลหิต
ฉึก~
ฉึกๆๆ~
ฉึกๆๆๆ~
เชือกโลหิตถูกตัดขาด คนที่ถูกขังในท้องมารโลหิตทั้งหมดได้รับการผดุงครรภ์อย่างราบรื่น…แค่กๆ ได้รับการช่วยออกมา
อ้อ ไม่ใช่คนทั้งหมด
ยังมีนกที่งัวเงียตื่นขึ้นมาอีกตัว
เมื่อลืมตาขึ้นจากการหลับใหล เห็นเสิ่นเทียนถือกระบี่หยิ่งทระนงองอาจ จินอวี่ถึงกับมึนงงไปหมด
ข้าไม่ได้โดนมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณจับไว้หรือ เหตุใดถึงถูกช่วยไว้ ระยำ เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงช่วยข้า
ไม่!
เหตุใดคนที่ช่วยข้าถึงเป็นเขา ตอนนี้มีบุญคุณช่วยชีวิตติดตัว แล้วจากนี้จะให้ข้าเผชิญหน้ากับเจ้านี่อย่างไร
จินอวี่สับสนแล้ว ถึงเขาจะมีนิสัยดื้อรั้นโหดเหี้ยมมาแต่เยาว์วัย แต่ก็รู้ว่าการทดแทนคุณคือนกดี
ครั้งนี้ได้รับความอัปยศอดสูในสนามรบบรรพกาล เขาจึงมองเสิ่นเทียนเป็นศัตรูคู่แค้นในชะตาชีวิตไปแล้ว!
สามสิบปีสายน้ำไปทางตะวันออก สามสิบปีให้หลังสายน้ำจะไปทางตกวันตก อย่ารังแกเด็กหนุ่มยากจน เพราะสักวันข้าจะเหนือกว่าเสิ่นเทียน
ถึงตอนนั้นข้าจะต้องเหยียบเสิ่นเทียนไว้ใต้เท้า เหยียดหยามเขา ฉีกเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆ!
เดิมทีนี่คือความคิดในใจจินอวี่ แต่วันนี้เสิ่นเทียนช่วยเขาไว้
นี่มันก็วางตัวไม่ถูกเหมือนกัน!
แม้จินอวี่จะรู้ว่าเจ้านี่ช่วยเพราะศิษย์น้องของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ช่วยเขาก็เป็นแค่เรื่องถือโอกาสลงมือเท่านั้น แต่นี่ไม่ใช่ข้ออ้างที่จินอวี่จะไม่ตอบแทนคุณ เผ่าเทพอินทรีสวรรค์ก็มีบุคลิกของเผ่าเทพ มีความหยิ่งยโสเช่นกัน!
จินอวี่เหม่อมองเสิ่นเทียน มองเขาช่วยศิษย์จากฝ่ายเซียนใหญ่ๆ ออกมา ใบหน้าเขาซับซ้อนขึ้นทีละนิด
เขา สับสนมาก!
แต่ตอนนี้คนที่สับสนในใจที่สุดไม่ใช่จินอวี่ แต่เป็นเฮยหยวนที่ซ่อนในเงามืด
เฮยหยวนมองเสิ่นเทียนออกสองกระบี่ก็ตัดร่างมารโลหิตได้ด้วยความตกใจคางแทบร่วง นั่นคือมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณ!
ลัทธิวิญญาณร้ายของพวกเขาจ่ายอย่างหนักกว่าจะให้เฮยหยวนปราบมารโลหิตระดับแก่งพลังทองในสนามรบบรรพกาลได้ จากนั้นยกระดับเป็นดวงจิตดรุณ
แม้จะเผชิญหน้ากับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณ มารโลหิตก็ไม่ได้ถูกทำลายการป้องกันได้ง่ายๆ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงถูกตัดศีรษะ
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน การป้องกันของมารโลหิตกลับถูกทำลายลงได้ในพริบตา!
หรือก็คือ อานุภาพกระบี่นั้นของเสิ่นเทียนเทียบเท่ากับดวงจิตดรุณ!
เฮยหยวนปวดร้าวแล้ว ไหนบอกว่าพลังบำเพ็ญของผู้ฝึกฝนในสนามรบบรรพกาลจะถูกลดเหลือระดับสร้างฐานไม่ใช่หรือ
เจ้าเรียกนี่ว่าระดับสร้างฐานรึ
ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานบ้านเจ้าสังหารมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณได้ในกระบี่เดียวหรือ
บ้าไปแล้ว!
เมื่อสัมผัสได้ถึงสีหน้าแปลกๆ ของห้าองครักษ์ข้างหลัง เฮยหยวนก็หน้าดำแล้ว เขารู้ว่าเจ้าพวกนี้กำลังคิดอะไรอยู่
เฮยหยวนแค่นเสียงขึ้นจมูก “ไม่ต้องรีบ มารโลหิตไม่ได้จัดการง่ายขนาดนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เล็กจ้อยไม่อาจเทียบกับอุบายของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ได้!”
เฮยหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนหยิบป้ายคำสั่งชิ้นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อและเริ่มบริกรรมคาถาเสียงเบา
ขณะเดียวกัน เสิ่นเทียนตัดเชือกโลหิตบนตัวทุกคนหมดแล้ว ช่วยศิษย์น้องทุกคนไว้ได้
ศิษย์ฝ่ายเซียนที่รอดตายมาได้มองร่างเสิ่นเทียนด้วยความซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว
“เป็นศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ศิษย์พี่เสิ่นสังหารเจ้าปีศาจนี่และช่วยเราออกมา!”
“ศิษย์พี่เสิ่นองอาจมาก ได้ศิษย์พี่เสิ่นช่วย อันตรายเป็นตายครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว!”
“ฮือๆๆ ซึ้งใจมาก! ไม่นึกเลยว่าศิษย์พี่จะมาเสี่ยงอันตรายเพื่อพวกเราจริงๆ!”
“นั่นคือมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณนะ ศิษย์พี่จะต้องต่อสู้อย่างดุเดือดเหนือจินตนาการเพื่อฆ่ามันอย่างแน่นอน นี่มันน่าซึ้งใจยิ่งนัก!”
“ศิษย์พี่เสิ่น ข้าหลันเสียศิษย์สายตรงใหม่แห่งแดนเทวาประกายอรุณ บุญคุณช่วยชีวิตไม่อาจทดแทนได้ ข้ายินดีมอบกายตอบแทนศิษย์พี่!”
“มอบกายรึ ท่านคู่ควรรึ ศิษย์พี่ บุญคุณช่วยชีวิตไม่อาจทดแทนได้ ข้ายินดีเป็นทาสเป็นบ่าวเป็นวัวเป็นม้าติดตามศิษย์พี่ ตอบแทนศิษย์พี่!”
“ข้าด้วย ศิษย์พี่เสิ่น ถึงข้าจะเป็นบุรุษ แต่ขอแค่ศิษย์พี่เอ่ยมา ข้าก็ยินดีจะขึ้นภูเขาดาบลงหม้อน้ำมันแทนศิษย์พี่ เพื่อตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตของศิษย์พี่!”
“ข้าก็เช่นกัน!”
……..
เมื่อเห็นเหล่าศิษย์ฝ่ายเซียนต่างๆ ซาบซึ้งจนหลั่งน้ำตาอยู่รอบกายเสิ่นเทียนแล้ว จินอวี่มีสีหน้าสับสนยิ่งกว่าเดิม
แม้แต่เผ่ามนุษย์เจ้าเล่ห์พวกนี้ยังรู้จักทดแทนคุณ เขาเป็นโอรสสวรรค์แห่งเผ่าพญาอินทรีปีกทองผู้ยิ่งใหญ่ จะตอบแทนคุณด้วยความแค้นได้อย่างไร!
ช่างเถอะ ท่านเซียนข่งเมิ่งพูดไว้ไม่ผิดเหมือนกัน
ใครทำอะไรไว้ก็ให้คนนั้นมารับผิด กรรมที่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก่อไว้ก็ไม่ควรมาลงที่เสิ่นเทียน
ข้าติดค้างชีวิตเสิ่นเทียน ถ้าภายภาคหน้าเอาชนะเสิ่นเทียนได้จริงๆ อย่างมากก็จะไว้ชีวิตเขาสักครั้ง!
เมื่อคิดได้ดังนั้น จินอวี่เหมือนละวางภาระหนักอึ้งบางอย่างในใจลง ก่อนถอนหายใจโล่งอก
เขามองเสิ่นเทียน ก่อนแค่นเสียงขึ้นจมูก “เจ้าคนแซ่เสิ่น อย่าคิดว่าเจ้าช่วยข้าแล้วข้าจะซาบซึ้งใจเจ้า! ภายภาคหน้าเมื่อข้าสำเร็จวิชาขั้นสูง จะต้องเอาชนะ…”
จินอวี่ยังพูดไม่จบก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที “ระวัง!”
เขาพลันกระโจนใส่เสิ่นเทียน แสงทองที่มือขวาเหมือนกับดาบเทพฟันใส่หนวดสีแดงข้างหลังเสิ่นเทียน
ตึง~!
เมื่อไม่มีอาวุธในมือ กำลังรบของจินอวี่จึงลดลงอย่างมาก
ไม่ใช่แค่ฟันหนวดสีโลหิตนั้นไม่ขาด แต่ยังโดนมันมัดมือขวาไว้
จากนั้นมีหนวดพุ่งเข้ามามัดจินอวี่มากขึ้นเรื่อยๆ มัดจนเหมือนกับบ๊ะจ่าง
ตอนที่เห็นมารโลหิตที่ลุกขึ้นมาจากพื้นช้าๆ กระทั่งต่อศีรษะกลับมาแล้ว เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย
มารดานกเถอะ นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน
เหตุใดโดนฟันศีรษะแล้วยังไม่ตาย นี่เจ้าออกของเลือดไม่ลดสินะ!
เสิ่นเทียนเห็นจินอวี่ถูกมัดไว้เป็นก้อนๆ แล้วก็เอามือตบหน้าผากด้วยความจนปัญญา และยังสับสนนิดๆ
โอรสสวรรค์เผ่าอินทรีนี่ดวงซวยจริงๆ เพิ่งถูกช่วยออกมาก็ถูกมัดอีกแล้ว
จะว่าไปตอนนี้ก็ช่วยผู้ฝึกบำเพ็ญเผ่ามนุษย์ออกมาหมดแล้ว
เหลือแค่เจ้านี่ที่ยังต้องช่วยอีกครั้ง
เฮ้อ จัดการยากจริงๆ นะ~
………………………………………..