บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 275-2 เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงผู้ดวงซวย (2)
บทที่ 275 เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงผู้ดวงซวย (2)
เวลาผ่านไปทีละนิด ผีร้ายที่ได้รับการโปรดสัตว์มีมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนพลังชั่วร้าย พลังหยิน พิษร้าย และไฟกรรมที่แผ่ออกมาจากตัวผีร้ายพวกนี้ก็ถูกดูดเข้าไปในถาดวัฏจักรหกมรรค เปลี่ยนเป็นพลังต้นกำเนิดที่บริสุทธิ์ที่สุด
เมื่อดูดพลังต้นกำเนิดเข้ามาเรื่อยๆ พลังที่แผ่มาจากถาดวัฏจักรหกมรรคก็ลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งใหญ่ขึ้น
มีฟ้าผ่าลงมาจากมวลอากาศรางๆ
มองผ่านเขตแดนสรรพสัตว์เท่าเทียมไป ถึงขนาดเห็นประกายสายฟ้ารางๆ
“นี่คือเคราะห์อาวุธเซียน ไม่นึกเลยว่าโปรดสัตว์ผีร้ายพวกนี้จะทำให้ถาดวัฏจักรหกมรรคยกระดับขึ้นไปอีก”
เสียงเฉยชาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดังมาจากสายฟ้าประกายเซียน “ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าต่อกรกับบุตรแห่งโชค ผู้อาวุโสอู๋เซิง เจ้าซวยแล้ว”
ฮิๆๆๆๆๆ~
ทุกคนรู้ว่าคนปกติต้องฝ่าด่านเคราะห์ถึงจะเป็นผู้อริยะได้ เมื่อฝ่าเคราะห์อัสนีสิบสองขั้นถึงจะขึ้นไปเป็นเซียน
และอาวุธเตรียมเซียนจะเป็นอาวุธเซียนก็ต้องฝ่าเคราะห์อัสนีถึงจะสำเร็จเช่นกัน
ในสถานการณ์ปกติ ไม่ว่าจะคนฝ่าด่านเคราะห์หรืออาวุธเตรียมเซียนฝ่าด่านเคราะห์ ก็ต้องเลือกสถานที่ที่ห่างไกลผู้คน เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น และไม่ลากคนอื่นเข้ามาพัวพันด้วย
แต่ตอนนี้พวกเสิ่นเทียนถูกขังอยู่ในเขตแดนสรรพสัตว์เท่าเทียมที่เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงวางไว้ และหากวางเขตแดนสรรพสัตว์เท่าเทียม ผู้วางเขตแดนจะเหมือนหลอมรวมกับเขตแดนเป็นหนึ่งเดียว ไม่อาจแยกออกได้ตลอดเวลา
มีแต่ต้องรอให้เวลาที่กำหนดไว้ตอนแรกสุดสิ้นสุดลงหรือเขตแดนถูกสุดยอดพลังทำลายเท่านั้นถึงจะแก้ได้ นอกจากนี้ไม่มีทางอื่นอีก
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ แม้เขตแดนสรรพสัตว์เท่าเทียมจะมีอานุภาพล้นฟ้า ไม่ว่าในเขตแดนจะมีผู้แข็งแกร่งเท่าไรก็จะถูกกดลงมาอยู่ในระดับพลังเดียวกัน
แต่หากเขตแดนถูกทำลาย พลังในการแว้งกัดเจ้าของก็น่าสะพรึงกลัวสุดขีดเช่นกัน กระทั่งมากพอจะทำให้ผู้อริยะถูกทำลายฐานรากมรรคได้
แต่ในสถานการณ์ปกติ ผู้วางค่ายกลจะไม่คิดรวมเหตุการณ์นี้เข้าไปด้วย
เหตุผลก็ง่ายมาก หากวางค่ายกลสำเร็จ พลังของสี่คนที่วางค่ายกลจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน ก็เหมือนค่ายกลสรรพสัตว์เท่าเทียมที่ขังพวกเสิ่นเทียนไว้ในตอนนี้ ก็ได้สี่ผู้อริยะอย่างอู๋เซิง ชีซา ไพ่จวิน และทันหลางเป็นคนวาง
ชีซา โพ่จวิน และทันหลางเป็นผู้อริยะ ส่วนเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงเป็นถึงระดับเจ้าอริยะที่มากกว่าห้ารอบขึ้นไป
การจะทำลายค่ายกลสรรพสัตว์เท่าเทียมของพวกเขา แม้แต่ราชันอริยะเจ็ดรอบก็อาจจะทำไม่ได้!
………
น่าเสียดายก็แต่อู๋เซิงไม่คาดคิดว่าโชคลิขิตของตนจะโดนเสิ่นเทียนชิงไป
ควรรู้ไว้ว่าคนที่โดนเสิ่นเทียนแย่งโชคลิขิต ตอนนี้ยังไม่มีใครมีจุดจบดีๆ สักคน!
เขายิ่งคาดไม่ถึงว่าถาดวัฏจักรหกมรรคของเสิ่นเทียนโปรดสัตว์ผีร้ายพวกนั้นแล้วจะยกระดับเป็นอาวุธเซียนอย่างแท้จริง
ถึงอย่างไรในโลกบำเพ็ญเซียนระดับล่างที่กฎเกณฑ์ไม่สมบูรณ์ นอกจากอาวุธเซียนพวกนั้นที่ตกลงมาจากโลกเซียนแล้ว อาวุธเซียนที่เลื่อนขั้นขึ้นไปตามธรรมชาติก็มีน้อยมากจริงๆ
ตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้หลายหมื่นปีแล้ว จำนวนของอาวุธเซียนที่กำเนิดจากห้าดินแดนนับนิ้วได้เลย
หากไม่ได้เยี่ยฉิงชางใช้พลังบุญกุศลจากสวรรค์กับพลังต้นกำเนิดที่เกิดจากการสลายผีร้ายหลายหมื่นตัว หลอมรวมถาดวัฏจักรหกมรรคอีกครั้งอย่างลับๆ ต่อให้ครั้งนี้โปรดสัตว์ผีร้ายหลายหมื่นตัวจริงๆ ถาดวัฏจักรหกมรรคก็จะยกระดับได้ยากอยู่ดี
น่าเสียดายก็แต่โลกนี้ไม่มีถ้าหาก ทุกอย่างยังคงเกิดขึ้น
นอกเขตแดนสรรพสัตว์เท่าเทียม อานุภาพแห่งเคราะห์สวรรค์สั่งสมถึงขีดจำกัดแล้ว
เปรี้ยง~
สายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวผ่าลงบนเขตแดนสรรพสัตว์เท่าเทียมจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
เนื่องจากถาดวัฏจักรหกมรรคหลอมมาจากดินบริสุทธิ์วัฏจักร เกิดจากแดนแห่งวัฏจักร ทั้งยังมีบุญกุศลจำนวนมากอยู่ข้างกาย ดังนั้นอานุภาพสายฟ้าจึงไม่ได้เกินจริงไปมาก
สายฟ้าจู่โจมใส่เขตแดนสรรพสัตว์เท่าเทียม เพียงแค่ทำให้เขตแดนสั่นไหวเบาๆ ก็หายไป
ทว่าการโจมตีจากสายฟ้าเคราะห์สวรรค์เหมือนจะไปกระตุ้นให้เขตแดนสรรพสัตว์เท่าเทียมจู่โจมสวนกลับด้วยตัวของมันเอง
ก่อนจะเห็นพระพุทธองค์สีโลหิตลอยขึ้นจากเกราะแสงค่ายกลมหึมาทีละรูป แล้วฟันฝ่ามือใส่เมฆเคราะห์บนฟ้านั้น
บึ้ม~!
ค่ายกลที่สี่ผู้อริยะร่วมมือกันวางย่อมมีอานุภาพแข็งแกร่งที่สุด พลังฝ่ามือของพุทธโลหิตนั้นแข็งแกร่งถึงขีดสุด ถึงขนาดทำลายเมฆเคราะห์บนฟ้าได้ทั้งหมด
เวลานี้ พันธมิตรฝ่ายเซียนในค่ายกลสรรพสัตว์เท่าเทียมมองตาค้างแล้ว
เสิ่นเทียนเอามือตบหน้าผากด้วยความจนปัญญา ไว้อาลัยให้เจ้าพวกอู๋เซิงเงียบๆ
เขาจำได้ดีว่าเถาบางต้นที่ฟาดแส้ใส่เมฆเคราะห์ครั้งก่อนมีจุดจบอนาถเพียงใด
…..
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ หลังจากเมฆเคราะห์ถูกทำลาย ทุกอย่างยังไม่จบสิ้น
อานุภาพสวรรค์ที่น่ากลัวยิ่งกว่ากำลังรวมตัวกัน เมฆเคราะห์สีทองแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก่อตัวขึ้น
เมฆสีทองไม่มีสิ้นสุดบนฟ้าเริ่มหมุนม้วน รวมกัน สุดท้ายก็กลายเป็นร่างมหึมาร่างหนึ่ง
ร่างนี้สวมเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองคำ ทุกส่วนแผ่ความน่าเกรงขามที่ทำให้คนไม่กล้ามองตรงๆ ข้างหลังยังมีสัตว์เทพปัญจธาตุเช่นมังกรเขียวและพยัคฆ์ขาวโอบล้อมไว้
ขณะเดียวกัน อัสนีเทพกำเนิดฟ้าสีทองไร้ที่สิ้นสุดมารวมตัวอยู่ข้างกายร่างนี้ เหมือนกับหอกเทพสังหารอันน่าพรั่นพรึง
“ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นแม่ทัพอัสนีที่รวมขึ้นจากอัสนีเทพกำเนิดฟ้า เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงนี่ซวยแล้ว”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตแสยะปากหัวเราะ เขารู้ถึงอานุภาพของอัสนีเทพกำเนิดฟ้าดีกว่าใคร
มิหนำซ้ำอัสนีเทพกำเนิดฟ้าจากเคราะห์สวรรค์นี้ไม่ใช่อัสนีเทพกำเนิดฟ้าธรรมดา แต่เป็นอัสนีเทพกำเนิดฟ้าสวรรค์ประทาน
ตั้งแต่โบราณมา อัสนีเทพกำเนิดฟ้าปัญจธาตุสวรรค์ประทานแทบจะไม่มีใครควบคุมได้ นั่นคือพลังของสวรรค์ เป็นปฏิปักษ์ต่อภูตผีปีศาจในใต้หล้า
แต่หากมีใครควบคุมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าสวรรค์ประทานได้ ควบคุมสายฟ้าสุดยอดนี้ได้ ก็จะทำให้มารร้ายทุกตนหวาดกลัว
ตอนนี้เคราะห์สวรรค์เหมือนกำลังโกรธพุทธโลหิตจากค่ายกลสรรพสัตว์เท่าเทียมแล้ว ถึงขนาดรวมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าสวรรค์ประทานออกมา
สถิติเช่นนี้นับว่ามีน้อยมาก!
ได้แต่บอกว่าตอนนี้ความซวยมาเยือนเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงแล้ว
……
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นทั้งอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง
หอกเทพทองคำที่รวมขึ้นจากอัสนีเทพกำเนิดฟ้าทุกด้ามพุ่งลงมาราวกับฝนกระหน่ำ
ผุ
ผุๆๆ
ผุๆๆๆ
ยอดค่ายกลที่เดิมทีแข็งแกร่งถูกอัสนีเทพกำเนิดฟ้าสวรรค์ประทานโจมตีใส่ราวกับกระดาษ การป้องกันแทบจะถูกทำลายในพริบตา
ตอนนี้ผิวกายของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกรวมประกายเซียนเมฆเรืองรองขึ้นมาอีกครั้ง สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็หนาขึ้นอีกครั้งเช่นกัน
ผู้สูงศักดิ์และผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฝ่ายเซียนทุกคนที่ถูกกดระดับพลัง ก็เริ่มฟื้นพลังกลับมาแล้ว
ใช่ ค่ายกลสรรพสัตว์เท่าเทียมพังทลายแล้ว!
“อมิตาภพุทธ เกิดอะไรขึ้น!”
เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงและสามผู้อริยะปรากฏกายขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง
พวกเขาสี่คนกระอักเลือดพร้อมกัน ใบหน้าซีดขาวอย่างยิ่ง พลังปราณเดิมเสียหายอย่างหนัก
เดิมทีแค่ฝืนวางยอดค่ายกลสรรพสัตว์เท่าเทียมก่อนวันที่มารสวรรค์พุ่งชนดาวชิกสัวะก็ทำให้สี่คนเสียพลังปราณเดิมอย่างหนักแล้ว
ตอนนี้ยังโดนเคราะห์สวรรค์ทำลายค่ายกลสรรพสัตว์เท่าเทียม ทำให้อาการบาดเจ็บของสี่คนหนักยิ่งไปกว่าเดิม ถึงขั้นบาดเจ็บถึงรากฐาน
เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงมองเคราะห์อัสนีบนฟ้า เขาแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว
เขาคำนวณฟ้าคำนวณดิน ไฉนถึงไม่คำนวณว่าจะเกิดเคราะห์สวรรค์
ก่อนจะก้มหน้ามองเสิ่นเทียนบนพื้น เห็นถาดวัฏจักรหกมรรคข้างกายกับวิญญาณนับไม่ถ้วนข้างถาด เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงถึงกับเสียอาการไปเลย
อาตมาลงแรงลงใจวางหมากรุกฆาตไม่ได้ง่ายๆ แต่กลับโดนเจ้าเด็กนี่แย่งชิงไปหมดหรือ
บัดซบ บัดซบ บัดซบ!
เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงยังไม่ทันโกรธก็หน้าเปลี่ยนสี เพราะเคราะห์สวรรค์โจมตีมาอีกครั้งแล้ว
เคราะห์สวรรค์ไม่ได้หนีง่ายขนาดนั้น โดยเฉพาะเมื่อมีสาวกวิญญาณร้ายที่หลอมสมบัติชั่วร้ายมาสร้างความลำบากให้กับคนอื่น นี่เป็นสิ่งที่เคราะห์สวรรค์เกลียดที่สุด
หากเจอเคราะห์สวรรค์ ก็จะถูกสวรรค์เพ่งเล็งและทำลายล้าง
นี่คือเคราะห์อัสนีที่ถาดวัฏจักรหกมรรคยกระดับเป็นอาวุธเซียนเห็นๆ แต่ว่า…เคราะห์สวรรค์เหมือนจะเบนความสนใจไปที่สี่ผู้อริยะเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงแทน
สายฟ้าสีแดงผ่าลงมาทีละสาย แทบจะไม่ให้เวลาหอบหายใจ ทำให้ผู้อริยะทั้งสี่เป็นบ้า
…..
“ศิษย์น้องหญิงบัวขาว ศิษย์น้องหญิงบัวแดง นี่คืออัสนีเทพกำเนิดฟ้าสวรรค์ประทานหายาก”
ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ “เดี๋ยวข้าจะใช้วิชาดูดซับต้นกำเนิดมาเล็กน้อย ไว้ให้ศิษย์น้องหญิงทั้งสองหลอมรวม
แม้หลังผู้ฝึกบำเพ็ญหลอมรวมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าสวรรค์ประทานแล้วจะเปลี่ยนเป็นต้นกำเนิดอัสนีเทพกำเนิดฟ้ามานะสร้างเอง แต่ก็ยังล้ำค่ายิ่ง หากศิษย์น้องหญิงทั้งสองดูดซับได้หมด ภายภาคหน้าศักยภาพสูงขึ้นฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะ ก็จะมีความมั่นใจเพิ่มมาอีกสามส่วน”
คำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ทั้งสองคนตาเป็นประกายทันที
ต้องรู้ว่าสำหรับผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ระดับความแกร่งของอานุภาพสายฟ้าจะเป็นตัววัดกำลังรบสูงต่ำ
อย่างเช่นจางอวิ๋นซี เดิมทีเป็นเพียงโอรสสวรรค์เจ็ดรอบธรรมดา กำลังรบห่างไกลจากฟางฉาง แต่หลังได้รับต้นกำเนิดอัสนีเทพกำเนิดฟ้ามา นางก็ทะลวงรอบที่แปดอย่างรวดเร็ว กระทั่งในด้านกำลังรบยังตามฟางฉางไปติดๆ
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงไม่ได้ฝึกเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ แต่หากหลอมรวมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าได้มากพอ ก็จะมีโอกาสสูงมากที่จะควบคุมวิชาอัสนีกำเนิดฟ้าได้
ถึงตอนนั้นโอกาสในการฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะจะพุ่งขึ้นสูงจริงๆ
“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวดวงตาแทบจะเปล่งประกายออกมา
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ในใจศิษย์พี่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ยังคงห่วงใยข้า ถึงขนาดช่วยข้าหลอมรวมอัสนีเทพกำเนิดฟ้า
ซาบซึ้งใจจริงๆ~
………
“บัดซบ ต่อให้วันนี้ล้มไม่เป็นท่า อาตมาก็จะไม่ให้เจ้าได้ดีเช่นกัน!”
ตอนนี้เอง เสียงกระหืดกระหอบของเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงดังขึ้นจากความว่างเปล่า “ตัดสังหารเทพอสุรา!”
เมื่อเสียงดังขึ้น ก็พบว่าร่างภูมิฐานของเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงเริ่มมีไฟลุกท่วมทั้งตัว พ่นเปลวไฟสีดำเข้มหนาออกมา
เปลวไฟสีดำที่แทบจะไม่มีสิ้นสุดรวมเป็นดาบเล่มหนึ่ง มวลอากาศตรงคมดาบเหมือนกำลังดับสลาย
วินาทีต่อมา ดาบเทพอสุราสีดำลากผ่านมวลอากาศพุ่งเข้าไปหาเสิ่นเทียน
ความเร็วสูงจนแม้แต่ผู้อริยะยังแทบจะมองตามไม่ทัน
“น่าสนใจ เจ้าหนูนี่ยังมีของอยู่อีกจริงๆ”
เสียงหัวเราะของเยี่ยฉิงชางดังขึ้นในความคิดเสิ่นเทียน “หากเกิดในโลกเซียน เจ้าเด็กนี่จะเป็นเจ้าผู้ปกครองหนึ่งดินแดน”
เพิ่งเอ่ยจบ ห้วงอากาศว่างเปล่าระหว่างเสิ่นเทียนกับดาบเทพอสุรา…ก็พังทลายลง
………………………..