บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 30 เสี่ยวหลิงเซียนมาหาท่านเซียนเสิ่นยามดึก
บทที่ 30 เสี่ยวหลิงเซียนมาหาท่านเซียนเสิ่นยามดึก
ใช่แล้ว
แม่นางที่มาโดยไม่ได้รับเชิญผู้นี้คือเสี่ยวหลิงเซียน
หลังจากเสี่ยวหลิงเซียนหงุดหงิดจากไปเมื่อตอนกลางวัน ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางเชื่อว่า เสิ่นเทียนที่มีอายุไล่เลี่ยกับตนเองจะเป็นถึงปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณ
ต้องบอกก่อนว่าในโลกของการบําเพ็ญเซียน ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นพวกตาแก่ที่มีอายุพอๆ กับวัตถุโบราณ!
หลังจากครุ่นคิด เสี่ยวหลิงตัดสินใจไปตรวจสอบเสิ่นเทียน
นางอยากรู้ว่าเจ้าหมอนี่มีความสามารถจริง หรือแค่หลอกลวงเหมือนกับนางกันแน่
ด้วยเหตุนี้หลังจากเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าแล้ว เสี่ยวหลิงเซียนก็แฝงตัวเข้าไปในฝูงชน
ต้องยอมรับเลยว่าทักษะการแต่งหน้าของเด็กสาวคนนี้สามารถพิชิตผู้ชายได้ในพริบตา
เมื่อเสี่ยวหลิงเซียนเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าให้ดูอัปลักษณ์แล้ว ฝูงชนไม่มีใครจำนางได้แม้แต่คนเดียว
ด้วยวิธีนี้ เสี่ยวหลิงเซียนเดินตามหลังเสิ่นเทียนมาทั้งวันแล้ว
ชั่วโมงแรกที่ดูการเปิดหิน ‘เจ้าหมอนี่ต้องเป็นพวกต้มตุ๋นแน่นอน ต้องเป็นวิชาบังตา’
ชั่วโมงที่สองของการเปิดหิน ‘ถึงขั้นจ้างคนผ่านทางตั้งมากมาย ทักษะการแสดงไม่เลวเสียด้วย!’
ชั่วโมงที่สามของการเปิดหิน ‘ทำไมเถ้าแก่ร้านเหล่านี้ดูไม่เหมือนกำลังแสดงเลย’
ชั่วโมงที่สี่ของการเปิดหิน ‘เจ้าหมอนี่…คงจะไม่ใช่ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณจริงๆ กระมัง!’
ชั่วโมงที่ห้าของการเปิดหิน ‘ให้ตาย ได้แล้ว ได้แล้ว ได้อีกแล้ว!’
……
หลังจากหินแร่ถูกเปิดออกมาทีละก้อนอย่างต่อเนื่อง ผู้มีวาสนาแต่ละคนดีใจจนน้ำตาไหล
ในที่สุดเสี่ยวหลิงเซียนก็ต้องยอมรับ นางเสแสร้งทำเป็นเก่งมาโดยตลอด ส่วนเสิ่นเทียน…
ร้ายกาจของจริง!
ดังนั้นนางจึงค่อยๆ ถูกผู้มีวาสนาที่อยู่รอบตัวล้างสมองทีละนิด และอดไม่ได้ที่จะเข้าร่วมลัทธิปรมาจารย์เซียนด้วย!
อย่างไรเสีย ‘ซื้อหินแร่วิญญาณตามท่านเซียน ปีหน้าตำหนักเซียนอยู่ใกล้มหาสมุทร’ คำกล่าวประโยคนี้ก็มีแรงดึงดูดมากเกินไป
……
“เจ้าคิดจะทำอะไร!”
ครั้นเผชิญหน้ากับคำถามของเสิ่นเทียน เสี่ยวหลิงเซียวไม่ได้ตอบ
นางกล่าวเอาอกเอาใจ “พี่เสิ่นท่านคงเหนื่อยแล้วกระมัง! หลิงเอ๋อร์นวดไหล่ทุบน่องให้ท่านดีหรือไม่”
ในขณะที่พูด เสี่ยวหลิงเซียนนั่งยองลงตรงหน้าเสิ่นเทียน จากนั้น…
เริ่มทุบน่องให้เสิ่นเทียนอย่างเบามือ!
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย รู้สึกสบายจริงๆ!
เสิ่นเทียนสัมผัสความรู้สึกสักพัก ฝีมือนางไม่ได้ด้อยไปกว่ากุ้ยกงกงสักเท่าไร
เพียงแต่ถ้าหากแฟนคลับของนางมาเห็นภาพนี้เข้า เกรงว่าคงไม่รู้ว่ามีกี่คนที่หัวใจต้องแตกสลาย!
“เป็นอย่างไรบ้าง พี่เสิ่น แรงประมาณนี้ได้หรือไม่”
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มที่สดใส ราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน
แต่ว่าในสายตาของเสิ่นเทียน มักจะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลเสมอ
เขาเหลือบมองเสี่ยวหลิงเซียน “เจ้ากำลังคิดจะทำอะไร”
‘เมื่อกลางวันยังด่าข้าว่าสารเลวอยู่เลย พอตอนนี้มาเรียกข้าว่า ‘พี่เสิ่น’ เต็มปากเต็มคำ แถมยังนวดไหล่ทุบน่องให้ข้าเองอีก
ผู้หญิงคนนี้มาเอาอกเอาใจอย่างไร้เหตุผล ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่’
เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่อได้ยินคำพูดของเสิ่นเทียน รอยยิ้มบนใบหน้าของเสี่ยวหลิงเซียนยิ่งดูสดใสมากขึ้น
นางมองเสิ่นเทียนพลางคุกเข่าลงพื้นด้วยความเคารพ “พี่เสิ่นโปรดรับหลิงเอ๋อร์เป็นลูกศิษย์ด้วย!”
……
อะไรนะ!
เจ้าพูดว่าอะไรนะ!
เสิ่นเทียนตกตะลึง “รับเจ้าเป็นศิษย์?”
“ใช่แล้ว!”
เสี่ยวหลิงเซียนเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นเทียน ใบหน้าที่งดงามละเอียดอ่อนของนางเต็มไปด้วยความจริงใจ
“หลิงเอ๋อร์จริงจังนะ! พี่เสิ่นได้โปรดรับหลิงเอ๋อร์เป็นศิษย์ด้วย สอนวิชาค้นวิญญาณประเมินแร่ให้หลิงเอ๋อร์ด้วยเถิด”
ตายๆๆๆ!
ผู้หญิงที่งามเพริศพริ้งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเจ้า ขอให้เจ้ารับนางไว้ เจ้าสามารถทนได้หรือ
ขอเพียงเป็นผู้ชายปกติ ไม่มีใครสามารถทนได้หรอกกระมัง!
แต่ว่าเสิ่นเทียนอดกลั้นเอาไว้ได้
เหตุผลนั้นง่ายมาก
เขามีทักษะค้นวิญญาณประเมินแร่ที่ไหนกันล่ะ
หากรับผู้หญิงคนนี้ไว้ จะให้สอนอะไร เครื่องดนตรีหรือ
ถึงเวลานั้นความไม่แตกหรอกหรือ!
“ข้าปฏิเสธ”
“เพราะเหตุใด” เสี่ยวหลิงเซียนถามด้วยสีหน้าน้อยใจ “หรือเป็นเพราะหลิงเอ๋อร์อัปลักษณ์เกิน พี่เสิ่นเลยไม่สนใจหรือ”
เสี่ยวหลิงเซียนในเวลานี้น้ำตาคลอเบ้า ไม่ว่าใครเห็นแล้วก็ต้องรู้สึกสงสาร จะให้ปฏิเสธลงได้อย่างไร
เสิ่นเทียนฝืนละสายตาไปทางอื่น กล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “แม่นางหลิงเอ๋อร์ ข้ากับเจ้าไร้วาสนาต่อกัน!”
เสี่ยวหลิงเซียนเอ่ยด้วยท่าทางน่าสงสาร “พี่เสิ่น หลิงเอ๋อร์ขอร้อง!”
เวรเอ๊ย ไม่ไหวแล้ว!
เสิ่นเทียนรีบหลับตาลง “เหตุใดแม่นางหลิงเอ๋อร์ต้องทำเช่นนี้ หน้าตาของเจ้าสะสวยขนาดนี้ ต้องมีปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณท่านอื่นรับเจ้าเป็นศิษย์แน่นอน เหตุใดต้องมาฝืนบังคับใจข้าด้วย”
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนหลับตาไม่มองตนเอง ในดวงตาของเสี่ยวหลิงเซียนก็มีความหวังขึ้นมา
นางเบะปาก กล่าวพึมพำว่า “ในสวนหมื่นวิญญาณนี้ยังมีปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณคนไหนที่เก่งกาจกว่าพี่เสิ่นอีก อีกอย่างตาแก่พวกนั้นล้วนแต่หื่นกามทั้งสิ้น หลิงเอ๋อร์ไม่ชอบ”
เสิ่นเทียนจะหัวเราะก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก “แล้วแม่นางหลิงเอ๋อร์ไม่กลัวว่าข้าจะเป็นคนหื่นกามด้วยหรอกหรือ”
ครั้นเห็นเสิ่นเทียนหลับตาปี๋ เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ทนไม่ไหวหัวเราะออกมา
“ฮิๆ คนหื่นกามที่ไหนจะหล่อเหลาเหมือนพี่เสิ่น ถ้ามีจริง หลิงเอ๋อร์ก็ยอม”
เสิ่นเทียนพูดไม่ออก
“อีกทั้งพี่เสิ่นดูแล้วเป็นคนซื่อตรงจริงใจ ต้องเป็นคนดีอย่างแน่นอน ไม่มีทางอาศัยสถานะอาจารย์มารังแกหลิงเอ๋อร์หรอก ใช่หรือไม่อาจารย์”
เสิ่นเทียนอึ้งงัน!
‘ดูแล้วเป็นคนซื่อตรงจริงใจ?
นี่ข้าได้รับการ์ดคนดีหรือ ดูหมิ่นกันเกินไปแล้ว ทั้งที่ข้าคือเจ้าพ่อคาสโนว่าแท้ๆ!
เป็นชายเลวทรามที่มีความรักไปทั่วนับไม่ถ้วน!
คนดีที่สัตย์ซื่อจริงใจ มันไม่ใช่บุคลิกของข้า!’
เสิ่นเทียนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “แม่นางไปเถอะ! ข้าไม่มีทางรับเจ้าเป็นศิษย์!”
“ไม่เอาๆ อาจารย์หล่อเหลาเช่นนี้ ต้องไม่ใช่คนเย็นชาไร้หัวใจอย่างแน่นอน! หลิงเอ๋อร์ตามท่านเปิดหินมาทั้งวัน เหนื่อยมากเลย!”
ครั้นเสี่ยวหลิงเซียนเห็นสีหน้าลังเลของเสิ่นเทียน ก็รีบปูที่นอนบนพื้นในห้องทันที
“ฟ้ามืดแล้ว อาจารย์โปรดให้หลิงเอ๋อร์ค้างคืนที่นี่ได้หรือไม่
ขอบคุณท่านอาจารย์ ราตรีสวัสดิ์ท่านอาจารย์!”
กล่าวจบ เสี่ยวหลิงเซียนก็ห่มผ้าห่มนอนหลับทันใด
ไม่นึกว่านางจะนอนจริงๆ!!!
ขณะมองเสี่ยวหลิงเซียนที่นอนปรือตาอยู่ข้างเตียง เสิ่นเทียนชักโมโห
ยายเด็กนี่เมินคำเขา กล้านอนในห้องเขาเลย?
นี่เป็นการดูถูกที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับผู้ชายสวะเลยชัดๆ!
ดูหมิ่นกันนี่นา!
ก็ได้ เสิ่นเทียนยอมรับการดูหมิ่นของนาง!
“ถึงเจ้าทำเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีทางรับเจ้าเป็นศิษย์แน่นอน!”
เขาไม่ใช่พวกวิปริตที่ใช้ร่างกายช่วงล่างคิดแทนสมอง เวลาเห็นหญิงงามแล้วเดินไปไหนไม่ได้!
เสิ่นเทียนแค่นเสียงฮึ จากนั้นหยิบผ้าห่มอีกผืนออกจากตู้แล้วเดินออกไป
‘คิดจะใช้มารยาล่อลวงข้าหรือ ไม่มีทางเสียหรอก!
เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรอกหรือว่าเจ้ากำลังวางเหยื่อรอให้ข้าทำสิ่งที่ไม่ควรทำ ด้วยโชคชะตาของเรา ถ้าถูกกำจัดจะทำอย่างไร’
สิ่งที่เสินเทียนไม่รู้คือ วินาทีต่อมาหลังจากที่เขาเดินออกจากห้องไป
หญิงสาวที่เดิมทีนอนตัวเกร็งอยู่ในผ้าห่มก็ผ่อนคลายลง
นางลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์และเสียดาย
“ข้ามองไม่ผิดคนจริงๆ ด้วย อาจารย์คือสุภาพบุรุษจริงๆ!”
ฮึ่ม รอก่อนเถอะ! ข้าจะต้องทำให้ท่านรับข้าเป็นศิษย์ให้ได้!
ต้องทำให้ได้!!!”
……
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเสิ่นเทียนออกจากห้อง ก็พบกับขันทีเฒ่าที่กำลังทำหน้าเสียดาย
“องค์ชายหนอองค์ชาย โอกาสดีเช่นนี้ ท่านปล่อยให้ผ่านไปได้อย่างไร!” กุ้ยกงกงกล่าวด้วยสีหน้าเจ็บปวด “ท่านอายุสิบหกแล้ว ต่อให้ไม่เตรียมตัวหาพระสนม ก็ควรจะหัดหาความสุขใส่ตัวบ้างนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เสิ่นเทียนนิ่งงัน
เห็นได้ชัดว่าการที่เสี่ยวหลิงเซียนแอบเข้าห้องของเสิ่นเทียนได้อย่างแนบเนียน ต้องได้รับอนุญาตจากกุ้ยกงกงก่อนแล้วแน่
ไม่เช่นนั้นด้วยพลังบําเพ็ญระดับหลอมปราณขั้นเจ็ดของกุ้ยกงกง ต้องสามารถหยุดเสี่ยวหลิงเซียนได้แน่นอน
สิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนไม่รู้จะทำอย่างไรก็คือ กุ้ยกงกงอยากให้เขาได้ปลดปล่อยด้วยอย่างชัดเจน!
ดังนั้นถึงจงใจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ปล่อยให้เสี่ยวหลิงเซียนเข้าไปยั่วเย้าเสิ่นเทียน
ครั้นนึกถึงตรงนี้ จิตใจของเสิ่นเทียนพังทลายลงแล้ว
‘ว่าแต่โลกบำเพ็ญเซียนของพวกเจ้าเปิดกว้างเช่นนี้ทุกคนเลยหรือ
ตกลงข้าคือผู้เดินทางข้ามภพ หรือพวกเจ้ากันแน่คือผู้เดินทางข้ามภพมา
ทำไมถึงรู้สึกว่ารูปแบบโครงเรื่องมันไม่ถูกกันนะ!’
…………………………………………